ตอนที่แล้วตอนที่ 9 เหรัญญิกเม้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 ที่สุดแห่งศีลธรรม

ตอนที่ 10 สูญเสียทรัพย์ หลีกเลี่ยงความโชคร้าย


แต่หยางไค่ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะนี้คือเมืองวู่เหม่ย ซึ่งอยู่ใกล้กับหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว เป็นเรื่องธรรมดาที่ศิษย์สาวกจะออกมาสัมผัสชีวิตด้านนอก

 

หลังจากนั้นไม่นาน หยางไค่มาถึงร้านขายข้าวสารเห่อซื่อ ร้านขายข้าวสารครอบครองบ้านเรือนที่อยู่ทั้งสองฝั่งของถนนไว้จนหมด กิจการของพวกเขารุ่งเรื่องอย่างมาก เสี่ยวเอ้อรับใช้ที่อยู่ด้านในต่างวิ่งวุ่นกับการขายข้าวสาร เถ้าแก่ของร้านขายข้าวสารกำลังคิดคำนวณเงินอยู่ที่หน้าร้าน ในขณะที่ภรรริยาของเขากำลังต้อนรับแขกที่เข้ามา

หลังจากที่รอมานาน ลูกค้าที่เข้ามาซื้อข้าวสารก่อนหน้านี้ได้ลดลง หยางไค่จึงเดินไปยังภายในของร้านขายข้าวสาร

“นายหญิง !!” หยางไค่กล่าวเรียก นายหญิงที่มีอายุประมาณ 40 ปีเงยหน้ามองหยางไค่และส่งยิ้มให้กับเขา : “เจ้าหนุ่มน้อย เจ้ามาซื้อข้าวอีกแล้วล่ะซิ !!”

“อืม” หยางไค่เดินไปยังด้าหน้าถุงกระสอบข้าวที่ราคาต่ำที่สุด เขาชี้ถุงกระสอบและกล่าว ต่อนางหญิง : “ผมซื้อ 1 ถุง”

นายหญิงกล่าวตอบรับ และใช้ถุงผ้าแบบผูกใส่ข้าวสารและกล่าวพูดคุยกับหยางไค่ : “เจ้าหนุ่มน้อย ใน 1 เดือนเจ้ามาซื้อเพียง 1 ครั้ง มันเพียงพอประทังชีวิตสำหรับเจ้าหรือ ?”

หยางไค่กล่าวตอบ : “ก็พอ”

“โกหก !!” นายหญิงกล่าวตอบโต้และเหลือบมองไปยังหยางไค่ : “จากสภาพร่างกายที่ซูบผมเช่น ถ้าไม่เป็นเพราะกินไม่อิ่ม แล้วเป็นเพราะอะไรถึงเป็นเช่นนี้ ?”

หยางไค่ยิ้มเจื่อนและกล่าวตอบ : “แต่ข้ายังไปล่าสัตว์ ดังนั้นข้าจึงไม่หิวมาก !!”

เถ้าแก่ที่จดจ่อกับการคำนวณเงินตรากล่าวตะโกนต่อภรรยาของตนเองโดยไม่เงยหน้าแม้แต่น้อย : “น้องหญิง ด้านหลังมีข้าวสารเก่า ปล่อยไว้คงไม่มีประโยชน์ น้องหญิงนำมาให้แก่เด็กคนนี้ที”

“เราจะฟังผู้นำของบ้านนี้” นายหญิงกล่าวตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่น

“จะทำเช่นนี้ได้อย่างไร มันคือการค้าของพวกท่านน่ะ” หยางไค่โบกมือและกล่าวปฏิเสธ

 

ใบหน้าของนายหญิงแปรเปลี่ยนในทันที : “มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ จะอย่างไร ข้าวเก่าพวกนั้นต่างถูกแมลงกัดกิน ไม่มีทางที่จะขายออกไปได้ แต่ในความเป็นจริง ข้าวเก่าพวกนี้ มีคุณค่ายิ่งกว่าข้าวสารชนิดอื่นๆ เจ้ารอก่อน ข้าจะไปเอามันมาให้แก่เจ้า”

นางกล่าวพร้อมกับเดินไปยังด้านหลังของร้านค้า

หัวใจของหยางไค่รู้สึกพองโตแปลกๆ แต่ไม่รู้เพราะทำไม ทุกครั้งที่เขามาซื้อข้าวสารที่นี้ เถ้าแก่และนายหญิงที่มีจิตใจอ่อนโยนจะมอบข้าวสารที่มากกว่าเดิมให้เขา และทุกครั้งพวกเขาต่างหาข้ออ้างต่างๆ ไม่ว่าจะข้าวเก่าถูกแมลงกัดกิน ที่จริงข้าวพวกนั้นเป็นข้าวที่มีประโยชน์เช่นนี้เป็นต้น สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หยางไค่ที่โศกเศร้ารู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

