Chapter 6: วันโลกาวินาศ
เจียงลู่ฉีไม่ทราบว่าเวลาไหนที่โลกนั้นจะถึงจุดจบ หรือผลกระทบจากการระบาดของไวรัส แต่สิ่งที่เขารู้คือไวรัสนั้นถูกฟื้นคืนขึ้นมา ตั้งแต่ที่มันถูกพบในชั้นน้ำแข็ง ไวรัสตัวนี้นั้นอันตรายมากกว่าไวรัสทั้งหมดของโรครวมกันซะอีก การระบาดของมันนั้นกว้างขวางเป็นอย่างมากและระยะบ่มเพาะตัวของมันนั้นคล้ายกับการลอบวางระเบิด
เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น มันเหมือนทำให้เขาตื่นขึ้นพร้อมกับความกระวนกระวายใจ เจียงลู่ฉี รีบหยิบมือถือออกมาและตรวจสอบว่าใครโทรมาหาเขา คนที่โทรมาคือ หลี่ ยู่ซิน
“เฮ้! ฉันกำลังจะไป เธอต้องอยู่ที่บ้าน และรอฉันก็พอ!”เขารู้สึกเป็นกังวลกับหลี่ ยู่ซินจะไม่ทำตามคำแนะนำของเขา มันจะกลายเป็นเรื่องที่แย่มาก ถ้ามันเกิดอะไรขึ้น
“เจียงลู่ฉี ฉันขอโทษจริงๆนะ ฉันกำลังจะจากไปในอีกไม่นาน” หลี่ ยู่ซินพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า
ได้ยินแบบนั้น หัวใจของเจียงลู่ฉีรู้สึกจมลง “จากไป? ไปที่ไหน? หลี่ ยู่ซิน ได้โปรดเชื่อฉัน เธอจำเป็นต้องอยู่ที่บ้านและล็อกประตู....” เจียงลู่ฉีพูดอย่างเร่งรีบ
“ฉันขอโทษ เจียงลู่ฉีเธอจำเป็นต้องฟังสิ่งที่ฉันพูดดีๆ ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรก็ตาม” หลี่ ยู่ซินไม่ได้ฟังทั้งหมดและพูดแทรกเขา เหมือนเธอมีเรื่องจริงจังบางอย่างที่จะพูด
“นายอาจจะฟังแล้วรู้สึกไม่น่าเชื่อ แต่จุดจบของโลกกำลังมาถึง ฉันพึ่งรู้เกี่ยวกับมันวันนี้ รถข้างนอกกำลังรออยู่ ดังนั้นฉันต้องจากไป นายต้องมั่นใจว่าตัวของนายนั้นจะปลอดภัย และหลังจากนั้นก็ไปที่ ถนนทางด่วนทางเข้าตอนเหนือ มันจะมีกองทหารอยู่ที่นั่น เมื่อนายไปถึงพวกเขา พวกเขาจะพาเธอไปยัง เกาะเชนไฮ!” หลี่ ยู่ซินพูดด้วยอย่างเร่งรีบด้วยเสียงต่ำ
“จำไว้ นายจะต้องถึงถนนทางด่วนทางเข้าตอนเหนือในวันนี้ กองกำลังที่นั่นจะปกป้องผู้อพยพ.....”
ทันใดนั้น เสียงดังที่เขาได้ยินนั้นดังมาจากมือถือ หลี่ ยู่ซินไม่มีตัวเลือกอื่นและพูดอย่างเร่งรีบ “เจียงลู่ฉี เชื่อฉัน ฉันไม่ได้ล้อเล่นกับนาย!”
หลี่ ยู่ซินวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว เจียงลู่ฉียังถือโทรศัพท์ค้างจนเสียงของโทรศัพท์นั้นหยุดไป ทันใดนั้น อากาศเหมือนเย็นขึ้นมา การอพยพเริ่มต้นแล้วอย่างชัดเจน แต่ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับ เกาะเชนไฮ….
เจียงลู่ฉีรู้สึกขอบคุณกับหลี่ ยู่ซินเนื่องจากเธอบอกความจริงกับเขา เธอเป็นคนที่อ่อนโยนและเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารัก มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกเป็นครอบครัวต่อกันหรือเป็นความรู้สึกที่ดีต่อกัน แต่ ถ้าหลี่ ยู่ซินเลือกเส้นทางนี้จริงๆ เธอจะไม่ปลอดภัย เจียงลู่ฉีนั้นรู้แล้วว่าไวรัสนั้นแพร่กระจาย และนักวิทยาศาสตร์นั้นรู้เกี่ยวกับการคงอยู่ของมันหลังจากการระบาดของโลก
ช่วยระยะเวลาการติดเชื้อของไวรัสสุดยอดนี้ไม่นานมาก มันเป็นแค่ช่วงเวลาระยะสั้นๆ นักวิทยาศาสตร์ใช้เวลาจำนวนมากในการหาทางแก้ไขบทสรุป และพวกที่มีตำแหน่งสูงๆของคนนั้นรู้ว่าจุดจบของโลกกำลังใกล้เข้ามา พวกเขามีเวลาน้อยที่จะนำไปใช้ ในกรณีนี้ พวกเขาไม่สามารถช่วยมนุษย์ทุกคนได้ มีเพียงการช่วยพวกที่เป็นผู้ที่เป็นชั้นยอด โดยการจัดตั้ง “เกาะแห่งความปลอดภัย”ขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าในโลกนี้นั้นมนุษย์จะยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ หลังจากที่เข้าไปที่ “เกาะแห่งความปลอดภัย” ทุกคนนั้นจะต้องผ่านการทดสอบและถูกแยกกัน
ถึงแม้ว่านักวิทยาศาสตร์นั้นไม่กล้าพอที่จะเชื่อว่าบทสรุปจะเป็นสิ่งที่เขาค้นหา ในบทสรุปแล้ว รัฐบาลส่วนใหญ่ของโลกนั้นไม่กล้าใช้มาตรการที่รุนแรง มันเป็นส่วนเล็กน้อยของมนุษยชาติที่พวกเขาสามารถแสดงได้ แต่ มันก็เป็นความโหดร้ายของโลกที่ผสมไปด้วยกับสุดยอดไวรัสอันตราย หลังจากนั้นพวกเขาก็เลือนแผนที่เต็มไปด้วย ในระหว่างที่โทรหาเจียงลู่ฉีและ หลี่ ยู่ซิน คนเฝ้าประตูสองคนนั้นสูบบุหรี่แถวนั้นไม่ไกลมาก พวกเขามองไปที่เจียงลู่ฉีและพูดเกี่ยวกับบางอย่าง
“รถคันนี้และของตกแต่งภายใน มันสุดยอดไปเลย!”
“โลกนี้คนรวยนั้นแตกต่างกันอย่างมาก ฉันคงจะมีความสุขมากเลยที่จะได้ขับรถมินิบัสคันนี้ไปรอบโลกพร้อมกับหญิงสาวที่สวยงามหลายๆคน”
คนเฝ้าประตูสองคนพูดกันด้วยน้ำเสียงมีความสุข มันเหมือนกับความฝันของเขาเป็นจริง พวกเขาฝันไปถึงฉากในช่วงวันที่เต็มไปด้วยความกับหญิงสาวในตอนกลางคืน อาหารในห้องใครและอาบน้ำด้วยกันกับคู่ขา มันมีหลายสิ่งที่อยากจะเห็นในโลกนี้ แต่ในทันทีทันใด หนึ่งในคนเฝ้าประตูนั้นมีอาการคลื่นไส้ปรากฏขึ้น และใบหน้าของเขานั้นมีเส้นเลือดที่ไม่ปกติโผล่ขึ้นมา และเขาเหมือนกำลังจะตาย
“โอ้ เพื่อนรัก นายโอเคไหม?” คนเฝ้าประตูอีกคนจับไปที่เขาและช่วยเขายืนให้ตรง
“ฉัน ไม่เป็นไร”ผู้ชายพูดพร้อมผลักมืออีกคนให้ห่างออกไป เขานั้นฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว “ฉันโอเค นายก็รู้ว่าฉันนะแข็งแกร่งจะตาย” คนเฝ้าประตูพูด ตบไปที่ไหล่อันแข็งแกร่งของตัวเอง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นายต้องช่วยตัวเองเมื่อคืนแน่นอนและมันต้องมีพยาธิอยู่ในหัวของนาย มันต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับไตของนายแน่นอน!” พวกเขาเอนเตอร์เทนกันและกันและทำให้กลายเป็นเรื่องตลก
ไม่ห่างไกลไปมาก เจียงลู่ฉีมองไปที่พวกเขาอย่างเงียบๆ เขาไม่ได้ขำเลย เขารู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งกระดูกแทน เขารู้ว่าการที่จะคลื่นไส้นั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดของไวรัส เขากังวลว่ามันจะเหลือเวลาน้อยกว่าชั่วโมงแล้ว คนเฝ้าประตูนั้นคุยกันและกัน เจียงลู่ฉีนั่งอยู่บนรถมินิบัสมองไปที่พวกเขาด้วยสายตาอันเย็นชา เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย เขาไม่สามารถฆ่าคนเฝ้าประตู และถึงแม้ว่าเขาจะทำ เขาจะทำให้เกิดปัญหาและทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย เจียงลู่ฉีจึงปล่อยไว้ หนึ่งชั่วโมงหรือสองชั่วโมงต่อมา โลกนั้นนจะพบกับภัยพิบัติ
คนเฝ้าประตูนั้นไม่ได้สังเกตอะไรเลยและยังสูบบุหรี่กันต่อไป เจียงลู่ฉีมองไปที่เวลา ตอนนี้มันเป็นเวลา เที่ยงยี่สิบ และเขารออย่างเงียบๆ หลังจากที่ไวรัสนั้นระบาดแล้ว ทุกคนที่มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่ง รวมทั้งเจียง เนื่องจากพวกเขานั้นติดเชื้อไวรัส ก่อนที่มันจะมีปฏิกิริยากับคนบางคนจะสามารถต้านทานไวรัส แต่บางคนนั้นจะกลายเป็นสัตว์ประหลาด
เวลาผ่านไป เจียงลู่ฉีจับอย่างรุนแรงไปที่พวงมาลัย ในขณะที่หลังของเขานั้นเต็มไปด้วยเหงื่อ เขามองไปที่เวลาอย่างบ่อยครั้ง บ่ายสอง.... บ่ายสองครึ่ง.... บ่ายสองสี่สิบ....
อย่างช้าๆ บางทีเนื่องจากเขานั้นจดจ่อกับมันมา เจียงลู่ฉีคิดว่าตัวชี้บนนาฬิกานั้นเริ่มหายไป อย่างไรก็ตาม การหายไปนั้นเต็มไปด้วยความจริงจังขึ้นเรื่อยๆ จากนาฬิกาเพียงเครื่องเดียวกลายเป็นหลายเครื่อง
นี่มัน..... เจียงลู่ฉีนั้นได้รับอาการผิดปกติบางอย่างที่รุนแรง
ปัง!
เขารู้สึกเจ็บปวดไปที่หน้าผากของเขา เขาแทบจะเอาหัวไปโขกกับพวงมาลัยอย่างรุนแรง พร้อมกับว่าเข้ารู้สึกปวดหัวจนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
[มันถึงเวลาเริ่มแล้ว!]
ในที่สุดมันก็เริ่มขึ้นแล้ว สุดยอดไวรัสนั้นหลุดออกมา เจียงลู่ฉีนั้นรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าบาดแผลทำให้เจ็บจนจะตาย
ในขณะนี้ สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นทั่วโลก
ปวดหัว! มองเห็นภาพลวงตา! กระตุก! เลือดไหลออกจากจมูก! บาดเจ็บ!
มันมีข้อแตกต่างอันเล็กน้อยที่แต่ละคนนั้นได้รับ แต่โดยรวมแล้ว ไม่ว่าใครก็ตามจะได้รับประสบการณ์ที่เจ็บปวด โดยเฉพาะแล้วใครที่ไม่สามารถเอาชนะไวรัสได้! พวกเขาจะเจ็บปวดเป็นอย่างมาก คนส่วนมากกรีดร้องขึ้น เสียงมันดังเหมือนออกมาจากปอด มันไม่ใช่เสียงที่มนุษย์สามารถทำได้ แต่มันเหมือนเสียงคำรามของสัตว์ป่า
“ปัง! ปัง! ปัง!”
