ตอนที่แล้วบทที่ 67 ถามตอบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 69 จั่วม่อน้ำลายหก  

บทที่ 68 ช่วงเวลาผ่อนคลายช่างหาได้ยาก


 

ในกล่องหยกจัดวางไว้ด้วยพืชน้ำสีฟ้าอ่อนระดับสามต้นหนึ่ง เห็นแสงเรืองรองวาบประกายผ่านกิ่งใบ ทั้งยังส่งกลิ่นอายหนาวเหน็บออกมาอย่างเบาบาง

หญ้าเมฆาเยือกแข็งเป็นหญ้าปราณสังกัดธาตุน้ำที่หาได้ยากยิ่งชนิดหนึ่ง สามารถพบเงาของมันได้ในตำรับโอสถชั้นสูงมากมาย ไม่ต้องกล่าวถึงอื่นใด จั่วม่อทราบว่ากระทั่งซือฟู่ของมันยังไม่มีหญ้าเมฆาเยือกแข็งอยู่ในสวนยาของนาง หญ้าเมฆาเยือกแข็งเติบโตในสถานที่เย็นจัด การเจริญงอกงามของมันไม่ใช่เรื่องง่ายดาย ทั้งยังยากที่จะหาพบ

เกรงว่าต่อให้เสาะหาไปทั่วทั้งตงฝูยังไม่อาจซื้อหาหญ้าเมฆาเยือกแข็งคุณภาพสูงได้สักต้น แสดงให้เห็นว่ามันมีค่ามากเพียงใด

“นี่ล้ำค่ามากเกินไป” จั่วม่อสะกดกลั้นความโลภในใจอย่างยากเย็น และผลักกล่องหยกกลับไป

กงซุนฉิงดวงตาทอประกายชื่นชมแวบหนึ่ง นางดันกล่องหยกกลับมาตรงหน้าจั่วม่ออีกครั้ง “ศิษย์น้องอย่าได้ปฏิเสธแล้ว หญ้าเมฆาเยือกแข็งต้นนี้โน้มเอนไปทางความเย็นเยือกและสังกัดธาตุน้ำ หากนำไปหลอมกลั่น เม็ดยาที่หลอมกลั่นออกมาย่อมเป็นโอสถปราณธาตุน้ำและน้ำแข็ง ทอดตามองทั่วสำนัก นอกจากศิษย์น้องแล้วก็ไม่มีผู้ใดเหมาะสมกับมันอีก”

จั่วม่อขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวว่า “เช่นนั้นก็สองร้อยเม็ดเถอะ อีกหนึ่งร้อยเม็ดนั้นถือเป็นน้ำใจจากศิษย์น้องก็แล้วกัน”

กงซุนฉิงก็ไม่บ่ายเบี่ยงและแย้มยิ้มกว้างขวาง “ขอบใจเจ้ามาก ศิษย์น้อง”

ทั้งหมดสนทนากันอีกครู่หนึ่ง แต่ส่วนได้ส่วนเสียของพวกมันไม่ลงตัว จั่วม่อไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อซวีอีเซี่ยเป็นพิเศษ ทั้งสามลุกขึ้นกล่าวอำลา จั่วม่อติดตามส่งแขกถึงปากทางเข้าหุบเขา ก่อนจะจากไปสวี่อี้ยังอดเตือนจั่วม่อถึงเม็ดยาอีกาทองคำที่มันเคยสั่งไว้ไม่ได้ จั่วม่อพยักหน้ารับคำ

ท้ายที่สุดจั่วม่อค่อยสามารถถอนหายใจยืดยาว กลับไปถึงบ้านน้อย มันไม่อยากทำอะไรอีก สถานการณ์ขึ้นๆ ลงๆ ในวันนี้ ทำให้มันเหน็ดเหนื่อยแทบตายแล้ว

แต่มันยังคงนำต้นหญ้าเมฆาเยือกแข็งไปยังน้ำพุปราณในห้องศิลา ตาน้ำพุปราณแห่งนี้อยู่ใกล้กับเส้นชีพจรปราณปฐพี ย่อมเต็มเปี่ยมไปด้วยปราณธรรมชาติหนาแน่น เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของหญ้าเมฆาเยือกแข็ง เหตุผลที่มันรู้สึกคาดไม่ถึงและปิติยินดีมากเมื่อพบเห็นหญ้าเมฆาเยือกแข็ง ไม่ใช่เพราะมูลค่าของหญ้าหายากนี้ แต่เนื่องจากในม้วนหยกของผู้อาวุโสเว่ยหนานบันทึกวิธีหลอมกลั่นด้วยน้ำ สำหรับหลอมกลั่นโอสถปราณชนิดหนึ่งไว้ต่างหาก โอสถปราณชนิดนี้เรียกว่าเม็ดยาเมฆาเยือกแข็ง แน่นอนว่าส่วนผสมหลักคือหญ้าเมฆาเยือกแข็ง เม็ดยาเมฆาเยือกแข็งสามารถช่วยเพิ่มพูนพลังฝีมือของผู้ฝึกตนสายธาตุน้ำได้อย่างมหาศาล

ที่เรียกว่า ‘เพิ่มพูนอย่างมหาศาล’ นี้เป็นอย่างไร ในม้วนหยกไม่ได้บันทึกไว้ อย่างไรก็ตาม สำหรับจั่วม่อแล้วยังคงเป็นประโยชน์มาก มันไม่ใช่เซียนกระบี่ ไม่จำเป็นต้องพิจารณาปัญหาความสับสนวุ่นวายของธาตุทั้งห้า ไม่ว่าธาตุใดในเบญจธาตุ สำหรับมันล้วนใช้การได้อย่างยิ่ง หากพลังธาตุน้ำของมันเพิ่มพูนขึ้น เพลงกระบี่เพลิงธาราของมันก็จะยิ่งทรงพลังมากยิ่งขึ้น การควบคุมบังคับใช้น้ำจะยิ่งง่ายดายกว่าเดิม

แต่จั่วม่อไม่มีเวลาหลอมกลั่นเม็ดยาเมฆาเยือกแข็งเป็นการชั่วคราว เนื่องเพราะมันยังมีหนี้สินท่วมหัว!

เม็ดยาอีกาทองคำ......

เมื่อใดที่นึกถึงเม็ดยาอีกาทองคำจำนวนมหาศาลที่ต้องหลอมกลั่นให้เสร็จสิ้น จั่วม่อหน้ามืดวิงเวียนอยากจะสลบไสลไปในบัดดล

อย่างไรก็ตาม วันนี้ลืมๆ มันไปเสียเถอะ จั่วม่อมุดหัวขึ้นเตียง หลับสนิทไปแทบจะในทันที

รุ่งเช้าวันต่อมา จั่วม่อตื่นขึ้นอย่างแช่มชื่นและเริ่มต้นวันแห่งการหลอมกลั่นอันบ้าคลั่งของมัน สวี่ฉิงดูเหมือนจะตระหนักดีถึงเรื่องนี้เช่นกัน และตระเตรียมส่วนผสมกองโตสำหรับเม็ดยาราชันธัญพืชไว้ล่วงหน้า

เหม่อมองวัตถุดิบกองเท่าภูเขาอยู่ตรงหน้า จั่วม่ออยากร่ำไห้แต่ไร้น้ำตา มันบังคับตัวเองให้เริ่มลงมือ!

 

ในเวลาเดียวกัน ไม่ไกลจากตงฝู กลุ่มคนพลันปรากฏตัวขึ้นภายในหุบเขาแห่งหนึ่ง อาภรณ์ที่สวมใส่ล้วนแตกต่างหลากหลาย เช่นเดียวกันกับสีหน้าท่าทีของพวกมัน

“อยู่ใกล้ๆ นี่เอง” หนึ่งในกลุ่มคนกล่าว ใบหน้าจริงจัง “แต่ก็ยากจะเจาะจงตำแหน่งที่แน่ชัด”

“ข้าแน่ใจว่าเป็นที่นี่” ซิวเจ่อชุดเหลืองแค่นเสียงอย่างเย็นชาและกล่าวสืบต่อ “อีกสิบสองเมืองพวกเราล้วนตรวจสอบผ่านมาแล้ว ไม่ใช่ตงฝู ยังจะเป็นที่ใดอีก?”

สายตาของคนอื่นๆ ทั้งหมดจ้องไปยังบุรุษชุดสีเงินเป็นตาเดียว มันคล้ายจะเป็นผู้นำกลุ่ม สีหน้าราบเรียบ ท่วงท่าไม่แยแส เสื้อคลุมยาวบนร่างมันราวกับถักทอขึ้นจากเส้นใยเงิน ทอประกายวาววาม ท่ามกลางผู้คนทั้งหมดนับมันโดดเด่นสะดุดตาที่สุด

บุรุษชุดเงินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนออกคำสั่ง “ตั้งกองบัญชาการกลางเสียก่อน ค่อยกระจายกันตรวจสอบอย่างละเอียด”

กลุ่มคนเหาะเหินตรงไปยังตงฝู

 

สองชั่วยามให้หลัง ตำแหน่งเดียวกันกับที่คนกลุ่มนั้นชุมนุมกัน แสงระเบิดวาบ กลุ่มคนชุดดำปรากฏกายขึ้น พวกมันแต่ละคนล้วนสวมหน้ากากทองสัมฤทธิ์ใบหนึ่ง ลวดลายบนหน้ากากดุร้ายหมายขวัญ ปกปิดใบหน้ามิดชิด เพียงเปิดเผยสองตาเท่านั้น

“สมควรอยู่ในบริเวณนี้ ตำแหน่งเฉพาะเจาะจงยังไม่ชัดเจน” บุรุษชุดดำผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น จากนั้นพลันอุทานอย่างประหลาดใจ “เคยมีคนมาที่นี่ ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย”

ผู้นำกลุ่มไม่ได้กล่าวอันใด มันโบกมือเบาๆ จากนั้นกลุ่มคนชุดดำหายวับไปในอากาศ

หลังจากนั้นสักครู่ บุรุษชุดขาวผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น หากจั่วม่อสามารถมองเห็น มันจะต้องแปลกใจที่พบว่าคนผู้นี้คือคนที่มันคิดว่าเป็นคุณชายร่ำรวย หลินเชียน หลินเชียนเพียงกวาดตามองแวบหนึ่งแล้วหายวับไป

 

พลังฝีมือที่จั่วม่อสำแดงออกมาในการทดสอบของสำนักทำให้ผู้คนตกใจกลัวอย่างแท้จริง ตลอดสองสามวันให้หลัง มีผู้มาเยี่ยมเยือนไม่ขาดสาย ด้วยความอับจนหนทาง จั่วม่อได้แต่แขวนป้ายแจ้งกักตัวฝึกตนไว้ที่ปากทางเข้าหุบเขา อาศัยเวลาสองสามวันนี้ มันหลอมกลั่นโอสถจนถึงจุดที่เกือบจะสำรอกออกมา สำหรับต้าซือเจี่ย สำหรับศิษย์พี่สวี่อี้ และเพื่อส่งมอบให้ศิษย์พี่หญิงหลี่อิงฟ่งนำไปขาย ต่อมามันนึกขึ้นได้ว่าตนยังไม่มีเมล็ดพันธุ์ไฟใดๆ เลย แหล่งกำเนิดไฟระดับสี่ อ้า! ยังไม่มีครอบครองแล้วเป็นไร ไฉนมันไม่ทำไว้สำหรับตัวเองด้วยเล่า?

ตามผลการวิเคราะห์ มีโอกาสที่จะก่อเกิดไฟอีกาทองคำ จั่วม่อเดาว่าน่าจะสัมพันธ์กับปริมาณ มันหักใจอำมหิต ตัดสินใจทำให้ตัวเองห้าร้อยเม็ด จะอย่างไรรับประทานมากเกินไปก็ไม่ถึงกับตาย หากมันสามารถก่อกำเนิดไฟอีกาทองคำได้จริง ก็เท่ากับวิ่งชนขุมทองเข้าจริงๆ แล้ว เมื่อครอบครองแหล่งกำเนิดไฟระดับสี่ โอสถปราณที่มันหลอมกลั่นแน่นอนว่าจะเพิ่มระดับคุณภาพขึ้นไม่น้อย

นึกถึงความเป็นไปได้นี้ หัวใจก็ร้อนวูบ จั่วม่อตกลงใจหมกตัวอยู่ในห้องหลอมกลั่น

สวี่ฉิงก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ยุ่งวุ่นวายจนหัวหมุนมากที่สุดในเวลานี้ นางเกือบจะกลายเป็นกระบอกเสียงแทนตัวจั่วม่อ ทุกๆ วันนางต้องช่วยเตรียมส่วนผสมของโอสถปราณไว้ให้จั่วม่อ จากนั้นยังต้องช่วยมันแจกจ่ายเม็ดยาอีกาทองคำ จำนวนเม็ดยาอีกาทองคำที่หลอมกลั่นสำเร็จในแต่ละวันไม่มีความผันผวนมากนัก แต่ด้วยจำนวนที่จำกัดเช่นนี้ ผู้ใดสมควรได้รับก่อน ผู้ใดต้องรอ? นั่นเป็นคำถามที่น่าปวดเศียรเวียนเกล้าที่สุดสำหรับจั่วม่อ ดังนั้นมันโยนปัญหานี้ให้สวี่ฉิงเสียเลย ก่อนหน้านี้มันเป็นหนี้บุญคุณนาง เมื่อสามารถช่วยเหลือส่งเสริมนางบ้าง จั่วม่อย่อมยินดียิ่ง

ผลจากการกระทำนี้ คือสถานะในสำนักของสวี่ฉิงพุ่งทะยานขึ้นในทันที

นางรั้งลำดับแรกในหมู่ศิษย์สตรีฝ่ายนอกสังกัดเรือนขิงหอมมาเป็นระยะเวลายาวนาน เชี่ยวชาญอย่างยิ่งในการสะสางและจัดเรียงลำดับความสัมพันธ์ส่วนบุคคลที่แตกต่างกัน รู้วิธีสังเกตสีหน้าผู้คน กับสตรีเช่นนี้ ผู้ใดสามารถรุกรานนางได้ง่ายๆ? มายามนี้นางยังครอบครองอำนาจในการแจกจ่ายเม็ดยาอีกาทองคำ ทุกผู้คนยิ่งไม่กล้ารุกรานนางยิ่งกว่าเดิม อาจกล่าวได้ว่าเมล็ดพันธุ์ไฟระดับสี่มีแรงดึงดูดใจมากเกินไป

หากจะมียกเว้นอยู่บ้าง ก็เพียงแค่ห่าวหมิ่นผู้เดียว สืบเนื่องจากจั่วม่อ นางยิ่งเห็นว่าสวี่ฉิงขัดหูขัดตามากกว่าเดิม แต่พอนึกถึงพลังฝีมืออันร้ายกาจที่จั่วม่อสำแดงออกมาในการทดสอบของสำนัก ห่าวหมิ่นก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามกระทำการอันใด

คราวที่แล้วจั่วม่อกล้าตบหน้านาง หากยั่วยุมันอีก จั่วม่อย่อมกล้าตบนางอีกครั้งโดยไม่ออมรั้งยั้งมืออย่างแน่นอน

สวี่ฉิงจะไม่ทราบว่าจั่วม่อจงใจช่วยเหลือนางได้อย่างไร? นางได้แต่ซาบซึ้งอยู่ในใจ และพยายามสุดความสามารถที่จะทำทุกอย่างให้ลุล่วงไปอย่างสวยงาม ความเก่งกาจที่ศิษย์พี่จั่วม่อแสดงออกมาในการประลองอาจทำให้นางตกตะลึงพรึงเพริด แต่สิ่งที่ทำให้นางยอมรับนับถือจนหมดใจจริงๆ กลับเป็นความทุ่มเทอันบ้าคลั่งยามที่มันหลอมกลั่นโอสถ

ในแต่ละวัน นางส่งมอบวัตถุดิบเข้าไปมากมายเท่าใด นางย่อมทราบกระจ่างแก่ใจ

บางทีสำหรับศิษย์ฝ่ายนอกแล้ว พรสวรรค์เป็นสิ่งที่ไม่สามารถพบได้ทั่วไป แต่กับความมานะบากบั่น ทุกผู้คนล้วนสามารถลอกเลียนมันได้ และยังสมควรได้รับความชื่นชมมากยิ่งกว่าพรสวรรค์เสียอีก!

ไม่ใช่เพียงแค่นาง ทั่วทั้งเรือนขิงหอมล้วนแล้วแต่หวาดผวาต่อความบ้าคลั่งของจั่วม่อ กระทั่งสือฟ่งหรงยังเรียกสวี่ฉิงไปไถ่ถามสถานการณ์อยู่หลายครั้งหลายครา สวี่ฉิงยังใช้อำนาจของนางช่วยเหลือศิษย์พี่ทุกอย่างเท่าที่ขอบเขตอำนาจของนางจะทำได้ อย่างเช่นเมื่อผู้คนที่มาถามหาเม็ดยาอีกาทองคำมอบสิ่งของกำนัลเช่นข้าวปราณหรือพืชผักปราณให้ สวี่ฉิงจะส่งต่อไปยังศิษย์น้องหญิงที่มีฝีมือทางปรุงกลั่น เพื่อปรุงกลั่นกระยาหารปราณส่งไปยังจั่วม่อ

จากนั้นนางก็พบอย่างรวดเร็ว ว่าศิษย์พี่จั่วม่อจะหลอมกลั่นเม็ดยาอีกาทองคำมากเกินกว่าที่ควรทำ อีกวันละสองสามเม็ด นางตระหนักในทันที ว่านี่คือส่วนที่ศิษย์พี่ยกให้แก่นาง

เป็นครั้งแรกในรอบเกือบยี่สิบวัน จั่วม่อเดินออกมาจากห้องหลอมกลั่น พอผลักประตูเปิดออก มันก็หรี่ตาหลบแสงแดดตามสัญชาตญาณ

สวี่ฉิงกำลังวิ่งหัวหมุนวุ่นวาย ตระเตรียมส่วนผสมยาอยู่ในลาน พอเห็นจั่วม่อก็รีบวิ่งเข้ารับหน้า “ศิษย์พี่”

“ไม่มีใด ข้าแค่ออกมาพักหายใจ” จั่วม่อโบกมือบอกให้นางไปทำงานของนางต่อ

หลังจากหลอมกลั่นเม็ดยาอย่างบ้าคลั่งมาเกือบยี่สิบวัน ในที่สุดมันก็ชำระหนี้ส่วนใหญ่เสร็จสิ้น พอมีเวลาให้ได้พักหายใจหายคอบ้าง แสงแดดสาดส่องลงบนร่างกายอย่างอบอุ่น จั่วม่อรู้สึกสุขสบายไม่น้อย ฉุกคิดอะไรบางอย่าง มันรีบวิ่งไปถามสวี่ฉิง “เจ้ามีอินกุยหรือไม่?”

สวี่ฉิงมึนงงเล็กน้อย แต่ยังคงเร่งรุดไปยังห้องของนาง หยิบอินกุยเครื่องหนึ่งมาส่งให้จั่วม่อ

คว้าอินกุยได้ จั่วม่อไม่สนใจท่าทีประหลาดใจของเหล่าศิษย์น้องหญิง มันกระโดดขึ้นหลังคา ประจุพลังปราณลงไปในอินกุย แล้ววางลงที่ข้างกาย จากนั้นมันนอนแผ่อาบแสงตะวัน หลับตาครวญเพลงอย่างสุขใจ

นานมากแล้วที่ไม่ได้เป็นอิสระเช่นนี้ จั่วม่อรู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่ง

พอมันเริ่มผ่อนคลายสบายอารมณ์ จู่ๆ ก็มืดลง จั่วม่อหยุดครวญเพลง ลืมตาขึ้น เห็นในท้องฟ้าเหนือศีรษะ เรือมหึมาลำหนึ่งแล่นผ่านไปอย่างแช่มช้า ขนาดของลำเรือมหึมานี้เทียบเท่าเรือพันปีกที่จั่วม่อเคยพบมาก่อน แต่หัวเรือแหลมคมยิ่งกว่า รอบๆ ลำเรือล้อมรอบด้วยฝูงนกสีสันสวยงาม

หืมม์ จั่วม่อยันกายลุกขึ้นนั่ง แหงนหน้ามองเรือมหึมา ลอบสงสัยในใจ คนใหญ่คนโตจากที่ใดมาเยือนตงฝู?

เรือยักษ์ลำนี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากตื่นตระหนก เหล่าศิษย์สตรีในลานชะงักสิ่งที่พวกนางกำลังทำและเริ่มถกเถียงกันอย่างออกรส

สือฟ่งหรงบังเอิญออกมาพอดี พอสังเกตเห็นเรือมหึมา ดวงตาสาดประกายประหลาดแวบหนึ่ง ปากก็ดุว่า “เอ้า เลิกโวยวายกันเสียที!”

ได้ยินเสียงตำหนิของสือฟ่งหรง ทุกผู้คนเงียบกริบในบัดดล และกลับไปทำงานในมือตามเดิม สือฟ่งหรงหันมาดุจั่วม่อบนหลังคา “ไปหลอมกลั่นของเจ้า!” กล่าวจบนางก็รีบออกจากลาน มุ่งหน้าไปยังโถงสุญตา จั่วม่อไม่ได้สนใจเรื่องการถูกดุ ในใจมันกำลังคาดเดาว่าเรือใหญ่ลำนี้มีความสัมพันธ์อันใดกับสำนัก?

จั่วม่อรู้สึกว่าท่าทีของซือฟู่มันในวันนี้ไม่ปกติ ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!

แน่นอนว่ามันก็ได้แต่คาดเดาเท่านั้น อย่าเห็นว่าซือฟู่เป็นเพียงสตรีนางหนึ่ง ด้วยพลังบำเพ็ญเพียรด่านจินตันของนาง ย่อมถือเป็นปรมาจารย์ระดับแถวหน้า

แม้ว่าบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้นก็ตาม แต่มันไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก น่าจะดีกว่าหากมันไม่เพิ่มปัญหาให้แก่ซือฟู่ เมื่อครุ่นคิดเช่นนี้ จั่วม่อก็เตร็ดเตร่กลับไปยังบ้านน้อยของตน

กลับมาถึงลานน้อยลมตะวันตก เริ่มแรกมันไปตรวจสอบหญ้าเมฆาเยือกแข็ง เห็นต้นหญ้าเติบโตแข็งแรงดี จั่วม่อนั่งเข้าฌานในห้องศิลาเป็นเวลาสองชั่วยาม ได้รับอานิสงค์จากปราณธรรมชาติในเส้นชีพจรปราณปฐพี รวมถึงกระยาหารปราณที่สวี่ฉิงจัดส่งให้ พลังบำเพ็ญเพียรของจั่วม่อเพิ่มพูนขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด คาดว่าอีกไม่นานจะบรรลุถึงด่านจู้จีขั้นที่สอง

เป็นเพราะว่ามัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับการหลอมกลั่นโอสถ จั่วม่อยังไม่ได้ศึกษาม้วนหยกที่อาจารย์ลุงซินหยานมอบให้ หญ้าปราณกับสมุนไพรปราณในท้องทุ่งก็ถูกทอดทิ้งมาสักพักแล้ว อาคมหวงห้ามด้านนอกหุบเขาก็ยังต้องจัดตั้งขึ้นใหม่อีกครั้ง มันยังคงต้องรักษาอัตราการผลิตเม็ดยาอีกาทองคำไว้ด้วย สำหรับไฟอีกาทองคำระดับสี่นี้ มันมุ่งมาดปรารถนาสุดหัวใจเลยทีเดียว

อ้า ยุ่งวุ่นวาย ยุ่งวุ่นวาย!

มันชมชอบความยุ่งวุ่นวายเช่นนี้ ชีวิตมันเต็มเปี่ยมอย่างยิ่ง

ทันใดนั้นมันนึกขึ้นได้ ว่านานแล้วที่ไม่ได้เข้าสู่ทะเลแห่งจิตสำนึกไปชมดูผูเยา มันไม่ล่วงรู้ว่าเจ้าผู้นั้นกำลังทำสิ่งใดอยู่

เข้าสู่ทะเลแห่งจิตสำนึก ทั้งหมดยังคงเหมือนเดิม จ่อม่ออดทอดถอนอย่างโล่งอกไม่ได้ สิ่งที่มันหวั่นเกรงที่สุดก็คือจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่มันเข้ามาที่นี่ และไม่ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเช่นไร มันก็ไม่เคยเข้าใจสักที

แต่เมื่อพบเห็นรูปโฉมของผูเยา จั่วม่อก็ตะลึงลาน

 

กลุ่มถึงตอนที่ 112 แล้ว คลิกเลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด