ตอนที่ 28 จิตใจคับแคบ
เมื่อเผชิญหน้ากับการสอบถามของหลี่หยุนเทียน หยางไค่ไม่ได้กล่าวตอบ
หลี่หยุนเทียนคิดว่าตนเองเดาถูกต้อง ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : “ศิษย์พี่วางใจ ความสามารถของข้าและท่านคงไม่ต่างกันมาก ใครจะแพ้หรือชนะคงไม่สามารถตัดสินได้ ถ้าหากว่าศิษย์น้องชนะจริงความสูญเสียของศิษย์พี่ ศิษย์น้องจะทดแทนให้เอง”
“คำพูดนี้คือความจริง ?” หยางไค่ไมคาดคิดมาก่อนว่าหลี่หยุนเทียนจะกล่าวเช่นนี้
“คำพูดของลูกผู้ชาย ไม่มีวันหวนคืน !!” หลี่หยุนเทียนกล่าวตอบด้วยเสียงที่หนักแน่น
เดิมที่หลี่หยุนเทียนคิดว่าหยางไค่คงตกหลุมพรางที่ตนเองวางไว้ เขากำลังเตรียมความพร้อมในการต่อสู้ เขาทราบดีว่าซู่มู่ต้องแอบดูเขาอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพียงแค่สามารถสั่งสอนหยางไค่อย่างรุนแรง แบ่งเบาความแค้นในใจของนายน้อย ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาจะได้รับคำชมเชยจากเขาอย่างใหญ่หลวง
แต่เขาไม่คาดคิดว่าหยางไค่จะขมวดคิ้ว หลี่หยุนเทียนเกือบกระโดดด่าสาปแช่งแม่ของเขา ศิษย์พี่คนนี้ทำอะไรอืดอาดชักช้า ***** น่ารำคาญ ไม่แตกต่างจากสตรี จ้าวหู่พ่ายแพ้ให้แก่คนนี้ประเภทนี้ได้อย่างไร ?
“ศิษย์พี่ ท่านยังมีคำถามอะไรอีก ?” หลี่หยุนเทียนรู้สึกว่าอีกไม่นานเขาคงจะระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างแน่นอน
“โอ้ว แม้ว่าข้าต้องการที่จะแลกเปลี่ยนวิชายุทธุ์กับเจ้า แต่เมื่อวานเข้าถูกท้าประลองยุทธุ์จากผู้อื่น ถ้าต้องการจะต่อสู้ต้องรออีกหลายวันถึงจะทำได้”
โง่เขลา !! หลี่หยุนเทียนถอนหายใจและกล่าวพึมพำอย่างเงียบๆ เขาเกือนจะหายใจไม่ออก แต่เขาก็ยังคงกล่าวอย่างเร่งรีบ : “ศิษย์พี่ ท่านสามารถท้าประลองยุทธุ์กับข้า หลายวันที่ผ่านมาข้าไม่เคยถูกใครท้าประลอง พวกเราคือศิษย์ของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว ทุกๆวัน พวกเรามีโอกาสที่จะท้าประลองกับคนอื่นใช่ไหม ?”
“มันเป็นเช่นนี้เอง !!” หยางไค่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเสียงดัง : “ศิษย์น้องกล่าวได้ไม่ผิด หลายปีที่ผ่านมาศิษย์พี่ไม่เคยท้าประลองต่อผู้อื่นๆ กฎข้อนี้ข้าเกือบจะลืมมันไป”
หลี่หยุนเทียนถอนหายใจออกอย่างช้า เสมือนว่ากำลังปล่อยความโกรธและหัวใจที่ร้อนรนออกไป ก่อนจะกล่าวถาม : “ศิษย์พี่ ตอนนี้พวกเราสามารถแลกเปลี่ยนวิชายุทธุ์ได้หรือยัง ?”
หยางไค่มีคำถามอีก : “ศิษย์น้อง ถ้าหากข้าแพ้ เจ้าจะชดใช้แต้มแห่งชัยชนะคืนให้แก่ข้าใช่ไหม ?”
“ชดใช้คืน !! แน่นอนว่าข้าต้องชดใช้คืน !! ชดใช้ให้ท่าน 10 เท่า” หลี่หยุนเทียนกัดฟันและกล่าวอย่างอดทน
หยางไค่ส่ายหัวไปมา : “ข้าไม่เชื่อ นอกเสียจากว่าเจ้าจะมอบแต้มแห่งชัยชนะให้แก่ข้าก่อน”
“จะให้เจ้าอย่างไร ?” หลี่หยุนเทียนอึดอัใจ แต้มแห่งชัยชนะจดบันทึกไว้ในสมุดบัญชีโดยบุคคลที่ 3 ไม่สามารถที่จะแลกเปลี่ยนซื้อขายได้ง่ายๆ สิ่งที่ศิษย์พี่คนนี้ปฏิบัติ มันจะคับแคบเกินไป หรือว่าแม้แต่เรื่องเช่นนี้เขายังยึดติดกับมันโดยไม่มีวันปล่อยไป ?
“ข้ามีวิธีการที่ดี” หยางไค่ยิ้มอย่างมีแผนการ เขากวักมือเรียกหลี่หยุนเทียน จากนั้นจึงกระซิบข้างหูของเขา
ใบหน้าของหลี่หยุนเทียนเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง เขาต้องยอมรับว่าหยางไค่คนนี้ฉลาดและมีความคิดที่ว่องไว แม้แต่วิธีการนี้ยังสามารถคิดออกมาได้
“ถ้าหากศิษย์น้องคิดว่ามันเป็นการบังคับก็ไม่เป็นไร มันเป็นเพราะศิษย์พี่ไม่อาจไว้วางใจศิษย์น้องได้ แต่ว่า……….”หยางไค่การกระทำเหมือนลำบากใจ เขาทำท่าทีเหมือนลังเล ก่อนจะหยุดกล่าวเพียงเท่านี้
หลี่หยุนเทียนจะไม่เข้าใจความหมายของเขาได้อย่างไร แม้ว่าจิตใจจะเกลียดชังมากแค่ไหนแต่เพื่อให้แผนการของตนเองประสบความสำเร็จเขาต้องอดทนต่อไป : “ไม่เป็นไร ศิษย์พี่รอข้าอยู่ตรงนี้ ข้าจะไปนำสิ่งของนั่นมา รอข้าก่อน ข้าจะรีบไปรีบกลับ”
ขณะที่เขากล่าว เขากำลังวิ่งออกไปอย่างเร่งรีบ
มองไปยังตัวเขาที่ค่อยๆ หายไป หยางไค่ถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกสงสาร ในโลกนี้ ยังมีคนขอร้องให้ต่อสู้กับเขา ไม่เพียงขอร้องยังจะมอบสิ่งของให้แก่เขา มันน่าแปลกจริงๆ แต่เป็นเช่นนี้ก็ไม่เลว ถือว่าคลายความต้องการอย่างเร่งด่วนของเขา แต่น่าเสียดาย วิธีการนี้สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว ครั้งต่อไปคงไม่สามารถใช้ได้อีก
หลังจากนั้นหยางไค่รู้สึกไม่ดี ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้เขาคงจะร้องขอมากกว่านี้ จากความต้องการอย่างเร่งด่วนของหลี่หยุนเทียน ถ้าหากตนเองร้องขอมากกว่านี้ เขาคงตกลงอย่างแน่นอน
ซู่มู่นำพาคนอื่นๆ หลบซ่อนจะสถานที่ไม่ไกลมากนักจากหยางไค่ เดิมทีเมื่อเขามองเห็นหลี่หยุนเทียนและหยางไค่เริ่มต้นสนทนาทำให้เขาดีใจอย่างมาก เขากำลังเตรียมตัวชมการแสดงที่เพลิเพลิน แต่ไม่คาดคิดว่าหลี่หยุนเทียนจะรีบร้อนวิ่งออกไป ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ซู่มู่ค่อนข้างที่จะสับสน
วิธีการและแผนการของเมื่อวานไม่ได้ผล !! หลี่หยุนเทียนกำลังทำอะไร?
หัวใจของซู่มู่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนจะส่งคนให้สกัดกั้นหลี่หยุนเทียน เพื่อสอบถามสถาการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อรอได้สักพัก คนที่ถูกส่งไปได้กลับมา เขาจึงกระซิบต่อซู่มู่ : “นายน้อยซู่ หลี่หยุนเทียนกล่าวว่า หยางไค่มันมีจิตใจคับแคบ ต้องให้เขานำสมุนไพรจำนวน 10 ต้นให้แก่เขา ถือว่าเป็นการชดเชยแต้มแห่งชัยชนะที่ต้องเสียไป เขาจึงยินดีที่จะแลกเปลี่ยนวิชายุทธุ์กับหลี่หยุนเทียน”
“ไอ่บ้านี้ จิตใจของมันคับแคบเหลือเกิน” ซู่มู่กล่าวอย่างโกรธเคือง : “หยางไค่เป็นเพียงศิษย์ฝึกหัด เมื่อพ่ายแพ้เขาจะเสียแต้มแห่งชัยชนะเพียงเล็กน้อย ทำไมถึงต้องชดใช้สมุนไพรถึง 10 ต้น ?”
ชายคนนั้นกล่าวตอบ : “หลี่หยุนเทียนพลั้งเผลอกล่าวออกไป ว่าจะชดเชยให้เขา 10 เท่า ดังนั้น…………”
“อืม สมควร” ใบหน้าของซู่มู่แปรเปลี่ยนเป็นความน่าเกลียด : “แต่ว่าอย่าไปสนใจ เพียงแค่สามารถสั่งสอนหยางไค่ สมุนไพร 10 ต้นจะมีค่าอะไร”
สมุนไพร 10 ต้น ต้องใช้แต้มแห่งชัยชนะจำนวน 10 แต้ม ซู่มู่ไม่ได้ใส่ใจกับมันแม้แต่น้อย
เนื่องจากทุกคนรู้สถานการณ์ดี ทำได้เพียงก้าวต่อไปและรออย่างมีความหวัง
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม หยางไค่เกือบจะทำหน้ากวาดทำความสะอาดจนเสร็จสิ้น หลี่หยุนเทียนวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำและเต็มไปด้วยความเหนื่อย มันไม่ได้เป็นเพราะระยะทางทางของหอวิเศษห่างไกลจากที่นี้ แต่เป็นเพราะเหรัญญิกเม้งเฒ่ายังนอนหลับ หลี่หยุนเทียนต้องเคาะประตูเป็นเวลานาน เขาจึงลุกขึ้นมาเปิดประตูให้เขา
เมื่อเหรัญญิกเม้งถูกรบกวนจากความฝันที่หอมหวาด ทำให้ค่อนข้างที่จะเกรี้ยวโกรธ หลี่หยุนเทียนยังไม่ทันสั่งสอนหยางไค่ กลับถูกเหรัญญิกเม้งสั่งสอนซะเอง สมุนไพรระดับต่ำจำนวน 10 ต้นต้องแลกกับแต้มแห่งชัยชนะถึง 20 แต้ม
จิตใจของหลี่หยุนเทียนจึงเต็มไปด้วยความโกรธ !! เขาแอบเคืองโกรธหยางไค่อยู่ในใจ และต้องทวงคืนทุกสิ่งที่เสียไปจากหยางไค่ให้ได้
เมื่อกลับมาถึงจุดนัดพบ หยางไค่ยังไม่ได้จากไป เขายงกวาดทำความสะอาดอยู่ที่เดิม
หลี่หยุนเทียนก้าวอย่างรวดเร็ว เขาหอบหายใจวิ่งไปยังด้านหน้าของหยางไค่ และมองสมุนไพรจำนวน 10 ต้นให้แก่เขา ก่อนจะกล่าวอย่างกระหืดกระหอบ : “ศิษย์พี่ ข้าให้ท่าน”
“โอ้วโอ้ว ไม่ต้อง” หยางไค่แสดงออกเหมือนคนใจกว้าง แต่ยังรับสมุนไพรนั้นไว้ในมือ โดยไม่มองและวางไม้กวาดและสมุนไพรนั้นลงไปที่พื้นทันที
“ศิษย์พี่ ตอนนี้พวกเราทั้งสองสามารถแลกเปลี่ยนวิชายุทธุ์ได้หรือยัง ?” หลี่หยุนเทียนกล่าวถาม
“ได้ได้ได้ ที่จริงศิษย์น้องไม่ต้องวุ่นวายเช่นนี้ก็ได้ คำพูดของศิษยืน้อง ศิษย์พี่นั้นเชื่อมั่น” หยางไค่กล่าวอย่างมีความสุข
หลี่หยุนเทียนเกรี้ยวโกรธจนเกือบจะระเบิดออกมา ก่อนที่เขาจะควบคุมสติตัวเองให้กลับมาเหมือนเดิม คนแรกที่บอกว่าต้องการคือเจ้า คนที่กล่าวว่าเชื่อมั่นก็เป็นเจ้า คำพูดดีคำพูดร้ายล้วนเป็นเจ้าที่พูดเอง ข้ามัววุ่นวายกับเจ้าตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง ทุกอย่างที่ทำไปคงไม่สูญเปล่า ?
แต่ข้าจะลืมมันไป หลี่หยุนเทียนถอนหายใจ สงบความคิดตนเองให้นิ่ง แผนการของวันนี้ประสบความเร็จไปกว่าครึ่ง ตอนนี้หยางไค่กำลังจะท้าประลองกับตนเอง ถ้าเป็นเช่นนั้นหลี่หยุนเทียนจะสั่งสอนเขาโดยไม่ยั้งมืออย่างแน่นอน
“ศิษย์น้อง พวกเราจะเริ่มต้นประลองยุทธุ์หรือยัง?” หยางไค่สอบถามความเห็นของหลี่หยุนเทียน
“เริ่มต้นเลย” หลี่หยุนเทียนเต็มไปด้วความกระปรี้กระเปร่า ก่อนจะกุมหมัดเตรียมความพร้อมในการประลองยุทธุ์และกล่าวต่อหยางไค่ : “ศิษย์พี่ ได้โปรดชี้แนะด้วย !!”
“มิกล้า มิกล้า !!” หยางไค่หัวเราะอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
ทั้งสองไม่มีใครกล้าที่จะเปิดเผยระดับเขตแดนของตนเอง หลี่หยุนเทียนกลัวว่าเมื่อหยางไค่ทราบเขตแดนของเขาจะทำให้เขาตะลึงจนวิ่งเผ่นออกไป ส่วนหยางไค่ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยเขาต้องการปิดเป็นความลับ เมื่อต่างคนต่างมีเหตุผลของตนเองสถานการณ์ก็เริ่มดำเนินออกไปเรื่อยๆ ทั้งสองกำลังเริ่มประลองยุทธุ์
เมื่อวานเขามองเห็นข้อผิดพลาดของจ้าวหู่ และยังเต็มไปด้วยความแค้นของวันนี้ที่ฝังอยู่ในจิตใจ หลี่หยุนเทียนไม่มีวันที่จะละเว้นหยางไค่ เขากำลังเตรียมความพร้อมในการลงโทษศิษย์พี่คนนี้ด้วยบทเรียนที่เจ็บปวด
จากการแลกเปลี่ยนอย่างรวดเร็วและรุนแรงเฉกเช่นสายฟ้าและศิลาเปลวเพลิง ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยความกดดัน ทั้งสองหลบหลีกจากการโจมตีของกันและกัน ณ ตอนนี้ หยางไค่และหลี่หยุนเทียนได้แลกหมัดต่อกัน หลี่หยุนเทียนที่เต็มไปด้วยความแค้น เขาลงมือโดยไม่มีการยั้งมือ เขาได้พุ่งหมัดทั้งสองออกไปด้วยพละกำลังทั้งหมด หมัดหนึ่งเร็วกว่าหมัดหนึ่ง การโจมตีแต่ละครั้งรุนแรงยิ่งกว่าเดิมทุกๆ ครั้ง
หลังจากการประลองยุทธุ์ได้ไม่นาน หลี่หยุนเทียนปล่อยหมัดที่ผิดกระบวนท่าออกไป ทำให้จิตใจของเขาหวั่นวิตก ฝ่ายตรงข้ามกำลังพุ่งพละกำลังที่มหาศาลมาที่เขา ทำให้เขาไม่สามารถยืนหยัดที่ตำแหน่งเดิม กระเด็นถอยหลังออกไปหลายก้าว ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อสักครู่เขารู้สึกว่าหมัดของเขาได้พุ่งปะทะไปยังแผ่นศิลาที่แข็งแกร่งหนักแน่น จนทำให้มือของเขาชาเกือบทั้งหมด