บนทางด่วน ยานพาหนะนั้นชนกันหลายๆคัน หลายแสนคันนั้นชนกันอย่างกระเจิดกระเจิงบนทางด่วน คนขับรถส่วนมากนั้นตายในทันทีที่และบางคนที่ยังมีปฏิกิริยารวดเร็วที่จะเหยียบเบรก ในขณะที่พวกเขายังรู้สึกเจ็บปวด
รถยนต์ระเบิดตรงนี้และตรงนั้น และควันสีดำนั้นลอยออกไปบนฟ้า ในเมืองนั้น ไม่ว่าประเภทไหนของโรงงานนั้น เกิดอุบัติเหตุขึ้นเพราะว่าคนนั้นชักและสูญเสียสติในการควบคุมมัน ไฟนั้นแพร่กระจาย ไปทั่วหลังจากที่อื่นๆ
สัญญาณเตือนไฟไหม้นั้นอาจได้ยินในทุกๆแห่ง อุบัติเหตุนั้นเกิดทุกๆที่ และคนนับไม่ถ้วนนั้นได้ตายลง เจียงลู่ฉีนั้นยังคงรู้สึกมึนงงอยู่ เขาสามารถได้ยินเสียงกรีดร้องแห่งความตาย แต่เขาก็ไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ภาพลวงตานั้นฉายขึ้น เขาเหมือนกับได้ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่เขายังเป็นเด็ก ในขณะที่ครอบครัวของเขามีชีวิตอยู่และน้องสาวของเขานั้นมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข เขายังเห็นเค้กวันเกิดที่แม่ของเขานั้นทำให้ด้วยความเอ็นดู ก่อนหน้านั้นเขาเห็นอาชีพในอนาคตและฉากที่เต็มไปด้วยความสนุกกับภรรยาของเขาและลูกๆ ภรรยาของเขานั้นคล้ายๆกับ หลี่ ยู่ซิน...
เขาถูกภาพลวงตานั้นแช่เป็นบางเวลา แต่ในตอนสุดท้ายเขาก็คืนสติได้ ทันทีทันใดที่เขาเปิดตาขึ้น เขาสังเกตเห็นว่าผมและเสื้อผ้าของเขานั้นเต็มไปด้วยเหงื่อ และมันเขายังจับไปที่พวงมาลัยรถอยู่ เขารู้สึกว่านิ้วมือของเขาที่จับนั้นจับไปด้วยเข็มและหนาม เต็มไปด้วยพลังงาน เขารู้สึกเหนื่อยและร่างกายของเขานั้นจะพังลง เขาหายใจอย่างหนักหน่วงและหัวใจของนั้นจมลง เมื่อเขามองไปที่หน้าต่าง อากาศนั้นได้เปลี่ยนไป...
มองไปรอบๆ หมอกนั้นสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน มันปกคลุมทุกอย่าง ท้องฟ้านั้นกลายเป็นสีดำ ในขณะที่หมอกนั้นทำให้โลกนั้นเหมือนทำให้ทุกอย่างกลายเป็นสีเทา บรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความหนักหน่วง เสียงเตือนนั้นดังมาจากที่ห่างไกล ทำให้เจียงลู่ฉีนั้นรู้สึกกระวนกระวาย เขามองไปที่นาฬิกาอีกครั้ง มันเป็นเวลา บ่ายสามห้าสิบ.... เขาหมดสติไปเกือบชั่วโมง แต่เขารู้สึกเหมือนชั่วนิรันดร์
เจียงลู่ฉีรู้ในทันที..... โลกอันบัดซบนี้นั้นในสุดท้ายจุดจบก็มาถึงแล้ว หลังจากนั้นวันนี้เป็นต้นไป เขาจะต้องขับรถมินิบัสเพื่อที่จะทำให้เขามีชีวิตรอด
หลังจากหายใจขึ้นอย่างลึกๆ เจียงลู่ฉีนั้นจุดเครื่องของรถมินิบัสและเริ่มออกเดินทาง!