Chapter 65 - ข้าหยิ่ง? (ฟรี)
Chapter 65 - ข้าหยิ่ง?
เมื่อลั่วจินซานตาย ตระกูลโจวและซูได้นำคนจกนวนมากมาที่นี่ เห็นได้ชัดว่ามาเพื่อยั่วยุ!
ทางเข้าตระกูลลั่ว.
สาวกตระกูลลั่วสองคนที่เฝ้าหน้าทางเข้าหลั่งเหงื่อเย็นออกมา พวกเขาขวางทางเข้าหลักและไม่มีเสียงหรือความมั่นใจใดๆ “ผู้นำทั้งสอง พวกท่านไม่สามารถเข้ามาได้นี่เป็นคำสั่งของผู้นำตระกูล เราจึงไม่สามารถให้ท่านเข้ามาได้.”
“เหย เหย.”
“พวกหมาเฝ้าบ้านของตระกูลลั่วถึงได้หยิ่งเยี่ยงนี้?”
“เป็นไปได้ไหมที่พวกเจ้าไม่รู้ว่าเราสองคนเป็นใคร?” ดวงตาที่หยาบและคิ้วที่หนาของโจวอาเหรินเลิกขึ้น.
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่เขาก็ปลดปล่อยกลิ่นอายกดดันสองสาวกที่เฝ้าประตูทางเข้าจนซีด ร่างกายของพวกเขายังไม่สามารถรับมือกับความกดดันได้และจบลงด้วยการก้มหัวลงเล็กน้อย.
ผู้คนรอบๆเริ่มเยาะเย้ย.
“ถ้าเราไม่แสดงอะไรบางอย่างให้พวกเขาเห็น พวกเขาอาจจะคิดว่าพวกเราสามารถกดดันได้ง่าย!”
“ลั่วจินซานตายไปแล้ว ตระกูลลั่วทีสิทธิ์อะไรที่จะแสดงความยโสที่นี่?”
“ผู้อาวุโสโจวไปข้างหน้าและฆ่าพวกเขา นอกจากนนี้ให้เราแสดงให้เห็นว่าตระกูลโจวของเรามีพลังไปถึงสวรรค์.”
โจวเหินหร่านยืนอยู่ข้างๆปล่อยให้โจวอาเหรินดูถูก.
ตั้งแต่ตระกูลโจวเคลื่อนไหวมาพร้อมกับตระกูลซูมันก็ไม่ใช่น้อยๆ.
สาวกหนุ่มจากตระกูลซูได้ก้าวขึ้นมาและยกขาขวาขึ้น เท้าของเขาแตะไปที่คางของสาวกตระกูลลั่วก่อนที่เขาจะกระเด็นเข้าไปด้านใน พวกสาวกของตระกูลซูเยาะเย้ย: “แม้ว่าลั่วจินซานจะตายเขาก็ยังไม่กล้าที่จะไม่เกรงใจเมื่ออยู่เบื้องหน้าเรา เนื่องจากเจ้าสองคนเป็นแค่หมาเฝ้าบ้านตัวน้อยๆ ทำแบบนี้เหมือนกับว่าเจ้ากำลังเบื่อชีวิตอยู่!”
เมื่อลั่วจินซานตายตรกูลลั่วก็เหมือนกับลูกพลับแห้ง.
นอกจากการตายของลั่วจินซาน ตระกูลลั่วก็ยังเสียอาวุโสกว่า 2 ใน 3 และอีกครึ่งของสาวกชั้นสูงของพวกเขา ปัจจุบันความแข็งแกร่งของตระกูลลั่วไม่ได้ถือว่าเป็นตระกูลอันดับสองในเมือภูเขาหยกอีกต่อไป.
เนื่องจากคนที่มีพรสวรรค์ได้ลดเหลือเพียงน้อยนิด.
สามารถอายุเด็กอายุ 16 ปี เพื่อค้ำยันตระกูลลั่วที่ใหญ่โตนี้?
ไม่มีใครในเมืองภูเขาหยกเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้.
ตระกูลลั่วมีการประทะกันภายในซึ่งส่งผลให้เกิดความสูญเสียอย่างหนักและนี่เป็นโอกาศที่ดีที่ตระกูลใหญ่ทั้งสามจับมือกัน โจวเหรินหร่านและซูเหยาซง คิดเหมือนกันและจับมือกัน พวกเขาต้องการเชิญตระกูลซ่งด้วย แต่น่าเสียดายที่พวกเขาปฏิเสธ.
นี่เป็นสิ่งที่ดียิ่งขึ้น
คำหรับเค้กขนาดใหญ่ แบ่งกันน้อยคนยิ่งดีกว่า
โจวเหรินหร่านและซูเหยาซงกำลังยิ้มถึงหูอย่างลับๆ และต่อว่าซ่งหยวนหนานว่าเป็นคนโง่.
แน่นอน...
ใครจะเป็นคนโง่ที่สุดกันแน่… โฮ้ๆ!
พวกเขารวบรวมสาวกชั้นสูงทั้งหมดและรีบวิ่งไปที่ตระกูลลั่ว
แน่นอน...
คนเหล่านี้ต้องการใบหน้าและไม่ต้องการชื่อเสียใดๆ นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาหาเหตุผลที่ชอบธรรม.
สาวกที่เฝ้าประตูทางเข้าถูกกดดันจิตใจและกดขี่ทางพลังปราณ.
ร่างกายของพวกเขาถูกผลักดันให้ถอยกลับโดยใครบางคน.
มันเป็นเรื่องที่อึดอัดมากสำหรับพวกเขา แต่มีคนหนึ่งที่พยายามจะพูด: “หาก… หากไม่มี…. หากไม่มีการอนุญาตของผู้นำก็ไม่มีใครสามารถก้าวเท้าเข้าไปได้แม่แต่เก้าเดียว.”
สาวกคนอื่นคลานขึ้นมายืนบนสองเท้าโดยการใช้กำแพงเป็นตัวช่วย การแสดงออกของเขาแข็งแกร้าวขณะที่เขาใช้พลังทั้งหมดตะโกน: “หากไม่มีอารอนุญาตของผู้นำ ก็ไม่มีใครสามารถก้าวเท้าเข้ามาในตระกูลลั่วได้แม้แต่ก้าวเดียว!”
เสียงของเขาเหมือนกับคนบ้า!
ทั้งสองที่เฝ้าทางเข้าหลักได้ติดตามลั่วเทียนตั้งแต่การแข่งขันล่าสัตว์ จึงทำให้พวกเขาเย่อหยิ่งอย่างมาก เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับผู้นำสองตระกูลขนาดใหญ่ก็ยังคงแสดงท่าที่อย่างนี้.
“ยายเจ้าสิ!”
“หมาเฝ้าบ้านทั้งสองตัวนี้กล้าที่จะบ้าคลั่งขนาดนี้ บิดาจะดูสิกว่าเจ้าจะหยิ่งได้อีกนานแค่ไหน!” ใบหน้าของโจวอาเหรินมืดครึ้มขณะก้าวเดินเข้าไป.
“ตูม~!”
พื้นกระเบื้องแตกตามรอยเท้า.
ทันใดนั้น...
ร่างกายของเขาก็ระเบิดด้วยพลังฝ่ามือที่กวาดออกไป.
“ฟู่~...”
เสียงของมิติที่ถูกแยกออกจากกันโดยพลังปราณเชี่ยวชาญ.
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆสำหรับสาวกที่เฝ้าทางเข้าหลัก ร่างของเขานั่งอยู่ในท่าม้าเพื่อรักษาสมดุล เขากำลังวางแผนที่จะเอาหัวชนการโจมตีของฝ่ามือ.
“เขาต้องการจะตาย?”
“เขาต้องการต่อต้านการโจมตีของอาวุโสขั้น4 ปราณเชี่ยวชาญของตระกูลโจว?”
“เมื่อคิดถึงลั่วเทียนว่าบ้าแล้ว แม้แต่ลูกน้องของเขาก็บ้าอย่างมาก. 555…”
ผู้คนที่อยู่รอบๆเริ่มหัวเราอย่างบ้าคลั่ง.
ใบหน้าของสาวกที่เฝ้าประตูก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ขณะที่เขาสาปแช่ง: “กล้าที่จะด่าผู้นำตระกูลของข้า? เจ้าบัดซบ ตระกูลของเจ้าก็บัดซบเหมือนกัน!”
“หาที่ตาย!”
ฝ่ามือขวายื่นออกมาและตบลง
“พลัก~!”
รอยฝ่ามือแดง แก้มที่บวมและฟันหลายซี่ก็หลุดออก พลังท่ี่อยู่เบื้องหลังการตบนี้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ เมื่อต้องรับมือกับสาวกพื้นฐานไม่จำเป็นต้องใช้กำลังมากมายใช่หรือไม่?
นี่เป็นการดูถูกอย่างจงใจ!
“วูซซซ~… วูซซ~…”
สองสาวกที่เฝ้าทางเข้าหลักก็ปลิวออกไป.
“กล้าที่จะแตะต้องพี่น้องของข้า ตาย!”
ด้วยเสียงคำรามอย่างเย็นชาและความต้องการฆ่าที่สูงเสียกฟ้า ประกอบด้วยกับสายลมที่อ่อนโยนตรมมาด้วยพลังปราณที่ถาโถมเข้ามา!
การแสดงออกของโจวอาเหรินเปลี่ยนไป.
ไม่มีเวลาพอที่เขาจะตอบสนองกำปั้งสีแดงคู่นึงพุ่งออกมจากมิติ.
“ปัง~!”
ใบหน้าที่เย่อหยิ่งก่อนหน้านี้ได้ถูกทุบจมลงไปเหมือนกับกระดาษและร่างกายก็ทรุดลง เมื่อร่างกายตกลงมาที่พื้นดินก็แน่นิ่งเหมือกับที่เสียงคำรามบอกไว้.
สามลมจากกำปั้นคู่นั้นก็อ่อนลง.
มีคนที่อยู่ตรงกลางที่ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธและต้องการฆ่า.
“ลั่วเทียน เจ้ามีความกล้าอย่างมาก! เจ้ากล้าที่จะลอบโจมตีอาวุโสตระกูลโจว?”
“อวดดีเกินไปแล้ว!”
“หาที่ตาย!”
ผู้คนจากตระกูลโจวทั่งหมดเริ่มก่นด่าด้วยความโกรธ
ลั่วเทียนทำหูทวนลมคำสาปแช่งของพวกเขาและพูดอย่างเย็นชา: “บิดาไม่มีเวลามายุ่งกับเจ้า.”
เมื่อเสียงของเขาจางหาย ลั่วเทียนก็หันไปมองสาวกตระกูลลั่วที่อยู่ติดผนัง คิ้วของเขาขมวดขณะที่ปราณเชี่ยวชาญ ขั้น4 ของเขาก็ระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่งและกดดันอย่างมาก.
“อ่าาา…!”
สาวกตระกูลโจวรู้สึกเหมือนถูกภูเขาลูกหนึ่งกดทับเขาและทำให้เขานอนราบไปกับพื้น การแสดงออกปัจจุบันของเขาน่าเกลียดอย่างมาก.
ลั่วเทียนแสดงออกอย่างหนาวเย็น ขณะที่ถามสาวกประตูทางเข้า: “เขาตบเจ้าไปกี่ครั้ง?”
“1.” สาวกตอบ.
ลั่วเทียนพูดอย่างใจเย็น: “ตบเขาคืนหนึ่งร้อยครั้งและไม่สำคัญว่าเขาจะพิการหรือตาย ตราบเท่าที่มีคนกล้าที่จะเคลื่อนไหวเข้าหาเจ้า ข้าจะฆ่าเขาทันที!”
“ขอบคุณ ผู้นำ.” สาวกที่เฝ้าทางเข้ายิ้มก่อนที่จะประกบมือของเขาอย่างแรง.
“ปึก~!”
สาวกตระกูลซูถูกกดดันโดยพลังของลั่วเทียน ไม่ต้องพูดว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวมันไม่สามารถทำได้.
“ลั่วเทียน หยิดแสดงความหยิ่งได้แล้ว!” ซูเย้าเฟิงตะโกนขณะที่เขาก้าวออกไป.
ทุกคนสาวกตระกูลซูเริ่มวิ่งเข้าไปที่ทางเข้าหลัก.
สาวกเฝ้าประตูทางเข้าลั่งเลเล็กน้อย.
“ไม่ต้องหยุด มาใกล้ๆข้า ถ้าพวกเขาต้องการที่จะเคลื่อนไหว… ฮิฮิ.” ลั่วเทียนหยิบหูและลากไปที่ทางเข้าหลัก ริมฝีปากของเขาเยาะเย้ยเล็กน้อย, “หยิ่ง? ข้าเป็นคนที่ชอบแสดงความหยิ่งหรือเปล่า?”
“มีคนมาก่อความวุ่นวายหน้าบ้านข้าและข้าก็หยิ่ง?”
“พลัก~!”
“พี่น้องข้าถูกอัดจนติดกำแพงและข้าก็หยิ่ง?”
“ผัวะ~!”
“ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลโจวข่มขู่สาวกที่เป็นเพียงเด็กน้อยที่ทางเข้าและข้าก็หยิ่ง?”
“ผลุบ~!”
“เมื่อเทียบกับพวกเจ้าแล้ว ข้าหยิ่งอย่างนั้นได้อย่างไร?”
“โพ้~!”
ทุกประโยคที่พูดออกมาราวกับไม่มีความโกรธ
แต่กลิ่นอายจากร่างกายของลั่วเทียนเหมือกับพายุที่เต็มไปด้วยความตั้งใจฆ่า เช่นเดียวกับที่เขากล่าวมาก่อนหน้านั้น ใครก็ตามที่ข้าวเข้ามาข้างหน้าจะถูกฆ่าทันที!
หลังจากที่จบแต่ละประโยคของลั่วเทียน สาวกเฝ้าทางเข้าก็จะตบ.
ทั้งสองเข้ากันได้อย่างดี.
ฉากนี้เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและจองหองมาก!
ทันใดนั้น...
แรงกดดันที่แข็งแกร่งก็ผลักดันฝูงชนให้แยกออกกันโดยธรรมชาติ
โจวเหินหร่านและซูเหยาซงมีใบหน้าที่เย็นชาขณะที่เขาเดินออกมา ดวงตาทั้งสองคู่จ้องไปที่ลั่วเทียนที่อยู่ทางเข้าหลัก.
เจตนาฆ่าของเขากำลังลุกโชน!
ในเวลานี้เองที่ฟางเล่ยรีบวิ่งเข้ามาพร้อมคนทั้งตระกูลที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า!