ตอนที่ 52 คุ้มค่าต่อการลงทุน
เมื่อเห็นสีหน้าที่ขมขืนของศิษย์น้อง หยางไค่กล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : “ไม่ต้องกังวล ข้าต้องการแต้มแห่งชัยชนะ วางใจ ข้าจะลงมือให้เบาที่สุด รับรองข้าจะไม่ทำให้เจ้าเจ็บปวด”
10 ลมหายใจต่อมา ศิษย์น้องทรุดลงที่พื้น หยางไค่มองไปรอบๆ และเดินจากไป
เซี่ยหนิงฉางที่ยืนอยู่ข้างต้นไม้ เธอมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ดวงตาของเธอหรี่ลงดั่งจันทร์เสี้ยว รอยยิ้มจางๆเผยออมาจากริมฝีปากที่เรียวเล็ก เธอเฝ้าดูศิษย์ที่พ่ายแพ้ติดต่อกันถึง 147 ครั้งค่อยๆ แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอรู้สึกยินดีและรู้สึกถึงความสำเร็จของหยางไค่ แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงของหยางไค่จะไม่เกี่ยวข้องกับเธอ แต่ระยะเวลา 2 ปี เซี่ยหนิงฉางคุ้นชินกับการเฝ้ามองศิษย์น้องคนนี้ เสมือนว่าเธอกำลังปกป้องหยางไค่อย่างเงียบๆ หยางไค่แข็งแกร่ง เซี่ยหนิงฉางจึงรู้สึกมีความสุข
ด้านข้างของคุกคุมมังกร หยางไค่เริ่มต้นฝึกฝนวิชายุทธุ์อีกครั้ง ผ่านไปแล้ว 5 วันตั้งแต่ที่เขาปลูกต้นสามสุริยัน ตอนนี้ต้นอ่อนของมันเติบโตขึ้นอีกประมาณ 1 คืบ มันเติบโตขึ้นทุกๆวันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดในทุกๆวัน จนตอนนี้ จากสายลมโชยผ่านต้นสามสุรยัน ทำให้ดอกของต้นสามสุรยันบานสะพรั่งอย่างสดใส อีกไม่นานต้นสามสุริยันต้องผลิผลออกมาอย่างแน่นอน
ถึงตอนนั้น หยางไค่จะสามารถเด็ดผลของมันกินได้โดยไม่มีใครกล่าวว่า
หลายวันที่ผ่านมา การฝึกยุทธุ์ของหยางไค่ประสบผลความสำเร็จอย่างมาก จุดตันเถียนก่อเกิดหยดน้ำพลังลมปราณหยางจำนวน 1 หยด ทักษะการต่อสู้แห่งกลยุทธุ์หยางมีความก้าวหน้าเช่นเดียวกัน
งานกวาดทำความสะอาดถูกศิษย์น้องคนอื่นๆ อาสาช่วยทำ หยางไค่จึงมีเวลาในการฝึกฝนวิชายุทธุ์มากขึ้น
หยางไค่คอยติดตามความเคลื่อนไหวของหอวายุพิรุณ เพราะเขาฆ่าเฉิงเซาเฟิงและนู่วเต๋า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องขึ้นกับตัวเขาเอง แต่สิ่งที่ทำให้หยางไค่วางใจ คือทางด้านหอวายุพิรุณไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ดูเหมือนว่าหู่เหมยเอ่อก็มิได้ทรยศต่อตัวเขาเอง
สมแล้วที่เขาเชื่อใจสตรีนางนี้
วันนี้คือวันที่ 8 ของเดือน ในที่สุดเขาจะได้รับผลรวมแต้มแห่งชัยชนะทั้งหมด
วันที่ 8 ของเดือนที่แล้ว เขาเพิ่งได้รับร่างกายกระดูกทองคำ ตอนนั้นเขาอยู่ในเขตแดนเริงอารมณ์ขั้นที่ 3 แต่เมื่อผ่านไปอีก 1 เดือน เขตแดนของตนเองมีความก้าวหน้าจนอยู่ในเขตแดนกายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 8 ความรวดเร็วในการฝึกยุทธุ์น่าอัศจรรย์จนมิอาจมีใครเทียบได้ แม้ว่าเหล่าอัจฉริยะใช้ยาวิเศษในการช่วยเหลือ พวกเขาก็ไม่สามารถฝึกยุทธุ์ได้อย่างรวดเร็วเช่นเขา
