ตอนที่ : 2 ไม่ชนะไม่หวนกลับ
กฎการประลองแห่งหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวข้อที่ 1 : ศิษย์สาวกแห่งหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวทุกคนจะได้รับอนุญาตการท้าประลองคนละ 1 ครั้ง ทุกๆ 5 วันจะมีการแข่งขัน 1 ครั้ง !! ความแข็งแกร่งระหว่าง 2 ฝ่ายห้ามเกิน 3 ระดับ ห้ามปฏิเสธการต่อสู้ ต้องเข้าร่วมการต่อสู้เท่านั้น หากผู้ใดละเมิดกฏจะถูกขับไล่ออกจากสำนัก ศิษย์สาวกที่ชนะฝ่ายตรงข้ามจะได้รับแต้มแห่งชัยชนะสำหรับการเพิ่มระดับ ในขณะที่ผู้แพ้จะถูกหักแต้มแห่งชัยชนะ
แต้มแห่งชัยชนะ จึงถูกขนานนามว่าเป็นปัจจัยหลักในการเลื่อนขั้นของหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยว
แต้มแห่งชัยชนะเป็นสิ่งที่พิเศษและสำคัญที่สุดของหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยว หรืออาจจะกล่าวได้ว่า แต้มแห่งชัยชนะเมื่ออยู่ในหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ แต้มแห่งชัยชนะเปรียบเสมือนเงินตราที่มีค่า ถ้าหากมีแต้มแห่งชัยชนะที่เพียงพอ ท่านสามารถนำมันไปแลกเปลี่ยนในสิ่งที่ท่านต้องการ ณ หอวิเศษแห่งหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวที่อยู่ด้านหลังไม่ว่าจะเป็น ยาวิเศษ กลโกง อาวุธ สมบัติ และวัตถุปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนวิชายุทธ์ และมันยังสามารถนำไปแลกเปลี่ยนทองคำและเงินตราของมีค่าทุกอย่าง แต่การแลกเปลี่ยนสิ่งของต่างๆ จากหอวิเศษไม่ใช่เรื่องง่าย ศิษย์สาวกทั่วไปจึงไม่ยินยอมที่จะนำแต้มแห่งชัยชนะแลกเปลี่ยนเป็นเงินทองของมีค่า
นอกจากนี้ยังมีวิธีการต่างๆ เพื่อสามารถแลกเปลี่ยนสิ่งของจากหอวิเศษเช่น ท่านสามารถนำสมบัติที่ท่านมี มาแลกเปลี่ยนที่หอวิเศษ หรือทำภารกิจต่างๆจนเสร็จสิ้นก็จะได้รับแต้มแห่งชัยชนะเช่นเดียวกัน
แต่วิธการสะสมแต้มแห่งชัยชนะที่ง่ายที่สุดซึ่งเป็นวิธีการที่นิยมของเหล่าศิษย์สาวกคือ การท้าประลอง !! การท้าประลองกับศิษย์ที่มีระดับความแข็งแกร่งในระดับเดียวกันซึ่งมีความต่างไม่เกิน 3 ระดับ เมื่อพวกเขาได้รับชัยชนะ พวกเขาจะได้รับแต้มแห่งชัยชนะทันที
ดังนั้น ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่จึงมีศิษย์สาวกจำนวนมากมายเรายล้อมหยางไค่ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหยางไค่อ่อนแอที่สุด พวกเขาจึงจ้องมองหยางไค่ เสมือนจ้องมองลูกไก่ที่อยู่ในกำมือของพวกเขา
ชื่อของหยางไค่ เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างของในหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยว ไม่เพียงเพราะเขาแบกรับตัวตนของศิษย์ฝึกหัดที่ต่ำต้อย ยังเป็นเพราะเขาไม่เคยได้รับชัยชนะในการประลองตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวจนถึงตอนนี้ !! ทุกครั้งที่มีการท้าประลองจากศิษย์สาวกคนอื่นๆ เขาจะเป็นผู้ที่พ่ายแพ้เสมอมา
ผู้ที่มีจิตใจเมตตาจะรับรู้โดยสัญชาตญานของตนเองว่าหยางไค่ถูกท้าประลองครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ มันก็คือ 5 วันที่แล้ว จากกฎการประลองของหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวสามารถท้าประลองกับเขาได้ เพื่อได้รับซึ่งคะแนนผลที่ทุกคนต่างเฝ้าคอย แม้ว่าการเอาชนะหยางไค่จะได้รับแต้มแห่งชัยชนะเพียงเล็กน้อย แต่เล็กน้อยอย่างไรมันก็มีค่าสำหรับพวกเขา ยิ่งกว่านั้น ศิษย์สาวกที่ท้าประลองต่อหยางไค่ มิใช่ศิษย์สาวกที่ฐานะมั่นคั่ง คะแนนสะสะที่พวกเขาได้รับ แม้ว่าจะเล็กน้อย แต่กระนั้นมันกลับสำคัญต่อพวกเขาอย่างมาก
ณ ลานประลอง หยางไค่และโจวติงจวนทั้งสองเริ่มเปิดกระบวนท่าของตน และกล่าวด้วยเสียงที่ตำทุ้ม : “โปรดชี้นำด้วย !!”
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่ทุกคนต่างรับรู้ภายในจิตใจอย่างแจ่มแจ้ง วันนี้หยางไค่จะถูกทุบตีอีกครั้ง !!
สิ้นเสียงกล่าว หยางไค่พุ่งโจมตีเข้าไปก่อน ถึงแม้ร่างกายที่ซูบผอม เบาบางของเขาจะอ่อนแอแต่ภายใต้การพุ่งโจมตีที่หนักหน่วงก่อนให้เกิดเสียงการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์ หยางไค่ก้าวไปข้างหน้า พร้อมพุ่งหมัดไปยังหน้าอกของโจวติงชวนอย่างรุนแรง การโจมตีที่ชัดเจนเช่นนี้ ก่อให้เกิดเป็นเสียงลมที่ดังสนั่น เสมือนว่าพละกำลังของพวกเขาถูกถ่ายทอดไปยังการโจมตีของพวกเขา
หมัดที่กำลังพุ่งโจมตีออกไปเป็นกระบวนท่าหมัดสามัญที่เหล่าศิษย์สาวกของหอประลองยุทธ์หลิงเซียวต่างเคยผ่านการบ่มเพาะและฝึกฝน กระบวนท่าหมัดสามัญนี้มิใช่ความลับแต่อย่างใด มันนำมาใช้เพื่อฝึกฝนให้ร่างกายของศิษย์สาวกมีความแข็งแกร่ง ซึ่งถือเป็นกระบวนพื้นฐานที่สุด
โจวติงจวนมิได้มีอาการตื่นกลัว แต่เขากลับแสะยิ้มอย่างเยือกเย็น เพราะขอบเขตระดับความสามารถของเขาเหนือกว่าหยางไค่ถึง 2 ขั้น การประลองในครั้งนี้ทุกคนต่างรู้ผลที่กำลังจะเกิดขึ้น ขณะที่หมัดของหยางไค่กระทบไปยังร่างกายของเขา ร่างกายที่กำยำ ใหญ่โต ได้เอี่ยวบิด หลบหลีกจากการถูกโจมตีเพียงเล็กน้อย
หมัดที่พุ่งเข้ามาสัมผัสผ่านเสื้อของโจวติงจวน ซึ่งไม่ได้ทำอันตรายต่อโจวติงชวนแม้แต่น้อย โจวติงจวนไม่รีรอ เขาได้พุ่งศอกไปยังแขนของหยางไค่ และ พุ่งเข่าไปยังช่องท้องของหยางไค่อย่างรุนแรง
หยางไค่รู้สึกอุดอุดจุกในช่องท้อง เขาระงับอาการปวดของตนเอง และก้าวถอยหลังอย่างเร่งรีบ จึงสามารถหลบเหลี่ยงการโจมตีที่รัวเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากโจวติงจวนถึง 3 กระบวนท่า
“อืม ?” โจวติงจวนประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าหยางไค่ที่อยู่ในขอบเขตกายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 3 จะสามารถคาดเดาการโจมตีจากกระบวนท่าของเขาอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำแผนการที่จะเอาชนะเหยางไค่โดยหมัดเดียวพังทลายลงไป
แต่ข้อผิดพลาดที่เล็กน้อยเช่นนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เขาครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว และกระทำอย่างว่องไว เขาต้องการอาศัยจังหวะเวลาที่หยางไค่พักหายใจเพื่อจบการประลองครั้งนี้อย่างสมบูรณ์
เขาก้าวเท้าขวาออกมาและพุ่งเตะไปยังหยางไค่อย่างรุนแรง หยางไค่ที่กำลังก้มหน้ากลับพุ่งทะยานตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เงาร่างของทั้งสอบหลอมรวมกัน โจวติงจวนจ้องมองไปยังสายตาที่ไม่ย่อท้อต่อการประลองของหยางไค่ หยางไค่กุมหมัดไว้แน่น และเริ่มใช้กระบวนท่าหมัดสามัญอีกครั้ง
“แย่แล้ว !!” หัวใจของโจวติงจวนสั่นไหวอย่างรุนแรง เขารู้ว่าเขาตกหลุมพรางของฝ่ายตรงข้ามเสียแล้ว แม้ว่าเขาจะมีพละกำลังที่แข็งแกร่งกว่าหยางไค่ที่เป็นศิษย์พี่ แต่ประสบการณ์การต่อสู้ เขานั้นด้อยกว่าหยางไค่อย่างมาก
แต่ เมื่อตกหลุมพรางแล้วจะอย่างไรล่ะ ? โจวติงจวนหอบหายใจอย่างหนักหน่วง เขาจะไม่หลบหนีการโจมตี แต่เขากลับออกกระบวนท่าหมัดสามัญในทำนองเดียวกับหยางไค่
ปัง ปัง !! เสัยงดังกระทบอย่างรุนแรง ร่างกายของหยางไค่กระเด็นออกไป ร่างกายของโจวติงจวนสั่นสะเทือนเล็กน้อย ในที่สุดก็หยุดนิ่งอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าใบหน้าจะมีการแสดงออกที่เจ็บปวด เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา หากฝ่ายตรงข้ามเป็นศิษย์สาวกที่อยู่ในระดับเดียวกับเขา คนที่จะกระเด็นออกไปต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน
แม้ว่าผู้อื่นจะมองไม่เห็นการปะทะกันระหว่างหมัดของเขาทั้งสอง แต่ตัวเขาเองรู้สึกและมองเห็นอย่างชัดเจน หมัดของศิษย์พี่คนนี้มีความรวดเร็วกว่าเขาหลายขั้น หรือจะกล่าวได้ว่า หยางไค่เป็นคนที่ออกหมัดถึงตัวเขาก่อน เขาจึงออกไปถึงตัวของหยางไค่อีกที
แต่เป็นเพราะหมัดของเขาไม่มีความพละกำลังความแข็งแกรงเช่นเขา และเขาเองมีร่างกายที่กำยำ ใหญ่โต แต่ฝ่ายตรงข้ามั้นมีร่างกายที่ซูบผอม อ่อนแอ ใบหน้าเล็กเรียวเสมือนคนขาดอาหาร หมัดของเขาจึงไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและทำอันตรายต่อผู้อื่น จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ทุกคนกำลังรับจับจ้องอย่างไม่วางตา
“ยอมแพ้ซิ !!” โจวติงจวนไม่มีความยินดีในชัยชนะครั้งนี้ แม้ว่าเขาจะสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้าม แต่เขากลับไม่มีความรู้สึกที่ภาคภูมิใจ แม้ว่าการประลองในครั้งนี้เขาจะเป็นผู้ชนะ แต่ชัยชนะที่เขาได้รับมากลับไร้ซึ่งสีสันแห่งชัยชนะที่เขาสมควรจะได้รับมัน
เสียงกระซิบกระซาบจำนวนมากหลังไหล่มาจากบริเวณด้านข้างอย่างต่อเนื่อง : “ชายผู้นี้ คงคิดว่าเขาชนะละซิ ?”
“ฮ่า ฮ่า !! คงเป็นเพราะเขาไม่เคยได้ยินเรื่องเล่าที่ยิ่งใหญ่ของหยางไค่จึงรีบวิ่งมาท้าประลองเขา”
“นี้มันเป็นเรื่องที่น่าตลกสิ้นดี !!”
คิ้วของโจวติงจวนกระตุกอย่างรุนแรง เป็นความจริงที่เขาไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องราวของหยางไค่อย่างชัดเจน เขาได้ยินเรื่องราวของหยางไค่บ่อยจากศิษย์พี่หลายๆ คน เขาเห็นคนจำนวนมากมายเบียดเสียดรายล้อมหยางไค่ ตัวเขาเองตัดสินใจที่จะมีส่วนรวมในวันนี้ แต่ไม่เคยคาดคิดว่าตนเองจะโชคดี กลายเป็นคู่ประลองของหยางไค่ ในวันนี้
หรือว่าเขาเองยังไม่ได้รับชัยชนะ ? หมัดเดียวของตนเองทำให้หยางไค่นั้นลอยกระเด็นออกไป เขาจึงเป็นผู้ที่ได้เปรียบในการแข่งขันครั้งนี้ จากกฎของหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยว ฝ่ายตรงข้ามคงต้องยอมจำนนต่อความพ่ายแพ้ เพราะไม่มีเหตุผลที่จะทำการประลองต่อไปอีก
“เข้ามาอีกซิ !!” ในขณะที่เขาครุ่นคิด หยางไค่ที่ลอยกระเด็นล้มลุกอยู่ด้านหน้ากลับลุกยืนขึ้นอีกครั้ง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่ย่อท้อ ทำให้การประลองในครั้งนี้มีความเข้มข้นขึ้นมาอีก เขาถูกต่อยเพียงแค่หมัดเดียว ทำให้ใบหน้าที่เขียวคล้ำของเขาซีดขาวเล็กน้อย
โดยไม่รอคำตอบของโจวติงจวน หยางไค่พุ่งเข้าไปอีกครั้ง ในระยะห่างที่ไม่ถึงสามเมต ระหว่างโจวติจวน ทันใดนั้นเสมือนห้วงอากาศมีการสั่นสะเทือน สองขาที่มีความเฉียบคมเสมือนแส้ได้พุ่งกวาดไปยังด้านหน้า และพุ่งโจมตีไปยังร่างกายช่วงล่างของโจวติงจวนด้วยความพยายามที่จะโค่นล้มเขาให้ได้
ลูกเตะขาคู่ !! เป็นกระบวนท่าพื้นฐานที่ศิษย์สาวกทุกคนแห่งห่อประลองยุทธ์หลิงเซียวล้วนเคยฝึกฝนมาก่อน แต่ ณ ตอนนี้ จากการประยุกต์ใช้ของหยางไค่ ทำให้ ทำให้ศิษย์สาวกจำนวนมากมายที่มีขอบเขตระดับที่มากกว่าได้รับเคล็ดวิชากระบวนท่านี้มากขึ้น
ที่ลูกเตะขาคู่ยังสามารถเตะโจมตีในลักษณะนี้ได้
ไม่ต้องรอคำตอบจากผู้ใด ทันใดนั้น เสียงดังปังได้ดังแว่วขั้นมาอย่างรุนแรง หย่างไค่กระเด็นออกมาอีกครั้ง
ความห่างขอบเขตความแข็งแกร่งถึง 2 ระดับและสมรรถภาพร่างกายที่แตกต่าง ทำให้หยางไค่ไม่สามารถต่อสู้กับโจวติงจวน โจวติงจวนรัวมัดไปยังขาของหยางไค่อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่หยางไค่ยันตัวเองให้ลุกขึ้นมา การก้าวเดินของหยางไค่มีการสะดุด ตะกุกตะกักไปมา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากระดูกของเขาถูกโจมตีอย่างหนัก
“เข้ามาอีกซิ !!” หยางไค่ขบฟันแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่ประกายลุกโชนอย่างแนวแน่
“ปัง !!!……………” หยางไค่กระเด็นออกไปอีกครั้ง
“เข้ามาอีก !!”
“ปัง !!! ……………” หยางไค่กระเด็นออกไปอีกครั้ง ………………….
มีศิษย์สาวกที่ทนดูการประลองที่ทารุณเช่นนี้ไม่ได้ พวกเขาต่างออกจากสถานที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว บางคนประหลาดใจและกล่าวอุทานขึ้นมา : “หยางไค่ช่างเป็นคนที่มีความดื้อดานเสียจริง !! ไม่ว่าการประลองครั้งไหนๆ ถ้าหากเขาไม่ถูกทุบตี โจมตีจนสลบ เขาจะไม่มีว่ายอมแพ้และปล่อยมันไปง่ายๆ !!”
(TLN: ~ ปล่อยมันไป ~! ปล่อยมันไป ~ o! ขออภัยต้องทำอย่างนั้น : P)
พูดเหล่านี้แววลอยไปยังโจวติงจวน ภายใน จิตใจของเขารู้สึกขมขื่นอย่างมาก เขาไม่คาดคิดว่าผู้ที่ท้าประลองกับเขาในครั้งนี้จะเป็นคนที่มีความบ้าคลั่งเช่นนี้
หยางไค่ถูกโจมตีจนตนเองกระเด็นออกไป 7-8 ครั้ง ใบหน้าบวมเปล่ง ดวงตาทั้งสองเป็นสีดำคล้ำ และเล็กหยี่จนแทบจะมองอะไรไม่เห็น เขาก้าวเดินด้วยความโอนเอียง ส่ายไปส่ายมา ถ้าหากถูกสายลมพัดคงจะล้มลงทันที แต่เขากลับแข็งแกร่งดุจหินที่เก่งกล้า หากเขาล้มลงที่ตำแหน่ง ใด เขาจะลุกคลานและยืนหยัดขึ้นมา และกล่าวตะโกนพร้อมพุ่งไปยังด้านหน้าทันที
เป็นเช่นนี้ซ้ำมาซ้ำไป จนในที่สุด โจวติงจวนอุทานด้วนเสียงที่เจ็บปวด : “เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง ? ถ้าหากเจ้าไม่ยอมแพ้ เจ้าอาจจะตายก็ได้ !!!”