ตอนที่แล้วตอนที่ 23 บางสิ่งที่น่าทึ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 25 ความน่าอัศจรรย์ของกระถางธูป

ตอนที่ 24 เห็ดหลินจือโลหิตขั้นปฐพีระดับต่ำ


เหรัญญิกเม้งจ้องมองไปยังที่หยางไค่ ดวงตาของเหรัญญิกเต็มไปด้วยความอยากรู้และความกังวลใจ ทำให้เขาระมัดระวังตัวมากขึ้น ค่อยๆ เปิดถุงผ้าอย่างแผ่วเบา และหรี่ตามองไปยังด้านในของถุงผ้า

 

มันมีขนาดเท่าชามข้าว มีสีแดงเข็ม รูปร่างเหมือนเห็ดและเหมือนเห็ดหลินจืด ลักษณะของมันไม่เลว และยังมีกลิ่นอายแห่งอัจฉริยะและกลิ่นอายแห่งสมบัติปฐพีที่ล้ำค่า

“แค่ก….แค่ก แค่ก……..” เหรัญญิกทำตัวไม่ถูกเขาจึงกระแอ่มไปสองสามครั้ง

หยางไค่มองไปที่เขาด้วยความประหม่าก่อนจะกล่าวถามด้วยเสียงที่แผ่วเบา : “สิ่งนี้ มันคือสิ่งใด ?”

เหรัญญิกมองไปที่เขาด้วยสายตาที่ประหลาดใจก่อนจะกล่าวถามกลับไป:“เจ้า……ไปเก็บมันมาจากที่ไหน?”

“ภายในถ้ำแห่งหนึ่งในเทือกเขาวายุทะมึน ภายในถ้ำยังมีแมงมุมปีศาจยักษ์ขนาดใหญ่ปกป้องมันไว้ แต่ท้ายสุด แมงมุมปีศาจยักษ์ถูกข้าฆ่าตาย ข้าจึงเก็บมันกลับมาด้วย”

หัวใจของเหรัญญิกเม้งสั่นระรัว : “เจ้าพบเจอกับสัตว์ปีศาจ?”

ข้าเตือนเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามเข้าไปในป่าลึก มันเกินขอบเขตแห่งความปลอดภัย ?

“ข้าไม่ได้เข้าไปในป่าลึกเลย แต่ข้าไม่รู้ว่าทำไมมันถึงอยู่ในขอบเขตแห่งความปลอดภัยรอบๆเทือกเขาวายุทะมึน” หยางไค่รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกใส่ร้าย

เหรัญญิกเม้งถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในใจเขาคิดบางสิ่งบางอย่าง การที่เจ้าเด็กน้อยคนนี้ถูกทำร้ายจนกลายเป็นสภาพเช่นนี้ ก็เพราะต้องต่อสู้กับสัตว์ปีศาจตัวนั้น จากความสามารถของเขาเมื่อต้องต่อสู้กับสัตว์ปีศาจคงแตกต่างกันหลายขั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะเอาชิวิตรอดกลับมาได้

น่าสงสารอย่างแท้จริง อายุยังต้องต้องวิ่งเข้าไปในเทือกเขาวายุทะมึนด้วยความยากลำบากเป็นเวลากว่า 3 วัน แต่ก็สามารถแลกเปลี่ยนแต้มแห่งชัยชนะได้เพียง 16 แต้มเท่านั้น ยังต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ปีศาจ ต้องเจอกับเหตุการณ์ที่อาจจะสูญเสียชีวิตของตนเอง ถ้าหากเขารู้ว่าสิงของสิ่งนี้…………..สิ่งของสิ่งนี้…………..ไม่สิ ไม่ ไม่ มันเป็นสิ่งที่ทำร้ายเขาอย่างมาก

แล้วไป ข้าชายชราคนหนึ่งที่ไม่ค่อยสร้างความดีอะไร ก็ถือกว่ามันเป็นศีลธรรมอย่างหนึ่ง

หยางไค่มองเห็นใบหน้าของเหรัญญิกเม้งที่เต็มไปด้วยความเงียบขรึม เหรัญญิกเม้งไม่ตอบเขา ทำให้เขาค่อนข้างที่จะกังวล ขณะที่หยางไค่กำลังจะกล่าวถาม เหรัญญิกเม้งได้หยิบกาน้ำชาและดื่มกินมัน เขาลูบเขาตัวเองไปมา ก่อนจะเผยรอยยิ้มและกล่าว : “เจ้าเด็กน้อย โชคชะตาของเจ้าถือว่าไม่เลว !!”

เมื่อได้ยินคำตอบนี้ ความกังวลใจเมื่อครู่ได้ผ่อนปรนลงทันที เขากังวลว่าสิ่งของสิ่งนี้จะไร้ค่า ถ้าเป็นเช่นนี้คงจะเป็นเรื่องที่ตลกและน่าอับอายอย่างมาก

“เหรัญญิกเม้ง มันคืออะไรกันแน่ ? มีค่าเท่ากับแต้มแห่งชัยชนะจำนวนกี่แต้ม ?” หยางไค่ถูมือตัวเองไปมาและกล่าวถามด้วยความคาดหวัง

“โอ้ว………….ของสิ่งนี้ หรือว่า เห็นหลินจือโลหิต !! เป็นส่วนผสมของสมุนไพรที่หายาก แต่ว่า…………” เหรัญญิกยังไม่ทันทันกล่าวจบ เขามองไปเห็นใบหน้าที่ผิดหวังของหยางไค่ ก่อนจะเปลี่ยนคำพูดของตนเอง : “ไม่ไม่ไม่ มันเป็นสมุนไพรขั้นปฐพี ระดับต่ำ อืม ใช่แล้วมันอยู่ในขั้นปฐพีระดับต่ำ !!”

น้ำเสียงที่จริงจัง จนเกือบทำให้ตัวเขาเองหลงคิดว่ามันเป็นความจริง

“สมุนไพรขั้นปฐพีระดับต่ำ ?” หยางไค่ประหลาดใจ “เหรัญญิกท่านไม่ได้ดูผิดไปใช่ไหม?”

ใบหน้าของเหรัญญิกเต็มไปด้วยความจริงจังก่อนจะกล่าวตอบ : “เรื่องตลอกหรือไง ทั้งชีวิตของข้าพบเจอหญิงสาวมาตั้งมากมาย…….แค่กแค่ก พบเจอกับยาสมุนไพรตั้งมากมาย ดวงตาของข้าเปรียบเสมือนดวงตาแห่งไฟที่ร้อนผ่าว ข้าจะกล่าวผิดได้อย่างไร ?”

“มันสามารถแลกกับแต้มแห่งชัยชนะทั้งหมดกี่แต้ม?” หยางไค่สนใจแต่เรื่องนี้เท่านั้น

“ข้าให้เจ้า 20 แต้ม”

“น้อยมาก” หยางไค่รู้สึกผิดหวังเล็กๆ เดิมทีเขาคิดว่าของสิ่งนี้ต้องอยู่ในขั้นที่สูง น่าจะมีค่าเทียบเท่ากับแต้มแห่งชัยชนะ 20-40 แต้ม

“ไม่น้อยน่ะเจ้าเด็กน้อย” ในใจเหรัญญิกเม้งคิดว่าการให้นี้เป็นการให้ที่ไม่หวังค่าอะไร ไม่สามารถจะให้มากกว่านี้ แต่เขายังหาเหตุผลให้แก่ก่อนจะกล่าวตอบ : “แม้ว่าเจ้าจะค้นหาเห็ดหลินจือโลหิตและเก็บมันมา แต่ว่ามันมีขนาดที่เล็กมาก มีอายุที่ยังไม่มาก ดังนั้นจึงสามารถให้แต้มแห่งชัยชนะเพียง 20 แต้มเท่านั้น”

 

“อ่อ” หยางไค่ไม่เถียงต่อ เขากล่าวยอมรับด้วยความสดใน : “ถ้าเช่นนั้นก็ 20 แต้ม”

เหรัญญิกเม้งพยักหน้า ก่อนจะจดบันทึกลงในสมุดบัญชีของเขาอีกครั้ง

การเดินทางเข้าไปยังเทือกเขาวายุทะมึนในครั้งนี้นอกจากตัวเขาเองที่ต้องการหญ้าสลายวิญญาณและดอกสามใบเถา เขายังได้รับแต้มแห่งชัยชนะถึง 36 แต้ม เมื่อรวมกับแต้มแห่งชัยชนะที่ตนเองสะสมมาตัวเขาเองมีแต้มแห่งชัยชนะทั้งหมด 40 แต้ม หยางไค่รู้สึกว่าตนเองได้กลายเป็นคนมีทรัพย์สินที่มหาศาลไปชั่วขณะ

แม้ว่าการเดินทางเข้าไปในเทือกเขาวายุทะมึนสามารถแลกกับแต้มแห่งชัยชะจำนวนมาก แต่มันทำให้การฝึกยุทธุ์เกิดความล่าช้า และต้องใช้โชคชะตาเข้าช่วต ถึงจะได้รับความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน แม้ว่าจิตใจของเขาจะร้อนรน หยางไค่ตัดสินใจแล้วว่าจากนี้เป็นต้นไป แม้ต้องเจอกับสถานการณ์ที่กดดัน สุดท้ายเขาจะไม่ทำเรื่องเช่นนี้อีก

เหตุผลที่เขาสะสมแต้มแห่งชัยชนะเพราะมันจะช่วยเหลือเขาในการฝึกยุทธุ์ ความสำคัญระหว่างสองสิ่งหยางไค่สามารถแบ่งแยกได้ชัดเจน เขาคงไม่ถูกแต้มแห่งชัยชนะมัวเมาจนทำให้ตนเองเต็มไปด้วยความโล�

ตอนนี้เขาได้รวบรวมดอกสามใบเถาเป็นจำนวนไม่น้อย ครั้งสุดท้ายก่อนจะออกจากถ้ำเขาได้รวบรวมดอกสามใบเถาจำนวน 34 ต้น แต่ว่าต้นหญ้าสลายวิญญาณนั้นมีจำนวนที่ไม่มาก มีเพียง 5-6 ต้นเท่านั้น ถ้าหากใช้มันมาช่วยในการฝึกยุทธุ์ เขากังวลว่ามันอาจจะไม่เพียงพอ เขาต้องแลกเปลี่ยนมันมาจากหอวิเสษ เพื่อเตรียมความพร้อมในการฝึกยุทธุ์ครั้งนี้

เมื่อตัดสินใจอย่างแนวแน่ หยางไค่ได้กล่าวถาม : “เหรัญญิกเม้ง ผมขอต้นหญ้าสลายวิญญาณจำนวน 10 ต้น”

เหรัญญิกเม้งมองไปที่หยางไค่ด้วยสายตาที่สงสย แม้ว่าเขาจะสงสัยว่าเขาต้องการสมุนไพรเหล่านไปทำอะไร แต่เขากลับไม่ได้ถามต่อ ก่อนจะมองไปที่หยางไค่ด้วยสายตาที่ไม่สนใจและกล่าวถาม : “สมุนไพรขั้นสามัญระดับต่ำ 10 ต้น แต้มแห่งชัยชนะจำนวน 10 แต้ม แน่ใจนะว่าเจ้าต้องการ ?”

หยางไค่ขมวคิ้วและกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่จับพิรุธ : “ไม่ใช่สิ มันไม่ถูกต้อง เมื่อสักครู่ ท่านกล่าวว่าต้นหญ้าสลายวิญญาณจำนวน 2 ต้นเท่ากับแต้มแห่งชัยชนะจำนวน 1 แต้ม ?”

“ราคาซื้อเป็นราคาซื้อ ราคาขายเป็นรายขาย มันไม่เหมือนกัน” เหรัญญิกเม้งยิ้มกว้าง ก่อนจะเผยกลิ่นอายแห่งพ่อค้าหัวหมอออกมาอย่างช้าๆ

หยางไค่รู้สึกโกรธ เขาชี้ไปยังจมูกของเหรัญญิกเม้งก่อนจะกล่าว : “ท่านรับซื้อในราคาที่ต่ำแต่ขายในราคาที่สูงกว่า ท่านเก็บเกี่ยวผลกำไรมากไป ไร้ความยุติธรรม จิตใต้สำนึกของท่างถูกสุนัขกินไปแล้วใช่ไหม ?”

เหรัญญิกเม้งโบกมือไปมาก่อนจะกล่าวตอบ : “มันไม่ใช้ข้าที่ต้องการขายในราคาที่ได้กำไร แต่มันคือกฎของสำนัก ไม่เกี่ยวกับข้า เมื่อสิ่งของเข้าสู่หอวิเศษ ไม่ว่าจะเป็นราคา หรือ สิ่งอื่นๆ ย่อมไม่เกี่ยวกับข้า ข้าทำหน้าที่เพียงเฝ้าดูสถานการณ์และรับซื้อขายเท่านั้น ถ้าไม่เป็นเช่นนี้ เจ้าคิดว่าสำนักของเราจะสามารถเลี้ยงดูศิษย์สาวกกว่า 3,000 คนนี้ได้อย่างไร ?”

หยางไค่ตะลึง เมื่อเขาครุ่นคิดกลับไป มันเป็นเรื่องจริง การทำการค้าเช่นนี้ต้องหวังผลกำไร ถ้าหากสำนักหลิงเซี่ยวที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีวิธีการเช่นนี้ ศิษย์สาวกจำนวน 3,000 คนจะดำรงชีวิตต่อได้อย่างไร ? แม้ว่าจะการกระทำเช่นนี้จะหวังผลกำไรเป็นอย่างมาก แต่ไม่มีใครบังคับให้เขาต้องซื้อ หรือบางคับให้เขาขาย

“แล้วเจ้ายังต้องการต้นหญ้าสลายวิญญาณหรือเปล่า ?” เหรัญญิกเม้งมองเห็นใบหน้าของหยางไค่ที่เต็มไปด้วยความปวดร้าว ทำให้จิตใจของเขารู้สึกไม่สู้ดี

“ต้องการ” หยางไค่ขบฟันแน่น ไม่ช้าหรือเร็วเขาต้องใช้มัน ถ้าหากไม่ต้องการที่จะเดินทางค้นหาสมุนไพร มีเพียงวิธีการซื้อจากหอวิเศษเท่านั้น

เหรัญญิกเม้งหมุนตัวกลับไปที่ห้องโถงด้านใน หลังจากนั้นไม่นานเขาได้กลับมาพร้อมกับต้นหญ้าสลายวิญญาณจำนวน 10 ต้น หยางไค่นับจำนวนของต้นหญ้าสลายวิญญาณ ส่วนเหรัญญิกบันทึกลงในสมุดบัญชีของเขา

“หึ !!!” หลังจากที่ขาดทุนไปอย่างมาก หยางไค่รู้สึกไม่พอใจ เขาเก็บต้นหญ้าสลายวิญญาณเข้าไปในถุงผ้าและหันหลังออกจากหอวิเศษทันที

“โปรดมาอีกครั้ง เมื่อเจ้ามีเวลา” เหรัญญิกเม้งกล่าวร้องจากด้านหลังด้วยความสนุก

“แวะมาบ่อยๆ มาฆ่าท่านน่ะสิ” ในที่สุดหยางไค่ก็ได้รับรู้ฉายาเม้งขูดเนื้อหนังของเขาว่าได้มาจากสิ่งใด

หยางไค่รีบก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว หยางไค่รีบร้อนเดินออกมาด้านนอก จนกระทั่งถึงประตูทางออก เงาของบุคคลคนหนึ่งได้วิ่งออกมาจากด้านนอก จนเกือนจะชนกับเขา

ปฏิกิริยาของทั้งสองรวดเร็วอย่างมาก หยางไค่หยุดก้าวทันที ฝ่ายตรงข้ามก็ได้หยุดวิ่งเช่นเดียวกัน แต่กลับมีกลิ่นหอมหวานที่เหย้าหยวนจิตใจจากด้านนอกโชยเข้ามา

เมื่อเงยหน้ามองดู หยางไค่พบเจอกับดวงตากลมโตดั่งดวงจันทร์ที่ส่องสว่างกำลังจ้องมองมาที่เขา แต่เขาไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอได้อย่างชัดเจน เพราะหญิงสาวคนนี้ปิดปังใบหน้าตนเองด้วยผ้าคลุมหน้า

บุคคลคนนี้เป็นสตรี แม้ว่าจะมองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน แต่จากสภาพผิวที่ขาวเนียนของเธอ บ่งบอกได้ว่าเธอมีอายุที่ไม่มาก หรืออาจจะเป็นศิษย์พี่ของเขา

หยางไค่ก้มหัวให้แก่เธอ แสดงท่าทีที่ขออภัย จากนั้นจึงถอยร่างกายออกไป เพื่อส่งสัญญานให้เธอเขาไปก่อน

หลังจากที่ฝ่ายตรึงข้ามนิ่งงันด้วยความตลึง ใบหูของเธอได้เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างกะทันหัน สายตาที่จ้องมองไปที่เขากลับหลบซ่อนไปมาอย่างรวดเร็ว

หยางไค่มองเห็นปฏิกิริยาทุกสิ่งอย่างของนาง ในใจคิดว่าศิษย์พี่ท่านนี้คงจะขี้อายอย่างมาก เขาจึงรีบหลบสายตา เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามตื่นตระหนกไปมากกว่านี้

เซี่ยหนิงฉางอึดอัดแทบตาย

เธอไม่คาดคิดว่าต่นเองจะได้พบเจอกับหยางไค่ตรงหน้าประตูหอวิเศษ เมื่อได้เห็นใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม ทำให้เซี่ยหนิงฉางคิดถึงตอนที่ตนเอง…………………..

คิดถึงเขาอีกแล้ว……

ทันใดนั้นเอง ใบหน้าของเซี่ยหนิงฉางแดงก่ำ ใบหูของเธอร้อนดั่งไฟเผา เธอรีบเข้าไปในหอโถงอย่างรวดเร็ว โดยไม่หันหลังกลับมามองแม้แต่น้อย

หยางไค่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าขำ หญิงสาวที่ขี้อายและขี้กลัวเช่นนี้ค่อนข้างจะพบเจอไดยาก หอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยมีศิษย์ที่เป็นสตรีเป็นจำนวนมาก แต่พวกเขาชอบการต่อสู้จนกลายเป็นคนแข็งแกร้าว ไม่เหมือนกับเธอ เพียงแค่ถูกตนเองมองเห็นเพียงพริบตากับเขิลอายจนใบหน้าแดงก่ำ มันไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอต้องสวมผ้าคลุมหน้าเอาไว้

ศิษย์พี่คนนี้น่ารักไม่เบา แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ากลิ่นหอกที่โชยมาจากร่างกายของเธอนั้นค้นเคยอย่างมาก เหมือนว่าเคยสูดดมกลิ่นนั้นมาจากที่ไหนสักแห่ง …..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด