ตอนที่ 46 ติดตาม….
จากการตอบสนองที่ป่าเถือนของหู่เหมยเอ่อ หยางไค่จนปัญญาไร้ซึ่งหนทางจัดการกับเธอ เขาจึงทำเป็นไม่สนไม่แยแส เมื่อหู่เหม่ยเอ่อมองเห็นความไม่แยแสที่เฉยชาของหยางไค่ ทำให้เธอไม่กล้าที่จะยั่วยวนหยางไค่ แต่คอยติดตามเสมือนเงาร่างของหยางไค่
จากปฏิกิริยาที่ตอบสนองของต้นกำเนิดพลังงานหยาง หยางไค่เดินได้สักพัก ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะของศิษย์คนหนึ่ง
หยางไค่มองผ่านสิ่งของที่ตั้งเอาไว้ ทันใดนั้นดวงตาของเขาประกายด้วยความสว่าง เขาพบว่าสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะแห่งนี้เป็นสิ่งของที่ค่อนข้างดีเยี่ยม และสิ่งของส่วนใหญ่เป็นสิ่งของที่เขาต้องการ
ก้อนหินก้อนเล็กๆที่เสมือนกำปั้นเล็กๆของเด็กทารก แต่มันกลับส่งกลิ่นอายแห่งพลังงานหยางที่หนักหน่วงเข้มข้น มันแข็งแกร่งกว่าก้อนหินสีแดงเพลิงก้อนนั้นอย่างมาก แต่ก้อนหินก้อนนี้ไม่ได้ใหญ่เท่าก้อนหินสีแดงเพลิงนั่น
ราคาน่าจะไม่แพงเท่าก้อนหินสีแดงเพลิงก้อนนั้น?หยางไค่แสดงออกอย่างลังเล ก่อนเจ้าของก้อนหินก้อนเล็กจะกล่าวต้อนรับอย่างอบอุ่น : “พี่ชาย ท่านกำลังมองหาสิ่งใด ?สิ่งของของข้าเป็นสิ่งของราคาถูกและมีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยม ถ้าเดินเข้ามาแล้วอย่าพลาดโอกาสที่โชคดีเช่นนี้ล่ะ ไม่ว่าท่านจะนำไปใช้เองหรือนำไปขายให้แก่ผู้อื่น มันล้วนสร้างกำไรให้แก่ท่านอย่างยุติธรรม !!”
หยางไค่เรียกความกล้าในตัวออกมา ก่อนจะกล่าวถาม : “ก้อนหินเหล่านี้ราคาเท่าไหร่ ?”
เจ้าของลดศีรษะต่ำลง ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม : “ก้อนหินพลังงานหยางใช่ไหม ราคาไม่แพง 500 ตำลึงเท่านั้น”
ใบหน้าของหยางไค่แสดงออกอย่างหม่นหมอง แม้จะรู้ว่าราคานี้ค่อนข้างที่จะยุติธรรม แต่เขาส่ายหัวปฏิเสธ : “มันแพงเกินไปนิด !!”
ทั่วร่างกายของเขามีเพียงยาฟื้นคืนลมปราณที่มีราคาประมาณ 500 ตำลึง
เจ้าของก้อนหินหัวเราะและส่ายหัวไปมา : “เรื่องตลกน่ะ พี่ชาย สิ่งของของข้ามีราคาที่ยุติธรรม ข้าไม่มีทางเอาเปรียบท่านแน่ ท่านไปดูโต๊ะอื่นๆสิ สังเกตราคาที่พวกเขาเสนอ แล้วท่านจะรู้ว่าสิงของของข้ามีราคาที่ยุติธรรมและคุ้มค่าที่สุด”
ประโยคที่เขากล่าวเป็นความจริง ตั้งแต่หยางไค่เดินชมสินค้า แม้ว่าเขาจะไม่ได้ซื้อ แต่ก็ได้ยินราคาของมัน ข้ารู้ดีว่าสิ่งของบนโต๊ะนี้มีราคาที่ไม่แพง แต่การค้าขาย ก็ต้องต่อรองราคากันบ้าง
ในความสิ้นคิดหยางไค่จึงเริ่มต้นเจราต่อรองกับเจ้าของก้อนนี้ เพื่ให้ฝ่ายตรงข้ามลดราคาให้แก่เขา แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าของก้อนหินก็ยังยืนกรานส่ายหัวปฏิเสธ จนในที่สุดเจ้าของก้อนหินรู้สึกอัดอัดในอย่างมาก เขาจึงกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ : “พี่ชาย สิ่งของเหล่านี้ไม่ใช่ของข้า ข้าช่วยนิกายของข้าขายสิ่งของเหล่านี้ ในด้านราคาสามารถตั้งราคาให้สูงกว่าเดิมแต่มิอาจลดราคาได้ มิฉะนั้นข้าต้องควักกระเป๋าของตนเอง ท่านอย่างทำให้ข้าลำบากใจอีกเลย”
“ช่วยนิกาย?” หยางไค่อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะหันนหน้ามองหู่เหมยเอ่อที่ยืนอยู่ด้านข้าง
บริเวณใกล้เคียงมีนิกายเพียงหนึ่งเดียว นิกายโลหิต !!
หู่เหมยเอ่อหัวเราะอย่างอ่อนหวาน : “ใช่ มันเป็นโต๊ะของครอบครัวข้า เจ้าต้องการหินเหล่านี้?”
หยางไค่พยักหน้า
“ข้ามีเงื่อนไข สัญญากับข้าก่อน แล้วก้อนเหล่านี้จะเป็นของเจ้าทั้งหมด !!” หู่เหม่ยเอ่อกรอกดวงตาไปมา
“คุณหนู……….”ใบหน้าเจ้าของก้อนหินมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าหากสินค้าเหล่านี้หายไปจากมือของเขา เขาต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะบอกท่านพ่อเอง”หู่เหมยเอ่อกล่าวปลอบใจ เมื่อเจ้าของก้อนหินได้ยินคำกล่าวนี้ ทำให้เขาปิดปากและไม่กล่าวอะไรอีก
“เจ้าว่าอย่างไร ? เจ้าสัญญากับข้าเรื่องหนึ่งก็พอ” หู่เหมยเอ่อกล่าวด้วยเสียงที่สดใส : “สำหรับบุรุษเช่นพวกท่าน มันเป็นเรื่องที่ง่ายดาย !!”
“อย่าแม้แต่จะคิด !!” หยางไค่กล่าวปฏิเสธอย่างเฉียบขาด แม้จะใช้นิ้วเท้าคิด เขาก็รู้ว่าเจ้าต้องการอะไร
“เจ้า…………” หู่เหมยเอ่อจ้องมองหยางไค่ด้วยใบหน้าที่เคืองโกรธ ดวงตาของเธอประกายด้วยความดุดัน
สำหรับหู่เหมยเอ่อแล้ว เธอไม่ได้สนใจหยางไค่มากเป็นพิเศษ แต่วันนี้ที่เธอพยายามใช้เรือนร่างเพื่อยั่วยวนหยางไค่ แต่เหยางไค่กลับปฏิเสธ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจ
ไม่มีชายหนุ่มคนไหนสามารถหลบหนีจากการยั่วยวนของหญิงงาม !! หู่เหมยเอ่อเชื่อมั่นเหตุผลนี้มาตลอด เธอต้องการให้หยางไค่ เธอต้องการให้หยางไค่ยอมแพ้ เมื่อเขายอมจำนวนต่อเธอ เธอจะเป็นคนถอยออกไปเอง และจะเป็นคนที่หัวเราะเยาะหยางไค่ตลอดไป
ถ้าหากเป็นชายที่หู่เหมยเอ่อต้องการ เพียงแค่เธอชี้นิ้วหลอกล่อชายหนุ่มเหล่านั้นจะตุกหลุมพรางของเธอทันที ถ้าหากไม่มีเป้าหมายอื่นๆ ทำไมเธอต้องทำสิ่งที่ผิดต่อตนเองล่ะ ? แม้ว่าลักษณะของเธอค่อนข้างยั่วยวน แต่มันก็เป็นเพียงภาพลักษณ์ภายนอกของเธอ เป็นภาพลักษณ์ที่ทำให้ผู้อื่นลุ่มหลง
ข้าไม่เชื่อว่าข้าไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ !! หัวใจของหู่เหมยเอ่อระเบิดความโกรธและความเด็ดเดี่ยวออกมา
เธอกรอกตาไปมาก่อนจะกล่าวต่อเจ้าของก้อนหิน : “ขายให้เขาในราคาถูก !!”
เจ้าของก้อนหินแสดงท่าทีที่ลำบากใจ : “เช่นนี้คงไม่ดี !!”
“ข้าบอกให้เจ้าขายให้เขาในราคาถูก !!” หู่เหมยเอ่อขบฟันแน่น ดวงตาประกายด้วยกลิ่นอายแห่งความเยือกเย็น
เจ้าของก้อนหินพยักหน้า ก่อนจะโบกมือเรียกหยางไค่ : “ไม่จำเป็น 500 ตำลึง
ใช่ไหม ? ”
ซื้อในราคา 500 ตำลึง เขาไม่ได้กำไร และไม่ได้ขาดทุน เป็นการเจราต่อรองที่ยุติธรรมต่อทั้ง 2 ฝ่าย
ในขณะที่กล่าว เขานำขวดยาฟื้นคืนลมปราณออกมาและกล่าว : “ใช้ยาฟื้นคืนลมปราณแลกเปลี่ยนคงได้ใช่ไหม ?”
สมาคมการค้าใต้ดินแห่งนี้มีกฎเกี่ยวกับยาที่ช่วยในการฝึกยุทธุ์ ดังนั้นยาที่ล้ำค่าสามารถแลกเปลี่ยนได้ทันที
“ได้” เจ้าของก้อนหินพยักหน้า
“ในขวดนี้มียาฟื้นคืนลมปราณ 10 เม็ดน่าจะมีค่าประมาณ 500 ตำลึงเจ้านับมันได้” หยางไค่ยื่นยาฟื้นคืนลมปราณให้แก่เขา จากนั้นจึงหยิบก้อนหินพลังหยาง 1 ก้อน
เมื่อฝ่ามือสัมผัสกับก้อนหิน หยางไค่รรับรู้ถึงพลังงานหยางที่ไหลพรั่งพรู่อย่างไม่รู้จบ เขาพึงพอใจอย่างมาก เขารู้ว่าการแลกเปลี่ยนครั้งนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องและคุ้มค่าที่สุด
หู่เหมยเอ่อเคืองโกรธขบฟันแน่น เพราะการกระทำของหยางไค่แสดงอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการติดหนี้บุญคุณของใคร นั้นหมายความว่าสิ่งที่เธอทำลงไปทั้งหมดนั้นสูญเปล่า
เจ้าของก้อนหินสังเกตุกระทำของคุณหนูและพบว่าคุณหนูของเขากำลังยั่วยวนหยางไค่ แม้ว่าการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้จะยุติธรรม แต่เขารู้ว่าคุณหนูของเขาค่อนข้างไม่พอใจ เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาจึงหยิบสิ่งของชิ้นหนึ่งขึ้นและกล่าว : “พี่ชาย ถ้าหากว่าไม่รังเกียจ เมล็ดพันธุ์นี้ข้าจะมอบให้ท่าน เพราะยังไรมันก็ขายได้ไม่มาก !!”
“เมล็ดพันธุ์อะไร ?” หยางไค่รับไว้ แม้ว่าจะรู้สึกได้ถึงพลังงานหยางที่อยู่ในเมล็ดพันธุ์นี้ แต่มันก็อ่อนแอและเบาบางอย่างมาก
“มันเป็นเมล็ดพันธุ์สามสุริยัน นิกายของพวกเราพบมันโดยบังเอิญในขณะที่กำลังทำเหมืองแร่” เจ้าของก้อนหินกล่าวอธิบาย : “เมล็ดพันธุ์นี้เมื่อมันเติบโตผลไม้ของมันจะเป็นผลไม้จิตวิญญาณระดับปฐพีขั้นต่ำ แต่ว่าช่วงเวลาในการเจริญเติบโตค่อนข้างที่จะนาน”
หยางไค่หัวเราะโดยไม่ตั้งใจ ในใจเขาคิดว่าจะเอาเมล็ดพันธุ์นี้ไปทำอะไร ?หากว่าปลูกเมล็ดพันธุ์ต้นไม้ แม้จะผ่านไป 10 ปีมันคงไม่ออกผลให้เขา แต่มันเป็นความปรารถนาดีจากเขา มันยากต่อการปฏิเสธ ไม่ว่าอย่างไร เจ้าเมล็ดพันธุ์ก็ไม่ไดมีค่ามากมาย รับมันไว้ก็มิได้เสียหาย
“ขอบคุณ” หยางไค่ลุกขึ้น ก่อนจะรับเมล็ดพันธุ์และก้อนหินพลังงานหยางเข้าไปในถุงผ้าของเขา
ยาฟื้นคืนลมปราณหมดไป หยางไค่ก็ไม่อยากอยู่ที่นี้อีกต่อไป เขาเดินหาซู่มู่แต่ก็ไม่เจอตัวเขา ดังนั้นหยางไค่จึงเดินออกไปจากป่าสนวายุทะมึนเพียงคนเดียว
หู่เหมยเอ่ยยังเดินตามเขาตลอด เสมือนเป็นหางติดตัวของหยางไค่ ใบหน้าของเธอยังแสดงออกอย่างโกรธเคือง
เขาต้องหาวิธีกำจัดเธอออกไปให้ได้ ถ้าหากถูกเธอตามกลับไปยังหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว คนอื่นๆจะมองว่าเขาเป็นคนอย่างไร เพราะชื่อเสียงของหญิงสาวคนนี้ก็เสื่อมเสียเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เขาครุ่นคิดไปมาซักสักพัก ทันใดนั้นเขาคิดวิธีการกำจัดเธอออกไปได้เขารีบเดินเข้าไปในป่าลึก ขณะที่เขาเดินเขายังหันหลังกลับไปมองหู่เหมยเอ่ออย่างต่อเนื่องและหัวเราะอย่างเยือกเย็น กลิ่นอายที่แพร่ออกมาไม่สามารถกล่าวเป็นคำพูดได้ แต่เหมือนว่าเขากำลังกล่าวบอกแก่หู่เหมยเอ่อ ถ้าหากยังตามเข้ามา เขาจะข่มขืนเธอแล้วฆ่าเธอไปซะ มันเป็นกลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาด้วยความน่าหวาดกลัว
หู่เหมยเอ่อรู้สึกหวาดกลัวต่อรอยยิ้มของหยางไค่ เมื่อเธอมองเห็นหยางไค่เดินเข้าไปในป่าลึก ทำให้เธอรู้สึกลังเล จะกล่าวไปเธอก็มิได้สนิทกับหยางไค่ หากเธอตามหยางไค่เข้าไปแล้วหยางไค่กระทำสิ่งมิดีมิร้ายต่อเธอล่ะ ทำอย่างไรต่อไป ? วันนั้นเขามองเห็นความแข็งแกร่งของหยางไค่ รู้ดีว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ถ้าหากความหื่นกระหายของเขาตื่นขึ้นมา เรือนร่างของตนเองอาจเต็มไปด้วยรอยแผลจำนวนมาก
ลังเลในใจสักครู่ หู่เหมยเอ่อก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างกะทันหัน เธอบิดสะโพกไปมาและตามหยางไค่เข้าไป เขาแน่ใจอย่างยิ่งว่าหยางไค่พยายามที่สร้างความหวาดกลัวให้แก่เธอเท่านั้น
เมื่อเห็นหู่เหมยเอ่อตามเข้ามา หยางไค่เกรี้ยวโกรธในทันที เหตุผลที่เขาทำเช่นนี้ เพราะต้องการทำให้หู่เหมยเอ่อหวาดกลัวและให้เธอถอยออกไป แต่ไม่คิดว่าหญิงคนนี้จะมีจิตใจกล้าหาญเช่นนี้ ทำให้แผนการของเขาล้มเหลว เมื่อคิดเช่นน้นทำให้เขารู้สึกเดือดพล่าน เขาคิดอยู่ในใจ ให้เธอมาถึงตรงนี้ แล้วเขาจะทำให้เธอมองเห็นความร้ายกาจอย่างแท้จริงของเขา
Share this: