ตอนที่ 23 บางสิ่งที่น่าทึ่ง
ข่าวการต่อสู้ระหว่างศิษย์ฝึกหัดเป็นหัวข้อที่ร้อนระอุในขนาดนี้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะฐานะของซู่มู่ คนอื่นๆ คงจะแพร่ข่าวนี้ไปยังที่อื่นๆ แต่เพราะมันเกี่ยวข้องกับซู่มู่ แม้ว่าพวกเขาจะรับรู้ แต่ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากกล่าวไปทั่ว พวกเขาทำได้เพียงซ่อนเรื่องราวนี้ไว้ภายใน จิตใจ
ในที่สุดกระท่อมของหยางไค่ก็ได้สงบลง
เมื่อมองเห็นสีของท้องฟ้า หยางไค่รู้สึกอึดอัด วันนี้ซู่มู่ได้สร้างความล่าช้าให้แก่เขา จึงเลยเวลาที่จะฝึกฝนวิชายุทธุ์บันเทิงแห่งกายาเริงอารมณ์ หยางไค่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง
เมื่อเข้ามาในกระท่อม หยางไค่ได้ดึงเสื้อชุดสุดท้ายออกมา หยางไค่วิ่งไปยังบ่อน้ำขนาดเล็กที่อยู่ข้างกระท่อมและถอดเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งออกมา เพื่อเตรียมตัวชำระล้างกายให้สะอาด หลายวันที่ผ่านมา เขาอาศัยอยู่ในเทือกเขา และยังถูกแมงมุมปีศาจยักษ์โจมตี จึงทำให้ร่างกายของเขามีกลิ่นที่เหม็นเน่าและเหม็นสาบจากเหงื่อและเลือดที่ไหลปนเปกัน
เซี่ยหนิงฉางแอบเข้ามาข้างๆกระท่อมอย่างเงียบๆ เขาอยากรู้ว่าศิษย์น้องคนนี้อยู่ในระดับเขตแดนที่เท่าไหร่ ก่อนหน้านั้นเพราะระยะห่างที่ห่างเกินไปจึงทำให้เธอไม่สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน แต่ว่าในกระท่อมไม่มีคน เธอจึงอ้อมไปด้านหลัง เซี่ยหนิงฉางกวาดสายตามองไปยังรอบบริเวณ สายตาของเธอเหลือบไปเห็นก้นสีขาวของหยางไค่ ด้านหน้าสายตาของเธอ หยางไค่กำลังเปลือยล้อนจ้อน และกำลังกระโดดลงไปในน้ำ
ใบหน้าเล็กๆของเซี่ยหนิงฉางแดงก่ำขึ้นมา แม้ว่าพลังของเธอจะอยู่ในระดับสูง แต่ว่าเธอยังเป็นหญิงสาวบริสุทธุ์ อย่าว่าแต่ก้น แม้แต่ต้นขาของชายหนุ่มเธอยังไม่เคยเห็น เมื่อเธอพบเจอกับภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า เธอจะทนต่อภาภเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร ?
มันยั่วเกินไปแล้ว !! หัวใจของเซี่ยหนิงฉางเต้นกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง เธอจึงรีบซ่อนตัว
ทำไมวันนี้เธอและ……………………มีพรหมลิขิตเช่นนี้ ? หญิงสาวที่น่าสงสารแทบจะร้องไห้ออกมา แล้วยังจะสนใจความลับของหยางไค่อีกหรืออย่างไง เธอซ่อนตัวไปมาจากนั้นจึงหายไปจากสถานที่แห่งนั้นในพริบตา
ไอ่ศิษย์น้องคนนี้ ท่านอาจารย์คงจะหละหลวมเกินไป ทำไมถึงเปลือยล้อนจอนเวลากลางวันแสกๆ ไร้ยางอายสิ้นดี ไร้ยางอายเกินไปแล้วน่ะ !!!
ในบ่อน้ำ หยางไค่ได้ชำระล้างร่างกายและล้างใบหน้าของตนเอง
เขาค้นพบว่าตั้งแต่เขาเริ่มฝึกฝนบันทึกแห่งกายาเริงอารมณ์ กล้ามเนื้อของเขาเริ่มแข็งแกร่งมากกว่าแต่ก่อน แม้ว่าเขาจะซูบผอม แต่ซูบผอมอย่างหล่อเหลา
นอกจากนั้นบาดแผลที่หลงเหลือจากการต่อสู้กับแมงมุมปีศาจยักษ์ ในตอนนี้เหลือเพียงแผลที่ถูกเจาะทะลุตรงแขนจากแมงมุมปีศาจยักษ์ที่ยังไม่ได้รักษาอย่างเต็มที่ ซึ่งยังคงมีอาการที่เจ็บปวด
เพราะมันเป็นแผลทะลุ ไม่สามารถหายได้อย่างรวดเร็ว แต่มันไม่ได้หนักหนาสาหัสอย่างที่ตนคิดไว้ตั้งแต่แรก ดูจากบาดแผลในตอนนี้เพียงแค่ดูแลรักษาอีกไม่กี่วันคงจะหายอย่างสมบูรณ์
เมื่อคิดถึงการต่อสู้แห่งความเป็นความตายที่ผ่านมา หยางไค่รู้สึกตื่นเต้น แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ดูเหมือนในตอนนี้ถ้าหากตนเองอยู่ในเหตุการณ์ที่เป็นอันตรายจะรู้สึกกระตือรือร้นและรู้สึกตื่นเต้น เดิมที่เขาไมได้มีนิสัยเช่นนี้ หรือเป็นเพราะจิตใต้สำนึกที่หลับใหลอยู่ในตัวเขา กำลังตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หยางไค่รีบสูดลมหายใจและดำลงไปในบ่อน้ำ เป็นเวลานานก่อนที่จะโผล่ศีรษะออกมา
แม้ว่าจะมีเรื่องด่วนหลายเรื่องที่เขาต้องไปจัดการ แต่เมื่อหยางไค่ชำระล้างกาย แต่กายจนเสร็จสิ้น เขารีบถือไม้กวาดของตนเองและเริ่มกวาดทำความสะอาดตามหน้าที่ของเขา
เพราะนี้คือภาระหน้าที่ที่เขาได้รับมอบหมายในหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว เมื่อได้รับมอบหมายงานนี้ เขาจึงต้องทำให้เสร็จด้วยความตั้งใจที่สุดของเขา
ในขณะที่กำลังกวาด หยางไค่รู้สึกอย่างชัดเจนว่าสายตาของศิษย์พี่ศิษย์น้องจำนวนมากมองเขาด้วยสายที่แปลกๆ เต็มไปด้วยความสงสัย หรืออาจจะเป็นเพราะคนเหล่านี้ได้เห็นการประลองยุทธุ์ในช่วงเช้า จึงไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงสามารถทุบตีจ้าวฮู่จนหมดสติ
หยางไค่ยังคงใจเย็นและทำงานอย่างตั้งใจ
หลังจากที่กวาดทำความสะอาดจนเสร็จสิ้น หยางไค่ได้กลับไปที่กระท่อม เปิดถุงผ้าของเขาออก เขาได้นำดอกสามใบเถาและต้นหญ้าสลายวิญญาณออกมา และนำสมุนไพรที่เหลือเข้าไปในไว้ในถุงผ้าเหมือนเดิม
สมุนไพรที่เหลือไม่มีประโยชน์อะไรต่อหยางไค่ แต่มันสามารถขายให้แก่หอวิเศษเพื่อแลกเปลี่ยนกับแต้มแห่งชัยชนะ
หยางไค่ถือถุงผ้า กำลังจะวิ่งออกไป เขาจะฉุกคิดอย่างกะทันหัน ก่อนที่จะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งและเปื้อนเลือดของเขา นอกจากนั้นยังทำให้หน้าของตนเองสกปรก ก่อนจะเดินออกไปอีกครั้ง
ณ หอวิเศษ เหรัญญิกเม้งกำลังถือกาน้ำชา นั่งไขว้ขา จิบน้ำชา และร้องเพลงอย่างสบายอารมณ์
ทันใดนั้น เงาของมนุษย์ประกาย เหรัญญิกเม้งจึงเงยหน้าขึ้นมอง ในขณะที่เขากำลังจะสบทด่าศิษย์คนไหนที่ไม่รู้จักเวลา กล้ามารบกวนเขาตั้งแต่เช้า แต่เมื่อเขามองเห็นหยางไค่ที่ดูเสมือนถูกทารุณอย่างแสนสาหัส เสื้อผ้าที่ขาดวิ่นของเขาไม่สามารถที่จะปกปิดรัศมีแห่งความสง่างามของเขา สองขาของเขามองเห็นได้อย่างชัดเจน ขนที่เขาของเขายังดูแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ
สาวกหญิงสองคนที่กำลังเดินผ่านหอวิเศษเมื่อมองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ พวกเขาร้องออกมาด้วยความตกใจ ไอ่พวกคนถ่อย !! ถอยออกไปเดี่ยวนี้น่ะ !!
เหรัญญิกเม้งผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทะลวงเข้าสู่เทือกเขาแห่งดาบ การผ่านทะเลเปลวไฟ เขาคงไม่ยินดียินร้ายแม้ว่าจะมีการสังหารหมู่ของสิบเมือง แต่ตอนนี้เขาได้วางแก้วชาที่อยู่ในมือและกล่าวถามหยางไค่ด้วยความเป็นห่วง
“หยางไค่น้อย ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ?” ใบหน้าของเหรัญญิกเม้งเต็มไปด้วยความสงสัย เขารีบลุกขึ้นมา เบิกตากว้างมองไปยังหยางไคด้วยความตื่นตะลึง
หยางไค่รีบวิ่งเข้ามาบนโต๊ะ เขารีบสูดลมหายใจเหือกใหญ่ก่อนจะกล่าวตอบ : “ผมมีชีวิตรอดกลับมาได้ !!”
“คงจะผ่านความยากลำบากมาไม่น้อย ?” เหรัญญิกเม้งรู้สึกสงสัยว่าหยางไค่ไปทำอะไรมา หลายวันที่ผ่านมาในขณะที่เขาเดินออกไปจากที่นี้ยังมีร่างกายที่แข็งแรงไม่คิดเลยว่าเการเดินทางไปยังเทือกเขาวายุทะมึน จะทำให้เขากลายเป็นเช่นนี้ มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง
“อืม !! มีอันตรายเกิดขึ้นกับข้า ’ หยางไค่พยักหน้า เขาไม่เสียเวลาต่อไป เขารีบเปิดถุงผ้าของตนออกมา หยางไค่ถือถุงผ้าที่เต็มไปด้วยสมุนไพรและกล่าว :”แต่ผลที่ได้รับก็ไม่เลว เหรัญญิกเม้ง สมุนไพรเหล่านี้จะได้รับแต้มแห่งชัยชนะเท่าไหร่ ? ”
เหรัญญิกเม้งกวาดตัวมอง และขมวดคิ้ว
เป็นเพียงสมุนไพรระดับล่าง ไม่มีค่าอะไร ในหอวิเศษสมุนไพรเหล่านี้มีมากมายถมเถไป เก็บไว้ก็ไม่มีสถานที่จะเก็บพวกมัน
ในขณะที่กำลังจะปฏิเสธ เหรัญญิกเม้งมองไปยังหยางไค่ที่มองด้วยความคาดหวัง เหรัญญิกเม้งได้มองไปยังร่างกาย เสื้อผ้าของเขา ทำให้เกิดความเจ็บปวดในหัวใจ ทำให้หัวใจของเขารู้สึกอ่อนไหว ก่อนจะพยักหน้าตอบ : “โอ้ว ได้รับ ได้รับ ทุก2 ต้นของสมุนไพรจะได้รับแต้มแห่งชัยชนะจำนวน 1 แต้ม”
“ท่านนับมันซิ” หยางไค่ไม่ต่อรอง เขายืนถุงผ้าให้แก่เหรัญญิกเม้ง
เหรัญญิกเม้งนับจำนวนของสมุนไพร ทั้งหมด 32 ต้น จะได้รับแต้มแห่งชัยชนะจำนวน 16 แต้ม เหรัญญิกเม้งได้จนบันทึกแต้มแห่งชัยชนะของหยางไค่ลงในสมุดบัญชีของเขา
“เจ้าเข้าไปอยู่ในเทือกเขาวายุทะมึน 3 วัน ได้รับสมุนไพรเพียงเท่านี้ ?” เหรัญญิกเม้งกล่าวถาม
“แต่ได้มาขนาดนี้ก็ถือว่าดีมาก !!” หยางไค่กล่าวตอบก่อนที่จะมองไปยังรอบๆ อย่างรอบคอบ
“ฮึฮึ ไม่เลว” หยางไค่ทนไม่ได้ที่จะไม่ชื่นชมหยางไค่ เพราะเขารู้ว่าหยางไค่ต้องพบเจอกับความยากลำบากแค่ไหน เจ้าเด็กคนนี้มีการฝึกฝนวิชายุทธุ์ที่ไม่ก้าวหน้า แต่มีความขยัยหมั่นเพียร ในปัจจุบันเยาวชนเช่นเขาที่สามารถทนต่อความยากลำบากแทบจะไม่มีให้เห็น น่าเสียดาย เป็นเพราtขีดจำกัดในการฝึกยุทธุ์ของเขา จึงลิขิตให้เขาไม่สามารถฝึกยุทธุ์ได้สำเร็จ
ในขณะที่จิตใจของเขากำบังคบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหรัญญิกเม้งมองเห็นสายตาของหยางไค่ที่กวาดตามองไปทั่วก่อนจะกล่าวถามด้วยความสงสัย : “เจ้ากำลังมองหาสิ่งใด ?”
หยางไค่โน้มตัวไปข้างหน้าและกล่าวตอบด้วยเสียงที่ต่ำทุ้ม : “เหรัญญิกเม้ง การเข้าไปยังเทือกเขาทะมึนในครั้งนี้ ทำให้ข้าได้พบกับบางสิ่งที่น่าทึ่ง !!”
เมื่อเห็นคำพูดที่ระมัดระวังของหยางไค่ เหรัญญิกเม้งอยากรู้ว่าบางสิ่งบางอย่างที่น่าทึ่งคงจะไม่ใช่สิ่งที่ปกติ ใบหน้าของเขาลดต่ำลง ก่อนจะกล่าวถามด้วยเสียงต่ำทุ้ม : “มันคือสิ่งใด !!”
“ข้าไม่ทราบ ข้าได้นำมันกลับมาเพื่อให้ท่านช่วยบอกข้าว่ามันคือสิ่งใด ท่านเป็นผู้อาวุโสที่ผ้่่านสิ่งต่างๆมามากมาย ท่านต้องรู้จักมันแน่” ในขณะที่หยางไค่กล่าว เขาได้สัมผัสก้นของเขา และดึงเอาถุงผ้าอีกถุงออกมา จากนั้นจึงวางมันลงที่โต๊ะอย่างแผ่วเบา …..