Reincarnation Of The Strongest Sword God ตอนที่ 29 – สภาวะพิเศษ
Chapter 29 – สภาวะพิเศษ
ต่อหน้าดันเจี้ยนป่าแห่งความตาย จำนวนผู้เล่นเลเวล 2 ได้มาชุมนุมกันเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีลำธารของผู้เล่นที่ไม่สิ้นสุดที่ลงไปยังดันเจี้ยน
เนื่องจากมีผู้เล่นเลเวล 2 อยู่เยอะ มีผู้เล่นจำนวนมากที่ตั้งแผงลอยเร่ขายอยู่ที่ด้านข้าง
"อุปกรณ์ปกติคุณภาพดีเลเวล 0 อย่าพลาดเมื่อคุณเดินผ่าน คุณสามารถไปลงดันเจี้ยนได้ด้วยอุปกรณ์ที่ดีเท่านั้น อุปกรณ์มีจำกัด รีบมาซื้อเร็ว"
"HP โพชั่นขนาดเล็กสามารถฟื้นฟู HP ได้ 90 ได้ทันทีในครั้งเดียว เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการสู้รบที่คุ้มค่ากับคุณ"
God's Domain ได้เปิดมามากกว่า 10 ชั่วโมงแล้วในตอนนี้ ผู้เล่นทั้งหมดได้เลเวล 2 แล้ว หลังจากสิบชั่วโมงของการต่อสู้ ผู้เล่นเลเวล 2 จำนวนมากตั้งใจที่จะขายไอเทมซึ่งพวกเขาไม่ได้ใช้
เพื่อเปลี่ยนเป็นบางสิ่งที่พวกเขาสามารถใช้ได้ สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ธุรกิจเฟื่องฟูขึ้นที่ป่าแห่งความตาย
ถึงแม้ว่าจำนวนของผู้เล่นในด้านหน้าของป่าแห่งความตายจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนของปาร์ตี้ที่เข้าดันเจี้ยนยังคงลดลง เลยมีเฉพาะปาร์ตี้ที่ไม่ทันรู้ตัวจะเข้าไปในดันเจี้ยน
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผู้เล่นเหล่านั้นได้รับการเลี้ยงดูที่เหมาะสมโดยป่าแห่งความตาย พวกเขาก็ได้ค้นพบทันทีว่าความเชื่อก่อนหน้าของพวกเขานั้นไร้เดียงสาอย่างมาก เพราะฉะนั้น พวกยืนอยู่อย่างเชื่อฟังที่ด้านหน้าของดันเจี้ยน พวกเขาพูดคุยถึงเรื่องชีวิตกับปาร์ตี้อื่น ในขณะที่เฝ้ามองปาร์ตี้ใหม่ๆเข้าไปในดันเจี้ยนด้วยรอยยิ้ม พวกเขายังคงได้รับรายงานการสอบสวนจากป่าแห่งความตายร่วมกับปาร์ตี้ที่มีประสบการณ์ ทั้งสองฝ่ายได้ปรับปรุงกลยุทธ์เพื่อพิชิตดันเจี้ยนให้ดีขึ้น
คลื่นแล้วคลื่นเล่าของผู้เล่นที่เข้าไปและตายออกมาจากดันเจี้ยน ในที่สุดป่าแห่งความตายก็ได้กลายเป็นจุดโกรธแค้นของผู้เล่นทุกคนในย่านใบสีแดง
ผู้เล่นทุกคนที่เข้าไปยังป่าแห่งความมีเพียงแค่หนึ่งความประทับใจกับดันเจี้ยนเท่านั้น
มันน่ากลัวอย่างยิ่ง!
ปัจจุบัน ในสุสานแห่งการฟื้นคืนชีพของป่าแห่งความตาย มีริ้วแสงสีขาวหกเส้นกระพริบอยู่ในเวลานี้ หลังจากนั้น หลังจากนั้น มีร่างหกร่างได้เปิดเผยตัวของพวกเขาจากภายใน
“ไม่มีทางที่จะเคลียร์ดันเจี้ยนนี้ได้ หิมะผู้อ่อนโยน ฉันคิดว่าเราควรจะดีกว่านี้กับการฟาร์มมอนสเตอร์หรือทำเควส” หลังจากที่ฟื้นคืนชีพ จ้าวหยูรู่กระทืบเท้าที่ประณีตของเธอ หน้าอกของเธอได้ยกขึ้นและลง ความน่ารักของการที่เธอโกรธ ก็มีความประณีตที่ปรากฏก็ยังดึงดูดความสนใจจากผู้เล่นชายได้ทันที
หิมะผู้อ่อนโยนส่ายหัวของเธอ พูดด้วยการไตร่ตรองว่า “ผลประโยชน์ของเราภายในป่าแห่งความตายค่อนข้างดี ดังนั้น เราไม่สามารถเพียงแค่ยอมแพ้ได้ง่ายๆ แต่ป่าภายในป่าแห่งความตายมีขนาดใหญ่เกินไป แล้วยังเพิ่มจำนวนของเส้นทางเล็กเป็นจำนวนมาก พวกเราจะหลงทางได้อย่างง่ายดายโดยไม่มีแผนที่ อย่างไรก็ตาม ฉันเชื่อว่าท่ามกลางเส้นทางจำนวนมาก จะต้องมีไม่กี่เส้นที่นำไปสู่ตำแหน่งของบอส เส้นทางอื่นที่นี่ก็เป็นเพียงแค่กับดักเพื่อทำให้เราสับสนเท่านั้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเรามักถูกซุ่มโจมตีโดยกระต่ายยามค่ำเสมอ มาลองตรวจสอบข้อมูลบางส่วนกันและดูว่าเราสามารถทำแผนที่ที่สมบูรณ์ของป่าแห่งความตายได้หรือเปล่า”
ทุกคนรู้สึกว่าการเสี่ยงโชคของหิมะผู้อ่อนโยนนั้นสมเหตุสมผล โดยเฉพาะยิ่งเกี่ยวกับส่วนที่พวกเขาถูกโจมตีโดยกระต่ายยามค่ำ บางครั้ง ลูกศรที่หนาวเหน็บจะถูกเล็งไปยังนักบวชเซี่ยวหยูเอ๋อจะปรากฏขึ้นภายในป่า ถ้ามันไม่ใช่เพราะทักษะของเซี่ยวหยูเอ๋อในการหลบ พวกเขาก็จะถูกกำจัดปาร์ตี้กันตั้งนานแล้ว
ยิ่งไปกว่ากัน ยิ่งลึกเข้าไปในป่าก็จะยิ่งมีกระต่ายยามค่ำมากยิ่งขึ้นไปเท่านั้น ในท้ายที่สุด กระต่ายยามค่ำจะกลายเป็นจำนวนที่ล้นหลามมากเกินไป พวกเขาจะไม่สามารถแบกกระต่ายทั้งหมดไว้ได้ ซึ่งส่งผลให้พวกเขากลับสู่ความตาย หากพวกเขาสามารถหาเส้นทางที่ถูกต้องได้ ตอนนี้พวกเขาอาจจะเคลียร์ดันเจี้ยนได้เรียบร้อยแล้ว
จ้าวหยูรู่สามารถทำได้เพียงพยักหน้าของเธอในการเห็นด้วยเท่านั้น ผู้นำปาร์ตี้ในความเป็นจริงคือหิมะผู้อ่อนและสิ่งที่หิมะผู้อ่อนโยนมักจะถูกต้องอย่างมากเสมอ จ้าวหยู่รู่ไม่สามารถช่วยอะไรได้นอกจากเชื่อในตัวเธอเท่านั้น
จะมีคำแนะนำว่า หิมะผู้อ่อนโยนและจ้าวหยูรู่ตะเบ็งเสียงอย่างเฉยเมยไม่กี่ครั้ง ระบุว่าพวกเธอต้องการจะแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับป่าแห่งความตาย
มันไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ผลกระทบอันน่าตกตะลึงที่ถูกสร้างขึ้นโดยสองสาวงามผู้ยิ่งใหญ่ที่เรียกออกมา บรรยากาศในป่าแห่งความตายเริ่มเดือดขึ้นขณะที่ผู้เล่นรีบวิ่งไปทีละคน พวกเขาทุกคนต่างก็ต้องการจะเป็นคนแรกในตำแหน่งนั้น
มีผู้เล่นชายจำนวนมาก ที่ว่านี่เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่จะได้คุยกับเทพธิดา ใครจะได้รู้ได้ว่าถ้าเทพธิดาได้มองดูพวกเขา พวกเขาอาจะสามารถมีชีวิตที่ 'มีความสุข' ได้ในอนาคต
ขณะเดียวกันภายในโหมดนรกของป่าแห่งความตาย ท้องฟ้าภายในดันเจี้ยนได้มืดไปแล้ว นกนับพันตัวได้โผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ปล่อยให้ป่าตกอยู่ในความเงียบที่เหมือนตายแล้ว
มนุษย์หมาเฟ็ลไม่ใช่มอนสเตอร์ธรรมดาทั่วไป มันเป็นหมาป่าที่มีชื่อเสียงมาก ในอดีต มันได้สังหารหมู่อย่างไร้ที่สิ้นสุดในย่านใบสีแดง เกือบจะเปลี่ยนย่านใบสีแดงให้เป็นเมืองแห่งความตาย ด้วยความโกรธที่พอ ราชอาณาจักรดาราจันทราได้ส่งกองทัพมาล้อมรอบเฟ็ล ในท้ายที่สุด หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บหนักจากเจ้าแห่งดาบผู้ยิ่งใหญ่ เฟ็ลได้หนีเข้ามาในป่าแห่งความตายเพื่อรักษาบาดแผลของมัน นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมดันเจี้ยนของป่าแห่งความตายถึงมีอยู่ (เพื่อให้สะดวกกับการแปลในตอนนี้และการอ่านที่ง่ายขึ้น จึงทับศัพท์คำว่าผู้รู้สึกเป็นเฟ็ลแทน)
ในโหมดนรก เฟ็ลมีอยู่สามสกิลที่แน่นอน อันแรกคือ [การจ้องมองแห่งความตาย] ศัตรูที่ถูกเฟ็ลจ้องมองจะทำให้พวกเขามีความเร็วการโจมตีและความเร็วการเคลื่อนที่ลดลงอย่างมาก หากมีอำนาจจิตอ่อนแอกว่า พวกเขาอาจจะไม่สามารถแม้แต่เคลื่อนไหวได้
ปัจจุบัน ซือเฟิงมีความว่องไวเพียงแค่ 30 แต้มเท่านั้น หลังจากที่เขาได้เปิดใช้งานสกิลลับพื้นฐานทั้งสามที่เขาครอบครอง เขาได้รับมาซึ่งจำนวนที่แน่นอนในการต่อต้านต่อการจ้องมองแห่งความตาย สำหรับคนอื่นปฏิกิริยาของพวกเขากลายเป็นเอื่อยเฉื่อยอย่างมาก
นั่นเป็นเหตุว่าทำไมซือเฟิงเป็นคนเดียวที่เหลือในการตรวจสอบของมนุษย์หมาป่าเฟ็ล แต่ทว่าสล็อตผู้เซื่องซึมกำลังรักษาซือเฟิงอย่างเนื่อง อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการร่ายของสล็อตผู้เซื่องซึมได้ช้าลงครึ่งหนึ่ง สำหรับผู้เล่นระยะประชิด พวกเขาช่วยอะไรไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการที่จะช่วย แต่มันเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่มีวิธีไหนที่จะช่วยได้เลย ความเร็วการโจมตีของมนุษย์หมาป่าเฟ็ลนั้นเร็วเกินไป มันอยู่ในระดับที่พวกเขาไม่สามารถตอบสนองต่อการโจมตีของมันได้ ราวกับว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับเซียนที่มาจากนิยายอู๋เซีย คนธรรมดาไม่โอกาสที่จะก้าวก่ายอะไรได้เลย (นิยายอู๋เซียหรือกำลังภายในครับเช่น Eternal Martial Sovereign)
พวกสามารถทำได้เพียงสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นถ้าพวกเขาพุ่งเข้าไปในการต่อสู้ ดังนั้นมันก็จะยังคงดีกว่าที่เพียงแค่เฝ้ามองอยู่ด้านข้าง
ในปัจจุบันมีเพียงแค่ผู้วิเศษระยะไกลเท่านั้นที่สามารถสร้างความเสียหายได้ อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นต่ำเกินไป แม้แต่ศรแห่งความมืดของแบล็คกี้สร้างความเสียหายได้เพียง -24 เท่านั้นในแต่ละครั้ง
“โดดเดี่ยว ขัดขวางเสียงคำราม!” เมื่อเห็นเฟ็ลสูดลมหายใจกะทันหัน ซือเฟิงก็ตะโกนทันที
หิมะผู้โดดเดี่ยวได้เตรียมตัวสำหรับช่วงเวลานี้มานานแล้ว ทันทีที่เขาเดินไปข้างและใช้สกิลจู่โจม ทำให้เฟ็ลเข้าสู่สถานะหน้ามืด 1 วินาที จากนั้นเขาก็รีบถอยกลับไป
ซือเฟิงใช้โอกาสนี้ใช้แสงอสนีบาตคำราม , สับสองเท่า , และก็สับ การโจมตีแต่ละครั้งได้มาถึงหน้าอกของเฟ็ล ก่อนที่เฟ็ลจะฟื้นลมหายใจได้ มันก็ได้ถ่มเลือดออกมาหนึ่งคำ ซือเฟิงทำให้เกิดความเสียหายที่น่ากลัวถึง -500 กับมัน
ภายในระยะเวลาสั้นๆ HP ของเฟ็ลได้ตกลงมาเหลือ 78%
ทุกคนที่ดูต่างก็ตกตะลึง เกี่ยวกับการกระทำที่ทรงพลังของซือเฟิง พวกเขามีเพียงแค่คำเดียวจะพูดเท่านั้น:น่าอัศจรรย์! พวกเขารู้สึกประทับใจในต่อสายตาของซือเฟิงมากขึ้น เขาได้ค้นพบความอ่อนแอดังกล่าวบนร่างกายของเฟ็ล ตอนนี้ทุกคนก็มั่นใจมากขึ้นว่าซือเฟิงนั้นไม่ได้ง่ายๆอย่างที่เขาคิด
อย่างไรก็ตาม ซือเฟิงไม่ได้แสดงความตื่นเต้นที่ยิ่งใหญ่ใดๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะขัดขวางเสียงคำรามของนรกและหลีกเลี่ยงการกำจัดปาร์ตี้ก็ตามสิ่งนี้จะสร้างผลย้อนกลับ
หลังจากถ่มเลือดออกมาค่ำหนึ่ง สภาพของมนุษย์หมาป่าเฟ็ลกลายเป็นสบายใจมากยิ่งขึ้น ได้มันได้หมุนหัวของมันไปรอบๆ และใช้กรงเล็บที่แหลมคมของมันเฉือนไปยังซือเฟิงทันที ความเร็วของการเฉือนจากรงเล็บของเฟ็ลแม้กระทั่งรอยตัดก็เร็วมากกว่าก่อนหน้านี้ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยภาพติดตาจากกรงเล็บของมัน
อย่างไรก็ตาม ซือเฟิงไม่มีอย่างใดอย่างหนึ่งอ่อนแอ ความแข็ง , ความว่องไว , และความอดทน ซือเฟิงได้เปิดใช้งานสกิลลับพื้นฐานทั้งสามของคุณสมบัติเหล่านี้ ด้วยการเปิดใช้งานสกิลลับเหล่านี้ มันหมายความว่าสภาพร่างกายของซือเฟิงไม่ใช่ของผู้เล่นธรรมดาอีกต่อไปแต่เป็นคนพิเศษ ทรัพย์สินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของซือเฟิงที่เข้ามาในป่าแห่งความตายก็คือสภาพร่างกายที่พิเศษนี้ ซึ่งเขาสามารถเปิดใช้งานขณะใดก็ได้ ด้วยมันเขาสามารถทำสิ่งที่ผู้เล่นปกติไม่สามารถทำได้
ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยภาพติดตาของกรงเล็บ ซือเฟิงยังสามารถรักษาความปลอดภัยและการตรวจฟังไว้ได้ มันราวกับว่าซือเฟิงกำลังเต้นอยู่ภายใต้ภาพติดตา บางครั้ง ซือเฟิงจะใช้ดาบของเขาเพื่อปัดเป่าการโจมตีซึ่งเขาไม่สามารถหลบได้ นี่คือพลังที่อยู่ภายใต้สภาวะพิเศษ ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขากลายเป็นรู้สึกได้ไวเต็มที่และความสามารถในการประมวลผลของสมองกลายเป็นมุ่งเน้นอย่างพิเศษ ซือเฟิงสามารถใช้ประโยชน์จากร่างกายของเขาให้มีศักยภาพสูงสุด ถ้าเป็นผู้เล่นธรรมดาพวกเขาก็ไม่จะสามารถใช้ฝีมือเช่นนี้ออกมาได้ ทั้งร่ายกายและจิตใจได้ไปยังสภาวะพิเศษ ถ้าซือเฟิงไม่ได้คุ้นเคยกับเรื่องนี้มาก่อน เขาจะสามารถรักษาสภาพดังกล่าวไว้ได้ไม่กี่วินาทีเท่านั้น
กรงเล็บและดาบพันพันกัน ทำให้สร้างประกายไฟแวววาวนับไม่ถ้วน
ทั้งสองฝ่ายมี HP ของพวกเขาลดลงอย่างต่อเนื่อง โชคดีที่ซือเฟิงสามารถมีชีวิตรอดด้วยโต้ตอบจากการรักษาที่ทันเวลาของสล็อตผู้เซื่องซึม
หลังจากนั้นภายใต้คำสั่งของซือเฟิง หิมะผู้โดดเดี่ยวจะขัดจังหวะเสียงคำรามของนรกเป็นครั้งคราว ขณะที่โคล่าจะยื้อเฟ็ลไว้เมื่อไรก็ตามที่ซือเฟิงตกอยู่ในอันตรายและแบล็คกี้จะใช้แส้แห่งความชั่วร้ายเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของเฟ็ล ด้วยวิธีเช่นนี้ HP ของมนุษย์หมาป่าเฟ็ลได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง, 70%...60%...30%...
“ทุกคนยืนเป็นเส้นตรงแล้วหันหน้าไปทางทางบอส! เร็วเข้า!” ซือเฟิงรีบตะโกนเมื่อเขาเห็น HP ของมนุษย์หมาป่าเฟ็ลใกล้30%
มนุษย์หมาป่าเฟ็ลกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดเมื่อ HP ของมันลดลงเหลือ 30% ในช่วงเวลานี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่ขัดขวางเสียงคำรามของนรก พวกเขาสามารถทำได้เพียงประสานงานกันเท่านั้น
ไม่มีความลังเลใดๆ พวกเขารู้ว่าบอสกำลังจะบ้าคลั่ง พวกเขารีบดำเนินการทันที สร้างเส้นตรงสู้กับมนุษย์หมาป่าเฟ็ล ในขณะที่ยังคงรักษาระยะทาง 30 หลาห่างจากมัน
ขณะที่ HP ของมนุษย์หมาป่าเฟ็ลถึง 30% ขนของมันเริ่มเปลี่ยนสี ภายในไม่กี่วินาที ขนของมันก็กลายเป็นเหมือนหิมะสีขาวและเลือดสองสายไหลออกมาจากดวงตาของมัน หน้าอกของมันเริ่มขยายตัวอย่างรวดเร็ว ราบกับว่ามันเป็นกบที่พองตัวขึ้น
ซือเฟิงได้เปิดใช้งานปลดปล่อยแรงโน้มถ่วงทันทีและมาถึงด้านหน้าของคนอื่นๆอย่างรวดเร็ว
“โคล่าใช้พรคุ้มครองบนฉัน!” ซือเฟิงตะโกนดังขึ้น
พรคุ้มครองสามารถลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสมาชิกปาร์ตี้ 50% เป็นเวลา 6 วินาที มันเป็นสกิลช่วยชีวิตด้วยคูลดาวน์ 5 นาที และตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบที่จะใช้มัน
[พรคุ้มครอง] ของอัศวินผู้พิทักษ์และ [กำแพงโล่] ของนักรบโล่ สองสกิลนี้มีอัตราดรอปที่สูงภายในโหมดนรกของป่าแห่งความตาย ก่อนหน้านี้เป็นเหตุผลว่าทำไมซือเฟิงถึงเสียเวลาในการกวาดล้างกระต่ายยามค่ำที่ไม่จำเป็นทั้งหมดออกไปเพื่อให้ได้รับสกิลนี้ สกิลพรคุ้มครอง