ตอนที่แล้วตอนที่ 18 ผลตอบแทนแห่งความดี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 20 เผากระท่อม

ตอนที่ 19 ความเดือดร้อนจากซู่มู่


แม้ว่ายุวชนตัวน้อยจะอยู่ในมือของแพทย์ หยางไค่ยังไม่จากไปไหน เพราะคืนนั้นยุวชนตัวน้อยให้ข้าวปั้นแก่เขา หยางไค่ต้องอยู่จนกว่ายุวชนตัวน้อยจะฟื้นคืนสติ เขาจึงจะสามารถจากไปโดยไร้ซึ่งความกังวล

 

นายพรานยุ่งอยู่ภายในเขาเดินเข้าเดินออกมอย่างรวดเร็ว กังวลจนตัวสั่น หลังจากนั้นไม่นานเขาได้ถูกแพทย์ตำหนิเพราะเสียงดังมากเกินไป

“แพทย์ชูกล่าวว่า มันเป็นโชคดีที่พวกเรามาได้ทันท่วงเวลา ไม่เช่นนั้นยุวชนตัวน้อยคงตายไปแล้ว ผู้มีพระคุณ บุญคุณของท่านใหญ่หลวงยิ่งนัก ข้าจางซานไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถตอบแทนท่านได้ ในชาติภพนี้ข้าจะขอเป็นวัวเป็นม้า.ให้แก่ท่าน ไม่ว่าท่านจะสั่งให้ข้าทำสิ่งใด ข้าจะทำโดยไม่ลังเล”

ทันทีที่เขากล่าวจบ เขาได้คุกเข่าลงตรงหน้าของหยางไค่

หยางไค่ไม่ช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น แต่อมยิ้มและกล่าวอย่างอ่อนโยน : “พี่ใหญ่จาง บนเข่าของสุภาพบุรุษนั้นเต็มไปด้วยก้อนทองคำ ท่านคุกเข่าในครั้งนี้ถือเป็นการทดแทนบุญคุณจนหมดสิ้น จากวันนี้ต่อไปในภายภาคนั้นท่านไม่ต้องแบกเรื่องนี้ไว้บนบ่า และข้ายังได้กินข้าวปั้นของลูกชายท่าน เมื่อกล่าวไปแล้วข้านั้นแหละที่ติดหนี้บุญคุณพวกท่าน !!”

หลังจากที่กล่าวจบ เขาจึงค่อยๆ พยุงนายพรานให้ลุกขึ้น

จางซานรู้สึกตื้นตั้นจนน้ำไตลไหลอาบดวงตา : “ผู้มีพระคุณ ท่านเป็นคนดีอย่างแท้จริง !!”

ขณะที่พวกเขากำลังสนทนา แพทย์ได้เดินออกมาจากด้านในและกล่าวต่อจางซาน : “ไม่มีอันตรายแล้ว ไม่ต้องกังวล แต่เป็นเพราะเขาเสียเลือดมาก คงต้องนอนพักไปอีกระยะ เมื่อเขาฟื้นทุกอย่างคงจะเป็นปกติ”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ หยางไค่และจางซานจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

เมื่อสามารถผ่อนคลายสิ่งที่กังวลในจิตใจ หยางไค่รู้สึกอ่อนล้าเป็นอย่างมาก เป็นเพราะวันนี้เขาได้พบเจอกับเหตุการณ์ที่ระทึกขวัญ ตัวเองก็ได้รับบาดเจ็บมาก สูญเสียเลือดเป็นจำนวนมาก แม้ตอนนั้นจะรู้สึกตื่นเต้น แต่มันได้ทำร้ายร่างกายของตนเองเป็นอย่างมาก เมื่อผ่อนคลายกับสิ่งที่เป็นกังวล ทำให้ตนเองผล็อตหลับในทันที เขาหลับลึกจนกระทั่งรุ่งเช้าของอีกวัน

รุ่งอรุณ หอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว

ศิษย์สาวกทุกคนต่างตื่นขึ้นมาในรุ่งอรุณของวันใหม่ พวกเขาทุกคนกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก พวกเขาได้รวมตัวกันและมองไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง สายตาที่ปรารถนามองจ้องไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ลำคอของพวกเขายื่นยาว ตื่นเต้นจนไม่อาจจะควบคุมจิตใจของตนเอง เสมือนหญิงสาวที่รอคอยคนรักของเธอหลายปี ทั้งจ้องมองอย่างไม่วางตา และคาดหวังอย่างมาก

จากระยะเวลาที่ผ่านไป ฝูงชนที่มารวมตัวเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาทุกคนต่างจ้องมองไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ในเวลาเดียวกัน เสมือนว่าจิตใจของพวกเขาเชื่อมประสานต่อกัน

ทิศทางของสถานที่แห่งนั้น เป็นทิศทางที่ตั้งกระท่อมของหยางไค่

วันนี้ เป็นวันที่อีกวันที่จะมีการประลองยุทธุ์ !! มันเป็นผลงานและยังเป็นแต้มแห่งชัยชนะ ศิษย์สาวกที่อยู่ในวงล้อมจะปล่อยโอกาสที่มีค่าหลุดลอยไปได้อย่างไร ? แต่บางคนก็รู้สึกว่ามันรุนแรงเกินไป พวกเขาเวทนาหยางไค่แต่ต้องถูกศิษย์สาวกคนอื่นๆ ทุบตีทุกๆ 5 วัน มันเป็นเรื่องที่โหดร้ายเกินไป

เมื่อครุ่นคิดอย่างระเอียด แม้ว่าพวกเขาจะเห็นอกเห็นใจหยางไค่ แต็ไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้จากปฏิธานอันแรงกล้าของคนอื่นๆ แม้ว่าตนเองไม่ท้าประลองกับเขา ในท้ายที่สุดคนอื่นๆ ยังคงขอท้าประลองกับเขา ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรหยางไค่จะถูกทุบตีจากผู้อื่น ให้ตนเองเป็นผู้ลงมือดีกว่า เมื่อคิดได้เช่นนี้ พวกคนที่เห็นอกเห็นใจหยางไค่ต่างรวมตัวกันเพื่อเสี่ยงโชคในครั้งนี้

อืม !! ถ้าหากข้าถูกเลือก ข้าจะลงมือให้เบาที่สุด เพื่อไม่เขาถูกทุบตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ผู้คนจำนวนมากมายต่างใช้ข้ออ้างนี้แก้ต่างให้ตนเองอยู่ในใจอย่างเงียบๆ

โดยปกติเวลานี้หยางไค่จะตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อมากวาดพื้น แต่วันนี้น่าแปลก ศิษย์สาวกที่เฝ้ารอคอยเขามาเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วยามยังไม่เห็นตัวของหยางไค่ พวกเขาทั้งหมดต่างมองไปยังกระท่อมนั้นด้วยความหวังที่เต็มปร่ แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหยางไค่

“เกิดเรื่องขึ้นกับหยางไค่ ? หรือว่าเขานอนเลยเวลา ? ทำไมถึงยังไม่ออกมา ?”

“ไม่รู้สิ เมื่อคิดดูแล้วช่วงเวลาที่ผ่านมาเหมือนไม่ได้เจอเขามาหลายวัน”

“หรือว่าเขาออกจากหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว ?”

“เป็นไปไม่ได้ นิสัยที่ดื้อรั้นของหยางไค่เจ้าก็ทราบดี แม้วาเจ้าจะฆ่าเขาจนตายเขาก็ไม่มีวันที่จะออกจากที่นี้ ถ้าหากว่าเขาจะออกไปจากที่นี้ เขาคงออกไปตั้งแต่ถูกคัดแยกว่าเป็นเพียงศิษย์ฝึกหัดเมื่อหลายเดือนก่อน เขาจะยื้อและรอเวลาถึงตอนนี้ทำไม ?”

เหล่าศิษย์สาวกที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างวิเคราะไปต่างๆนานา เพราะไม่มีใครทราบว่าหยางไค่ลาหยุดตั้งแต่หลายวันก่อนเพื่อไปเทือกเขาวายุทะมึน จนถึงวันนี้ยังไมกลับมา มันก็ไม่เรื่องแปลกเพราะช่วงเวลาปกติหยางไค่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธุ์หรือพูดคุยกับคนอื่นๆ การหายตัวไปของเขาจึงไม่มีใครสนใจ

ในขณะที่กำลังวุ่นวาย ได้มีฝูงชนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ผู้นำของกลุ่มนี้มีใบหน้าที่ไร้ที่ติเหมือนหยกที่ขาวสะอาด ร่างกายของเขาขาวเนียนดั่งหยกเช่นเดียวกัน เขาเป็นบุรุษที่มีใบหน้าที่หล่อเหลา แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ใบหน้าของบุรุษผู้นี้จึงเต็มไปด้วความมืดมน ขณะที่เขาเดินเข้ามาเขาได้ขบฟันและสบทด่าอย่างต่อเนื่อง

ข้างกายของบุรุษผู้นี้ มีศิษย์สาวกของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวติดตามเป็นจำนวนมาก ทำให้เขาอยู่ในศูนย์กลางของกลุ่มคน ดึงดูดความสนในของฝูงชนเป็นจำนวนมาก

เมื่อมาถึงบริเวณนี้ เขามองไปยังฝูงชนที่มีรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ใบหน้าของเขาจึงแสดงออกอย่างไม่พึงประสงค์และกล่าวถาม : “เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมบริเวณนี้จึงมีคนที่มากมายเช่นนี้ ?”

คนที่อยู่ข้างกายของเขารีบก้าวออกมาและกล่าวด้วยเสียงต่ำ : “นายน้อยซู วันนี้เป็นวันที่เราสามารถท้าประลองยุทธ์ต่อคนอื่นๆได้ ดังนั้นพี่น้องทั้งหลายจึงรวมตัวกันที่นี้ เพื่อรอรับแต้มแห่งชัยชนะ”

บุรุษที่ถูกเรียกขานว่าซูมู่ขมวดคิ้ว เขาหัวเราะเสียงดังก่อนจะกล่าว : “ดูเหมือนว่า พี่น้องที่ชื่อหยางไค่ของพวกเรา คงจะจมอยู่ในก้นบึงแห่งความทุกข์”

คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความเยาะเย้นและความสนุกสนาน

“อืม ปกติเขาจะถูกทุบตีทุกๆ 5 วัน และเขาต้องถูกทุบตีจนสลบถึงจะยอมแพ้” คนที่เคยกล่าวพูดก่อนหน้าได้กล่าวอธิบายเพิ่มเติม

นายน้อยซูหัวเราะอีกครั้ง : “อืม ไม่ว่าอย่างไร ความรู้สึกโกรธที่อยู่ในจิตใจของข้าได้ลดลงอย่างมาก แต่มันยังไม่พอ ต้องทำให้เขาออกจากหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวให้ได้ ถ้าเขาไม่ใช่ศิษย์ของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว ข้าจะทำให้อะไรเขาก็ได้”

“นายน้อยกล่าวถูกต้องที่สุด ไอ่เด็กเหลือขอกล้าที่จะทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงในเมืองวู่เหมย มันไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างชนชั้นสูงและชนชั้นต่ำ และมันยังไม่คิดที่จะสืบหาฐานะที่แท้จริงของนายน้อย ไม่เจียมกระหลาหัวจริงไ”

คำกล่าวที่ประจบประแจงทำให้นายน้อยซูรู้สึกดีอย่างมาก ก่อนที่เขาจะพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง

นายน้อยซู เป็นเพราะหยางไค่พบเจอกับซูมูในหมู่บ้านวู่เหมย ในวันนี้ซูมู่ได้ร่วมมือกับชายอีก 2 คนเพื่อแสดงละครที่กลับถูกหยางไค่เปิดเผยจนหมดเปลือก ทำให้เขาเกรี้ยวโกรธจนต้องออกจากที่นั้น เมื่อกลับมาถึงหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว เขาจึงค่อยๆ สืบหาฐานะและชื่อเสียงเรียงนามของหยางไค่

เขาเป็นคนที่มีฝีมือค่อนข้างมาก ทุกๆวันเขาได้จะรับเบาะแสะของหยางไค่ตลอด แต่เพราะในสำนักมีกฎที่เข้มงวด เขาจึงไม่สามารถลงมือได้อย่างสะดวก จนถึงวันนี้จึงไดนำพาคนของเขามาสร้างความเดือดร้อนให้แก่หยางไค่ แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะมีฝูงชนจำนวนมากมายเช่นนี้ และทุกๆ คนต่างจ้องเป้าหมายไปยังหยางไค่

สิ่งนี้ทำให้ซูมู่ไม่พึงพอใจ เขาโบกมือเบา : “ให้พวกเขาหลบไป แล้วบอกพวกเขาว่าหยางไค่เป็นของเขา เขาจะจัดการกับหยางไค่เอง”

คำกล่าวนี้ เสมือนว่าหยางไค่เป็นหญิงสาวในหอนางโลมที่ผู้คนต่างจับจ้องไปที่ตัวเขา

คนที่อยู่ด้านหลังเขาได้วิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวต่อทุกคน : “พี่น้องทุกๆ คน การประลองยุทธุ์กับหยางไค่ในวันนี้นายน้อยซูจะเป็นคนที่ท้าประลองเอง แม้จะเป็นเรื่องที่ยอมกันไม่ได้ แต่ต้องขออภัยในความไม่สะดวกด้วย !!”

เมื่อประกาศนี้หลุดออกมา สายตาของคนส่วนใหญ่ต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ พวกเขาต่างจ้องมองไปยังซูมู่ มีบางคนที่ไม่เข้าใจจึงะโกนกล่าวถาม : “ไม่ได้ !! ทุกๆ ครั้งหยางไค่จะใช้ไม้กวาดเพื่อเลือกผู้ท้าประลองของตนเอง ทำไมต้องเป็นเจ้าที่จะท้าประลองกับหยางไค่ ? ท่านคงจะเข้าใจกับกฎกติกานี้ ?”

เมื่อเขากล่าวจบ มีคนดึงเขาไปและกล่าวกระซิบด้วยเสียงที่ต่ำท้ม : “นั้นคือ ซู่มู่ เจ้ารู้ไหมว่าซูมู่เป็นใคร ?”

“ใครล่ะ ?” คนคนนี้เข้ามาในหอประลองยุทธ์หลิงเซี่ยวยังไม่นาน เขาจึงไม่รู้ว่าซูมูคือใคร

“โง่ หอประลองยูทธุ์ของเรามีผู้อาวุโสคนหนึ่งแซ่ซู่ ศิษยืที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาจำนวน 10 คนมีคนหนึ่งที่แซ่ซู่ เจ้าคิดสิว่าเขาคือใคร ?” ชายคนนั้นกล่าวเตือนสติ

แม้ว่าคำพูดของเขาไม่ได้ชัดเจนมาก แต่ผู้ฟังไม่ได้โง่เขลา เขาหุบปากของเขาทันที เขาเป็นเพียงศิษย์ฝึกหัดทั่วไป เมื่อได้ยินว่าซู่มู่มีผู้อยู่เบื้องหลังทิ่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ จึงทำให้เขาไม่กล้าที่จะเถียงอะไรออกไปอีก

“ชนะหยางไคได้รับแต้มแห่งชัยชนะเพียงเล็กน้อย ไม่ทำให้เขาโกรธคงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า”

“ใช่ใช่ใช่” เมื่อคนๆนั้นทราบว่าซูมู่คือใคร จึงทำให้เขาตื่นตระหนกและมีเหงื่อเย็นไหลอาบทั่วทั้งหลัง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด