ตอนที่ 36 หญิงงามภายใต้ดวงจันทรา
แม้ว่าการฝึกฝนวิชายุทธุ์ในตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นการรับรู้จิตวิญญานแห่งพระเจ้า แต่ยังสามารถรับรู้การดำรงอยู่ของหยดน้ำพลังลมปราญหยางที่อยู่ในจุดตันเถียนของเขาอย่างชัดเจน
หยดน้ำพลังลมปราญหยางสามารถใช้ในระหว่างการต่อสู้ แต่หยางไค่ไม่เค
ยทดสอบมัน ว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เขาจึงต้องหารโอกาสทดสอบสอบมัน เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ตำราสีดำมิอาจถ่ายทอดให้แก่เขาได้
แม้ว่าจะผ่านความยากลำบากมาหลายวัน แต่เวลานี้ร่างกายของเขาได้สร้างหยดน้ำพลังลมปราณหยางได้สำเร็จ หยางไค่จึงค่อนข้างที่จะถึงพึงพอใจ ในเวลานี้จิตใจเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกปลื้มปิติความรู้สึกตื่นเต้น เขาจึงฝึกยุทธุ์และบ่มเพาะในคุกคุมขังมังกรต่อไปอีก 1 คืน
หลังจากที่เขาตื่นจากการฝึกยุทธุ์ในช่วงค่ำคืน หยางไค่มิได้ฝึกยุทธุ์และบ่มเพาะพลังต่อไป
หลายวันที่ผ่านมาเขาฝึกยุทธุ์โดยการอดอาหารและไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ามันไม่ส่งผลที่มากเกินไปต่อร่างกายของเขา แต่มันได้สร้างความเหนื่อยล้าให้แก่ร่างกาย ในขณที่เขากำลังฝึกยุทธุ์ เขาจึงต้องกระทำอย่างช้าๆ เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับเขาในระยะยาว
เขาลุกขึ้น จากนั้นจึงเดินกลับไปยังกระท่อมของเขาอย่างช้าๆ
เมื่อเขามาถึงประตูกระท่อม ปรากฏว่ามันแง้มเปิดไว้ มันทำให้หยางไค่ค่อนข้างสงสัย เพราะในขณะที่เขาเดินออกไปเขาจำได้อย่างชัดเจนว่าเขาปิดประตูไว้อย่างดี
เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ก่อนจะผลักประตูอย่างช้าๆ หยางไค่กวาดสายตามองไปยังด้านใน ในขณะที่เขากำลังจับจ้องไปยังด้านใน ทำให้เขาตึงตะลึงไปชั่วขณะ เพราะสิ่งที่เขามองเห็นมันเปรียบเสมือนภาพวาด เปรียบเสมือนภาพแห่งความฝัน เสมือนว่ามันไม่ใช่ความจริง
ภายในกระท่อมของตนเอง มีเพียงเตียงเล็กๆ ของเขาเท่านั้น แต่ในตอนนี้ กลับมีผู้อื่นนอนอยู่บนเตียงของเขา และคนที่กำลังนอนยังเป็นหญิงสาวนางหนึ่ง
แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาจากรูรั่วของหลังคา มันตกกระทบไปยังหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง ด้วยแสงจันทร์ที่ส่องส่ว่าง หยางไค่มองเห็นสองมือของหญิงสาวกุมไว้อย่างเรียบร้อย และถูกวางไว้บนท้องของเธอ หน้าอกที่อวบอิ่มกำลังดันขึ้นลงจากจังหวะการหายใจ ภายใต้แสงจันทร์ ผิวหนังลำคอของเธอขาวเนียนสว่างดั่งน้ำแข็งหิมะ ผมสีดำขลับสยายลงรอบๆ ไหล่ทีอ่อนโยนของเธอ ทำให้ร่างกายของเธอประกายความละเอียดอ่อนที่มีเสน่ห์ที่เย้ายวนจิตใจอย่างต่อเนื่อง
เป็นเพราะเธอกำลังนอนอยู่บนเตียง จึงทำให้มองเห็นขาที่เรียวยาว เอวบางที่งดงาม รูปร่างที่งดงามเสมือนนางเซียนได้ปรากฏอยู่ในสายตาของหยางไค่ แต่เขาไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอ เพราะใบหน้าของเธอสวมผ้าคลุมบางๆ แต่หน้าผากของเธอถูกแต่งแต้มด้วยอัญมณีสีน้ำเงิน แม้ว่าเครื่องประดับนี้ไม่ได้มีค่า แต่มันกลับดูมีค่าที่สูงส่งและยังส่งกลิ่นอายที่เยือกเย็น บริสุทธุ์ออกมาจากร่างกายของเธอ
แสงจันทร์สลัวที่ส่องสว่างเข้ามาในห้องดูเหมือนจะเพิ่มความงดงามให้แก่เธอเช่นกัน
เสมือนว่าเธอเป็นนางเซียนที่ตกลงมาจันทร์ตำหนักจันทรา ร่างกายของเธองดงามสมบูรณ์แบบทุกอย่าง ไม่มีส่วนไหนของร่างกายที่ไม่เปล่งรัศมีแห่งชนชั้นสูงออกมา แต่เธอยังนอนหลับราวกับว่าไม่มีวันที่จะฟื้น เธอที่ดูลึกลับ แต่กลับทำให้หัวใจของหยางไค่อ่อนไหวอย่างยิ่ง
โดยปกติหยางไค่ไม่ได้เป็นคนที่มีจิตใจอ่อนไหว แต่ในวันนี้เวลานี้ ฉากที่งดงามที่เสมือนภาพวาดกลับทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหว แม้ว่าเวลาจะผ่านพ้นไปนานเท่าใด หรือจะผ่านไปอีกหลายสิบปี เขาคงไม่มีวันที่จะลืมฉากที่งดงามเช่นนี้ไปได้
หยางไค่ที่อยากรู้กับสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำให้เขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างแผ่วเบา กลั้นลมหายใจแลหัวใจที่กำลังเต้นอย่างระรัว เพราะกลัวว่าจะทำให้เธอตื่น
เมื่อเดินมาถึงข้างเตียง ห่างกันเพียง 1 จ้าง หยางไค่พยายามที่จะสำรวจอย่างถี่ถ้วน เขาพบว่าสิ่งที่เขากำลังพบเจอตรงกับการคาดเดาของเขา หญิงสาวคนนี้เป็นศิษย์พี่หญิงที่เคยเกือบชนกับเขาในหอวิเศษ เพราะผ้าคลุมหน้าบนใบหน้าของเธอ คล้ายคลึงกับศิษย์พี่หญิงคนนั้น
แต่ว่าในเวลานั้นกลิ่นอายรูปร่างรูปลักษณ์ของเธอไม่ได้งดงามสมบูรณ์เช่นนี้ และเธอยังมีกลิ่นอายที่น่าเคารพยำเกรง แต่เธอกลับแสดงออกอย่างเขิลอาย ซึ่งทำให้หยางไค่รู้สึกว่ามันบริสุทธุ์และงดงาม เมื่อเงยหน้ามองรูรั่วบนหลังคา หยางไค่หัวเราะ รูรั่วบนหลังคาที่ยังไม่ได้ซ่อมกลับสร้างประโยชน์ให้เขาโดยไม่คาดคิด
เสียงหัวเราะเบาๆ นี้ สร้างความตกใจให้แก่เซี่ยหนิงฉางที่หลับไหลอยู่บนเตียง ในขณะที่หยางไค่กำลังจะก้มหัวลงมา กลับพบว่าศิษย์พี่หญิงคนนี้กำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เบิกกว้าง
ดวงตาที่สดใสกำลังประกายความสงสัยและความตื่นตะลึง แต่เพียงชั่วพริบตามันกลับกลายเป็นความเขิลอาย เสมือนว่ามันเป็นวิชายุทธุ์ในการแสดงออกที่เยี่ยมยอด แม้แต่ใบหูของเซี่ยหนิงฉางยังกลายเป็นสีแดงก่ำจากความเขิลอาย
