Chapter 31: ผู้นำที่ลึกลับ
“หื้อ? ปั๊มน้ำมันนั้นใช้ไม่ได้งั้นหรอ?”เจียงลู่ฉีมึนงง
เหวินลู่อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาฟัง ผู้นำอันลึกลับของแก๊งมอเตอร์ไซค์นั้นเก็บเกี่ยววัตถุดิบทุกอย่างของเมือง โดยเฉพาะน้ำมัน พวกมันนั้นวิ่งเล่นตลอดเมืองด้วยมอเตอร์ไซค์ ดังนั้นน้ำมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของพวกมัน แม้แต่ฐานของพวกมันก็อยู่ใกล้ๆกับปั๊มน้ำมันเช่นกัน
เหวินลู่แนะนำให้เจียงลู่ฉียอมแพ้ไอเดียที่จะไปปรากฏต่อพวกมัน เพราะว่าผู้รอดชีวิตทั้งหมดเมืองถูกปล้นโดยพวกมัน บางคนที่โชคไม่ดี พยายามที่จะต่อต้านมัน ก็ถูกฆ่าทันที พวกมันนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก!
กลุ่มผู้รอดชีวิตเช่นพวกเธอนั้นมีชีวิตรอดภายใต้การควบคุมของพวกมัน พวกมันจะไม่ให้ใครก็ตามเข้าไปใกล้ปั๊มน้ำมันเด็ดขาด
เจียงลู่ฉีนั้นไม่เพียงแค่ปะทะกับพวกมัน แต่เขาฆ่าพวกมันบางคนไปด้วย เขานั้นถูกจับตามองโดยพวกมันเรียบร้อยแล้ว
เจียงลู่ฉีครุ่นคิดชั่วครู่หนึ่งและถาม “ผู้นำของพวกมันชื่ออะไรงั้นหรอ?”
“ฉันเพียงแค่รู้ว่า เขาถูกเรียกว่า พี่ชายหยู่” เหวินลู่พูด
เธอมองไปที่เขา และไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่...
“พี่จำเป็นต้องใช้น้ำมันสินะ ถังน้ำมันของรถบางคันนั้นยังสามารถใช้ได้ แต่เมืองของเรานั้นเล็ก และถังน้ำมันของพวกรถบรรทุกคันใหญ่ๆนั้นถูกเอาไปโดยพวกมันเรียบร้อยแล้ว พวกเราสามารถได้น้ำมันจากเพียงแค่รถคันเล็กๆ ฉันรู้ว่ามันจำเป็นต้องใช้เวลานาน แต่พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วค่ะ” เหวินลู่พูด
มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถทำได้หลังจากวันโลกาวินาศ
“รถคันนี้น่าจะเติมน้ำมันได้ประมาณ100ลิตร ฉันจะช่วยพี่หามันเพิ่ม มันอาจจะใช้เวลาประมาณสามหรือสี่วันได้” เหวินลู่พูด
เจียงลู่ฉีรู้สึกสิ้นหวัง 100ลิตรสำหรับถังน้ำมันของเขา มันโคตรจะไม่เพียงพอเลย
ในช่วงเวลาเดียวกัน เสียงเครื่องยนต์ก็สามารถได้ยินได้ ท่าทางของเหวินลู่นั้นเปลี่ยนไปในทันที “พวกมันมาที่นี่แล้ว!”
เจียงลู่ฉีหันกลับไปและเห็นมอเตอร์ไซค์บางคันโผล่ขึ้นมาในมุมมองของเขา
เขากดปุ่มที่อยู่ต่อไปจากแผงควบคุม และเมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาวก็แสกนข้อมูลของรถ MCV ดังนั้นรถ MCV สามารถจะแล่นไปตอนไหนก็ได้
มอเตอร์ไซค์พวกนั้นปรากฏตัวขึ้นเร็วมาก เจียงลู่ฉีมองไปที่กลุ่มคนพวกนี้ และเขาไม่เห็นใบหน้าที่ ‘คุ้นเคย’เลย เมื่อมองไปที่การแสดงออกของพวกมัน พวกมันนั้นก็ไม่รู้จักรถMCV เช่นกัน
กลุ่มคนพวกนี้มาจากอีกกลุ่มหนึ่งของแก๊ง
เจียงลู่ฉีผ่อนคลายขึ้น แต่รถ MCV นั้นอยู่ใสภาวะ “พร้อมที่จะออกตัวตลอดเวลา”
เมื่อมองไปที่กลุ่มคนเหล่านี้ที่ไม่ได้สนใจที่รถ เหวินลู่ก็รู้สึกโล่งใจด้วย
“พี่ชายเจียง พี่ต้องอยู่แต่บนรถ และฉันจะลงจากรถไปก่อน” เหวินลู่กระซิบ และหลังจากนั้นก็ไปที่สนามด้านหลังอย่างเงียบๆ ผู้รอดชีวิตในบ้านนั้นได้ยินเสียงดังและก็ออกมาพร้อมกัน ยืนอยู่หน้าประตู ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
พวกคนขับรถมอเตอร์ไซค์นั้นแปลกใจที่เห็นรถMCV แต่พวกมันก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากเกี่ยวกับมัน ผู้นำของกลุ่มนี้คือชายหนุ่มที่ใส่แจ็คเก็ตหนัง ด้วยเส้นใยสีเหลือง เขานั้นแต่งตัวแฟชั่นเป็นอย่างมาก ก่อนที่วันโลกาวินาศจะมาถึงและเสื้อของเขานั้นถูกสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ พร้อมกับคำพูดอันยิ่งใหญ่ที่พูดว่า ‘กูอะนักเลง’
เจียงลู่ฉีคิดว่าคนที่ถูกเรียกว่า ‘พี่ชายหยู่’ ก็เป็นนักเลงเหมือนกัน เขานั้นเป็นผู้ดูแลของเมือง พร้อมกับแก๊งมอเตอร์ไซค์ หลังจากวันโลกาวินาศ ไม่มีใครไม่ปฏิเสธว่าคนพวกนี้แม่งก็เป็นพวกที่ชอบระรานคนอื่น
“เย็...แม่มึง! อออกมาได้แล้วโว้ย!” ผู้นำตะโกนไปที่ประตู ในขณะที่ถือท่อเหล็กไว้ด้วย เขาฟาดไปที่ประตูเหล็กในสนาม เสียงของมันนั้นบาดหูเป็นอย่างมาก
กลุ่มของผู้รอดชีวิตนั้นออกมาด้วยความหวาดกลัว เหวินลู่นั้นเอาขี้เถ้าผสมน้ำมาแปะบนใบหน้าของเหวินเซี่ยวเทียนโดยไม่มีการอธิบาย
“อ๊า!” เหวินเซี่ยวเทียนกรีดร้อง เหวินลู่กังวล เธอพูดเสียงเบา และพูดว่า “อย่าส่งเสียงดัง ไม่งั้นพี่จะเป็นอันตราย!”
เหวินเซี่ยวเทียนเข้าใจในทันที เธอรู้ว่าพวกอันธพาลพวกนี้ชอบที่จะรังแกสาวสวย และในตอนนี้ไม่มีกฎหมายอีกต่อไป การทำร้ายผู้หญิงมันเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายในสังคมตอนนี้ หลังจากวันโลกาวินาศพวกนักเลงมันก็กำเริบมากยิ่งขึ้น
“ส่งของมาให้พวกกู ถ้าต่อต้านที่จะส่งของให้พวกกู ขาของพวกมึง พวกกูจะฟาดให้หัก และถ้าพวกมึงจะไม่ได้หยิบของอีกต่อไป!”
ผู้นำของพวกมันส่งเสียงดังในขณะที่ถือท่อเหล็กไว้ด้วย เขานั้นรู้สึกสนุกมากในการทำตัวเกเรแบบนี้ ก่อนจุดจบของโลกจะมาถึง ชีวิตของเขานั้นไม่มีความสุขเลย นักเลงเช่นพวกเขานั้นจะถูกส่งไปในสำนักการศึกษาที่ดี แต่ในตอนนี้ เขาเหมือนหัวโจกในกองขยะของเขา ผู้หญิงที่ทำตัวสูงส่งและหยิ่งผยองก่อนที่จุดจบของโลกจะมาถึง นั้นถูกแก้แค้นโดยเขาเรียบร้อยแล้ว เขารู้สึกเหมือนปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำของโลกที่ไม่มีกฏเกณฑ์
ผู้รอดชีวิตไม่กล้าที่จะก่อการกบฏต่อพวกมัน เพราะว่าพวกเขานั้นอ่อนแอมาก มีพ่อของกลุ่มคนในนี้ ที่กล้าที่จะปฏิเสธไม่ให้อาหารพวกมัน และต่อสู้กลับมา แต่หลังจากนั้น 'พี่ชายหยู่’ ก็ฆ่าพวกเขาทั้งหมด ฉากในตอนนั้นมันช่างน่าเศร้าใจเหลือเกิน ผู้คนจำนวนมากนั้นถูกฆ่าและถูกหั่นเป็นชิ้นๆ พวกเขาบางคนนั้นยังถูกกินโดยเหล่าซอมบี้ไปด้วยซ้ำ
พวกเขานำอาหารของพวกเขาออกมา คนแก่นั้นนำถุงข้าวครึ่งถุงออกมา พร้อมด้วยดวงตาที่ขุ่นมัว ราวกับว่ามันคือชีวิตของเขา
เมื่อเผชิญหน้ากับบุคคลผู้ทรงพลังเช่น ‘พี่ชายหยู่’ พวกเขาจะทำอะไรได้งั้นหรอ?
“ไอเหี้...! ไอ้แก่! เร็วเข้าสัส! ไปตายซะ!” เมื่อเห็นไอ้แก่ไม่อยากที่จะให้ของพวกมัน ผู้ชายที่ใส่เสื้อแจ็คเกตหนังก็สาปแช่งในทันที
ผู้ชายที่หยิบถุงข้าวไปนั้น เกือบที่จะผลักให้คนแก่นั้นล้มลงไปกับพื้นด้วยแรงของเขา
“นาย เข้าไปข้างในและหาของซะ!” ผู้นำโบกมือของเขา และลูกน้องก็พุ่งเข้าไปข้างในบ้าน
หลังจากนั้นก็มีเสียงการรื้อค้นข้าวของภายในจนสามารถได้ยินได้ หม้อและกระทะนั้นถูกปัดลงพื้น กลุ่มคนนั้นเหมือนกลุ่มของตั๊กแตนจำนวนมาก
“โอ้ไอเหี้...เอ้ย! พวกบัดซบนี่แม่งกำลังทำอาหารกันอยู่!” เสียงลูกน้องดังออกมาจากข้างในบ้าน
ผู้นำนั้นหันกลับหันไปมองกลุ่มผู้รอดชีวิตด้วยการยักคิ้วขึ้น
คนสูงวัยนั้นเริ่มที่จะกระวนกระวาย เมื่อชายหนุ่มที่สวมชุดแจ็คแก็ตหนังจ้องมาที่เขา คนแก่ก็พูด “น้องชาย ที่จริงแล้ว พวกเราสามารถที่จะแบ่งข้าวกันได้ครึ่งหนึ่ง....”
“เหี้..! นั่นคืออาหารแห้ง พวกมึงกล้าที่จะเก็บข้าวพวกนี้ไว้งั้นหรอ?” ชายหนุ่มที่สวมเสื้อแจ็คเกต หนังพูดในขณะที่ถุยน้ำลายใส่หน้าคนแก่
“เอามันไปให้หมด พวกมึงยังกล้าที่จะกินอีกนะ....”เขาพูด
“นี่มัน.... น้องชาย ได้โปรดเหลือข้าวให้พวกเราบ้าง หลานของฉันป่วยอยู่ที่บ้าน....” ชายแก่อ้อนวอน หลานของเขาพึ่งจะอายุแค่ 5ขวบ ชีวิตของเขาลำบากเป็นอย่างมาก มันค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องง่ายที่จะป่วย ถ้าหลานของเขาขาดสารอาหาร กินอาหารแห้งทุกวันมันไม่เป็นปัญหาสำหรับคนแก่ แต่เด็กจำเป็นต้องกินอาหารที่มีสารอาหารมากๆ เพื่อจะได้เติบโตขึ้นและมีชีวิตอยู่รอดได้
“เหี้...เอ้ย! เลิกดิ้นรนได้แล้วมึง!”
ฝากติดตามเพจ