“ขอบคุณท่านลุงเห่อ ….” เสียงของหยางไค่สั่นเครือเล็กน้อย

เถ้าแก่เห่อยิ้มและเงยหน้าขึ้นมามอง : “เมื่ออยู่ตัวคนเดียว ใครละจะไม่มีปัญหาในการใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ? จากวันนี้ ถ้าหากว่าเจ้ารู้สึกหิวโหย ให้มาที่ร้านของพวกเราทั้งสอง ข้าวสารของเราอาจมีไม่มากพอ แต่มันก็เพียงพอที่จะให้เจ้ากินอิ่ม”

“อืม” หยางไค่ก้มหัวตอบรับ

ในขณะที่กำลังซึมซาบความรู้สึกดีๆ ชายหนุ่ม 2 คนมาถึงหน้าร้านขายข้าวสาร เสี่ยเอ้อที่อยู่ในร้านรีบต้อนรับด้วยใบหน้าที่อิ่มเอิบ แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะกล่าวอะไร เขากลับถูกชายหนุ่มทั้ง 2 เตะเข้าไปอย่างรุนแรง

“อั๊ยโย๋วว………………” เมื่อก้นของเสี่ยวเอ้อพลิกล้มลงที่พื้นร่างกายของเขาพลิกคว่ำ เขาถูกเตะอย่างรุนแรง จึงทำให้เขาไม่สามารถลุกขึ้นมาได้

“เกิดอะไรขึ้น ?” เถ้าแก่เห่อรีบเดินออกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หยางไค่พยุงเสี่ยวเอ้อให้ลุกขึ้นมา และมองไปยังชายหนุ่มทั้ง 2 ใบหน้าของชายหนุ่มทั้ง 2 เต็มไปด้วยรัศมีแห่งความดุร้าย ชายหนุ่มคนหนึ่งมีใบหน้าที่ขาวซีด มือของเขาคลำอยู่ที่ท้อง และมีสภาพที่อ่อนแอ ชายหนุ่มอีกคนพยุงเขาไว้ ร่างกายของเขากำยำเสมือนหมี และเขาเองเป็นคนที่เตะเสี่ยวเอ้อจนหงายหลัง

“ใครเป็นเถ้าแก่ร้านนี้ ?” ชายคนนั้นตะโกนออกมา

“ข้าเอง ข้าเอง” เถ้าแก่เห่อกล่าวตอบรับ เขาเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดา แต่ชายหนุ่มทั้ง 2 ที่เข้านั้นมีใบหน้าที่ดุราย เอวของพวกเขามีมีดและดาบ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน

“ดี เจ้ามันเถ้าแก่ใจดำ เจ้ากล้าที่จะขายข้าวสารที่เต็มไปด้วยพิษร้ายแก่น้องชายของข้า เจ้าดูสภาพน้องชายของข้า น้องชายของข้ามีร่างกายที่กำยำแข็งแกร่ง แต่หลังจากที่เขากินข้าวสารของเจ้ากลับกลายเป็นเช่นนี้ น้องชายของข้าคนนี้แข็งแกร่งสามารถต่อสู้กับหมีด้วยมือเปล่า แต่ตอนนี้เขาแทบจะไม่สามารถที่จะยืนได้ด้วยตัวเอง เจ้ามันเถ้าแก่ใจดำ เจ้าต้องการเพียงเงิน ไม่สนใจแม้แต่ชีวิตของผู้อื่น !”

ความเกรี้ยวโกรธที่สาดเทเข้า ทำให้เถ้าแก่หวาดกลัวและกล่าวตอบด้วยเสียงตะกุกตะกัก : “อ่า..เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร ?”

ชายคนนั้นตะโกนด่าทอ : “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ? วันนี้น้องชายของข้าซื้อข้าวสารจากร้านของเจ้า และทำการหุงกิน แต่หลังจากที่เขากิน เขาจึงมีสภาพเช่นนี้ นับว่าโชคดีที่ข้ายังไม่ได้กิน ไม่เช่นนั้นข้าอาจต้องลงนรกพร้อมกับเขาแน่ !!”

หน้าผากเถ้าแก่มีเหงื่อเย็นผุดออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาเช็ดหน้าผากด้วยผ้าเช็ดหน้าและกล่าวพูดต่อ : “นายท่านท่านนี้ ข้าว่าอาจจะมีการเข้าใจผิดเกิดขึ้น”

“เข้าใจผิด ? เข้าใจผิดบ้าบอละซิ !! ถ้าหากไม่เป็นเพราะข้าวสารของเจ้า แล้วน้องชายของเขาจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ?”

หยางไค่ไตร่ตรองสถานกรณ์อย่างสงบ เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ภายใต้สายตาของเขา เถ้าแก่เป็นคนเช่นไร หยางไค่รู้แก่ใจดี มีบางครั้งที่เขาให้ความช่วยเหลือแก่หยางไค่ บางครั้งยังมอบข้าวสารให้แก่เขา คนที่มีจิตใจดีเช่นนี้จะกล้าก่อเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร ? หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเถ้าแก่เหอไม่มีทางที่จเป็นคนที่มีจิตใจโหดร้าย ถ้าหากว่าเขาเป็นพ่อค้าที่มีจิตใจโหดร้าย เขาคงจะวางยาพิษใส่ข้าวของเขาเองอย่างแน่นอน

ถ้าหากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป หลังจากนี้เขาจะประกอบกิจการอย่างไร ? จะมีใครกล้าที่จะซื้อข้าวสารจากเขา?

เหตุผลที่ชายทั้งสองนำมากล่าวอ้างนั้นน่าสงสารยิ่งนั้น และมันยังเป็นเหตุผลที่ไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้

ดังนั้น ชายหนุ่มทั้งสองมาเพื่อทำลายชีวิตผู้อื่นอย่างแน่นอน แต่วิธีการของพวกเขาโหดร้ายยิ่งนัก

แม้ว่าร่างกายของหยางไค่จะซูบผอม แต่เขาเป็นถึงผู้ฝึกยุทธุ์ เถ้าแก่เห่อมีบุญคุณกับเขา เขาจึงไม่สามารถเมยเฉยต่อเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เขาลุกขึ้นยืนใบหน้าเข่งขรึมและกล่าวด้วยเสียงที่เยือกเย็น : “ท่านทั้งสอง ………”

“ว่าไง !! ?”ชายคนหนึ่งถมึงตาต่อหยางไค่ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความเกรี้ยวโกรธของเขากำลังทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

ยังไม่ทันที่หยางไค่จะกล่าวต่อ เถ้าแก่เห่อรีบกระโดดไปยังด้านหน้าของหยางไค่ และส่ายหัวไปมาเพื่อให้หยางไค่หยุดกล่าว

“ลุงเห่อ………..” หยางไค่อึ้งไปชั่วขณะ

“สูญเสียทรัพย์ หลีกเลี่ยงความโชคร้าย !!!” เถ้าแก่เห่อกระซิบเบาๆ

หยางไค่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ การที่เถ้าแก่กล่าวคำนี้ออกมา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาทราบถึงแผนการของชายหนุ่มทั้งสอง แต่การที่เขาทำการค้าขาย ต้องมีชื่อเสียงในการค้าที่ดี ความวุ่นวายเมื่อสักครู่ได้ดึงดูดความสนใของคนจำนวนมาก ถ้าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ชื่อเสียงการค้าขายของเขาต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน

แม้จะทราบว่าพวกเขามาก่อความวุ่นวาย สร้างความเสียหาย แต่เถ้าแก่เห่อต้องปฏิบัติกับพวกเขาอย่างดี เพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเกิดความเสียหายที่มากกว่านี้

ในหนทางที่สิ้นหวัง เถ้าแก่เหอทำได้เพียงเผชิญหน้ากับพวกเขา : “พิษที่อยู่ในร่างกายน้องชายท่านนี้ คงไม่เกี่ยวข้องกับข้าวสารในร้านค้าของข้า ……………”

เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ชายหนุ่มทั้งสองคำรามออกมาด้วยความเกรี้ยวโกรธ แต่เถ้าแก่เห่อยังคงกล่าวต่อ : “แม้ว่ามันไมได้เกี่ยวข้องกับข้า แต่ข้าคงไม่อาจเมินเฉนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น น้องชายของท่านคงทุกข์ทรมาณอย่างมาก ทำให้ผู้ที่พบเจอไม่อาจจที่จะทนดูต่อไป รีบไปหาไต้ฟูเพื่อตรวจสอบอาการดังกล่าว แน่นอน ถ้าหากนายท่านทั้งสองขัดสนเรื่องเงินทอง ข้าก็ยินดีที่จะจ่ายค่ารักษานั้นให้แก่นายท่าน”

หลังจากคำพูดนี้กล่าวออกไป คือวิธีการ สูญเสียทรัพย์ หลีกเลี่ยงความโชคร้าย !!! อย่างแท้จริง ถ้าหากชายหนุ่มทั้งสองต้องการรีดไถเงินทอง พวกเขาจะมีโอกาสได้รับเงินทองตามที่พวกเขาคาดหวัง และเถ้าแก่เห่อยังกล่าวด้วยคำพูดที่แสดงให้เห็นว่าเขาเองรู้จุดประสองที่แท้จริงของพวกเขาทั้งสอง ถ้าหากว่าเถ้าแก่เหอไม่กังวลชื่อเสียงของร้านค้า เขาไม่มีทางที่จะยอมเสียเงินทองแม้แต่น้อย

ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มทั้งสองไม่ยอมรับขอเสนอที่ประนีประนอม พวกเขาทวีความเกรี้ยวโกรธและกล่าวตะโกนอย่างรุนแรง : “เจ้ามันเถ้าแก่จิตใจอำมหิต เจ้าคิดว่าพวกเราทั้งสองเป็นโจรรีดไถเงินทองหรือไง ?” อุกอาจมาก !! เราทั้งสองเป็นคนตรงไปตรงมา มีจิตสำนึกที่ชัดเจน มีแต่เจ้าทีมีจิตใจชั่วร้ายอำมหิต กล้าวางยาพิษในข้าวสาร จิตสำนึกความเป็นมนุษย์ของเจ้าอยู่ที่ใด ? !! ”

คำกล่าวนี้ช่างมีศีลธรรมยิ่งนัก หยางไค่ที่ได้ยินทุกคำกล่าวกำลังขมุบขมิบด้วยความไม่เชื่อ รูปร่างหน้าตาการกระทำเช่นนี้ช่างเหมือนคนมีศีลธรรม ยังมีหน้าที่จะถามหาจิตใต้สำนึกของมนุษย์ !!

เถ้าแก่เหอตกตะลึงในความกล่าวที่ถูกใส่ร้าย อะไร ? พวกเขาทั้งสองไม่ได้มาเพื่อรีดไถเงินทอง ?

ในขณะที่เถ้าแก่เหอ่ตะลึงและไม่รู้ว่าจะจัดการเช่นไร ทางด้านหลังของฝูงชนจำนวนมากมาย ชายหนุ่มผู้หนึ่งได้เดินออกมา ชายหนุ่มผู้นี้อายุอานามประมาณหยางไค่ แต่เขามีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา ผิวขาวอมชมพู เพียงสายตาเดียวที่มองไปก็สามารถยืนยันได้ว่าชีวิตของเขาสุขสบายกว่าหยางไค่หลายพันเท่า

ชายหนุ่มผู้นั้นเดินมายังด้านหน้าของชายหนุ่มทั้งสอง และเดินสำรวจพวกเขาทั้งสองด้วยความสนใจ ในขณะที่เขากำลังเดินสำรวจเขาได้บ่นพึมพำ ทำปากขมุบขมิบและส่งเสียงขู่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

ฝูงชนที่อยู่รอบต่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากระทำ มีเพียงหยางไค่ที่ขยายและหดม่านตาของตนเอง ทันใดนั้นเขานึกขึ้นทันที บุคคลทั้ง 3 คนคือคนที่เขามองเห็นในซอยระหว่างทางที่มายังร้านค้าของเถ้าแก่เหอ

เมื่อสักครู่ที่เขาเดินผ่านมาชายหนุ่มรูปร่างกำยำได้จ้องเขม่งมาที่เขา และชายหนุ่มรูปงานผู้นั้นก็อยู่ในเหตุการณ์

ชายหนุ่มทั้ง 3 เป็นพวกเดียวกัน ? หยางไค่เริ่มรู้สึกถึงกลิ่นอายรัศมีแห่งความชั่วร้ายที่แผ่ซ่านเข้าออกมาทีละนิดทีละนิด

———————————————————————————————————————————–

???? = พ่อวไช่เซี่ยวไจ ( สูญเสียทรัพย์ หลีกเลี่ยงความโชคร้าย ) = เป็นสำนวนที่หมายความว่า เมื่อพบเจอกับเหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียทรัพย์สิน สิ่งขอ งชื่อเสียง มักจะใช้สำนวนนี้ปลอบใจตนเอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด