เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 109 ถ้ำสามดารา (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 109 ถ้ำสามดารา
แปลโดย iPAT
ม่านซื่อพ่ายแพ้เด็กใหม่ ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วและก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นในหมู่บ้าน
ทุกคนคุ้นเคยกับตัวละครหลักทั้งสองในฉากเหตุการณ์นี้เป็นอย่างดี
ม่านซื่อเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสองที่มีชื่อเสียง เขาเป็นบุคคลที่สามารถหลบหนีมาจากไป่หนิงปิงและไม่ควรถูกเหยียบย่ำโดยง่าย
ฟางหยวนเป็นผู้ชนะเลิศการประลองประจำปีของสถานศึกษาที่สามารถเอาชนะฟางเจิ้ง เขาได้รับมรดกและกลายเป็นร่ำรวยในชั่วข้ามคืนเป็นเหตุให้หลายคนรู้สึกอิจฉา
ช่องว่างระหว่างคนทั้งสองเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด แต่ม่านซื่อกลับทำลายความคาดหวังทั้งหมดของผู้คนโดยการพ่ายแพ้ให้แก่ฟางหยวนที่อ่อนแอ เรื่องราวที่ไม่สมเหตุสมผลนี้ทำให้ผู้คนประหลาดใจเป็นอย่างมาก
เมื่อผู้คนพูดถึงเหตุการณ์นี้มากขึ้น ชื่อเสียงของฟางหยวนก็โด่งดังขึ้นเช่นกัน
ผู้ใช้วิญญาณระดับสองต่างพูดคุยกันอย่างเคร่งเครียด
"เขาโจมตีทันทีโดยไม่แม้แต่จะกล่าวบางคำ เด็กผู้นี้ใจร้อนเกินไป"
"เขาสามารถหลอมรวมวิญญาณจันทร์กระจ่าง กล่าวได้ว่าเขามีความสามารถบางอย่าง"
"เขาบ้าคลั่งและลงมืออย่างหนักหน่วง ม่านซื่อต้องนอนอยู่บนเตียงอย่างน้อยสามวันก่อนที่อาการบาดเจ็บจะทุเลา"
ผู้คนต่างแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับฟางหยวน เขาโจมตีม่านซื่อย่างกะทันหันเป็นเหตุให้ม่านซื่อได้รับบาดเจ็บสาหัสตั้งแต่การโจมตีแรก ทุกคนรู้สึกว่าเขาไม่ได้ชนะอย่างยุติธรรม
อย่างไรก็ตามชนะก็คือชนะ แพ้ก็คือแพ้
ผลลัพธ์คือทุกสิ่ง
บางทีบนโลกมนุษย์อาจให้ความสำคัญกับกระบวนการ แต่โลกที่มีสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายและเต็มไปด้วยอันตรายใบนี้ ชัยชนะหมายถึงการอยู่รอด พ่ายแพ้หมายถึงความตายและการสูญเสีย
ผู้ชนะจะได้รับทุกสิ่ง ผู้แพ้จะสูญเสียทุกอย่าง นี่คือแนวคิดที่ทุกคนยอมรับ
ฟางหยวนได้รับชัยชนะ นี่คือความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธ ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีใดก็ตาม
เด็กใหม่สร้างความตื่นตะลึงโดยการเอาชนะม่านซื่อทำให้เขากลายเป็นดาวเด่น
ม่านซื่อกลายเป็นหินรองเท้า ชื่อเสียงของเขาพังพินาศ หลังจากฟื้นคืนสติ เขาต้องลาออกจากตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มทันที
นี่คือผลลัพธ์ของความล้มเหลว
คนใกล้ชิดอาจเห็นใจผู้แพ้ แต่พวกเขาจะยกย่องและยอมรับผู้ชนะมากกว่า ผู้ชนะเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่งและความแข็งแกร่งก็หมายถึงความปลอดภัยสำหรับคนทั่วไป
หลังจากเหตุการณ์นี้ ผู้ใช้วิญญาณตงถูต้องหยุดแผนการสกปรกของเขา
การร่วงหล่นลงของม่านซื่อทำให้ตงถูสามารถยอมรับความจริงได้ในที่สุด การเติบโตของฟางหยวนทำให้เขาพูดไม่ออกและทำได้เพียงเก็บความรู้สึกขุ่นเคืองเอาไว้ภายในเท่านั้น
เมื่อรู้ว่าหมดหนทางได้รับสมบัติคืน การดำเนินแผนการชั่วร้ายต่อไปก็เป็นเพียงเรื่องไร้ประโยชน์
เขาใช้สายสัมพันธ์ว่าจ้างบางคนไปสร้างปัญหาให้กับฟางหยวน กระบวนการนี้ทำให้เขาสูญเสียหินวิญญาณจำนวนมาก ขณะที่ฟางหยวนกลับกลายเป็นฝ่ายได้รับผลประโยชน์
หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะสูญเสียหินวิญญาณมากขึ้น สุดท้ายผู้แพ้ที่แท้จริงก็ยังเป็นเขา
เขาสูญเสียงโรงเตี้ยม บ้านเช่า และโสมเก้าชีวิตไปแล้ว โดยปราศจากแหล่งรายได้เหล่านี้ มันกลายเป็นเรื่องยากที่เขาจะเติมเต็มหินวิญญาณในกระเป๋า ตรงข้ามกับฟางหยวนที่ได้รับหินวิญญาณเพิ่มขึ้นทุกวัน
สิ่งสำคัญที่สุดคือตงถูตระหนักได้อย่างฉับพลันว่าไม่มีประโยชน์ที่จะก้าวเข้าสู่ทางตัน
ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินว่าม่านซื่อตะเกียกตะกายหลบหนีอย่างน่าสมเพช ตงถูจึงหยุดการกระทำที่ไร้ความหมายเหล่านี้ทันที
ในความเป็นจริงเมื่อตงถูไม่สามารถหลอกใช้ฟางเจิ้งสร้างปัญหาให้แก่ฟางหยวน มันก็บ่งบอกได้แล้วว่าเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
โรงเตี้ยมของฟางหยวนกลับมาคึกคักอีกครั้ง
มีเรื่องน่ายินดีอีกเรื่องเกิดขึ้น นั่นคือขบวนสินค้าเดินทางมาถึงก่อนกำหนด
ฤดูใบไม้ผลิ
ท่ามกลางแสงแดดที่อบอุ่น เสียงขับขานจากธรรมชาติมอบชีวิตชีวาและความร่าเริงให้แก่ผู้คนอีกครั้ง
ด้วยความอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิทำให้ดอกไม้เบ่งบานต้นหญ้าเติบใหญ่
ภูเขาชิงเหมากลายเป็นสีเขียว ดอกไม้ป่าบานสะพรั่งทำให้เกิดเป็นทะเลดอกไม้หลากหลายสีสัน แม่น้ำไหลเชี่ยวและส่องประกายระยิบระยับเมื่อมันสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์
จั๊กจั่นแรกเกิดที่คืบคลานออกมาจากไข่และรวมกลุ่มกันเป็นฝูงใหญ่
กลางวันยังสามารถพบเห็นฝูงนกยูงเดินเตร็ดเตร่ส่งเสียงขับขานสร้างสีสันให้แก่ทุ่งกว้าง
อากาศที่อบอุ่นอนุญาตให้ชีวิตเติบโตอย่างมีความสุข
ด้วยทิวทัศน์ดังกล่าว ขบวนสินค้าเดินทางขึ้นมาบนภูเขาชิงเหมาอย่างช้าๆ
ด้วงทมิฬที่บรรทุกผู้คนและสินค้าอยู่บนแผ่นหลังค่อยๆคืบคลานไปตามเส้นทางภูเขา
นกกระจอกเทศหลากหลายสีสันกำลังลากดึงขบวนรถบรรทุกสินค้า แมงมุมภูเขาเดินทางโดยไม่แยแสต่อสภาพแวดล้อม อสรพิษนภากางปีกของมันบินอยู่กลางอากาศ
คางคกยักษ์สีส้มเหลืองสูงสองเมตรครึ่งนำหน้าขบวนขณะที่บรรทุกผู้ใช้วิญญาณระดับสี่เจียฟู่เอาไว้บนแผ่นหลัง
อย่างไรก็ตามเมื่อขบวนสินค้ามาถึงหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล มันกลับทำให้ฟางหยวนต้องถอนหายใจออกมา ‘มันเปลี่ยนไปอีกครั้ง จากความทรงจำของข้า ขบวนสินค้าจะมาถึงในฤดูร้อน แต่ครั้งนี้มันกลับมาถึงในฤดูใบไม้ผลิ รวดเร็วขึ้นถึงสามเดือนและยังเป็นขบวนสินค้าที่ใหญ่โตกว่ามาก’
การกำเนิดใหม่ของฟางหยวนเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆและส่งผลกระทบกระจายออกไปเป็นวงกว้าง
สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะเขาฆ่าเจียชิงเฉิง
ด้วยคำลวงของฟางหยวน เจียฟู่เชื่อว่าการตายของเจียชิงเฉิงเป็นแผนการของเจียกุ้ยคู่แข่งคนสำคัญของเขา
หลังจากกลับตระกูล ความขัดแย้งระหว่างพี่น้องจึงปะทุขึ้นอย่างรุนแรง
เพื่อความสำเร็จ เจียฟู่เร่งนำขบวนสินค้าออกเดินทางค้าขายไปทั่วแม้หิมะจะยังไม่ละลาย
อวี๋โป้ออกมาต้อนรับเจียฟู่
"พี่อวี๋ ข้าเชื่อว่าท่านต้องสบายดี ถูกต้องหรือไม่?" ใบหน้าของเจียฟู่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น แต่มันกลับปรากฏรอยแผลบางอย่าง
"ฮ่าฮ่าฮ่า น้องเจีย ปีนี้เจ้ามาเร็วนัก" เห็นรอยแผลเป็นทางยาวบนใบหน้าของเจียฟู่ อวี๋โป้เต็มไปด้วยความสงสัย แต่เขาไม่กล้าถาม
"ครั้งนี้ข้านำสินค้าล้ำค่ามามากมาย ข้าเชื่อว่าสมาชิกตระกูลแสงจันทร์จะต้องชื่นชอบพวกมันอย่างแน่นอน" เจียฟู่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อความสำเร็จ
"โอ้ นั่นถือเป็นข่าวดี" ดวงตาของอวี๋โป้ส่องประกายขึ้น "ถูกต้อง พรุ่งนี้เป็นวันเผยลิขิตสวรรค์ของพวกเรา ข้าขอเชิญน้องเจียฟู่เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ด้วย"
"ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอน เป็นเกียรติที่ได้ร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลแสงจันทร์" เจียฟู่ตอบ
การเชิญคนนอกเข้าร่วมพิธีเผยลิขิตสวรรค์ของตระกูลถือเป็นการให้เกียรติสูงสุดแก่คนผู้นั้น เจียฟู่เข้าใจและรับรู้ได้ถึงความจริงใจของอวี๋โป้
"แท้จริงแล้วยังมีอีกเรื่อง" เจียฟู่กล่าวด้วยความลังเลเล็กน้อย
"เจ้าเดินทางไกลมาถึงที่นี่ หากมีคำขอใด โปรดกล่าว พวกเราตระกูลแสงจันทร์จะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบสนองความต้องการของเจ้า" อวี๋โป้กล่าว
เจียฟู่ถอนหายใจ "เห้อ...มันเกี่ยวกับเจียชิงเฉิง ข้านำผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบมาจากตระกูลบางส่วนและหวังว่าจะได้รับความสะดวกสบายในการค้นหาความจริง"
อวี๋โป้เข้าใจความหมายทันที
เห็นได้ชัดว่าการตายของเจียชิงเฉิงทำให้เจียฟู่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก หลังจากกลับตระกูล มันเกิดการโต้เถียงกันในที่สาธารณะระหว่างเจียฟู่กับเจียกุ้ย เหตุการณ์ดังกล่าวลุกลามใหญ่โตจนเกิดเป็นการต่อสู้ที่รุนแรง รอยแผลเป็นบนใบหน้าของเขาก็เกิดจากสาเหตุนี้
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาเร่งเดินทางมาในฤดูใบไม้ผลิ ทั้งหมดก็คือเขาแบกรับแรงกดดันเอาไว้บนบ่า
ฟางหยวนเดินเตร็ดเตร่เข้าไปในพื้นที่วางขายสินค้า
ขบวนสินค้าปีนี้ใหญ่โตกว่าปีก่อนหน้าและเต็มไปด้วยกระโจมสินค้ามากมาย
คฤหาสน์วิญญาณเป็นสิ่งที่จะปรากฏอยู่ในขบวนสินค้าขนาดใหญ่เท่านั้น แต่โดยไม่คาดคิดขบวนสินค้าขนาดกลางของเจียฟู่ในครั้งนี้กลับสามารถพบเห็นคฤหาสน์วิญญาณ
คฤหาสน์วิญญาณดังกล่าวคือต้นไม้ขนาดใหญ่
มันมีความสูงสิบแปดเมตรที่ตั้งตระหง่านขึ้นสู่ท้องฟ้า กิ่งก้านสาขาของมันบิดเบี้ยวราวกับอสรพิษหรือมังกรเกี่ยวพันอยู่อย่างยุ่งเหยิง
มันมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสิบเมตรและมีช่องหน้าต่างมากมายอยู่บนลำต้น มีเพียงยอดไม้เท่านั้นที่ปรากฏใบไม้สีเขียวปกคลุมอยู่
นี่คือคฤหาสน์วิญญาณที่สามารถพบเห็นได้บ่อยครั้งที่สุด
มันเป็นคฤหาสน์วิญญาณสายพฤกษาระดับสาม ถ้ำสามดารา!
มันสามารถเติบโตขึ้นทันทีเพียงเมื่อได้รับพลังวิญญาณ บ้านต้นไม้หลังนี้มีห้องโถงสามห้องอยู่ภายใน
มีประตูสองบานที่ใช้เป็นทางเข้าออก
ฟางหยวนเดินตามคลื่นมนุษย์ไปจนบรรลุถึงคฤหาสน์วิญญาณถ้ำสามดาราในที่สุด
บ้านต้นไม้หลังนี้มีพื้นที่สามชั้นที่ถูกใช้เป็นร้านค้า ปรากฎตู้แสดงสินค้าที่วางไว้ด้วยวิญญาณมากมาย
ตู้แสดงสินค้าเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของบ้านต้นไม้ มันสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบได้ตามความต้องการของเจ้าของพลังวิญญาณ
นอกเหนือจากตู้แสดงสินค้า ยังมีโต๊ะเก้าอี้สำหรับลูกค้าวางอยู่
ผู้ใช้วิญญาณระดับสามบางคนจะดูแลบ้านต้นไม้หลังนี้อยู่ในห้องลับตลอดเวลา
กรณีที่บางคนพยายามขโมยวิญญาณ ผู้ใช้วิญญาณที่ดูแลบ้านต้นไม้หลังนี้สามารถปิดประตูทางออกทั้งหมด กิ่งก้านสาขาของต้นไม้ยังสามารถโจมตีหัวขโมยได้ในเสี้ยวพริบตาอีกด้วย
บ้านต้นไม้มีความปลอดภัยมากกว่ากระโจมสินค้าทั่วไป เป็นธรรมดาที่สินค้าที่อยู่ภายในจะล้ำค่ากว่าสินค้าทั่วไป
ฟางหยวนพึ่งเดินมาถึงชั้นหนึ่งแต่เขากลับพบวิญญาณสุราวางอยู่บนตู้แสดงสินค้ากลางห้องโถงอย่างรวดเร็ว
ผู้ใช้วิญญาณจำนวนมากกำลังประเมินคุณค่าของมัน บางคนเปิดปากชม
ฟางหยวนกวาดตามองไปรอบๆและพบวิญญาณมากมาย
มันมีทั้งวิญญาณกายาหยกขาว วิญญาณกงล้อสายลม วิญญาณหินผา และอื่นๆ
วิญญาณเหล่านี้สามารถทำงานร่วมกับวิญญาณแสงจันทร์ได้เป็นอย่างดี พวกมันยังสามารถนำมาหลอมรวมกับวิญญาณแสงจันทร์เพื่อยกระดับวิญญาณได้อีกด้วย
เจียฟู่ไม่รู้เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณแสงจันทร์มากนัก แต่จากประสบการณ์ของเขา เขารู้ว่าตระกูลแสงจันทร์มีความต้องการวิญญาณเหล่านี้
‘โดยปกติเป้าหมายของขบวนสินค้าไม่ใช่ตระกูลแสงจันทร์เพียงแห่งเดียว เห็นได้ชัดว่าเขากำลังทำทุกวิถีทางเพื่อความสำเร็จ ดูเหมือนเขาจะได้รับแรงกดดันอย่างมากหลังจากกลับตระกูล’ หัวใจของฟางหยวนเกิดระลอกคลื่นขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้