โชคดีที่มันเป็นยามค่ำคืน แม้ว่าจะมีแสงจันทร์สาดส่องเข้ามา สิ่งที่หยางไค่มองเห็นก็มิได้ชัดเจนมากเกินไป แต่มันกลับสร้างความละอายและความอึดอัดใจให้แก่เซี่ยหนิงฉาง
ทั้งสองจ้องหน้ากันเช่นนี้ คนหนึ่งอยู่บนเตียง อีกคนอยู่ด้านล่างของเตียง
จิตใจของหยางไค่เต็มไปด้วยความสงสัย แต่เซี่ยหนิงฉางต้องการที่จะตบตัวเองให้หมดสติเพื่อหลบหนีจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจเช่นนี้ เธอไม่คิดว่าตนเองจะทำเรื่องที่โง่เขลาและประมาททเช่นนี้ เพราะเธอนอนหลับอยู่ในกระท่อมของหยางไค่
“แค่กแค่ก………….” หยางไค่ไอเบาๆ เพราะให้ฝ่ายตรงข้ามมองเห็นความเป็นมิตรของตนเอง ก่อนจะกล่าวถาม : “ศิษย์พี่หญิงท่านี้ ข้าควรเรียกท่านว่าอย่างไร ?”
อาจจเป็นความเกรงของทั้งสองฝ่าย เสียงที่หยางไค่กล่าวออกมาจึงค่อนข้างที่จะเลื่อนลอย ในค่ำคืนยามดึก หญิงสาวชายหนุ่มกลับอยู่ด้วยกันในห้องเดียวกัน เสียงที่กล่าวออกมาจึงค่อนข้างที่จะแปลกประหลาด
คำกล่าวถามควรจะกล่าวถามเช่นนี้ : “หญิงสาวนางนี้ ข้าควรจะเรียกเจ้าว่าอย่างไร ?”
มันช่างเป็นคำพูดที่จืดชืดสิ้นดี
ใบหน้าของเซี่ยหนิงฉางแดงก่ำ เธอรีบลุกขึ้นและนั่งลงบนเตียง เธอเอื้อมมือไปจัดผมที่งดงามของเธอให้เรียบร้อย ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงที่แผ่วเบา : “ข้าแซ่เซี่ย……………”
เซี่ยหนิงฉางไม่กล้าที่จะเปิดเผยชื่อของเธอ เพราะมั่นช่างเป็นการกระทำที่เสียหน้ายิ่งนัก
“ที่แท้ก็คือศิษย์พี่เซี่ย ศิษย์พี่เซี่ยมาหาข้ามีเรื่องอันใดกัน ?”
ถ้าหากว่าไม่มีเรื่อง นางเซียนท่านนี้จะมายังกระท่อมไม้ที่ทรุดทรุมของตัวเองทำไม ?
เมื่อได้ยินหยางไค่ซักถาม เซี่ยหนิงฉางจึงนึกถึงวัตถุประสงค์ของตนเอง เธอรีบนำห่อผ้าห่อหนึ่งออกมา ก่อนจะสงบสติอารมณ์ของตนเอง และกล่าวตอบ : “วันนี้ตอนยามบ่ายมีนายพรานคนหนึ่งจากเทือกเขาวายุทะมึนมาหาเจ้า แต่เขารอจนพระอาทติย์ตกเจ้าก็ยังไม่กลับมา เวลานั้นข้าเห็นเขามีเรื่องรีบร้อนที่ต้องกลับไป ข้าจึงไปสอบถามเขา นายพรานคนนั้นกล่าวว่าเขารู้สึกขอบคุณเจ้าที่เป็นผู้มีพระคุณของเขา เขาจึงให้ข้านำของที่อยู่ห่อนั้นให้แก่เจ้า และจะมาเยี่ยมเจ้าในภายหลัง”
เมื่อได้ยินเธอกล่าวเช่นนี้ หยางไค่รู้ทันทีว่านายพรานคนนั้นคือใคร
นายพรานจางซาง !! ก่อนหน้าที่เขาเข้าไปค้นหาสมุนไพรที่เทือกเขาวายุทะมึน เขาเองได้ช่วยชีวิตลูกชายของนายพรานจางซาง
หยางไค่เอื้อมมือไปรับห่อผ้า ก่อนจะกล่าวพยักหน้าและกล่าวตอบ : “เป็นเช่นนี้เอง”
เซี่ยหนิงฉางเงยหน้ามองไปที่เขา ก่อนจะกล่าวอีกครั้ง : “ข้าได้รับปากกับเขา ข้าจึงรอเจ้าอยู่ที่นี้ ข้ารอเจ้าเกือบทั้งวัน จนกระทั่งข้า………….”
กระทั่ง…ผล็อยหลับไป ……มันน่าอึดอัดใจที่จะกล่าวคำนี้ออกไป มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดอับอายจนอยากจะหายตัวไปจากที่นี้ เพราะเธอยังผล็อยหลับอยู่บนเตียงของเขาอีกด้วย
หยางไค่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด เขาหัวเราะเสียงดังและกล่าวด้วยรอยยิ้ม : “ข้าทำให้ศิษย์พี่หญิงต้องลำบาก ครั้งต่อไปข้าสัญญาว่าจะกลับมาให้เร็วกว่านี้”
เซี่ยหนิงฉางไม่รู้ว่าเป็นความรับรู้ที่ผิดของตนเองหรือฝ่ายตรงข้ามมีความหมายอย่างที่กล่าวออกมา เพราะคำพูดที่ได้ยินมันรู้สึกแปลกๆ เฉกเช่นสามีคนหนึ่งกำลังสัญญากับภรรยาของตนเอง !!
เธอขบริมฝีปากเบา และกล่าวด้วยความไม่พอใจ : “เจ้าจะกลับมาเร็วหรือกลับมาช้า ก็ไม่เกี่ยวกับข้า ห่อผ้านี้ข้ามอบให้แก่เจ้าแล้ว ข้าขอลา !!”
หลังจากที่กล่าวจบ เธอบิดสะโพก กระทืบเท้า และหายตัวไปอย่างรวดเร็ว เหลือไว้เพียงกลิ่นหอมหวานที่โชยแตะจมูกของคนที่อยู่ภายในกระท่อม
ศิษย์พี่เซี่ยค่อนข้างที่เขิลอาย
เมื่อคิดถึงฉากเหตุการณ์ที่ผ่านมา หยางไค่รู้สึกว่ามันอบอุ่น เขารีบดึงสติตัวเองกลับคืนมา ก่อนจะเปิดห่อผ้าออก และพบว่าด้านในมีเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินจำนวน 2 ตัว
เสื้อแขนยาวทั้ง 2 ตัวถูกเย็บขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน ทุกเข็มทุกด้ายถูกเย็บอย่างปราณีต แสดงให้เห็นว่าคนเย็บต้องมีฝีมือเย็บปักถักร้อยที่เยี่ยมยอด หยางไค่เดาว่าเสื้อทั้งสองตัวคงเป็นภรรยาของนายพรานที่เย็บมาให้แก่เขา
จางซางช่างมีน้ำใจ !! ครั้งก่อนหน้าที่เขาต่อสู้กับแมงมุมปีศาจยักษ์ เสื้อของตนเองถูกแมงมุมปีศาจทำลายจนย่อยยับ เพราะเป็นเช่นนี้ นายพรานจางซางจึงมอบเสื้อทั้งสองชุดให้แก่เขา
หยางไค่หัวเราะอย่างแผ่วเบา เขารีบเก็บเสื้อผ้า จากนั้นจึงนอนลงบนเตียง
ในค่ำคืนนี้ หยางไค่หลับอย่างสบายและหอมหวานยิ่งนัก!!