ตอนที่แล้วตอนที่ 46 ติดตาม….
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 48 แข็งแกร่ง

ตอนที่ 47 เจ้าคิดว่าข้าสกปรก


หลังจากที่หยางไค่และหู่เหมยเอ่อหายเข้าไปในป่าลึก มีเงาของคนสองคนปรากฏออกมาจากด้านหลังต้นไม้ที่ไม่ไกลมาก

หนึ่งในนั้นจ้องมองไปยังบริเวณที่หยางไค่หายตัวไป เขาแสดงสีหน้าและทีท่าที่เกลียดชัง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยช้ำสีม่วง ซึ่งเป็นร่องรอยจากการทุบตีอย่างรุนแรง

ในขณะที่อีกคนแสดงออกด้วยท่าทางที่ดุดันอำมหิต เขาจ้องมองสะโพกของหู่เหม่ยเอ่อที่โยกไปมา ด้วยแววตาที่ประกายแสงแห่งตัณหาที่หนักหน่วง”

“ศิษย์น้องซู่ เจ้าถูกคนประเภทนี้ทุบตี ?” เยาวชนที่มีใบหน้าที่เยือกเย็นและดุดันมองไปที่เฉิงเซาเฟิงด้วยท่าทางที่สงสัย : “แม้ว่าเจ้าจะอยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณแรกเริ่มแต่ แต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า เด็กหนุ่มนั้นน่าจะอยู่ในเขตแดนกายาเริงอารมณ์”

ใบหน้าของเฉิงเซาเฟิงอึ้งไปชั่วขณะ : “ตอนนั้นข้าประมาทเกินไป และมันค่อนข้างที่จะแปลก เมื่อมันเข้าสู่การต่อสู้มันจะต่อสู้โดยไม่คิดชีวิต ข้าแทงกระบี่เข้าไป แต่มันกลับใช้ฝ่ามือเป็ฯโล่ป้องกัน กระบี่ยาวทะลุฝ่ามือของมัน มันไม่ร้อง ไม่โอดครวญแม้แต่น้อย ไมเพียงแต่มันจะหยุดกระบี่ของข้าได้ มันยังกุมมือของข้าไว้แน่นเสมือนโซ่ตรวนที่รัดข้าเอาไว้ เพราะเป็นเช่นนี้ข้าจึงพ่ายแพ้ให้แก่มัน”

“โอ๋ว ? น่าสนใจยิ่งนัก ถ้าหากข้ากับไอ่เด็กนั่นเข้าสู่การต่อสู้ ไม่รู้ว่าใครจะโหดเหี้ยมกว่าใคร ใครจะแข็งแกร่งกว่าใคร ?”

เฉิงเซาเฟิงหัวเราะ : “แน่นอน ต้องเป็นศิษย์พี่นู่วเต๋าที่โหดเหี้ยมและแข็งแกร่งกว่ามัน มันไม่มีคุณสมบัติที่จะเทียบกับศิษย์พี่แม้แต่น้อย”

“เจ้าตรวจสอบสถานะของเขาอย่างชัดเจนแล้วใช่ไหม?” นู่วเต๋ากล่าถามด้วยความกังวล

“ตรวจสอบอย่างชัดเจน มันอยู่ในหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวเป็นเพียงศิษย์ฝึกหัด ไม่มีบุคคลอื่นๆคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง คนเช่นนี้ฆ่ามันไปก็ไม่มีใครมาสนใจ”

“ฮ่าฮ่า ๆ ศิษย์ฝึกหัด ?จากสิ่งที่ข้ารู้ ในหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวมีศิษย์ฝึกหัดไม่ถึง 10 คน มันก็เป็นหนึ่งในนั้น?”เหมือนว่านู่วเต๋ากำลังได้ยินเรื่องตลกบางอย่าง เมื่อเขาได้ยินคำว่าศิษย์ทดลอง ความกังวลของนู่วเต๋าได้หายไปจนหมดสิ้น คนประเภทนี้เป็นความอัปยศของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว เขาลงมือขจัดศิษย์ฝึกหัด เป็นเหมือนการช่วยเหลือหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว

“อืม เดิมข้ายังกังวลถึงคนที่เดินสัญจรไปมาในป่าสนวายุทะมึนแห่งนี้ มันจะทำให้การลงมือของพวกเราไม่สะดวก แต่ไม่คิดว่าหญิงงามที่หื่นกระหายจะหายไปพร้อมกับคนเลวอย่างมัน เราลงมือในวันนี้ เสมือนว่าฟ้าดินกำลังช่วยเหลือพวกเรา”

นู่วเต๋าหัวเราะอย่างหยาบคาย : “ดูเหมือนว่าครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ศิษย์น้องจะได้รับการแก้แค้น นอกจากนี้ศิษย์น้องยังจะได้สัมผัสเรืองร่างที่เย้ายวนนั้นอีกด้วย ศิษย์น้องช่างโชคดีอะไรเช่นนี้”

เฉิงเซาเฟิงเริ่มหัวเราะอย่างสะใจ : “ศิษย์พี่กล่าวเช่นนี้ก็มากเกินไป ท่านคือคนที่ข้าเชิญให้มาช่วยเหลือ มีเรื่องที่น่ายินดี ข้าจะเพลิดเพลินเพียงคนเดียวได้อย่างไร ? หลังจากนี้ข้าจะให้ศิษย์พี่ลิ้มลองกับความสนุกสนานที่ไม่รู้จบ ศิษย์น้องจะคอยช่วยเหลือศิษย์พี่เอง แม้ว่าหู่เหม่ยเอ่อจะชอบยั่วยวนเหล่าบรรดาชายหนุ่ม แต่เธอยังบริสุทธุ์ อายุอย่างน้อย คงจะมีเรือนร่างที่น่าพิศวาสยิงนัก”

“ศิษย์น้องช่างมีจิตใจกว้างขวาง !!” นู่วเต๋ารู้สึกร้อนรนก่อนจะกล่าวต่อ : “ไป อย่ามักชักช้า พวกเรารีบตามไป เพื่อหาโอกาสในการลงมือ”

สำหรับทั้งสอง การฆ่าหยางไค่แป็นเรื่องที่ง่ายดาย พวกเขาสามารถทำสิ่งที่ต้องการในช่วงกลางวันแสกๆ สามารถใช้ผืนดินเป็นเตียงนอน และร่วมหลับนอนกับหู่เหม่ยเอ่อ ถือเป็นสิ่งที่พวกเขาเฝ้ารอมากที่สุด

สำหรับเรื่องในภายหลังไม่ต้องกังวลว่าหู่เหม่ยเอ่อจะตอบโต้หรือไม่ตอบโต้ เพราะพวกเขามีประสบการณ์ที่โชกโชน เพียงแค่ทำให้เธอพึงพอใจและมีความรู้สึกสุขสมอย่างที่เธอต้องการ เธอไม่มีทางที่จะกล้าตอบโต้พวกเขาอย่างแน่นอน บางทีเธออาจจะดื่มด่ำกับความรู้สึกที่ถูกกวาดต้อนถูกละเมิดจนไม่อยากสนในเรื่องอื่นๆ

ทั้งสองไม่ใช่นักบวชที่จมอยู่ในธรรมะ ในเวลาทั่วไปพวกเขามักจะหาความสุขความบังเทิงในหมู่บ้านวู่เหม่ยให้แก่ตนเอง ดังนั้นพวกเขาจึงรู้วิธีการตอบสนองความต้องการของหญิงสาวเช่นหู่เหมยเอ่อ

ลึกลงไปในป่าสนวายุทะมึน หยางไค่ยังคงเดินและหันหน้ายิ้มอย่างเยือกเย็นให้แก่หมู่เหมยเอ่อ ทีแรกหู่เหมยเอ่อยังรู้สึกวิตกกังวล แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าหยางไค่แค่สร้างความหวาดกลัวให้แก่เธอ ทำให้เธอไม่หวาดกลัว มิหนำซ้ำเธอยังวิ่งตามหยางไค่อย่างใกล้ชิด จนสามารถเดินเคียงข้างหยางไค่ ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังจับมือหยางไค่และนำมาวางบนทรวงอกที่อ่อนนุ่มของเธอ ทำให้ทรวงอกที่อิ่มอวกบอยู่ภายใต้ฝ่ามือของหยางไค่

หยางไค่รู้สึกฟุ้งซ่านอย่างกะหันหัน แต่เมื่อคิดถึงการกระทำของหู่เหมยเอ่อ ทำให้เขารู้สึกเคืองโกรธจนความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นเหือดหายไปในทันที

“เจ้าต้องการอะไร เจ้าจะทำเช่นนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ?” หยางไค่กล่าวอย่างรำคาญ

“เคียงข้างข้าสักครั้ง !! หลังจากนี้ข้าจะไม่รบกวนและไม่ติดตามเจ้าอีก !!” ทั่วบริเวณไร้ซึ่งคนอื่นๆ คำพูดจากปากของหู่เหม่ยก็ไร้ซึ่งความเกรงใจ เธอกล้ากล่าวคำพูดที่น่าอับอายเช่นนี้ออกมา

“เป็นความฝันที่หอมหวานของเจ้า !!”

“หน้าตาของเข้าไม่งดงาม ?” ดวงตาที่มีเสน่ห์กระพริบไปมา : “เรือนร่างของข้าไม่เย้ายวน ? เจ้าไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง ?”

“หญิงสาวคนหนึ่งถูกกำหนดความงดงามจากลักษณภายนอกและภายในของเธอ รูปร่างลักษณะภายนอกของเจ้างดงาม ไร้ฐิติ มีกลิ่นอายแห่งเสน่ห์ที่น่าค้นหา แต่ภายในของเจ้ากลับน่ารังเกียจ” หยางไค่มองไปที่หู่เหมยเอ่อและกล่าด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

คำพูดเหล่านี้ค่อนข้างที่จะสาหัส เมื่อหู่เหมยเอ่อได้ยิน ทำให้ใบหน้าของเธอลดต่ำลง และเธอกล่าตอบด้วยน้ำเสียงที่หมองหม่น : “เจ้าคิดว่าข้าสกปรก ?”

“ใช่ !!” หยางไค่กล่าวตอบอย่างตรงไปตรงมา

ใบหน้าของหู่เหม่ยเอ่ออึ้งไปชั่วขณะ เธอจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ : “เจ้าเป็นเพียงศิษย์ฝึกหัดแห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว แม้ว่าความแข็งแกร่งของข้าจะเทียบกับเจ้าไม่ได้ แต่ข้าเป็นองค์หญิงน้อยของนิกายโลหิต ข้าเห็นเจ้าในสายตาถือเป็นความโชคดีของเจ้า แต่เจ้ากลับมองไม่เห็นความโชคดีที่ข้ามอบให้ !! เจ้าโปรดรับรู้ว่าซะ ว่ามีชายหนุ่มจำนวนมากมายเท่าไหร่อยากสัมผัสอยากลิ้มลองเรือนร่างของข้าจนตัวสั่น”

“ถ้าเป็นเช่นนี้ องค์หญิงน้อยสามารถไปหาคนเหล่านั้น เหตุใดท่านจึงต้องติดตามข้าไปทุกหนทุกแห่ง” หยางไค่กล่าวถามอย่างไม่แยแส

“หยางไค่ อย่า เจ้ามันน่ารังเกียจ !! ถ้าหากข้ากลับไปบอกว่าบิดาของข้าว่าเจ้าทำมิดีมิร้ายต่อข้าในป่าสนวายุทะมึนแห่งนี้ แม้ว่าเจ้าจะเป็นศิษย์แห่งหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยว ก็ไม่มีทางที่จะได้เห็นแสงอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้” หู่เหม่ยเอ่อกล่าตะโกนอย่างเต็มเสียง ทัศนคติการกระทำของหยางไค่ทำให้เธอเกรี้ยวโกรธจนถึงที่สุด เขาทำให้เธอรู้สึกต่ำต้อย แม้ว่าสถานะของเธอจะไม่ต่ำต้อยก็ตาม เธอจะสามารถทนต่อความอัปยศนี้ได้อย่างไร ?

หยางไค่หัวเราะอย่างเย็นชา : “ขอถามองค์หญิงน้อย ถ้าหากข้าฆ่าเจ้าในป่าสนวายุทะมึนแห่งนี้ เจ้ายังมีโอกาส?จะกลับไปฟ้องบิดาของเจ้าหรือไม่ ?”

หู่เหมยเอ่อตื่นตะลึง เมื่อสักครู่เธอโกรธจนลืมตัว ลืมไปว่าเธออยู่ในป่าลึก ถ้าหากหยางไค่กล้าลงมือ เธอไม่มีโอกาสที่จะมีชีวิตต่อไป นอกจากนี้สถานที่แห่งนี้ยังเหมาะที่จะฆ่าใครสักคน หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ถ้าหากเธอตายอยู่ที่นี้ จะเป็นการตายที่สูญเปล่า

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หู่เหม่ยเอ่อจ้องมองไหยางไค่อย่างระมัดระวัง ก่อนจะก้าวถอยอย่างร้อนรน และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตื่นกลัว : “เจ้ากำลังล้อเล่นใช่ไหม ?”

“ความอดทนของข้ามีจำกัด” หยางไค่กล่าวตอบอย่างแผ่วเบา

หู่เหม่ยเอ่อจ้องมองเขาอย่างไม่วางตา ดวงตาของเธอประกายด้วยความรู้สึกโกรธที่เต็มไปด้วยความอัปยศ แต่ไม่กล้าที่จะทำอะไร เพราะเธอไม่แน่ใจว่าคำพูดของหยางไค่เมื่อสักครู่เป็นความจริงหรือแค่เรื่องล้อเล่น

ในขณะที่หู่เหมยเอ่อตกอยู่ในความสับสน ดวงตาของหยางไค่ประกายด้วยความระมัดระวัง และหันหน้าไปยังทิศทางอื่น

จงใจหรือไม่เจตนา หยางไค่ก้าวไปข้างหน้า ขวางหู่เหมยเอ่อเอาไว้ เขามองไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งและกล่าวตะโกน : “ออกมา !!”

หู่เหม่ยเอ่อรู้สึกประหลาดใจ แต่เพียงพริบตาเธอเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น

ทั้งสองออกมาจากด้านหลังของต้นไม้อย่างกะทันหัน ขณะที่พวกเขาเดินเข้ามา พวกเขายิ้มอย่างเย็นชา และหัวเราะอย่างเสียงดัง เสียงหัวเราะของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาด คนหนึ่งจ้องเขม่งไปที่หยางไค่ อีกคนจ้องเขม่งไปที่หู่เหม่ยเอ่ออย่างไม่ละสายตา

“เฉิงเซาเฟิง นู่วเต๋า ?” มันแสดงให้เห็นว่าหู่เหมยเอ่อรู้สึกพวกเขาทั้งสอง เขาจึงกล่าวชื่อของพวกเขาออกมาโดยไม่ตั้งใจ แต่ทันใดนั้น เธอเข้าใจอย่างชัดเจนว่าทำไมพวกเขาทั้งสองถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี้

เวลานี้ ดูเหมือนหยางไค่จะอยู่ในอันตรายอย่างแท้จริง

เมื่อถูกสายตาที่หื่นกามของนู่วเต๋าจ้องมองมาทำให้หู่เหมยเอ่อรู้สึกอึดอึด คิ้วของเธอขมวดไปมา ก่อนที่เธอจะย้ายไปหลบอยู่ด้านหลังของหยางไค่

“พี่เหมยเอ่อ เดิมที พวกเราต้องการชีวิตของเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ แต่ท่านกลับติดร่างแหไปด้วย พวกเราไม่มีเจตนาจะทำร้ายท่าน !” เฉิงเซาเฟิงยืนห่างจากหยางไค่ประมาณ 5 จ้าง เขาๆดึงกระบี่ออกมาอย่างช้าๆ และกล่าวปลอบใจหู่เหมยเอ่อไปด้วย

นู่วเต๋ากล่าด้วยเสียงหัวเราะ : “ใช่ ถ้าหากพวกเราทำให้ท่านได้รับบาดเจ็บ พวกเราคงจะเจ็บปวดใจอย่างมาก”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด