Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 32 - เม็ดยาพระเจ้าเก้าหมุนเวียน?
Chapter 32 - เม็ดยาพระเจ้าเก้าหมุนเวียน?
นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ร้องออกมาด้วยความตระหนกเมื่อมันเห็นชิ้นส่วนแผนที่
“เจ้ารู้จักเม็ดยาพระเจ้าเก้าหมุนเวียน?” เซี่ยวหยุนถามหลังจากเก็บชิ้นส่วนแผนที่ไว้ จากปฏิกิริยาที่ตื่นเต้นของนกกระจอก เขาเข้าใจว่าเม็ดยาพระเจ้านี้ไม่ธรรมดา
“ใช่” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์กล่าวแล้วพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น “ตามตำนาน ตำรับเม็ดยาพระเจ้าเก้าหมุนเวียนนี้เป็นตำรับยาที่ถูกทิ้งไว้โดยพระเจ้า ตามตำนานกล่าว่าเมื่อเม็ดยาถูกกลั่นตามตำรับ มันจะสามารถชุบชีวิตคนได้ มันยังสมารถช่วยพวกเขาจากจุดสิ้นสุดของชีวิตและเพิ่มอายุขัยของพวกเขาให้อีก 100 ปี เพียงแค่ข่าวของเม็ดยาประเภทนี้ก็สามารถขับดันให้เซียนการต่อสู้จำนวนมากต้องบ้าคลั่งด้วยความโลภได้”
“สมกับชื่อเม็ดยาของพระเจ้าจริงๆ” เซี่ยวหยุนกล่าวขณะที่ดวงตาของเขาหดแคบลง มองไปยังศพ เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ สุดท้ายเข้าก็ใจว่าทำไมเซียนที่เหมือนกับราชาเปลวไฟสีม่วงถึงได้มีจุดจบเช่นนี้ ด้วยตำรับยาประเภทนี้ ใครบ้างที่ไม่ต้องการจะสู้เพื่อมัน? มันเหมือนกับคำพูดเก่าแกที่ว่าไว้ “การเก็บแหวนหยกไว้จะกลายเป็นจะกลายเป็นความผิด” [TLN: คำพูด 怀璧其罪 ซึ่งแปลตามตัวอักษรข้างต้นจริงๆได้เปรียบเปรยการแปลได้ว่าการดึงดูดความริษยาเพราะว่าพรสวรรค์เหนือกว่าแต่ไม่สามารถใช้มันได้ที่นี่]
“มอบชิ้นส่วนแผ่นที่นั้นให้ข้าเพราะข้าสามารถดูได้ว่ามันเป็นของจริงหรือไม่” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ร้องจิ๊บๆด้วยความตื่นเต้น เซี่ยวหยุนเก็บชิ้นส่วนแผนที่รวดเร็วเกินไปดังนั้นมันจึงไม่สามารถเห็นภูมิประเทศได้ทั้งหมด มันต้องการที่จะตรวจสอบชิ้นส่วนแผนที่ให้ครบถ้วนมากขึ้นเพื่อที่มันจะสามารถค้นหาตำรับยาได้ในภายใน
“มอบมันให้เจ้า? ทำไมข้าไม่เห็นว่าเจ้าจะมอบคำอธิบายโดยละเอียดถึงที่ตั้งของมรดกราชันกลืนกินสวรรค์เลยล่ะ?” เซี่ยวหยุนยักไหล่ ใครจะเปิดเผยความลับของข้อมูลที่สำคัญเช่นชิ้นส่วนแผนที่ของเม็ดยาในตำนานให้ทุกคนล่ะ?
“เจ้าใจแคบเกินไปแล้ว” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์กลอกดวงตาของมันด้วยความเกลียดในใบหน้า
“ขึ้นอยู่กับการแสดงออกที่ตื่นเต้นของเจ้าก่อนหน้านี้ มันดูเหมือนว่าเจ้าต้องการตำรับยานี้?” เซี่ยวหยุนถามด้วยความสนใจ
“แน่นอน ด้วยเม็ดยาพระเจ้าเก้าหมุนเวียน เจ้านายคนนี้สามารถสร้างกายเนื้อของข้าขึ้นมาใหม่ได้” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ตอบกลับอย่างพลุ่งพล่าน “หลังขากสร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่ ข้าจะสมารถเดินภายใต้สวรรค์โดยปราศความกลัวได้อีกครั้งหนึ่ง ศัตรูทั้งหมดของข้าที่ผ่านมาจะกดแบนใต้เท้าของข้า”
เซี่ยวหยุนยักไหล่และตอบว่า “ช่างแย่นัก เจ้าไม่ได้มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ตำรับเม็ดยาพระเจ้าเก้าหมุนเวียน”
นกกระจอกกลืนกินสวรรค์เต็มไปด้วยความกังวลและมันรีบกล่าวว่า “หนุ่มน้อย ... ไม่สิ รอก่อน น้องชาย ไม่ใช่ว่าเราทำงานร่วมกัน? ข้าจะพาเจ้าไปหามรดกของราชันกลืนกินสวรรค์และเราจะไปหาสูตเม็ดยาของเม็ดยาพระเจ้าเก้าหมุนเวียนด้วยกัน”
“แต่เจ้าไม่ได้บอกว่าข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะขอทำงานร่วมกับเจ้า?” เซี่ยวหยุนหัวเราะ เห็นนกกระจอกกลืนกินสวรรค์เป็นแบบนี้ ก่อนหน้า นกตัวนี้เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง แต่ตอนนี้ มันกำลังพยายามที่จะชักจูงเซี่ยวหยุนด้วยน้ำเสียงประจบสอพลอ
“เมื่อไหร่ที่ข้าพูดแบบนั้น?” นกกระจอกลืนกินสวรรค์แกล้งโง่ขณะที่มันหัวเราะ
“ฟังนะ การพบกันของเราเป็นโชคชะตา เจ้าดูเหมือนจะคล้ายคลึงกับน้องชายของข้าที่หายไปเมื่อนานมาแล้ว เอายังงี้เป็นไง? เรามาเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน เจ้าสามารถเป็นน้องชายของข้าได้ ในอนาคต ถ้าเราพานพบโชคดี เราสามารถแบ่งปันได้ ถ้าเราพบกับโชคร้าย เราจะอดทนต่อมันไปด้วยกัน”
“เวรเอ้ย เจ้านกโง่ ข้าจะคล้ายคลึงกับพี่น้องที่หายไปของเจ้าได้อย่างไร? ข้าเป็นมนุษย์ ถูกต้องไหม?” เซี่ยวหยุนกหลอกตาของเขา ภาพพจน์ของนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ที่เป็นเซียนของเขาแหลกสลายไปโดยสมบูรณ์ คนประเภทไหนกันที่พูดเรื่องโกหกแบบนี้แล้วยังพูดต่อหน้าอีก?
“มันไม่สำคัญหรอก มันก็ยังคงเหมือนเดิม ข้าสามารถพิจารณาเจ้าเป็นพี่ใหญ่ได้ถ้าเจ้าต้องการ” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์กล่าวอย่างไร้ยางอายโดยไม่มีแม้แต่ร่องรอยสีแดงบนหน้าของมัน ตอนนี้มันได้พบโอกาสที่จะสร้างกายเนื้อขึ้นใหม่แล้ว เขาจะปล่อยให้มันพลัดตกไปได้อย่างไร? อะไรคือการใช้ความซื่อสัตย์?
เซี่ยวหยุนพูดไม่ออกโดยสมบูรณ์ ตอนนี้เขามีไพ่ที่เหนือกว่าที่จะควบคุมนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ เขาไม่ได้กลัวความโน้มเอียงของนกกระจอกกลืนกินสวรรค์แล้ว
“ถ้าเจ้าไม่ทำอะไรโง่ๆในอนาคต ข้าก็สามารถทำงานกับเจ้าได้” เซี่ยวหยุนกล่าวอย่างไม่แยแส
“แน่นอน เราเป็นพี่น้องกันแล้ว ทำไมข้าถึงต้องทำร้ายเจ้า?” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ตอบกลับอย่างมีความสุขหลังจากได้เห็นเซี่ยวหยุนยินยอม
“เราจะต้องได้เห็น”
เซี่ยวหยุนยักไหล่ขณะที่เขายกหม้อปรุงยาเปลวไฟสีม่วงเพื่อทดสอบมัน ตอนนี้เขามีข้อความหลักเม็ดยาเปลวไฟสีม่วงแล้ว เขาก็สามารถเป็นนักกลั่นสกัดเม็ดยาได้แล้ว
“ถ้าเจ้าวางหยดเลือดแห่งแก่นแท้ลงไปในหม้อปรุงยาและทำเครื่องหมายมันไว้ด้วยจิตใจของเจ้า เจ้าจะสามารถควบคุมมันได้” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์กระซิบ มันพยายามที่จะช่วย
เซี่ยวหยุนระแวงแต่เข้าก็ยังพยายามทำมัน เขาวางหยดเลือดแห่งแก่นแท้ลงไปในหม้อปรุงยาและแยกเส้นใยจากวิญญาณของเขาออกจากกันเพื่อพยายามที่จะเชื่อมโยงกับมัน แน่นอนว่าพอ เมื่อจิตใจของเขาเข้าสู่หม้อปรุงยา มันก็ได้ก่อเกิดการเชื่อมโยงกับเขา เมื่อหม้อปรุงยาเปลวไฟสีม่วงสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณการต่อสู้เปลวไฟสีม่วงของเซี่ยวหยุน มันปลดปล่อยเสียงร้องสั่นสะเทือนออกมา ราวกับว่ามันมีความสุขที่ได้พบเจอกับสหายเก่า มันดูเหมือนจะได้รับการยอมรับว่าเซี่ยวหยุนเป็นผู้รับมรดกของราชาเปลวไฟสีม่วง หลังจากการเชื่อมโยงเสร็จสิ้น หม้อปรุงยาเปลวไฟสีม่วงราวกับว่าเป็นเลือดเนื้อของเซี่ยวหยุน ด้วยความคิดเดียว มันก็ได้บินเข้าสู่ทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา
“การมาที่นี่ไม่ใช่เรื่องเสียเปล่าเลย”
เห็นหม้อปรุงยาในทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา เซี่ยวหยุนได้แต่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ผู้กลั่นสกัดเม็ดยา! นี่เป็นอาชีพที่เขาไม่เคยคิดแม้แต่จะพยายามมาก่อน!
“ถ้าข้าเรียนรู้ที่จะกลั่นสกัดเม็ดยาจริงๆ บางทีข้าอาจสามารถช่วยทำยาแก้พิษของพิษพี่สาวใหญ่ได้” เซี่ยวหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ทุกครั้งที่เขาเห็นรูปลักษ์ที่ซูบผอมของหญิงสาว ในขณะที่นางถูกทำให้ทรมานจากยาพิษ นั่นทำให้เกิดความเจ็บปวดเสียดแทงเข้าไปในหัวใจของเขา
“ข้าน่าจะออกจากที่นี่ได้แล้ว” หลังจากที่ได้เห็นว่าไม่มีอะไรที่น่าสนใจขณะที่เขามองไปรอบๆ
เซี่ยวหยุนได้ฝังศพของราชาเปลวไฟสีม่วงเพื่อเขาจะได้พักผ่อนอย่างสงบ
“ถ้าศัตรูของท่านยังไม่ตาย บางทีข้าอาจสามารถแก้แค้นให้ท่านได้” เซี่ยวหยุนพึมพำขณะทองไปที่หลุมศพตื้นๆ หลังจากนี้เซี่ยวหยุนได้หมุนตัวแล้วจากไป ขณะที่เซี่ยวหยุนอยู่ในถ้ำ ผู้ฝึกตนตระกูลฝางก็ยังคงรออยู่ที่ด้านนอก
“หัวหน้าฝางหรุ่ย เด็กนั่นอยู่ที่นั่นมาตลอดทั้งวันแล้ว ทำไมเขาถึงไม่ออกมา?” ผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นร่างกายเช็ดเยื่อออกจากคิ้วที่เป็นรอยย่นของเขาขณะที่ถามด้วยความขาดการอดทน ผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมร่างกายจำนวนมากอารมณ์เสีย ทุกคนกำลังเดือดจากความร้อน
“เจ้าคิดว่าเขาตายแล้วหรือ?” ผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดกล่าวกับผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดคนอื่น แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตสูงขึ้นก็หมดความอดทน สถานที่ที่ร้อนอย่างยิ่งเช่นนี้ไม่ใช่สถานที่ที่พวกเขาต้องการจะรอ
“รออีกสองวัน” ฝางหรุยแจ้งออกไป เขาไม่อาจพลาดโอกาสนี้ในการกำจัดเด็กหนุ่มหรือคนอื่นออกไปเพราะเขาอาจจะเป็นตัวอันตรายในภายหลัง
“ข้าคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องรออีกไป ไอ้เด็กนั่นคงตายไปแล้ว” ขอบเขตต้นกำเนิดตอบ
“ใช่” อีกคนเห็นด้วย “นอกจากนี้เขายังมีชีวิต แล้วยังไงล่ะ? เราสามารถฆ่าเขาได้เสมอเมื่อเขากลับไปยังเขตเมฆาม่วง ทำไมเราต้องรอคอยที่นี่ด้วยล่ะ?”
“โง่เง่า” ฝางหรุยตะโกน “เมื่อเขาไปยังเขตเมฆาม่วง เจ้าคิดว่าผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนจะไม่ปกป้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย?”
เมื่อได้ยินคำพูดของฝางหรุย ทุกคนก็เงียบลง พรสวรรค์ของใครจะสามารถเปรียบเทียบกับเซี่ยวหยุนได้? ด้วยพรสวรรค์ของเซี่ยวหยุน มีโอกาสมากที่ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนจะแม้กระทั่งแลกชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องเซี่ยวหยุน นี่จะเป็นการปวดหัวที่ใหญ่โตของตระกูลฝางและทำให้เกิดความสูญเสียที่ใหญ่มาก ความคิดที่ดีกว่าจริงๆคืออยู่ที่และฆ่าเซี่ยวหยุนโดยไม่มีคนรับรู้ เด็กนี้ได้ข้ามจากระดับ 7 ขั้นหลอมร่างกายไปในขอบเขตต้นกำเนิดในระยะเวลาสั้นๆ นอกจากนี้เขายังได้ทำให้จิตใจของคนอื่นกระจัดกระจายและเข้าไปในสถานที่ที่ร้ายแรงโดยไม่มีอันตราย คนประเภทนี้ไม่ควรได้รับการดูถูกดูแคลนและควรจะกำจัดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภัยคุกคามในภายหลัง (ตอนก่อนที่เป็ฯทำลายก็เป็นกระจัดกระจายนะครับ ตอนแรกคิดว่าทำลายไปเลยแต่ทำให้หยุดเฉยๆ ขออภัยด้วยครับ)
“พวกเจ้าทุกคนคิดจริงๆหรือว่ารอที่นี่แล้วจะสามารถสังหารข้าได้?”
เสียงที่ไร้ความรู้สึกก้องกังวานออกมาจากปากถ้ำขณะที่ตระกูลฝางขบคิดอยู่ ผู้ฝึกตนตระกูลฝางบางคนรู้สึกหนาวเย็นลงไปกระดูกสันหลังอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินเสียง
“มันเป็นเซี่ยวหยุน! เขายังไม่ตาย!” ดวงตาของผู้ฝึกตนตระกูลฝางเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจขณะที่พวกเขาจ้องไปยังถ้ำที่เปิดออก พวกเขาทั้งหมดมองราวกับว่าศัตรูที่ยิ่งใหญ่กำลังเข้ามา แม้กระทั่งการแสดงออกของฝางหรุยก็กลายเป็นหนักอึ้ง
พับ!
ภายในช่องของเปลวไฟ เปลวไฟสีม่วงเป็นฟองและกระเพื่อม ทันใดนั้น เด็กหนุ่มก็เดินออกมาจากภายใน
"นี่เป็นไปได้อย่างไร? ทำไมเจ้ายังไม่ตาย?!"
“เจ้ายังเป็นมนุษย์อีกหรือ?!” สมาชิกตระกูลฝางมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยประหลาดใจ ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่และเห็นด้วยตาของพวกเขาเอง พวกเขาจะไม่มีวันเชื่อว่าจะมีใครบางคนเดินออกมาจากทะเลแห่งเปลวไฟ นี่เป็นบางสิ่งที่เฉาะเซียนเท่านั้นสามารถบรรลุได้ แต่เด็กหนุ่มคนนี้เพียงแค่ขอบเขตต้นกำเนิดเท่านั้น!
“เจ้าสามารถเคลื่อนไหวอย่างอิสระภายในถ้ำแห่งไฟได้อย่างไร?” ฝางหรุยถาม
“ข้ามีหน้าที่ต้องตอบเจ้าหรือ?” เซี่ยวหยุนก้าวเดินอย่างช้าๆออกมาจากถ้ำแห่งไฟด้วยดวงตาที่หดแคบลง รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความเย็นเยือกและเสียงของเขาก็ไม่แยแส หัวใจของผู้ฝึกตนตระกูลฝางกลายเป็นตึงเครียดขณะที่พวกเขารู้สึกถึงอันตรายที่กระจายออกมาจากเด็กหนุ่มคนนี้
“ฮึ่ม! ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะใช้วิธีใด แต่เมื่อเจ้ากล้าออกมา เจ้าก็ควรจะยอมรับชะตากรรมของเจ้าและตายไปซะ” ฝางหรุยกล่าวด้วยเสียงเย็นชา แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาก็เริ่มสร้างสัญญาณด้วยมือของเขา ในขณะที่เขาทำ ตราประทับลึกลับก็เริ่มก่อตัวขึ้นที่ด้านหน้าของเขา
ตราประทับภูเขาหนัก! (เปลี่ยนชื่ออีกแล้วครับท่าน)
ตราประทับได้มั่นคงขึ้น ใช้ประโยชน์จากแรงกดดันของความแข็งแรงจากภูเขาและบังคับให้ลมกระโชกของอากาศออกสู่ภายนอก เห็นตราประทับและความแข็งแกร่งของมัน ผู้ฝึกตนตระกูลฝางสุดท้ายก็ปล่อยลมหายใจออกมาด้วยความผ่อนคลาย พวกเขาไม่เชื่อว่าเด็กหนุ่มที่ถูกบังคับให้เข้าสู่ถ้ำแห่งไฟแค่วันเดียวจะพลิกสถานการณ์นี้ได้ ด้วยความมั่นใจที่ได้พบใหม่ พวกเขาปล่อยปล่อยความไม่สบายใจของพวกเขาและผู้ฝึกตนของเขตต้นกำเนิดสองคนเตรียมพร้อมที่จะโจมตี
“ทำลายจิตวิญญาณ!” เผชิญหน้ากับตราประทับภูเขาหนัก เซี่ยวหยุนยกคิ้วของเขาขึ้นและจากนั้นดวงตาของเขาก็หดแคบลง เมื่อพลังวิญญาณทรงกลมขยายออกมาจากทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา ด้วยจิตใจของเขา เซี่ยวหยุนควบแน่นพลังวิญาณให้เป็นใบมีดที่แหลมคมและชี้ทางมันไปยังช่องว่างระหว่างคิ้วของฝางหรุ่ย การควบแน่นพลังวิญญาณชนิดนี้จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้การโจมตีหลายเท่า
วันที่ผ่านมา เขาไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้ แต่ตอนนี้ทักษะทำลายจิตวิญญาณได้รับการเลื่อนขั้นแล้ว การควบคุมพลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ปัง!
พลังวิญญาณนี้กวาดออกมาและมีดพลังวิญญาณก็เข้าสู่จิตใจของฝางหรุ่ย ฝางหรุ่ยกลัวจนตัวสั่นราวกับว่าฟ้าแลบได้โจมตีมายังเขาและเขารู้สึกว่าจิตใจของเขาสามารถล่มสลายไปได้ทุกขณะ ร่างกายทั้งหมดของเขาเริ่มเอื่อยเฉื่อยและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ขณะที่เขาสูญเสียการควบคุมแก่นแท้แห่งปราณ แรงกดดันจากตราประทับภูเขาหนักของฝางหรุยก็กลายเป็นแตกแยก
“ตาย!” ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ เซี่ยวหยุนหลบตราประทับภูเขาหนักและดึงดาบของเขาออกมา จากนั้นเขาก็แทงมันไปยังฝางหรุยซึ่งดวงตาซึ่งเต็มไปด้วยตระหนก แสงกระบี่แพรวพราวได้เขย่าจิตใจของผู้คนรอบๆ
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมฝางหรุยไม่ขยับ?”
“เซี่ยวหยุนใช้กระบวนท่าลับ!”
ใบหน้าของสมาชิกตระกูลฝางเต็มไปด้วยความตกใจกลัว สถานการณ์ประเภทนี้ได้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แต่มันไม่ได้ถึงระดับนี้ เพียงแค่วันเดียวผ่านไปและตอนนี้แม้กระทั่งผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดขั้นปลายก็กลายเป็นโง่เง่าจากเทคนนิคนี้
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเทคนิคของไอ้เด็กนี้จะแข็งแกร่งขึ้นในช่วงวัน? คลื่นของความหวาดกลัวพองขึ้นภายในสมาชิกตระกูลฝาง ถ้าฝางหรุยไม่สามารถต่อต้านได้ แล้วพวกเขาแข่งสู้ได้อย่างไร?! ขณะที่สมาชิกของตระกูลฝางกังวล แสงกระบี่จางลง ฝางหรุยยืนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อขณะที่เขาจ้องไปยังเซี่ยวหยุน จากนั้นเขาก็ล้มลงไปบนพื้นด้วยดวงตาเปิดกว้างๆ แม้กระทั่งตายไปแล้ว เขาก็ไม่สามารถยอมได้รับว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีความแข็งแกร่งที่ฆ่าเขาได้