ตอนที่แล้วTXV – 54 สโมสรกิตติมศักดิ์ !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV –  56 ที่รัก ? คุณอยู่ที่ไหน ?

TXV – 55 ออกไปซะ !


TXV – 55 ออกไปซะ !

 

          “เหล่ย คุณมาทำอะไรที่นี่ ?” หนิงจิงเดินไปเดินหาหลิวหยิงและเซี่ยเหล่ย พร้อมรอยยิ้มอันสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหนิงจิง

 

          เซี่ยเหล่ยหันมายิ้มให้เธอและพูดว่า “ทำผมมาที่นี่กับพี่หลิว” เขาพูดต่อว่า “พี่หลิวนี่คือหนิงจิงเป็นพี่สาวของผมอีกคน เธอเป็นนักโบราณดี เธอเป็นคนที่เก่งมากๆล่ะ !”

 

          ทั้งหลิวหยิงไม่ได้และหนิงจิงหนังจับมือด้วยความทักทายกันอย่างเป็นมิตรแต่ดูเหมือนว่าหลิวหยิงจะไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษในตัวหนิงจิง จากนั้นเซี่ยเหล่ยพูดว่า “คุณทั้ง 2 คนคุยกันไปก่อนนะ ผมขอไปหาเพื่อนของผมสักครู่หนึ่ง”

 

          “อ่อ...” เซี่ยเหล่ยรู้สึกไม่ไว้วางใจให้ผู้ 2 คนนี้อยู่ด้วยกันตามลำพังหลังจากนั้นไม่นานหลิวหยิงเดินไปคุยกับแขกในงานเลี้ยงคนอื่นๆต่อ....

 

          หลังจากที่หลิวหยิงเดินออกไปหนิงจิงจึงถามขึ้นมาว่า “เธอเป็นใครหรอ ?”

 

          “เธอเป็นเพื่อนร่วมงานหน่ะ เธอเป็นเจ้าของบริษัทไนท์มูฟสปอตอีควิชเมนต์และผมเป็นคนที่ทำชิ้นส่วนต่างๆของอุปกรณ์ให้เธอ” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          “ยอดเยี่ยมไปเลย ฉันรู้ว่าสักวันคุณต้องประสบความสำเร็จ” หนิงจิงยิ้มขณะพูดว่า “ฉันมีความสุขแทนคุณจริงๆ”

 

          “ขอบคุณนะ ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่ล่ะ ?” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          “ลุงหนิงพาฉันมาที่นี่ ฉัน...ไม่คิดว่าเหยี่ยนเหวินเฉียนจะมาที่นี่เหมือนกัน”หนิงจิงกล่าว

 

          เซี่ยเหล่ยเข้าใจสถานการณ์นี้อย่างทันที หนิงเหยี่ยซานนำหนิงจิงมาที่งานเลี้ยงนี้เนื่องจากพ่อแม่ของเธอขอร้องเขาเพราะว่าพ่อแม่ของเธออยากให้เธอและเหยี่ยนเหวินเฉียนเจอกันและอีกอย่างเขาเป็นเจ้าของโครงการไฟฟ้าพลังลมกับตระกูลเฉินตู มันคือการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว……

 

 

          “คุณไปเดินเล่นกับฉันได้มั้ย ?” หนิงจิงมองไปที่เซี่ยเหล่ย “ฉันไม่ชอบบรรยากาศในห้องนี้เลย”

 

          “ได้เลย ออกไปเดินเล่นกัน” เซี่ยเหล่ยอยากอยู่ในห้องโถงนี้ต่อเพราะเขาอยากทำความรู้จักกับนักธุรกิจอีกหลายๆคนแต่เขาก็ไม่อยากปฏิเสธคำชวนของหนิงจิงเช่นกัน

 

          ก่อนที่หนิงจิงและเซี่ยเหล่ยจะเดินออกไป ในขณะนั้นเหยี่ยนเหวินเฉียนเดินผ่านมานั้นพอดี ในตอนนี้เขาดูเป็นคนชั้นสูงและมีเสน่ห์มากๆในวันนี้ แต่เซี่ยเหล่ยไม่ค่อยชอบขี้หน้าเหยี่ยนเหวินเฉียนซักเท่าไร เขาพยายามเก็บอาการเหล่านี้เอาไว้ในใจ....

 

          “โอ้… นี่คือ ‘ผู้บริหารเซี่ย’ ทำไมผมเพิ่งรู้จักคุณล่ะ ?” เหยี่ยนเหวินเฉียนกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเขา เขาเรียกเซี่ยเหล่ยว่า ‘ผู้บริหารเซี่ย’ แต่การกระทำและสายตาของเขาที่มองเซี่ยเหล่ยเต็มไปด้วยความรังเกียจ

 

          เซี่ยเหล่ยตอบอย่างกวนประสาทกลับไปว่า “ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องตอบคำถามคุณ !”

 

          “คุณมาทำอะไรที่นี่ล่ะ ?” เหยี่ยนเหวินเฉียนมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร

 

          “ผมไม่จำเป็นต้องบอกให้คุณรู้ ผมจะมาที่นี่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ ?” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          เหยี่ยนเหวินเฉียนหัวเราะออกมา “อ๋อ ผมจำได้ว่าคุณทำงานร่วมกับหลิวหยิง สามีของเธอล่วงลับไปนานแล้ว ตอนนี้คุณจะเกาะเธอกินอย่างนั้นหรอ ? น่าประทับใจจัง คุณคงทำตัวได้แค่นี้แหละ คุณอาจจะเป็นทั้งผู้ร่วมงานและเป็นสามีคนใหม่ของเธอในเวลาเดียวกัน ?”

 

 

          ความโกรธของเซี่ยเหล่ยพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว “ระวังคำพูดของคุณด้วย คุณสามารถใช้คำเหล่านั้นกับผมได้แต่อย่าไปใช้กับพี่หลิวเด็ดขาด เธอเป็นผู้หญิงที่สูงส่งเกินกว่าคนที่น่ารังเกียจแบบคุณจะไปกล่าวถึงเธอแบบเสียๆหายๆได้”

 

          รอยยิ้มบนใบหน้าของเหยี่ยนเหวินเฉียนหายไปทันที “คุณเซี่ยผมไม่รู้นะว่าคุณเอาความกล้าเหล่านี้มาจากไหน ? ตอนนี้ผมสามารถโยนคุณออกไปจากงานได้ทันทีเพราะว่าคุณมีฐานะที่ต่ำต้อยที่สุดในงานนี้ ? ทุกคนที่นี่จะดูถูกคนชั้นต่ำแบบคุณ !”

 

          หนิงจิงไม่สามารถทนฟังคำพูดดูถูกเหยียดหยามของเหยี่ยนเหวินเฉียนต่อไปได้ “เหยี่ยนเหวินเฉียน ! เหล่ยเป็นเพื่อนของฉันนะ คุณจะมาพูดแบบนี้กับเขาได้ยังไง ?”

 

          เหยี่ยนเหวินเฉียนหัวเราะเยาะเย้ย “บางคนมันทำตัวไม่น่าเคารพหนิ ผมจะดูแลคุณเอง อย่าไปเข้าข้างพวกคนชั้นต่ำเลย”

 

          “อย่างน้อยเหล่ยก็ไม่เคยโกหกฉัน คุณเข้าใจผิดแล้ว !” หนิงจิงแทบจะเสียสติเมื่อต้องอยู่กับเหยี่ยนเหวินเฉียน เธอไม่เคยมีความสุขเลยเมื่ออยู่กับเขา

 

 

          “อย่าไปอธิบายให้คนอย่างเขาฟังเลย บางทีเขาคิดว่าโลกต้องหมุนรอบตัวเขาเพียงคนเดียว คนแบบนี้ไร้สมองอธิบายเป็น 1,000 รอบ 10,000 รอบก็ไม่รู้เรื่องหรอก” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          “ผมคิดว่าตัวผมยิ่งใหญ่ ? ใช่ ผมคิดแบบนี้ แต่ผมก็ยังดีกว่าคนที่เกาะผู้หญิงกินไม่ใช่หรอ ? คุณสามารถบอกได้ไหมล่ะว่าคุณไม่ได้หลับนอนกับหลิวหยิง ? ทำไมเธอถึงพาคุณมาที่งานเลี้ยงนี้ได้ถ้าคุณไม่….. ?”

 

          ทันใดนั้นเซี่ยเหล่ยได้สาดไวน์ที่อยู่ในมือใส่หน้าเหยี่ยนเหวินเฉียน ไวน์สีแดงกระจายเต็มใบหน้าเขาและมันยังไหลมาที่เสื้อสีขาวของเหยี่ยนเหวินเฉียน….

 

          เหยี่ยนเหวินเฉียนตอบสนองเซี่ยเหล่ยอย่างรวดเร็วเขาออกหมัดไปที่หน้าอกของเซี่ยเหล่ยและในขณะนั้นเซี่ยเหล่ยได้ปาแก้วไวน์ออกไปเช่นกัน หมัดมากระทบตัวเซี่ยเหล่ยทำให้เขากระเด็นถอยหลังไปเพียงแค่ 1 ก้าวในตอนนี้ดูเหมือนว่าเซี่ยเหล่ยจะมีทีท่าและกระบวนการต่อสู้ดีกว่าเหยี่ยนเหวินเฉียนเป็นอย่างมาก.....

 

           เหยี่ยนเหวินเฉียนรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถทำอะไรเซี่ยเหล่ยได้ ในขณะที่หนิงจิงยืนอยู่ข้างๆพวกเขาแล้วตะโกนว่า “พวกคุณจะทำอะไร ?”

 

          “ถอยออกไป !” เหยี่ยนเหวินเฉียนตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด

 

          “ออกไปข้างนอก ออกไปแล้วผมจะสู้กับคุณ” เซี่ยเหล่ยกล่าว

 

          ทุกสายตาในห้องโถงต่างจับจ้องมาที่ เหยี่ยนเหวินเฉียน หนิงจิงและเซี่ยเหล่ย แขกบางคนก็ซุบซิบนินทากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่บางคนแค่หันมามองเฉยๆ

 

          “ออกไปข้างนอก ! กูจะขยี้มึง !” เหยี่ยนเหวินเฉียนโกรธเกรี้ยวเหมือนสัตว์ป่าที่ดุร้าย

 

          เซี่ยเหล่ยหัวเราะออกมา “อย่ามั่นใจในตัวเองให้มาก คิดว่ายูโดสายดำระดับ 8 จะเอาชนะผมได้ ? ผมไม่กลัวคุณเลยถึงแม้ว่าคุณจะระดับ 9 ก็ตาม...”

 

          ยูโดสายดำประดับ 8 น้อยคนนักที่จะไปถึงขั้นนี้แต่เซี่ยเหล่ยไม่กลัวเหยี่ยนเหวินเฉียนแม้แต่น้อย เขามั่นใจว่าเขาสามารถเอาชนะเหยี่ยนเหวินเฉียนได้สบายๆ

 

          “พวกคุณทั้ง 2 คน….” หนิงจิงรู้สึกกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสุดท้ายแล้วน้ำตาของเธอไหลรินออกมา

 

          ในขณะนั้นมีชายรูปร่างสูงใหญ่มาพร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่ง เสียงผู้คนในห้องโถงนั้นเงียบไปโดยทันทีเมื่อ 2 คนนั้นปรากฏตัวขึ้น

 

          หญิงสาวคนนั้น เป็นลูกสาวลำดับที่สองของตระกูลกู๋ ‘กู๋เค่อเหวิน’ เธอเป็นคนที่มีรูปร่างสูงและรูปลักษณ์สัดส่วนของเธอดีมาก ร่างกายที่ขาวเนียนรวมกับใบหน้าของเธอที่เหมือนตุ๊กตาเธอสง่างามและสวยงาม จนทำให้ทุกคนคิดว่าใบหน้าของเธอคือรูปถ่าย….

 

          “คุณ กู๋…..” เหยี่ยนเหวินเฉียนกำลังวิตกกังวลเมื่อเขามองไปที่กู๋เค่อเหวิน….

 

          “จะไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นในงานของฉัน ไม่ว่าจะกรณีใดๆทั้งสิ้น…”

 

          สายตาของกู๋เค่อเหวินมองไปที่เหยี่ยนเหวินเฉียนและเซี่ยเหล่ย เธอพูดอย่างไม่ใยดีว่า “คุณทั้ง 2 คนควรจะให้เกียรติฉันในงานเลี้ยงคืนนี้”

 

          การพูดของกู๋เค่อเหวินทำให้ผู้คนทั้งห้องโถงต่างจ้องมองไปที่เธอเป็นสายตาเดียวกัน เธอเป็นผู้หญิงที่เลอค่าและสูงส่งเกินเอื้อม …..

 

          “ได้โปรดให้ผมอธิบายก่อน คุณกู๋” เหยี่ยนเหวินเฉียนพูดออกมาในขณะที่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง ก่อนหน้านี้เขาเป็นหมาป่าที่ดุร้ายแต่ในตอนนี้เขาเป็นกระต่ายตัวน้อยๆเท่านั้น

 

          กู๋เค่อเหวินไม่ได้พูดอะไรอีก... จากนั้นมีบอดี้การ์ดมายืนตรงหน้าเซี่ยเหล่ยและเหยี่ยนเหวินเฉียน

 

          เซี่ยเหล่ยหันหลังออกไปทันที เขาไม่ได้หน้าด้านเหมือนเหยี่ยนเหวินเฉียนที่จะอยู่ในแห่งนี้ต่อไปมันเป็นเรื่องน่าอายที่ถูกไล่ออกจากงานเลี้ยง แต่เมื่อเทียบกับเวลาที่ต้องทนสายตาที่เยือกเย็นของเธอจ้องมองมาที่เขา การออกไปคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด….

 

          หนิงจิงมองไปที่เหยี่ยนเหวินเฉียนและหันไปมองเซี่ยเหล่ยที่กำลังเดินออกไป เธอไม่รู้ว่าจะอยู่ที่นี่หรือออกไปกับเซี่ยเหล่ยดี เธอเป็นผู้หญิงที่ขาดความกล้าและไม่กล้าตัดสินใจ

 

          ก่อนที่เซี่ยเหล่ยจะเดินออกไปจากห้องโถง มีบอดี้การ์ดยืนล้อมรอบผู้หญิงคนหนึ่ง เซี่ยเหล่ยเงยหน้ามองใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นทำให้ขาที่กำลังก้าวออกไปหยุดลงในทันที…..

 

          หญิงสาวคนนั้นคือผู้นำตระกูลเฉินตู ‘เฉินตูเทียนหยิน’ เธอดูสวยและสง่างามจนไม่กล้าสบตา….

 

          เฉินตูเทียนหยินเหลือบมองเซี่ยเหล่ย จากนั้นเธอหันไปมองที่กู๋เค่อเหวิน สำหรับเซี่ยเหล่ยแล้วเขาก็เป็นแค่คนข้างถนนในงานเลี้ยงแห่งนี้….

 

          เหยี่ยนเหวินเฉียนโค้งคำนับเฉินตูเทียนหยิน “สวัสดีครับ ท่านหญิง”

 

          เฉินตูเทียนหยินแทบจะไม่สนใจการกระทำของเหยี่ยนเหวินเฉียนเลยเธอไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

          กู๋เค่อเหวินออกไปต้อนรับเฉินตูเทียนหยินและกล่าวด้วยรอยยิ้มอันสดในว่า “พี่เทียนหยิน ทำไมถึงรีบมาล่ะ ? ฉันคิดว่าอีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าคุณจะมาถึง”

 

          เฉินตูเทียนหยินพูดเบาๆว่า “การประชุม ?”

 

          “พี่ชายกำลังรอคุณอยู่ที่ฮาเว่นลี่โทลพาวิลเลี่ยน ฉันจะพาคุณไปที่นั่น” กู๋เค่อเหวินเดินเข้าไปจับมือของเฉินตูเทียนหยินอย่างสนิทสนมและทั้ง 2 คนกำลังเดินทางไปที่ฮาเว่นลี่โทลพาวิลเลี่ยน

 

          เซี่ยเหล่ยหันกลับไปและเดินออกไปจากห้องโถง ไม่ว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างไรมันก็ไม่เกี่ยวกับเขาและเขาก็ไม่ได้สนใจกับเรื่องนี้

 

          เซี่ยเหล่ยนึกขึ้นมาได้ว่าเขามางานเลี้ยงแห่งนี้พร้อมกับรถของหลิวหยิง นิซึ่งเธอยังคงอยู่ในงานเลี้ยง มันคงไม่ดีแน่ที่จะเรียกเธอเพื่อพาเขากลับไปส่งที่บ้าน หลังจากนั้นเขากำลังโทรหาเจียงหยู่ยี่เพื่อที่ให้นำรถมารับเขา….

 

          “คุณครับ” เสียงดังมาจากด้านหลัง

 

          เซี่ยเหล่ยหันไปหาบอดี้การ์ดเขาเห็นบอดี้การ์ดกำลังไล่เหยี่ยนเหวินเฉียนออกจากงานเลี้ยง “มีอะไรหรอ ?” เซี่ยเหล่ยถาม

 

          “คุณไม่ต้องออกจากงานเลี้ยงครับ นายหญิงสั่งให้พวกผมมาตามคุณกลับไป” บอดี้การ์ดของกู๋เค่อเหวินกล่าว

 

          “ทำไมล่ะ ?” เซี่ยเหล่ยงงงวยเป็นอย่างมากกับความคิดของกู๋เค่อเหวิน

         

          “ขอโทษครับ ผมไม่ทราบเหมือนกัน” บอดี้การ์ดกล่าว

 

          ‘กู๋เค่อเหวินเปลี่ยนโทนเสียงของเธอทันทีหลังจากที่เฉินตูเทียนหยินมาถึงอาจเป็นเพราะว่าเฉินตูเทียนหยินเป็นคนสำคัญสำหรับเธอดังนั้นเราควรจะอยู่ที่นี่ดีหรือจะกลับดีล่ะ ?’ เซี่ยเหล่ยคิดในใจ

 

          “กรุณาเข้ามาครับ” บอดี้การ์ดกล่าวอย่างสุภาพ

 

          เซี่ยเหล่ยรู้สึกสับสน….

 

          หลิวหยิงปรากฏตัวขึ้นที่ประตูห้องโถง เธอกำลังมองหาเซี่ยเหล่ยและโบกมือให้เขา “เหล่ยมานี่เร็ว ฉันเจออะไรบางอย่าง”

 

          เซี่ยเหล่ยรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากและเขารีบเดินไป

 

          บอดี้การ์ดของกู๋เค่อเหวินกลับมายังห้องโถง เขาเป็นแค่ผู้ส่งสารและไม่สนใจว่าเซี่ยเหล่ยจะทำตามคำของของกู๋เค่อเหวินหรือไม่....

 

          ทันทีที่เซี่ยเหล่ยเข้าไปใกล้ๆตัวหลิวหยิงเธอดึงตัวเขาไว้และพูดว่า “ฉันได้รับ SMS มีคนส่งข้อความมาข่มขู่ฉัน !”

 

          “ห๊ะ ? ใครข่มขู่คุณ” เซี่ยเหล่ยตกใจมาก

 

          “ฉันไม่รู้ ดูสิ !” หลิวหยิงยืนโทรศัพท์มือถือแก่เซี่ยเหล่ย

 

          เซี่ยเหล่ยกำลังอ่านข้อความ : 10,000,000 หยวนสำหรับสิ่งที่สามีคุณทำทิ้งไว้ถ้าคุณไม่ให้ ฉันจะไม่รับประกันความปลอดภัยของลูกชายคุณ…

 

          เปลวไฟแห่งความโกรธปะทุขึ้นในจิตใจของเซี่ยเหล่ยหลังจากที่เขาได้อ่านข้อความ “พี่หลิว คนนี้กำลังข่มขู่เราโดยเอาเด็กมาเป็นตัวประกัน โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงกฎหมายเลย คุณโทรแจ้งตำรวจหรือยัง  ?”

 

          การแสดงสีหน้าของหลิวหยิงทำให้รู้ว่าเธอเป็นกังวลอย่างมาก “ยังไม่ได้แจ้ง ฉันคิดว่าถ้าฉันโทรแจ้งตำรวจลูกชายของฉันจะอยู่ในอันตราย….”

 

          ติดตามตอนต่อไป……

 

           

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด