ตอนที่ 26 ผู้น้อยคิดแก้แค้น
ในเวลานี้ หยางไค่เริ่มเผยรอยยิ้ม พลังความแข็งแกร่งทางด้านร่างกาย จิตวิญญาณได้หายไปหมดสิ้น ดวงตาไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน หูทั้งสองมีเสียงแว่วอย่างไม่หยุดหย่อน ศรีษะเสมือนมีเข็มนับร้อยนับพันกำลังทิ่มแทงอย่างเจ็บปวด แต่เขายังคงหัวเราะ
ชนะ !!! ความปิติยินดีกับการเอาชนะตนเองมีความสุขยิ่งกว่าการเอาชนะบุคคลอื่นๆ
ในขณะที่หยางไค่กำลังจะหมดสติ ภายในร่างกายได้ระเบิดความรู้สึกอบอุ่นไหลวนออกมา ความรู้สึกอบอุ่นผุดออมาจากระดูกในร่างกาย เสมือนสายฝนในฤดูใบไม้ผลิ และยังเสมือนสายฝนที่แห้งแล้งพัดผ่านทุกส่วนของร่างกาย ทุกส่วนของเลือด เนื้อหนัง ชีพจร นำพามาซึ่งพลังแห่งความแข็งแกร่ง
ความเหนื่อยล้าของร่างกายฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว แม้ต่พลังจิตวิญญาณยังได้รับการฟื้นฟูจนอยู่ในระดับหนึ่ง แม้ว่ามันไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ แต่มันก็มากพอที่ทำให้เขาไม่หมดสิตไป
หยางไค่ไม่ได้ไม่ได้ฝืนอดทนอีกต่อไป แต่เขาได้นั่งลงเพื่อซึมซับสภาพปัจจุบันของร่างกาย เขาพบว่าความรู้สึกที่เจ็บปวดภายในร่างกายได้หายไปจนหมด แต่มันกลับกลายเป็นความรู้สึกที่เบาสบาย สบายจนทำให้เขาเกือบที่จะร้องไห้ออกมา
ชีพจรของร่างเต้นอย่างเป็นจังหวะ จากจังหวะของชีพจร บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่ามันได้เปลี่ยนแปลงจนแข็งแกร่ง มันสามารถระเบิดพลัง พลังงานของชีพจรลมปราณที่อยู่ภายในร่างกายได้ไหลเวียนอย่างไม่หยุด กระดูกของเขายังดูเหมือนว่าได้เปลี่ยนแปลงจนแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
เมื่อผ่านช่วงนี้ไป เหมือนว่าร่างกายของตนเองได้รับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งจนแข็งแกร่งอย่างมาก
หยางไค่ครุ่นดิดอีกครั้ง
ช่วงท้ายสุดที่มีความรู้สึกอบอุ่นผุดออกมาจากกระดูก น่าจะเป็นผลงานของกระดูกทองคำ ก่อนหน้าที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์นี้หลายคร้ง หยางไค่คว้าโอกาสที่สำคัญที่สุดไว้ ทุกครั้งที่เขาต้องพบเจอกับความเจ็บปวดที่แสนสาหัส เขาดื้อรันยืนกรานและไม่มีวันยอมแพ้ จึงสามารถกระตุ้นพลังที่ซ่อนอยู่ในกระดูกทองคำจนมันระเบิดออกมา
ถ้าหากเขายอมจำนนเมื่ออยู่ในสถาการณ์แห่งความเป็นความตาย กระดูกทองคำจะไม่ยอมช่วยเหลือต่อเขา
ถือเป็นกระดูกทองคำที่นิสัยที่ลึกลับ !! หยางไค่หัวเราะเสียงดัง เมื่อถึงตอนนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่ากระถางธูปสามารถช่วยเหลือการฝึกยุทธุ์ของเขาอย่างไร
สมุนไพรที่ถูกใส่ลงไปในเตาของกระถางธูป จะทำให้ประสิทธิภาพของพวกมันทวีความรุนแรงถึงร้อยเท่าพันเท่า หลังจากที่เขาสูดดมกลิ่นของสมุนไพรโชยออกมาจากกระถางธูป มันได้เพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกเหน็ดเหนื่อย พลังจิตวิญญาณลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเมื่อเขาก้าวออกไปเพียง 3 ขั้นก็เกือบทำให้ตัวเขาเองหมดสติ
แต่ประสิทธิภาพของสมุนไพรที่ทีวีความรุนแรงจากกระถางธุป แม้ว่ามันพิษของมันจะร้ายแรง แต่มันไม่สามารถสร้างอันตรายให้แก่เขา ไม่เช่นนั้นไม่คงไม่สามารถช่วยเหลือการฝึกยุทธุ์ของเขา
และการยอมรับความเจ็บปวดทรมาณนี้ กระตุ้นพลังที่ซ่อนอยู่ในกระดูกทองคำ จึงจะส่งผลดีต่อตัวเขาเองอย่างแท้จริง ซึ่งมันทำให้เขาสามารถก้าวข้ามขีดสูงสุดของแต่ะขั้นแต่ละขั้นจนทำให้ตัวเองแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
กลิ่นหอมที่โชยออกมาจากกระถางธูป มันคล้ายคลึงกับกระดูกทองคำที่คอยช่วยเหลือเขา
ทุกอย่างเป็นเพียงสมมติฐานของหยางไค่ แต่เมื่อนำเหตุการณ์ที่ผ่านมามารวมกันแล้ววิเคราะห์ มันคือความจริงที่ต้องยอมรับ หลังจากนี้หยางไค่ต้องตรวจสอบมันอย่างรอบคอบเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการฝึกยุทธุ์
กลิ่นหอมจากกระถางธูปลอยโชยขึ้นมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ลมที่อยู่ภายในกระท่อมยังได้พัดไปยังทิศทางตำแหน่งของหยางไค่อีกด้วย
แต่หยางไค่พบอว่าถ้าหากเขายังอยู่ในตำแหน่งเดิมโดยไม่มีการเคลื่อนไหว กลิ่นหอมนี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบตัวเขา
หลังจากที่พักผ่อนไปกว่าครึ่งชั่วยาม หยางไค่รู้สึกว่าเขาได้ฟื้นฟูความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายเป็นอย่างมาก เขาจึงลุกขึ้นยืนอย่างกระสับกระส่าย ก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้า
ก่อนหน้าเขามิอาจก้าวเดินได้ แต่ในครั้งนี้หยางไค่ไดก้าวเดินออกไปอย่างช้าๆ อย่างสง่าและซึมซับความรู้สึกสบายที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย
เมื่อขาข้างหนึ่งเหยียบย่ำลงบนพื้นดิน หยางไค่พบกว่าความแข็งแกร่งของร่างกายเสมือนสายน้ำที่พุ่งออกมาอย่างรุนแรง มันได้ไหลออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง พลังจิตวิญญาณก็เช่นเดียวกัน มันได้พุ่งออกมาอย่างไม่ขาดสายโดยไม่มีเหตุผลและไม่สัญญานบ่งบอกล่วงหน้า
เมื่อก้าวออกไปอีกครั้ง ความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายได้หลั่งไหลออกมาจนหมด ทำให้หยางไค่สะดุดจนเกือบจะล้มลง
หยางไค่ขบฟันแน่น นิสัยที่ดื้นรั้นของหยางได่ได้ปรากฏออกมาอีกครั้ง เขาก้าวออกไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต
ครั้งนี้หยางไค่ก้าวเดินออกไปทั้งหมด 4 ก้าวจึงทำให้เขาต้องหยุดลง แม้ว่าในจิตใจไม่มีวันที่จะยอมแพ้ แต่ว่าร่างกายไม่อาจต้านทานได้ ความแข็งแกร่งของเขายังไม่สู้ดีนัก
ความรู้สึกอบอุ่นในร่างกายได้ปราฏกออกมาครั้งและแพร่กระจายไปทุกส่วนของร่างกาย แต่เนื่องจากความแข็งแกร่งของเขาไม่สามารถที่จะรับไหวจึงทำให้เขาหมดสติสลบไป
หลังจากทดสอบอยู่หลายครั้ง สมมติฐานของหยางไค่ได้รับการยืนยัน
แม้ว่ากลิ่นหอมที่โชยออกมาจากระถางธูปจาะทำให้มนุษย์รู้สึกเหนื่อยล้า แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น และกระดูกทองคำยังต้องการความเชื่อที่ไม่ย่อท้อต่อความเจ็บปวดเพื่อกระตุ้นให้มันแสดงพลังที่แท้จริงของมันออกมา ถ้าหากจิตใจยังยืนกรานปฏิเสธที่จะไม่ยอมแพ้ ความอบอุ่นจะทวีความแข็งแกร่ง ซึ่งส่งผลดีต่อร่างกายอย่างใหญ่หลวง
การฝึกยุทธุ์ด้วยวิธีการเช่นนี้เป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ หรือจะกล่าวอย่างไม่น่าฟัง คือการเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงกับความตาย ถ้าหากไม่ระวังมันจะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อชีวิต โชคดีที่หยางไค่คุ้นชินกับร่างกายของตนเองอย่างดี เขาจึงสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดสูงสุดของร่างกาย โดยต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดทรมาณซ้ำมาซ้ำไป ซึ่งผลลัพธุ์ที่ได้ก็ปรากฏออกมาให้เห็นอย่างแจ่มแจ้ง
ศักยภาพของมนุษย์ไม่มีขีดจำกัด ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งต้องมีกระบวนการขั้นตอนในการฝึกฝน
ความทุกข์ทรมาณตลอดทั้งวัน ทำให้ความก้าวหน้าของหยางไค่ปรากฏอย่างชัดเจน เขาสามารถเดินออกไปถึง 6 ก้าว เมื่อเทียบกับการก้าวเดินครั้งแรกถือว่ามีการพัฒนาอย่างมาก
แต่หยางไค่ยังไมพึงพอใจ ตอนนี้ตนเองต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์การสูดกลิ่นหอมจากกระถางธุปและก้าวเดิน ถ้าหากเขาสามารถออกหมัดระหว่างที่กลิ่นหอมโชยออกมา สิ่งนั้นจึงจะเรียกว่าการฝึกยุทธุ์อย่างแท้จริง
ทันทีหลังจากนั้น หยางไค่ได้พบกับปัญหาที่น่าอดสูยิ่งนัก
การฝึกยุทธุ์เช่นนี้ทำให้สมุนไพรหมดไปอย่างรวดเร็ว
ดอกสามใบเถาและต้นหญ้าสลายวิญญาณอย่างล่ะ 1 ต้นสามารถยึนหยัดเป็นเวลา 1 ชั่วยาม หลังจาก 1 ชั่วยาม ต้องใส่ดอกสามใบเถาและต้นหญ้าสลายวิญญาณอีกครั้งเพื่อจุดประกายกลิ่นหอมของมัน
หยางไค่ใช้นิ้วมือนับ ใบหน้าของเขาแสดงออกมาอย่างน่าเกลียด
1 วัน 12 ชั่วยาม ทุกๆวันตัวเขาเองจะฝึกฝนวิชายุทธุ์ 7-8 ชั่วยาม นั้นหมายถึงดอกสามใบเถาและต้นหญ้าสลายวิญญาณทั้งหมด 14 ต้น จากการเตรียมสมุนไพรเหล่านั้นด้วยตนเอง มันสามารถยึกหยัดได้เพียง 2 วันเท่านั้น หลังจากนั้นต้นหญ้าสลายวิญญาณจะหมดไป ดอกสามใบเถาก็จะหมดไปกว่าครึ่ง
ถ้าหากว่าสมุนไพรเหล่านี้หมดไปจะทำอย่างไรต่อไป ? ณ ตอนนี้แต้มแห่งชัยชนะของตนเองมีเพียง 38 แต้มเท่านั้น แล้วเขาจะสามารถยึนหยัดต่อไปได้อีกกี่วัน ?
เดิมที่เขาเคยคิดว่าตนเองเป็นมหาเศรษฐีที่โชคดี แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนจนที่น่าเวทนา
คืนนั้น หยางไค่หลับใหลไปพร้อมกับความกังวล ในสมองของเขาเต็มไปด้วยความคิดที่ว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้รับสมุนไพรและแต้มแห่งชัยชนะจำนวนมากมาย แม้แต่ในความฝันเขายังพบเจอกับดอกสามใบเถาและต้นหญ้าสลายวิญญาณ
ค่ำคืนนี้ หยางไค่นอนหลับอย่างไม่สนิท
ค่ำคืนนี้ ซูมู่เองก็นอนหลับไม่สนิทเช่นเดียวกัน
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ของเช้าวันนี้ที่เขาพาคนของเขาเพื่อสร้างปัญหาให้แก่หยางไค่ แต่หยางไค่กลับสามารถเอาชนะ ซู่มู่จึงรู้สึกโกรธและพลิกตัวไปมา ถ้าหากไม่ใช่เขา ในตอนนี้เขาและลูกสาวเถ้าแก่เหอคงจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ถ้าหากไม่ใช่เขา เขาจะต้องอดทนฝืนกลั้นความโมโหนี้ไปทำไม
เมื่อนึกถึงลักษณะที่สดใสของลูกสาวเถ้าแก่เหอ ทำให้จิตใจของซู่มู่เต็มไปด้วยความโกรธ เขาไม่มีหน้าที่จะไปหาฝ่ายตรงข้ามหรือมีปฏิสัมพันธุ์ใดๆกับเธอ มีคำกล่าที่ว่า การรื้อนถอนวัดหลวงอาราม 10 ครั้ง ไม่เท่ากับการทำลาย
งานวิวาห์ 1 ครั้ง หยางไค่ เจ้ากล้าทำลายความสุขของเขา เจ้าจะรังแก่ข้ามากเกินไปแล้ว
และยังมีคำกล่าวที่ว่า บุรุษที่ต้องการแก้แค้น แม้นจะผ่านไป 10 ปีก็มิสาย ผู้น้อยแก้แค้น ตลอดทั้งวัน
ซู่มู่ไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น แม้ว่าการประลองยุทธ์ต้องรออีกหลายวัน แต่ซู่มู่จะรอถึงวันนั้นได้อย่างไร ? เขาต้องการที่จะทำลายหยางไค่ในตอนนี้ การกระทำเช่นนี้จึงจะสามารถบรรเทาความแค็นที่อยู่ในจิตใจของเขาอย่างแท้จริง
หลังจากที่พลิกไปมาโดยไม่สามารถนอนหลับ ซู่มู่เกรี้ยวโกรธจนต้องลุกขึ้นมา ไม่เพียงแต่ตนเองเท่านั้นที่ลุกขึ้น ในเวลาค่ำคืนยังได้ปลุกศิษย์น้องและคนของเขาให้ตื่นอีกด้วย