ตอนที่แล้วตอนที่ 24 เห็ดหลินจือโลหิตขั้นปฐพีระดับต่ำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26 ผู้น้อยคิดแก้แค้น

ตอนที่ 25 ความน่าอัศจรรย์ของกระถางธูป


หลังจากที่เซี่ยหนิงฉางเข้าไปในหอวิเศษ เธอแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเธอพบว่าหยางไค่เดินออกไป ทำให้เธอผ่อนคลายความอึดอัด เป็นเพราะเหตุการณ์ในตอนเช้า ทำให้เธอยังรู้สึกผิดจากการกระทำที่ไม่เหมาะสม

 

ในขณะที่จิตใจกำลังฟุ้งซ่าน เขากลับได้ยินเสียงเรียกของเหรัญญิกเม้งจากด้านใน

 

“ท่านอาจารย์ เกิดอะไรขึ้น ?” เซี่ยหนิงฉางกล่าวถาม

 

“ข้าเสียดายเจ้าเด็กคนนั้น” เหรัญญิกเม้งถอนหายใจและกล่าว : “เขาเป็นเด็กดี ยินดีที่จะอดทนต่อความยากลำบาก บุคลิกก็ดี นิสัยก็ไม่เลวร้าย …….”

 

เมื่อเซี่ยหนิงฉางได้ยินอาจารย์กล่าวยกย่องหยางไค่ ทำให้เธอรู้สึกสับสนอย่างมาก ในใจเธอคิดว่าเขายังไม่รู้ว่าเช้านี้หยางไค่ทำอะไรกับศิษย์ของตนเอง เขาถอดเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่า ทำให้ดวงตาของศิษย์แปดเปื้อน ยังทำให้ศิษย์ของตนเองตกใจจนตะลึงเมื่อได้พบกับเขาที่นี้

 

เหรัญญิกกล่าวไม่หยุด ทำให้เซี่ยหนิงฉางรู้สึกโกรธ เขายืนมือออกไปและตบลงไปที่โต๊ะของเหรัญญิกเม้ง

 

“ป๊าป” สิ้นเสียงตบโต๊ะ ดูเหมือนว่าเธอได้ทำลายสิ่งของบางสิ่งบางอย่าง

 

เหรัญญิกเม้งจ้องมอง ใบหน้าบิดเบี้ยว หัวใจแหลกสลายก่อนจะกล่าวคร่ำครวญ : “มันคือเห็ดหลินจือโลหิต สมุนไพรขั้นปฐพีขั้นต่ำ ของข้าที่มีค่าเท่ากับแต้มแห่งชัยชนะจำนวน 20 แต้ม……………….”

 

“นื้คือเห็ดหลินจือโลหิต ?” เซี่ยหนิงฉางมองไปยังเห็นหลืนจือโลหิตที่แตกกระจาย ในใจของเธอคิดว่าสายตาของชายชราคนนี้คงจะฝ้าฟาง ? นี้มันไมใช่เห็ดหลินจือโลหิต ?

 

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ท่านอาจารย์ดูผิดพลาดไป” เหรัญญิกเม้งเบาลมหายใจเบาๆ เห็ดหลินจือโลหิตที่แตกสลายได้ปลิวว่อนไปกับสายลม และเริ่มปลิวหายไปทีละนิดทีละนิด

 

“ใช่แล้ว วันนี้เจ้ามาหาอาจารย์ทำไม ?” เหรัญญิกเม้งจัดสีหน้า ก่อนจะกล่าวถามอย่างจริงจัง

 

“ข้าก้าวผ่านเขตแดน”

 

ใบหน้าของเหรัญญิกมีการเปลี่ยนแปลงในทันที เขาตรวจสอบเขตแดนของเซี่ยหนิงฉางอย่างละเอียด ก่อนจะพยักหน้าอย่างช้าๆ : “ดีดีๆ ข้ามองเจ้าไม่ผิด มีเพียงเจ้าที่มีร่างกายเช่นนี้จึงเหมาะสมที่จะฝึกฝนวิชายุทธุ์ มาสิ เจ้ากินโอสพวิเศษนี้ก่อน มันจะช่วยรักษาเสถียรภาพเขตแดนของเจ้า”

 

“อืม” เซี่ยหนิงฉางรับมันมาก เธอลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าวถามด้วยเสียงที่เบา : “ท่านอาจารย์ อาการบาดเจ็บของท่านเป็นอย่างไร ?”

 

เหรัญญิกเม้งหัวเราะเบาก่อนจะกล่าวตอบ : “ไม่ต้องเป็นกังวลต่ออาจารย์ ข้ามีชีวิตผ่านมาหลายปี ไม่มีอะไรที่เป็นอันตราย”

 

หยางไค่กลับกระท่อมเล็กๆของเขาด้วยความคาดหวังและความตื่นเต้น

 

ในวันนี้ดอกสามใบเถาและต้นหญ้าสลายวิญญาณต่างได้อยู่ในมือของเขา และยังมีจำนวนที่ไม่น้อย มันเพียงพอที่จะใช้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

 

ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการต่างเตรียมพร้อมจนหมด หยางไค่อยากรู้ว่าแท้จริงแล้วกระถางธูปนั้นจะสามารถช่วยเขาในการบ่มเพาะพลังและฝึกยุทธุ์หรือไม่

 

สถานที่ตั้งของกระท่อมไม้เป็นตำแหน่งที่ห่างไกลและรกร้างที่สุดของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว ไม่มีใครที่จะให้ความสนใจใดๆ กับมัน ดังนั้นหยางไค่จึงไม่ต้องกังวลว่าความลับของเขาจะไหลรั่วออกไป เมื่อเดินเข้าในกระท่อม เขาได้อัญเชิญให้ตำราสีดำปรากฏออกมา เขาเปิดไปหน้าที่ 3 จากนั้นจึงดึงกระถางธูปออกมาว่างไว้ข้างเตียงนอน

 

จากนั้นเขาได้นำดอกสามใบเถา หญ้าสลายวิญญาณออกมา เขานำสมุนไพรทั้งสองใส่เขาไปในเตาของกระถางธูป แล้วจึงปิดฝา เหมือนเดิม

 

ทันใดนั้น กลิ่นหอมจางๆคล้ายกับน้ำหอมระเหยที่หายากเริ่มโชยไปทั่วบริเวณกระท่อม หยางไค่สูดลมหายใจลึกๆ ใช้จิตใจสัมผัสมัน พบว่ากลิ่นหอมนนี้มีลักษณะที่พิเศษ แต่มันไม่มีจุดไหนที่ต้องสังเกตเป็นพิเศษ นอกจากนั้นหลังจากที่เขาสูดหายใจเข้าไป ร่างกายของเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย

 

แต่ว่า จากที่ปักธูปของกระถางธูปได้มีกลิ่นหอมโชยออกมาอย่างต่อเนื่องและมันได้โชยเข้าไปในจมูกของหยางไค่ เสมือนงูตัวเล็กๆที่เลื้อยเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ที่น่าแปลกยิ่งกว่านั้น คือมันได้โชยเข้าไปในจมูกของหยางไค่และไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของเขาทันที

 

ทันใดนั้น ร่างกายของเขาเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างที่มากขึ้น เลือด เนื้อหนังด้านในร่างกาย ชีพจรลมปราณ แม้แต่กระดูก ไขกระดูกสันหลัง รู้สึกชาและแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย

 

หยางไค่ไม่กล้าที่จะรอช้า เขารีบอุ้มกระถางธูปออกไปเพื่อเตรียมการฝึกยุทธ์

 

เมื่อก้าวออกไป หยางไค่รู้สึกตะลึง ขาของเขารู้สึกเต็มไปด้วยสารตะกั่ว มันหนักจะไม่สามารถพรรณนาได้ จากการก้าวเดินในครั้งแรก ความแข็งแกร่งของพลังในร่างกายยังได้แล่นหายไปมาอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อก้าวออกไปอีก 1 ก้าว หยางไค่รู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกาย เหงื่อเย็นไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง กล้ามเนื้อในร่างกายเกร็งทุกส่วน ลมปราณที่ฝึกฝนได้ไม่นานเริ่มสั่นระรัวอย่างรุนแรง กระดูกภายในร่างกายเสมือนกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ

 

ก้าวที่ 3 ขาของหยางไค่อ่อนแรง เขาล้มคุกเขาลงที่พื้นทันที กระถางธูปที่อยู่ในมือก็ได้กลิ้งออกไป

 

สองมือดันพื้นไว้อย่างสุดกำลัง หยางไค่ไม่ไหวติง แต่เขากลับหายใจอย่างหนักหน่วงเสมือนลูกสูบที่ทำงานอย่างหนักหน่วง หน้าอกดันขึ้นลงอย่างรุนแรง เลือดเนื้อหนังที่อยู่ภายในร่างกายกำลังกระตุกอย่างรุนแรง เส้นเอ็น อัวยวะภายใน กระดูก กำลังขยายตัวและหดตัว ความรู้สึกเจ็บปวดและชาเริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ หยางไค่ต้องการคร่ำครวญถึงความเจ็บปวด แต่เขากลับปิดปากเงียบและอดทนต่อความทุกข์ทรมาณอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

สภาพปัจจุบันของตนเองในตอนนี้ บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเขาเหนื่อล้าเกินไป ก่อนหน้านั้นเขาเคยมีประสบการณ์กับอาการเช่นนี้ ดังนั้นหยางไค่จึงค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับมัน

 

แต่ ตนเองก้าวเดินได้เพียง 3 ก้าว ทำไมเรี่ยวแรงทั้งหมดจึงมลายหายไปจนหมดสิ้น ? ไม่เพียงแต่เรี่ยวแรงพลังของร่างกายที่หายไป แม้แต่พลังแห่งจิตวิญญาณของเขายังเหนื่อยล้าจะแทบจะทนไม่ไหว เสมือนว่าเขาไม่ได้พักผ่อนหลับนอนมาหลายวัน ทำให้ดวงตาของเขากำลังจะเลือนราง

 

หรืออาจจะกล่าวได้ว่า พลังจิตวิญญาณของเขาในตอนนี้ลดต่ำลงจนถึงขีดสุด แม้แต่การขยับนิ้วเขายังมิอาจจะกระทำได้

 

ในเวลานี้ คุณประโยชน์ของดอกสามใบเถาและต้นหญ้าสลายวิญญาณได้ลอยอยู่ในจิตใต้สำนึกของหยางไค่

 

สมุนไพรทั้งสองต่างมีพิษเช่นเดียวกัน พิษของมันไม่รุนแรงมากนัก แม้ว่าคนธรรมดาจะกลืนกินไปกี่ต้นก็ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด แต่จากอาการบาดเจ็บในอดีตและอาการบาดเจ็บในปัจจุบัน เมื่อมันรวมตัวอยู่ในร่างกายของหยางไค่ หยางไค่รู้ดีถึงสภาพร่างกายปัจจุบันของตนเองว่าจะเป็นอย่างไร

 

อาจเป็นเพราะตัวเขาเองสูดดูมกลิ่นหอยที่โชยมาจากกระถางธูปมากเกินไป จึงทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นดอกสามใบเถาหรือต้นหญ้าสลายวิญญาณล้วนไม่มีพิษที่รุนแรงเช่นนี้ มันต้องเป็นเพราะกลิ่นหอมนั้นโชยออกมาจากกระถางธูปที่ลึกลับ จึงทำให้พิษของสมุนไพรทั้งสองทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

 

หลังจากที่เขาได้รับกระดูกทองคำ เขาสามารถฟื้นฟูพลังกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมาเขาฝึกยุทธุ์โดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ทำให้เขาไม่สามารถบรรลุขีดสูงสุดของพลัง เมื่อไม่บรรลุขีดสูงสุดของพลังทำให้ไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้

 

แต่มันแตกต่างกันตอนนี้ ตนเองก้าวเดินออกไปเพียง 3 ก้าว ก็สามารถทำให้ตนเองเหนื่อยล้าจนแทบหมดเรี่ยวแรง มันทำให้บรรลุขีดพลังขีดสุดของร่างกายอย่างรวดเร็ว หลังจากนี้เขามิอาจคาดเดาว่าจะสามารถฝึกยุทธุ์ต่อไปได้อีกหรือไม่ ?

 

หยางไค่เชื่อมั่นมาตลอด เชื่อมั่นศักยภาพของมนุษย์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด แต่สิ่งสำคัญคือจะดึงมันออกมาได้อย่างไร สิ่งที่เรียกว่าคุณสมบัติหรือความสามารถแม้ว่าจะสามารถเติบโตไปพร้อมกับผู้ฝึกยุทธุ์คนหนึ่ง แต่ความขยันหมั่นเพียร์เป็นปัจจัยสำคัญที่ขาดมิได้ ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมา แม้ทราบว่าศักยภาพของตนเองไร้ประสิทธิภาพ แต่ตัวเขาไม่ละทิ้งหรือย่อท้อต่อการฝึกยุทธุ์ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม

 

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ทำให้สติของหยางไค่กระจ่าง !!

สองมือค่อยๆใช้แรง หนุนร่างกายที่กำลังอ่อนล้าให้ลุกขั้นมา สองขาสั่นระรั่วอย่างต่อเนื่อง จนเส้นเลือดดำปูดโปน กระดูกข้อต่อเสมือนกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง แต่เขาไม่ย่อท้อ ค่อยๆ ดันตัวเองขึ้นมาทีละน้อยทีละน้อย จนสามารถดึงตัวเองให้ลุกขึ้นมา

 

ความแข็งแกร่งที่มีอยู่ในร่างกายทั้งหมดเสมือนกำลังถูกระบายจนหมดสิ้น สติของเขาเริ่มเลือนราง แต่จิตใจของเขายืนกรานปฏิเสธอย่างแข็งขันและได้ระเบิดความคิดที่ไม่ยอมแพ้ ในชีวิตที่ผ่านมา เขาไม่เคยมีความคิดที่จะไม่ยอมแพ้ที่รุนแรงเช่นนี้มาก่อน สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คือชัยชนะ !!

 

ลุกขึ้น !!! ล้มลงที่ไหน ก็ลุกขึ้นจากที่นั้น !! ลุกขึ้นมาจะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดสูงสุดของร่างกาย และนั้นก็คือชัยชนะ !!

 

เวลาไม่เคยไหลผ่านอย่างเชื่องช้าเท่าวันนี้มาก่อน ใช้ความพยายามที่มากมาย หยางไค่จึงสามารถลุกขึ้นยืน ตั้งตัวตรง สองขาได้เหยียบย่ำอยู่บนพื้นดิน แม้ว่าสองขาจะงอเล็กน้อย และสั่นสะท้าน แต่ลำตัวของเขาตั้งตัวตรงอย่างสง่า ในที่สุดมันได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ

 

ในที่สุด หยางไค่ได้แผดเสียงคำราม ร่างกายของเขายืนตัวตรง แม้จะซวนเซเล็กน้อย แต่ขาทั้งสองได้เหยียบย่ำอยู่บนพื้นดินอย่างมั่นคง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด