ตอนที่ 2 แวมไพร์
หลิน ฮวง สัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นรัว และมันยิ่งเร็วขึ้นเมื่อเขาเข้ามาในห้องหลิน ซิน
แสงภายในห้องเธอถูกเปิดขึ้นและเขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่มีร่างกายกำยำอยู่กลางห้องเธอ เขาต้องพุ่งเข้ามาจากหน้าต่างที่แตก เขากุมเท้าของหลิน ซินไว้และส่งเสียงโอดครวญออกมา
หลิน ซิน รีบสะบัดหนีและคลานไปหลบหัวเตียงเธอ เพื่อหลบจากสิ่งที่น่ากลัว
เธอหวาดกลัว!เธอร้องไห้และร่างกายของเธอมันสั่น เธอกลัวเกินไปที่จะคิดเกี่ยวกับการวิ่งหนี
หลิน ฮวงจึงเงยหน้าขึ้นมองชายคนนั้น เขามีผมสีแดง คางและเสื้อผ้าของเขามันเต็มไปด้วยเลือด
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของหลิน ฮวง ก็คือดวงตาเขา ที่เป็นสีแดงเลือด หลิน ฮวง มึนงงอยู่ชั่วขณะ เขาคิดว่าชายคนนั้นคงจะเป็นแวมไพร์
เขามองไปรอบๆห้องหลิน ซิน และเห็นถึงกระเป๋าเรียนเธอที่ด้านซ้ายของประตู จากนั้น เขาก็เขวี้ยงกระเป๋าไปทาง’ชาย’ผู้นั้น
สัมผัสของแวมไพร์เร็วเท่าการกระทำ เขาคว้ามันทันที และฉีกกระชากมัน
ในจังหวะสั้นๆนั้น หลิน ฮวง รีบวิ่งไปยังเตียง เขาแบกหลิน ซินขึ้นและรีบพุ่งออกจากห้อง แต่ทว่า หลิน ซิน ได้กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดที่ตัวเธอ หลิน ฮวง รีบหันไปมองและเห็นแขนของแวมไพร์ที่คว้าจับเท้าซ้ายหลิน ซินไว้
“หลับตาซะ!”หลิน ฮวง สั่ง
หลิน ซิน ทำตามที่เขาบอกทันที หลิน ฮวง เห็นโคมไฟใกล้เตียง เขาหยิบมันขึ้นมาและฟาดไปที่แขนของแวมไพร์อย่างสุดกำลัง
หลอดไฟของโคมไฟแตกหลังจากที่มันกระทบเข้ากับแขนของแวมไพร์และแสงสีขาวก็สว่างวาบไปทั่วห้อง หินแสงสีขาวที่แตกมันปลดปล่อยความร้อนอันน่าเหลือเชื่ออกมาทำให้แวมไพร์คร่ำครวญและปล่อยเท้าของหลิน ซิน ออก
หลิน ฮวง หลับตาเขาขณะที่เขาเดินไปเรื่อยๆ และเมื่อเขาลืมตาขึ้น เขาก็มาถึงประตู เขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับสิ่งใด เขากังวลแต่ว่าแวมไพร์จะกลับมามองเห็นเมื่อไร หลิน ฮวง รีบวิ่งลงบันไดไป
ขณะที่เขาวิ่ง เขาก็จำได้ว่าเขาเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับเทพนิยายอยู่ มันบอกว่าแวมไพร์เกลียดแสงไฟเพราะมันเผาไหม้ดวงตาของพวกเขา แวมไพร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่หากินในเวลากลางคืน มันเกิดมาเพื่อล่าท่ามกลางความมืดและหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีแสงและนี่คือเหตุผลที่แวมไพร์ไม่ยอมเข้าไปในห้องของหลิน ซิน ก่อนหน้านี้
จากชั้นล่าง เสียงของกระจกแตกมันดังมาจากชั้นบน มันราวกับว่าไฟแขวนในห้องของหลิน ซิน ได้ตกแตก
“ซ่อนในห้องน้ำและล็อคประตูซะ!”หลิน ฮวง สั่งหลิน ซิน ในครั้งเดียว
“ละ-แล้วพี่ละ?”หลิน ซิน ถามพี่ชายของเธอด้วยเสียงสั่น
“พี่จะจัดการกับเขา อย่าลืมว่าพี่ของน้องจบจากสถาบันนักล่าสำรองนะ มันจะทำให้พี่ลำบากหากน้องอยู่กับพี่”หลิน ฮวง อธิบายด้วยความรักถึงน้องสาวเขา
หลิน ซิน พยักหน้าและทำตามที่เขาบอก เธอเชื่อมั่นในพี่ชายของเธอ
หลิน ฮวง วาดแผนการไว้ในหัว เขาส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังเครือข่ายหัวใจก่อนและจากนั้นเขาก็วิ่งไปยังห้องครัวเพื่อคว้ามีด
ระดับต่ำสุดของแวมไพร์อย่างน้อยก็คือระดับเหล็ก นอกเหนือจากพละกำลังที่มากกว่าผู้ใหญ่ถึง10เท่า มันยังมีพลังโลหิต พวกมันแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ระดับเหล็ก
ทุกคนที่พบกับมอนสเตอร์ระดับเหล็กจะไม่อาจเดินหนีได้โดยมีชีวิต นักล่าจากสถาบันนักล่าสำรองเองก็เช่นกัน ดังนั้น สิ่งที่หลิน ฮวง ได้บอกกับน้องสาวเขาก่อนหน้าจึงเป็นเพียงการปลอบเธอ ขณะที่เขารู้ดีถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะแพ้แวมไพร์ตนนี้
เขาคิด อย่างไรก็ตาม มันแปลกที่หัวของเขามันโล่งเมื่อเขาเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ก่อนหน้า แม้ว่าเขาจะตกอยู่ในความกลัวและความวิตกก็ตาม ในขณะนั้น เรื่องราวที่เขารู้เกี่ยวกับแวมไพร์มันได้แล่นวูบขึ้นในหัวเขา
แวมไพร์เป็นมอนสเตอร์ที่ราวกับมนุษย์ – พวกมันจะมีวิถีชีวิตที่เหมือนมนุษย์ในตอนกลางวัน แต่ความกระหายเลือดของมันจะเดือดพล่านในตอนกลางคทน
อาหารของพวกมัน- คือเลือดมนุษย์และเลือดของเด็กสาวคืออาหารอันโอชะสำหรับมัน นั่นคือสิ่งที่มันโปรดปรานอย่างมาก พวกมันสามารถได้กลืนเลือดจากหลายร้อยกิโลเมตร
แม้ว่ามันจะเป็นแวมไพร์ระดับเหล็กก็ตาม แต่มันก็ยังมีพลังโลหิต ความแข็งแกร่ง ความเร็ว และการปองกัน จะขยายเพิ่มโดยตัวมันเอง ร่างกายของพวกมันจะถูกปกคลุมไปด้วยชั้นพลังงานที่เกิดจากการรวบรวมพลังโลหิต ชั้นพลังงานจะสามารถเปลี่ยนเป็น ปีก หาง กรงเล็บและอาวุธอื่นๆ ที่ทรงประสิทธิภาพ
แวมไพร์อาจจะเกลียดแสงสว่าง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้มันอ่อนแอ จุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวของพวกมันคือสสารที่เรียกว่าพิษบั่นทอนที่หาได้จากการสกัดพืชหายากเท่านั้น
ในความเป็นจริง พิษบั่นทอนถือเป็นพิษที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิตเกือบทั้งหมดที่มีเนื้อหนัง รวมถึงมนุษย์ ทันทีที่มันปนเปื้อนบาดแผล มันจะซึมเข้าไปในระบบไหลเวียนโลหิตของร่างกายและฆ่าเซลล์เม็ดเลือดแดงทันที มันถูกขายในร้านขายยาและนักล่าบางคนก็ใช้มันเพื่อชะโลมอาวุธของพวกเขา
พิษบั่นทอนมันมีผลในการปราบปรามแวมไพร์โดยสมบูรณ์เมื่อบาดแผลบนร่างกายมันสัมผัสกับอาวุธที่ชะโลมด้วยพิษบั่นทอน มันจะส่งผลให้ร่างกายของแวมไพร์เน่าและหากไม่มียาแก้พิษ มันก็จะละลายหายไปภายในสามชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม พิษบั่นทอนมันไม่ใช่ถูกๆ แม้กระทั่งนักล่าที่มีใบอนุญาติยังคิดแล้วคิดอีกก่อนที่จะใช้มัน – พวกเขาจะใช้มันก็ต่อเมื่อกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
เงินออมของหลิน ฮวง ยังไม่พอที่จะซื้อมันสักขวดด้วยซ้ำไป
ขณะที่เขากำลังจมปลักอยู่กับความติด แหวนของเขาก็เริ่มสั่นอีกครั้ง
“ฉันคือนักล่า หลี่ หลาง ฉันเห็นว่าเธอขอความช่วยเหลือมา เกิดอะไรขึ้น?”เสียงที่ดูโตแต่ก็ยังหนุ่มดังขึ้นจากสายช่วยเหลือ
“บ้านของผมกำลังถูกโจมตีโดยแวมไพร์....”เพียงแค่หลิน ฮวง กล่าวจบประโยค เขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้น จากนั้นเงาก็กระโดดมาจากชั้นสองและทิ้งตัวลงไม่ห่างจากเขา
“ผมตั้งตำแหน่งไว้บนแหวนของผมแล้ว เร็วเข้า!”เมื่อพูดจบ เขาก็วางสายโทรศัพท์ทันที
เขาต้องให้ความสำคัญกับการเอาชนะศัตรูที่ยืนหยัดอยู่ข้างหน้าเขา ศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าเขา10เท่า
“ตุบ....ตุบ....ตุบ”
เสียงฝีเท้าหนักยังคงเดินต่อมาทางเขาและเขาแทบจะไม่อาจทรงตัวอยู่ด้านหน้ามันได้ เมื่อมันหายวับไป เขาก็ได้สบเข้ากับดวงตาสีแดงของแวมไพร์
หลิน ฮวง รู้สึกหวาดผวา
ในเวลาไม่กี่วินาที การจับจ้องของแวมไพร์ก็ได้เปลี่ยนไปในทิศทางของห้องน้ำ เขาได้กลิ่นของเหยื่อที่เขากำลังล่า เหยื่อที่อยู่ด้านหลังประตูช่างมีกลิ่นที่หอมหวานและทำให้เขามิอาจต้านทานได้ เขากำลังน้ำลายไหล มันเปรอะไปทั่วคางจากนั้นก็หยดลงไปบนพื้น
แวมไพร์วิ่งไปยังทิศทางของห้องน้ำ โดยไม่สนใจ หลิน ฮวง
หลิน ฮวง ได้รวบรวมความกล้าหาญของเขาและตะโกน“เห้ แกลืมอะไรไปหรือเปล่า?”เมื่อแวมไพร์วิ่งผ่านร่างเขาไป เขาก็ขว้างมีดใส่แวมไพร์ทันที!