TXV – 58 สุนัขรับใช้ !
TXV – 58 สุนัขรับใช้ !
มีสายเข้ามาจากเลขาของหลิวหยิง เธอได้พูดเอาไว้สองอย่าง หลินบู่เหวินใช้ชื่อของเธอเพื่อนัดประชุมผู้ถือหุ้น พวกเขาได้ประกาศว่าจะมีคนมาซื้อบริษัทไนท์มูฟสปอตอีควิชเมนต์ อย่างที่สองคือมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นที่สำนักงานจดสิทธิบัตรของบริษัท สำนักงานปฏิเสธเอกสารของเธอเพราะมันไม่สมบูรณ์ และเธอต้องเขียนเพื่อส่งไปใหม่อีกครั้ง
ในโทรศัพท์หนึ่งสาย แต่มีถึงสองปัญหา ปัญหาทั้งสองอย่างนี้เหมือนกับภูเขาลูกใหญ่พุ่งเข้ามาชนหลิวหยิง
“ทำไม…ทำไมทันเป็นแบบนี้..” หลิวหยิงพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอร้องไห้ออกมาขณะที่กำลังขับรถไปบริษัท
สามีเธอเสียชีวิตไปแล้ว และบริษัทที่แลกมาด้วยการทำงานหนักทั้งชีวิตของเขากำลังจะถูกพรากไป ตำแหน่งผู้บริหารในบริษัทของเธอก็ตกอยู่ในอันตรายด้วยเช่นกัน
“อย่ากังวลไปเลยพี่หลิว มันอาจไม่ได้แย่อย่างที่คิด เอกสารอาจจะมีปัญหาจริงๆก็ได้ เราแค่ต้องทำมันและส่งไปใหม่ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย” เซี่ยเหล่ยปลอบเธอ
หลิวหยิงยังไม่หยุดร้องไห้…
“อย่ามาปลอบฉันเลย … ต้องมีใครบางคนพยายามขัดขวางไม่ให้เอกสารของฉันส่งไปถึงแน่ๆ … บางทีเขาอาจได้สิ่งที่เขาต้องการแล้ว … พวกเขานัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อปลดฉันออกจากตำแหน่ง ทำไมชีวิตของฉันมันถึงได้ลำบากขนาดนี้ เหล่ย บอกฉันทีเถอะ ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร ?”
เซี่ยเหล่ยรู้สึกเห็นใจเธอ....
“อย่าร้องไห้ อย่ายอมแพ้ ไม่ว่าจะเจออะไรข้างหน้า คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะ ผมจะอยู่ข้างๆคุณ คุณห้ามหมดหวังและห้ามคิดอะไรโง่ๆ ถึงคุณจะไม่สนใจตัวเองแต่ก็ต้องคิดถึงลูกชายของคุณ เข้าใจไหม ?”
“เหล่ย ฮืออ…” หลิวหยิงร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิม....
ออดิ คิวเซเว่นเร่งความเร็วมากขึ้น
เมื่อหลิวหยิงสงบลงแล้ว เซี่ยเหล่ยหยิบมือถือออกมาพิมพ์ข้อความและส่งมันออกไป…
หลิวหยิงขับรถมาถึงบริษัทที่อยู่ชานเมือง ตึกขนาดกลางที่ยังดูใหม่เหมือนเพิ่งสร้างมาไม่ถึงปี…
บริษัทไนท์มูฟสปอตอีควิชเมนต์… บริษัทที่เกิดจากหยาดเหงื่อของสามีเธอ…
พนักงานบริษัทมองทั้งคู่ด้วยสายตาแปลกๆเมื่อพวกเขาลงจากรถ เมื่อเข้ามาภายใน เซี่ยเหล่ยสังเกตเห็นพนักงานกระซิบคุยกัน เขาไม่ต้องใช้ความสามารถเพื่ออ่านปากคนพวกนั้นก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะคุยกันเรื่องที่กลุ่มผู้ถือหุ้นประชุมกันปลดหลิวหยิงออก…
พวกเขามาถึงห้องประชุม และผลักประตูเข้าไป…
กลุ่มผู้ถือหุ้นนั่งอยู่ในห้องประชุมกับหลินบู่เหวิน ที่น่าตกใจคือหนึ่งในกลุ่มผู้หุ้นมีหลินหย่าหยู่ น้องสาวของหลินบู่เหวินอยู่ด้วย
ทันทีที่ประตูถูผลักเข้ามา ทุกสายตาในห้องประชุมก็หันมามองที่เธอและเซี่ยเหล่ยที่เดินตามหลังเธอมา
“ผู้บริหารหลิวมาก็ดีแล้ว หาที่นั่งสิ คุณมาได้ถูกเวลาพอดีเลยนะ ผมกำลังจะประกาศอะไรบางอย่างที่สำคัญมาก” หลินบู่เหวินยิ้มอย่างเย็นชาและพูดกับเธอ
หลินบู่เหวิน เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ของหลิวหยิง และให้เธอหาที่นั่งใหม่เอง เขาทำราวกับว่าตัวเองเป็นผู้บริหารของบริษัทไนท์มูฟสปอตอีควิชเมนต์
หลิวหยิงโมโหจนทุบโต๊ะอย่างแรง เธอตะโกนเสียงดังและชี้ไปที่ประตู
“หลินบู่เหวิน แกถูกไล่ออก ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ !”
“คุณเนี่ยนะจะไล่ผมออก? ลองถามพวกเขาดูสิว่าพวกเขาเห็นด้วยกับคุณมั๊ย” เขาพูดอย่างเยาะเย้ย
หลิวหยิงเงยหน้าขึ้นมา เธอมองไปที่เหล่าผู้ถือหุ้นด้วยความผิดหวังและไม่พอใจ ทุกคนพยายามหลบตาเธอ ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิดแต่พวกเขาแค่ไม่อยากเผชิญหน้ากับเธอเท่านั้น
หลินบู่เหวินหัวเราะเยาะเธอ...
“หลิวหยิง ผมบอกคุณตามตรงนะ ทางเลือกที่ดีที่สุดของคุณตอนนี้คือขายหุ้นทั้งหมดของคุณแล้วเอาเงินไปซะ หรือคุณจะเลือกไม่เอาอะไรเลย ?”
“ไอ้สารเลว !” เธอฟาดฝ่ามือไปที่หน้าของหลินบู่เหวิน แต่เขาจับมันไว้และผลักออก ท่าทางของเขาเปลี่ยนไป
“คุณมันก็คนตระกูลหลิวคนหนึ่งที่ฉลาดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่การจดสิทธิบัตรของคุณจะไม่มีทางได้รับการอนุมัติ นอกซะจากว่าแกจะออกจากบริษัทนี้เท่านั้น คุณไม่มีทางดูแลบริษัทนี้ได้โดยไม่มีผู้ถือหุ้น หรือคุณทำได้ล่ะ? เสนอราคามาสิ ต้องการเท่าไหร่ล่ะสำหรับหุ้น 50% ในบริษัทนี้?”
หลิวหยิงน้ำตาไหล…
“ขายมันซะเถอะ ผู้บริหารหลิว คุณยังคงได้ราคาสูงนะถ้าหากขายตอนนี้” ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งพูด
“ใช่ สิทธิบัตรจะไม่มีทางได้รับการอนุมัติ ถ้าคุณยังอยู่ในบริษัทนี้ คุณอาจไม่ต้องการสร้างรายของบริษัทเพิ่ม แต่พวกเราต้องการเงินไปเลี้ยงครอบครัวของพวกเรา”
“ถ้าคุณไม่ขาย เราจะทำเอง บริษัทนี้คือสิ่งที่สามีคุณทำมาทั้งชีวิต คุณทนเห็นมันพังลงไปแบบนี้ได้หรือ?”
“ใช่แล้ว ขายซะเถอะ เงินที่ได้จะสามารถทำให้คุณและลูกชายอยู่อย่างสุขสบายไปได้ตลอดชีวิต เป็นผู้หญิงทำไมต้องทำงานหนักล่ะ อยู่บ้านดูแลลูกๆไปก็ดีแล้วนี่”
ผู้ถือหุ้นทั้งหมดในที่ประชุมต่างเห็นด้วยกับการให้หลิวหยิงขายหุ้นของเธอ
“พวกคุณ…” หลิวหยิงโกรธจนตัวสั่น
“ใครซื้อหุ้นของผู้บริหารหลิว? นี่ไม่ใช่การซื้อขายเล็กๆนะ ผู้ซื้อหุ้นควรแสดงตัวเพื่อพูดคุยกันโดยตรงไม่ใช่หรือ ? ทำไมถึงส่งหมามาเห่าที่นี่ นี่มันอะไรกันเนี่ย ?” เซี่ยเหล่ยเอ่ยปากขึ้นมา
“แกกล้าดียังไงมาเรียกฉันว่าหมา!” หลินบู่เหวินรู้สึกเสียหน้าและโกรธมาก
“ฉันเอง !” เสียงของหญิงคนหนึ่งดังขึ้นที่ประตูห้องประชุม
เซี่ยเหล่ยหันไปมองและเจอลูกสาวคนรองของตระกูลกู๋…กู๋เค่อเหวิน เธอยังดูเด็กและสวยมาก เธอปรากฏตัวพร้อมกับบอดี้การ์ดร่างยักษ์สองคน
เซี่ยเหล่ยเข้าใจทุกอย่างทันทีเมื่อกู๋เค่อเหวินปรากฏตัวขึ้น เขาถามว่าใครเป็นคนซื้อหุ้นเพื่อจะหาตัวคนบงการ แต่เธอกลับปรากฏตัวขึ้นมาอย่างไม่คาดคิดหลังจากเขาถามออกไป
กู๋เค่อเหวินพูดแค่สองคำ แต่ท่าทางของเธอก็แสดงออกมาอย่างชัดเจน ‘ฉันนี่แหละคือคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง แล้วไง แกจะทำอะไรฉันได้ล่ะ?’
“เชิญนั่งครับ คุณหนูกู๋” หลินบู่เหวินก้มหัวคำนับและยืนข้างๆเธอ หลินหย่าหยู่ก็เดินมาเคารพเธอเช่นกัน
กู๋เค่อเหวินตอบรับเพียงพยักหน้าแค่นั้น...
ผู้ถือหุ้นทุกคนต่างลุกขึ้นแล้วแสดงความเคารพต่อกู๋เค่อเหวิน การปฏิบัติตัวและเชื่อฟังคำสั่งเช่นนี้หลิวหยิงไม่เคยเห็นมาก่อนเลยตั้งแต่เธอเป็นผู้บริหารบริษัทนี้มา....
กู๋เค่อเหวินนั่งเอนกายลงบนที่นั่งของหลิวหยิง เธอหันมามองและหัวเราะ
“ผู้บริหารหลิว ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าคุณคิดอะไร เพราะมันไม่มีความหมายอะไรกับฉัน ฉันมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์เดียวเท่านั้นคือซื้อหุ้นของทุกคนที่นี่ อาจจะรวมถึงคุณด้วย มันคงจะดีถ้าคุณออกไปจากที่นี่”
เมื่อหลิวหยิงเงียบไป หลินหย่าหยู่ก็พูดเยาะเธอ
“คุณไม่ไม่ด้ยินที่คุณหนูกู๋พูดกับคุณหรือ?”
หลินบู่เหวินเสริมขึ้นมา
“คุณแค่ต้องขายหุ้นของคุณเท่านั้น บริษัทนี้มีสินทรัพย์ไม่เกิน 50,000,000 คุณหนูกู๋ต้องการใช้เงินแค่ 20 – 30 ล้าน เพื่อซื้อหุ้นของที่นี่ ถ้าคุณหนูกู๋ซื้อหุ้นของคนอื่นๆด้วยเธอจะสามารถทำลายบริษัทนี้ได้ และคุณจะไม่เหลืออะไรเลยซักแดงเดียวและคุณจะต้องเป็นหนี้ จะดีกว่าไหมถ้าให้คุณหนูกู๋ซื้อหุ้นของคุณ และเมื่อคุณออกไป บริษัทนี้จะยังดำเนินกิจการต่อไปได้?”
ทันใดนั้น มือถือของเซี่ยเหล่ยมีแจ้งเตือนข้อความเข้า เขาหลบไปยังมุมห้องเพื่อเช็คข้อความ
“ฉัน… ฉัน…” หลิวหยิงพูดไม่ออก น้ำตาของเธอไหลรินมาเต็มใบหน้า
หลิวหยิงรู้ว่าเธอไม่มีทางเลือก เธอไม่สามารถต่อต้านคู่แข่งเช่นกู๋เค่อเหวินได้ เธอรู้ว่ากู๋เค่อเหวินทำอะไรไว้บ้าง ส่งหัวขโมยมาหลังจากเชิญเธอไปบ้านตระกูลกู๋ เมื่อแผนการล้มเหลวจึงใช้คนของตระกูลอู๋มาขัดขวางขั้นตอนการจัดสิทธิบัตรทำให้ไม่ได้รับการอนุมัติ จากนั้นก็รวบรวมผู้ถือหุ้นรายอื่นเพื่อบีบให้เธอออกจากบริษัท กับคู่แข่งแบบนี้ เธอต้องสู้เท่านั้นเพื่อที่จะรักษาของมีค่าของเธอเอาไว้ได้.....
กู๋เค่อเหวินเหมือนจะรู้จุดอ่อนของหลิวหยิง รอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์จึงปรากฏบนริมฝีปากเธอ
“ผู้บริหารหลิว คุณเป็นคนฉลาด เสนอราคามาเถอะ เรายังสามารถบริหารธุรกิจนี้ไปได้อย่างสบาย”
หลิวหยิงกัดฟันและพยักหน้า “ฉันต้องการ…”
“หยุดก่อน!” เซี่ยเหล่ยเข้ามาขวาง “พี่หลิว มาคุยกันหน่อย”
หลิวหยิงนิ่งคิดเป็นเวลานานและพยักหน้าอย่างเลื่อนลอย
รอยยิ้มหายไปจากหน้าของกู๋เค่อเหวิน เธอจ้องเขม็งไปยังเซี่ยเหล่ย และพูดเสียงเย็นชาว่า.....
“คุณอีกแล้วนะ !”
เซี่ยเหล่ยตอบอย่างไม่แยแส “คุณคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ย ถ้าผมจะขอพูดกับพี่หลิวสักเล็กน้อย”
หลินบู่เหวินพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่กู๋เค่อเหวินจะได้ตอบอะไรออกไป
“ไม่ได้ทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าแกจะพูดอะไรก็ตาม ไม่รู้หรือไงว่าเวลาของคุณหนูกู๋มีค่ามากแค่ไหน?”
เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “คุณก็เป็นได้แค่สุนัขับใช้ แต่ฉันต้องขอยอมรับว่าแกเป็นสุนัขรับใช้ที่ดีมาก”
“มึงมันไอ้สารเลว !” หลินบู่เหวินไม่สามารถหยุดพ้นคำหยาบออกมาจากปากได้
กู๋เค่อเหวินตวัดสายตาไปมอง หลินบู่เหวินก็เงียบทันที นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นสุนัขรับใช้ที่ดี
เซี่ยเหล่ยดึงหลิวหยิงออกมาและพูดเบาๆที่หูเธอ “คุณไว้ใจผมไหม?”
หลิวหยิงดูมีท่าทางลังเลเล็กน้อย “หมายความว่ายังไง? ทำไมฉันต้องไม่ไว้ใจคุณล่ะ ? ถึงเราจะรู้จักกันไม่นานแต่ฉันก็เห็นคุณเป็นน้องชาย ทำไมฉันจะไม่เชื่อคุณล่ะ?”
เซี่ยเหล่ยกระซิบ “ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ถ้าคุณเชื่อใจผม ให้ผมจัดการเรื่องนี้เองเถอะ”
หลิวหยิงหัวเราะอย่างขมขื่น น้ำตาเธอเหมือนจะไหลออกมาอีกครั้ง
“เหล่ย เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันจะไปทำอะไรได้นอกจากยอมจำนน คุณช่วยฉันไม่ได้หรอก ฉันจะขายหุ้น ฉันเกรงว่าข้อตกลงที่ฉันเคยสัญญาไว้กับเธอมันคงไร้ประโยชน์แล้วล่ะ”
เธอพูดอย่างน่าสงสาร แต่เซี่ยเหล่ยกลับยิ้ม เขาขยับเข้ามาใกล้ใบหูเธออีกครั้งและพูดอะไรบางอย่างกับเธอ.......
หลิวหยิงจ้องไปที่เซี่ยเหล่ยแล้วเปลี่ยนเป็นสายตาที่ตกตะลึง !
ติดตามตอนต่อไป......