หยางไค่เดินเข้ามาในหอวิเศษ เหรัญญิกเม้งที่นั่งอยู่หรี่ตาอย่างกะทันหัน เขามองหยางไค่ด้วยสายตาที่ประหลาดใจ หลังจากที่เขาไม่เจอหยางไค่เป็นระยะเวลายาวนาน เขาพบอว่าความแข็งแกร่งของหยางไค่มีความก้าวหน้าอย่างมากถึงมากที่สุด
เขาประหลาดใจเพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะดึงสติของตนเองให้กลับคืนมา มันไมไ่ด้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบเจอ นอกจากนั้น เพราะสายตาของเขามองเห็นศิษย์สาวกทุกคนแห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว ดังนั้นความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของอย่างไค่จึงไม่ทำให้เขาตื่นตกใจ ระยะเวลาการเจริญเติบโตของเยาวชนประกายแพรวพราวอย่างน่าทึ่ง แต่สุดท้ายพวกเขาก็มิอาจประสบความสำเร็จ ฉากเหตุการณ์เช่นนี้ เขาพบเจอจนเคยชิน
“เหรัญญิกเม้ง” หยางไค่กล่าวทักทาย
“มาเพื่อแลกบางสิ่งบางอย่าง?” เหรัญญิกเม้งสังเกตุเขาอย่างละเอียด
อืม เดือนนี้ข้ามีแต้มแห่งชัยชนะจำนวน 50 แต้มใช่ไหม? ”
กวาดทำความสะอาดได้รับแต้มแห่งชัยชนะจำนวน 10 แต้ม ทุกๆวันเอาชนะการประลองยุทธุ์ได้รับแต้มแห่งชัยชนะจำนวน 2 แต้ม เดือนนี้หยางไค่ไม่อยู่ในสำนักเป็นเวลา 3 วัน ดังนั้นเขาประลองยุทธุ์ทั้งหมด 27 ครั้ง แต่ครั้งก่อนหน้าที่เขาดื่มเหล้ากับซู่มู่ พวกเขาถูกพบเจอจากศิษย์แห่งหอจันทรามืดมิดจึงถูกหักแต้มแห่งชัยชนะทั้งหมด 5 แต้ม ดังนั้นเมื่อคิดคำนวน เขาจะได้รับแต้มแห่งชัยชนะทั้งหมด 50 แต้ม
“ถูกต้อง เจ้าต้องการอะไร ?”
“ต้นหญ้าสลายวิญญาน 29 ต้น ดอกสามใบเถา 30 ต้น” เขาไม่ได้ใช้กระถางธูปเป็นเวลานาน เพราะขาดสมุนไพรที่ต้องใช้ กระถางธูปเมื่อใช้ในการฝึกฝนมันไม่ได้ช่วยในเรื่องของพลังลมปราณ แต่มันช่วยในเรื่องของกล้ามเนื้อและความแข็งแกร่งทางด้านร่างกาย
เหรัญญิกมองหยางไค่ด้วยสายตาที่งุนงง ก่อนจะเดินไปยังห้องโถงด้านหลัง และหยิบสิ่งที่หยางไค่ต้องการออกมา
ขณะที่หยางไค่กำลังยื่นมือไปรับ เหรัญญิกเม้งดึงห่อผ้าเข้าไป และกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : “หยางไค่น้อย เจ้าบอกข้าได้ไหม ระหว่างที่เจ้าเข้าไปในเทือกเขาวายุทะมึน เจ้ากินสิ่งใดเข้าไปกันแน่ ?”
เขากำลังสนใจกับความโชคชะตาที่โชคดีอย่างยิ่งของหยางไค่
หยางไค่กล่าวด้วยความอึดอัดใจ : “ข้าก็ไม่ทราบ มันเป็นผลไม้สีแดงสด ข้าหิวมากข้าเลยกินมันเข้าไป”
“ผลไม้สีแดงสด……….ผลไม้สีแดงสด……….‘ เหรัญญิกเม้งครุ่นคิดอย่างรอบคอบ แต่ก็มิอาจคิดได้ว่ามันเป็นผลไม้จิตวิญญานประเภทไหนกันแน่
หลังจากนั้น เหรัญญิกเม้งส่ายหัวไปมา : “ช่างมันเถอะ แต่หลังจากนี้เจ้าคงไม่นำแต้มแห่งชัยชนะมาแลกเปลี่ยนกับยาก้าวข้ามแขตแดนของข้าอีก?”
ที่ผ่านมา แต้มแห่งชัยชนะเพียงน้อยนิด หยางไค่จะใช้อย่างระมัดระวังคิดอย่างรอบคอบและถี่ถ้วน แต่ตอนนี้เขาสามารถใช้มันอย่างที่ต้องการ แต้มแห่งชัยชนะของเดือนนี้เขาใช้มันจนหมด มันไม่เหมือนตัวตนที่ผ่านมาของเขาสักเท่าไหร่
หยางไค่กล่าวด้วยรอยยิ้ม : “คงไม่ มีเพียงความขยันหมั่นเพียรและความพยายามของตนเองจึงจะสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตนเอง นำความหวังของตนเองทั้งหมดมาวางไว้กับขวดยาเพียงหนึ่งขวด ที่ผ่านเป็นเพราะข้าค่อนข้างที่จะโง่เขลาและสิ้นคิด”
หลังจากที่ได้ฟัง เหรัญญิกเม้งจ้องมองหยางไค่อย่างถี่ถ้วน ยิ้มและพยักหน้า : “ไม่เลวไม่เลว เจ้าสามารถมองเห็นและเข้าใจความจริงในจุดนี้ มันเกิดความคาดเดาของข้า หยางไค่น้อย ข้าจะให้คำแนะนำแก่เจ้า”
“เหรัญญิกเม้งโปรดแนะนำ !!”
“พยายามตั้งใจให้ถึงที่สุด อย่าทำให้ปฏิหารย์และความโชคดีของเจ้าต้องผิดหวัง !!”
“ศิษย์ขอน้อมรับคำกล่าวสอน !!”
หลังจากที่เดินออกไปจากหอวิเศษ หยางไค่รีบเดินไปยังคุกคุมขังมังกร
หลังจากที่เรียกกระถางธุปออกมาจากตำราสีดำ หยางไค่ใส่สมุนไพรเข้าไป ก่อนที่จะค่อยๆปล่อยหมัดและก้าวเท้าออกไป ความกดดันที่คุ้นเคยแผ่ออกมา ความกดดันที่น่ายำเกรงไม่ใช่สิ่งที่หยางไค่จะสามารถทนต่อมันได้ เพียงไม่กี่ลมหายใจ เขาหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้า แต่เขาไม่ได้ท้อถอย แต่ยังอดทนต่อไปอย่างต่อเนื่อง เขาค่อยๆ ปล่อยออกหมัดและเตะออกไป ทุกการกระทำทุกการเคลื่อนไหวเป็นสิ่งที่ยากลำบากอย่างยิ่ง พละกำลังความแข็งแกร่งของตนเองเสมือนกำลังรั่วไหลออกไปจนหมด สติที่เหลือกำลังพร่ามัวและเหนื่อยล้าจนมิอาจจะฝืนทนได้
ผ่านไปอีกชั่วครู่ หยางไค่ไม่สามารถอดทนต่อมันได้ เขาล้มหัวกระแทกลงไปที่พื้น
เขาบังคับตนเองให้นั่งลง ก่อนจะฝึกฝนกลยุทธุ์หยาง เพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งของร่างกายและสติที่พร่ามัวของเขา
เดิมที่หยางไค่คิดว่ากระถางธูปไม่ส่งผลต่อการพัฒนากของพลังลมปราณ แต่ตอนนี้เขารู้ว่าเขาคิดผิดไป ภายใต้กลิ่นหอมที่โชยออกมา มันส่งผลให้พลังลมปราณที่อยู่ภายในไหลเวียนโดยไร้ซึ่งอำนาจในการควบคุมเสมือนกำลังถูกคุมขัง มันค่อยๆไหลๆเวียนทีละนิดทีละนิด ทำให้เกิดความรู้สึกที่มิอาจฝืนทนได้อีกต่อไป
กลิ่นหอมจากระถางธุปขัดขวางการไหลเวียนของพลังลมปราณหยาง ทำให้การฝึกยุทธุ์ของเขาชะลอตัวอย่างมาก
หยางไค่ไม่รีบร้อนเก็บกระถางธูปเข้าไป แต่ยืนยันที่จะรับกลิ่นหอมของกระถางธูปต่อไป เขารู้สึกว่ากระถางธูปไม่เพียงช่วยให้การพัฒนาทางด้านร่างกายก้าวหน้ามากขึ้น กระถางธูปเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ เขาปล่อยมันไว้เช่นนี้ดีกว่าต้องเสียเวลาในการตรวจสอบความน่าอัศจรรย์ของมันอีกครั้ง
เมื่อมีการช่วยเหลือจากกระถางธูป ร่างกายของหยางไค่แข็งแกร่งมากขึ้นทุกๆวัน แต่ทักษะการต่อสู้แห่งกลยุทธุ์หยางกลับชะลอตัวอย่างมาก ความเร็วในการดูดซับพลังงานหยางลดต่ำลง สองสามวันที่ฝึกยุทธุ์ พลังลมปราณที่อยู่ภายในร่างกายไม่ได้เพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย
หรือว่ากระถางธูปนี้เป็นอุปสรรค์ต่อการพัฒนาของพลังลมปรารหยาง?เมื่อทดสอบ 2-3 วัน หยางไค่รู้สึกสิ้นหวังอย่างมาก
ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ความล้ำค่าของกระถางธูปคงจะลดลงอย่างมาก
เมื่อจนปัญญา หยางไค่จึงตัดสินใจเก็บมันเข้าไป เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ส่งผลต่อการไหลเวียนพลังลมปราณหยาง
เป็นอีกครั้งที่เขาต้องเหนื่อยล้าจากการฝึกฝนวิชายุทธุ์ ดังนั้นหยางไค่จึงเก็บกระถางธูปเข้าไปในตำราสีดำ
เขาริ่มฝึกฝนทักษะการต่อสู้แห่งกลยุทธุ์หยาง ทันใดนั้นการแสดงออกของหยางไค่เปลี่ยนแปลงไปเพราะเขารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
ถัดมา หยางไค่เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ปลื้มปิติ เขาพบว่า ความเร็วในการไหลเวียนของพลังลมปราณรวดเร็วกว่า 2 วันที่แล้ว
เมื่อพลังลมปราณเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว การดูดซับพลังงานหยางจะเร็วขึ้นเช่นเดียวกัน ถ้าหากอยู่ในการต่อสู้ พลังที่โจมตีที่ระเบิดออกมาจะแข็งแกร่งมากขึ้น
เป็นเช่นนี้ !! การดำรงอยู่ของกระถางธูป ไม่ส่งผลและไม่เป็นอุปสรรค์ต่อการฝึกฝนพลังลมปราณหยาง แต่มันกลับส่งผลที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของเขา
พลังลมปราณที่อยู่ในร่างกายปรับให้เข้ากับความกดดันของกลิ่นหอมที่โชออกมาจากกระถางธูป เมื่อไม่มีความกดดันจากกระถางธูป ทำให้การไหลเวียนของมันเพิ่มขึ้น เสมือนการเดินทางแบกหินที่มีน้ำหนัก 3000 จิน แต่เมื่อเปลี่ยนหินที่มีน้ำหนัก 3000 จินกลายเป็น 300 จินอย่างกะทันหัน ทำให้ไร้ซึ่งความกดดันจากน้ำหนักและการเดินทางมีความรวเร็วมากขึ้น
มันเป็นแนวคิดอย่างหนึ่ง
เมื่อเข้าในใจในจุดนี้ หยางไค่เริ่มหัวเราะอย่างมีความสุข
ในระยะเวลาสั้นๆ กระถางธูปจากขัดขวางการฝึกฝนทักษะการต่อสู้แห่งกลยุทธุืหยาง แต่เมื่อระยะผ่านไปเป็นเวลานาน ความกดดันจากความขัดขวางจะส่งผลประโยชน์ที่ดีต่อตนเอง ทั้งหมดนี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด !!