ตอนที่ 27 แลกเปลี่ยนวิชายุทธุ์
หลังจากนั้นไม่นาน ภายในห้องของซู่มู่เต็มไปศิษย์ของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวที่กำลังง่วงซึม
“นายน้อยซู่ มีเรื่องอะไร ?” ศิษย์คนหนึ่งขยี้ตาและกล่าวถาม
“ไม่มีอะไร เป็นเรื่องของเช้าวันนี้” ซู่มู่พยายายามที่จะสงบอารมณ์ให้นิ่งที่สุด “การที่ข้าเรียกทุกคนให้มารวมตัวกันที่นี้ เพียงอยากให้ทุกคนช่วยออกความคิดเล็กๆ น้อยๆ ว่าจะแก้แค้นหยางไค่ให้สำเร็จด้วยวิธีการใด เพื่อปลอดปล่อยความเกลียดชังที่อยู่ในจิตใจของข้า”
อีกคนได้กล่าว : “นายน้อยซู่ ท่านทนรออีก 4 วันได้หรือไม่ ? หลังจากผ่าน 4 วัน พวกเราสามารถท้าประลองยุทธุ์กับหยางไค่ ข้ารับรองว่าพวกเราจะสามารถจัดการเขาได้”
ซู่มู่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ : “ถ้าหากข้าสามารถรอถึงวันนั่นได้ แล้วข้าจะเรียกพวกเจ้ามารวมตัวที่นี้ทำไม ?”
คนกลุ่มหนึ่งกำลังหลับฝันดีแต่ถูกปลุกให้ตื่นกลางคัน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่มีใครให้ความสนใจกับความพูดของซู่มู่มากนัก พวกเขากำลังหาวด้วยความง่วงนอนอย่างจ้าละหวั่น เมื่อซู่มู่เห็นปฏิกิริยาตอบกลับเช่นนี้ ทำให้เขาเกรี้ยวโกรธยิ่งขึ้น เขาได้ทุบโต๊ะเสียงดังและกล่าวตะโกน : “ใคร่ครวญคิดดีๆ ถ้าหากวันนี้ยังคิดวิธีการที่ดีไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ห้ามกลับไปนอน !!”
ทุกคนต่างตกใจ พวกเขาเพิ่งตระหนักว่าซู่มู่โกรธเคืองอย่างแท้จริง ความงัวเงียจากความง่วงได้หายไปหมด พวกเขารีบครุ่นคิดอย่างรวดเร็ซ เพื่อหาวิธีการต่างๆ ที่จะทำร้ายหยางไค่
หลังจากนั้นไม่นาน ศิษย์ของหอประลองยุทธ์คนหนึ่งที่ชื่อว่าหลี่หยุนเทียนได้เบิกตาสว่างใสราวกับเม็ดไข่มุก เขาคิดหาวิธีการที่ดีได้ จึงได้กล่าวต่อซู่มู่ : “นายน้อยซู่ พวกเราสามารถทำเช่นนี้ ………………”
ในขณะที่เขากล่าวแผนการ เขาได้เข้าใกล้ซู่มู่เพื่ออธิบายรายละเอียดของวิธีการและแผนการ ว่ามีวิธีการเช่นใร แล้วผลลัพธุ์จะเป็นเช่นไร
เมื่อซู่มู่ได้ฟัง จิตใจของเขาได้ละทิ้งความโกรธ เขาตบไปที่ไหล่ของหลี่หยุนเทียนและกล่าว : “ไม่เลว ไม่เลว วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ดี เรื่องนี้ข้าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้า !!”
“นายน้อยวางใจ !!” หลี่หยุนเทียนยิ้มอย่างมีเลศนัย
“กลับไปนอนได้แล้ว” ซู่มู่โบกมือ ทำให้ทุกคนต่างผ่อนคลาย ก่อนจะวิ่งกลับไปนอนอย่างรวดเร็ว
มองออกไปยังนอกห้องที่มืดสนิท ซู่มู่หัวเราะอย่างชั่วร้าย : “หยางไค่ ศิษย์พี่หยาง แล้วพบกันในวันรุ่งขึ้น !!”
สุดท้าย ซู่มู่ได้ผล็อยหลับไปด้วยความอิ่มเอมใจ
วันต่อมา หยางไค่ตื่นขึ้นมาในยามเช้าเพื่อฝึกฝนวิชายุทธุ์แห่งกายาเริงอารมณ์ก่อนที่จะออกไปกวาดทำความสะอาดเช่นทุกวันที่ผ่านมา
เมื่อวานที่ผ่านมาเขาใช้กระถางธูปในการฝึกยุทธุ์มาตลอดทั้งวัน แม้ว่ามันจะทรมาณเจียนตาย จนถึงตอนนี้ยังรู้สึกปวดร้าวไปทั่วร่างกาย แต่ผลที่ได้ก็ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือการฝึกกระบวนท่าออกหมัดในระหว่างที่ฝึกวิชายุทธุ์แห่งกายาเริ่มอารมณ์ เพราะเขารู้สึกว่าแรงโน้มถ่วงและแรงดึงดูดของโลกได้อ่อนลงอย่างมาก สิ่งนี้เข้าใจได้อย่างง่ายดาย กลิ่นหอมที่โชยออกมาจากกระถางธูปให้ความกดดันที่มากมายให้แก่เขา การฝึกฝนวิชายุทธุ์แห่งกายาเริงอารมณ์ก็ให้ความกดดันที่ไม่ตายกัน เมื่อเขาสามารถปรับร่างกายให้สามารถรับความกดดันอย่างใดอย่างหนึ่งเขาก็จะสามารถปรับร่างกายให้รับกับอีกสิ่งหนึ่งอย่างง่ายดาย
กระถางธูปเป็นสิ่งของวิเศษ !! จิตใจของหยางไค่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาต้องการที่จะทำงานให้เสร็จ แล้วกลับไปฝึกฝนวิชายุทธุ์ต่อไป
แต่เมื่อหยางไค่กวาดทำความสะอาดได้เพียงครึ่ง ทันใดนั้นนั้นได้มีคนคนหนึ่งปิดกั้นทางเดินของเขา หยางไค่เงยหน้ามองไปยังฝ่ายตรงข้าม เขารู้สึกคุ้นชินกับบุคคลที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งบุคคลนี้ได้มองมาที่เขาและหัวเราะอย่างเสียงดัง
เมื่อคืนที่ผ่านมาหลี่หยุนเทียนได้คิดแผนการและวิธีการให้แก่ซู่มู่ เมื่อได้รับมอบหมายหน้าที่ในวันนี้ แม้ว่าในใจจะเตรียมแผนการมาเรียบร้อย แต่เขาไม่กล้าที่จะประมาท สำหรับหยางไค่เขาเชื่อว่าเขาสามารถกำราบได้อย่าง่ายดาย แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องทำอย่งไรถึงจะให้ฝ่ายตรงข้ามตกหลุมพรางที่ตนเองวางไว้ เพื่อให้หยางไค่ต่อสู้กับเขา
เมื่อวานที่ซู่มู่ก่อเรื่องเขาหลบอยู่ด้านหลังผู้คน ตอนนั้นเขาไม่ได้กล่าวอะไรมากนัก หยางไค่คนนี้คงไม่ได้สังเกตเขาที่อยู่ด้านหลัง ถ้าเป็นเช่นนี้มันจะทำให้เขาสามารถทำงานไดง่ายขึ้น
เขามารอหยางไค่ตั้งแต่รุ่งสาง เขารอหยางไค่อย่างยาวนาน ในที่สุดก็ได้เจอกับหยางไค่ เขาจึงเผยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ไม่เป็นภัยอันตรายต่อคนอื่นๆ
ลักษณะใบหน้าเช่นนี้ คงจะเป็นมิตรอย่างถึงที่สุด !! หลีหยุนเทียนให้กำลังใจตนเองเบาๆ
“ศิษย์น้องท่านนี้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า ?” หยางไค่ไม่กล่าวอย่างไม่เกรงใจ เพราะศิษย์ที่อยู่ในเขตแดนกายาเริงอารมณ์ขั้นแรกๆ ล้วนเป็นศิษย์น้องของเขา อย่ามองว่าเขาอยู่ในเขตแดนระดับต่ำ เพราะหยางไค่เข้ามาในสำนักก่อนพวกเขา มันเป็นข้อดีสำหรับการเข้าสำนักมาก่อน เมื่อเห็นศิษย์ที่อยู่ในเขตแดนขั้นกายาเริงอารมณ์ก็สามารถเรียกพวกเขาว่าศิษย์น้อง
“ท่านคือศิษญ์พี่หยางใช่ใหม?” หลี่หยุนเทียนกล่าวถามทั้งที่ทราบคำตอบแล้ว
หยางไค่พยักหน้า : “ใช่”
หลี่หยุนเทียนกล่าวอย่างดีใจ : “เป็นท่านจริงๆ ด้วย !! ศิษย์พี่หยาง ข้าได้ยินชื่อของท่านมานาน ในที่สุดก็ได้พบกับท่าน คำร่ำลือเกี่ยวกับท่านไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย !!”
คำพูดนี้ทำให้หลี่หยุนเทียนรู้สึกอยากอาเจียน แต่เขายังคงต้องรักษาอาการและการกระทำที่ดูจริงใจต่อไป
“มิได้ มิได้” หยางไค่เองรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของตนเองอย่างดี ชื่อของเขาคงจะเป็นที่รู้จักของศิษย์สามัญทั่วไปอย่างแน่นอน
การกระทำของหลี่หยุนเทียนดูเหมือนค่อนข้างจะเกรงใจ ทันใดนั้นเขาได้กุมมือหยางไค่ไว้ ก่อนจะกล่าวชื่นชม : “ศิษย์พี่หยาง ได้ยินมาว่า เมื่อวานท่านได้สั่งสอนจ้าวหู่อย่างรุนแรง ว้าว ท่านเป็นคนที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก”
“ทำไม เจ้ามีความแค้นกับเขา ?” หยางไค่กล่าวถาม
ใบหน้าของหลี่หยุนเทียนอึ้งไปชั่วขณะก่อนที่จะรีบกล่าวตอบ : “ใช่ เรามีความแค้นต่อกัน ทุกคนต่างมีจิตใจที่ชั่วร้ายและน่ารังเกียจ เขาเคยทำให้ข้าอับอาย !!”
“แล้วทำไมเจ้าไม่ไปแก้แค้น” หยางไค่ถามด้วยความสงสัย
“แม้แต่ในความฝัน ข้ายังต้องการแก้แค้น แต่ว่า……………..” หลี่หยุนเทียนถอนหายใจ : “หยางไค่ท่านเองก็ทราบดี จ้าวหู่มีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง จ้าวหู่เพียงคนเดียวข้ามิได้หวาดกลัวต่อเขาแม้แต่น้อย แต่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของเขาเป็นคนที่ข้าไม่อาจแตะต้องได้”
“ก็จริง” หยางไค่พยักหน้า ซู่มู่เป็นคนที่มีอำนาจ ศิษย์สามัญทั่วไปไม่กล้าที่จะยั่วยุเขา
“ดังนั้น เมื่อวานที่ท่านสั่งสอนจ้าวหู่ เหมือนว่าท่านช่วยให้ความแค้นของข้าเบาลง” หลี่หยุนเทียนพูดอย่างตื่นตั้นจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาจากดวงตา
หยางไค่หัวเราะและกล่าวตอบ : “เป็นเพียงการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนวิชายุทธุ์ ไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างที่เจ้ากล่าวมา”
หลี่หยุนเทียนได้กล่าวตอบอีกครั้ง : “ศิษย์พี่หยางสามารถเอาชนะจ้าวหู่ ความสามารถของท่านก็มิได้อ่อนแอ”
หยางไค่โบกมือปฏิเสธ : “เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย เจ้ากล่าวเกินไป”
หลี่หยุนเทียนหัวเราะอย่างเยือกเย็นภายในใจ ในใจเขาคิดตลอดเวลาว่าคำพูดที่เขากล่าวไปมิได้เป็นความจริง ถ้าหากเมื่อวานเจ้าไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า แล้วจ้าวหู่จะแพ้ได้อย่างไร ? แต่ว่าเขาไม่กล้าที่จะแสดงออกมา ถ้าหากทำให้หยางไค่สงสัยแม้แต่น้อย คงเป็นหายนะสำหรับเขา
“ศิษย์พี่เจียมเนื้อเจียมตัวมากเกินไป มามามา ข้าหลี่หยุนเทียนไม่มีโอกาสที่จะแลกเปลี่ยนวิชายุทธุ์กับใคร ศิษย์พี่หยางก็มีบุญคุณกับข้า ในเมื่อเราได้พบกับในวันนี้ ไม่ควรปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป” หลี่หยุนเทียนกล่าวอ้อมค้อมกว่าครึ่งวัน ในที่สุดเขาก็ได้โอกาสที่จะกล่าวออกมา ?
หยางไค่หัวเราะอย่างขมขื่น : “เจ้าต้องการจะแลกเปลี่ยนวิชายุทธุ์กับข้า ?”
หลี่หยุนเทียนพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น : “แน่นอน ข้าหวังว่าศิษย์พี่จะสั่งสอนข้าได้ ให้ข้าเรียนรู้ว่าเมื่อวานท่านเอาชนะจ้าวหู่ได้อย่างไร และยังช่วยสะสางความแค้นของข้าให้หมดไป”
เหตุผลนี้อาจดูลึกซึ้ง แต่หยางไค่สั่นศีรษะและกล่าวปฏิเสธ : “ช่างมันเถอะ ปกติข้าก็ไม่เคยมีเรื่องหรือต่อสู้กับคนอื่นๆ”
หลี่หยุนเทียนกล่าวอย่างรีบร้อน : ‘ไม่ได้ ศิษย์พี่แม้ว่าวันนี้ท่านจะตกลงหรือไม่ตกลง ท่านก็ต้องตกลง”
หยางไค่หัวเราะและมองไปที่เขาอย่างเย็นชา
หัวใจของหลี่เทียนหยุนสั่นระรัว เมื่อสักครู่เขากล่าวอย่างรีบร้อน คำพูดที่กล่าวออกไปดูเหมือนจะรุนแรงอย่างมาก ก่อนที่เขาจะปลี่ยนสีหน้าและกล่าด้วยเสียงหัวเราะ : “ศิษย์น้องเป็นคนที่กระหายการต่อสู้ ถ้าหากวันนี้ไม่ได้แลกเปลี่ยนวิชายุทธุ์กับใครร่างกายคงจะอึดอัใจน่าดู หวังว่าศิษย์พี่จะตอบรับข้อตกลง”
“มันคงไม่ดี” หยางไค่กล่าวปฏิเสธ
“ทำไมจะไม่ดี”
“มันไม่มีเหตุผล………..”
เมื่อหลี่หยุนเทียนเห็นว่าหยางไค่ต้องการที่จะออกไปจากที่นี้ เขาจึงกล่าวอย่างรวดเร็ว : “การแลกเปลี่ยนวิชายุทธุ์ในสำนักเดียวกัน เสมือนการทดสอบสิ่งที่ได้เรียนรู้มา ยังต้องใช้เหตุผลอะไรอีกล่ะ ? การแลกเปลี่ยนวิชายุทธุ์ มันส่งผลดีต่อตัวข้าและตัวท่านด้วย”
“แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่…………………..ยังไรก็มิได้ มิได้มิได้มิได้” หยางไค่โบกมือปฏิเสธ
“อย่าทำเช่นนี้หรือศิษย์พี่ แลกเปลี่ยนวิชายุทธุ์ คงไม่มีทางตั้งครรภ์” จิตใจของหลี่หยุนเทียนตื่นตระหนก แต่เขาไม่กล้าที่จะเปิดเผยความตั้งใจที่แท้จริงของเขา หัวใจเขาเต้นอย่างระรัว เมื่อคิดสิ่งใดได้ เขาจะกล่าวออกไปอย่างรวดเร็ว : “ศิษย์พี่กลัวว่าจะพ่ายแพ้แล้วต้องถูกหักแต้มแห่งชัยชนะ ?”