Chapter 28 : นายกำลังล้อเล่นกันอยู่ใช่ไหม?
หลังจากที่เหวินเซี่ยวเทียนนั้นยืนยันตามคำพูดของเจียงลู่ฉี การสันนิษฐานของเจียงลู่ฉีนั้นถูกต้องทั้งหมด จากการได้รับคำแนะนำจากเจียงลู่ฉี เหวินเซี่ยวเทียนนั้นค้นพบสัญญาณของการมีชีวิตในห้องต่างๆ มันยังมีถังน้ำอยู่ในห้องอาบน้ำ มีเศษอาหารอยู่ในถุงขยะ และรอยเท้าอยู่บนพื้น เหวินเซี่ยวเทียนนั้นชื่นชมกับการคิดอย่างมีหลักการของเจียงลู่ฉีเป็นอย่างมาก เขานั้นสามารถที่จะพูดถึงสิ่งต่างๆเพียงแค่ได้ยินมาจากคำพูดของเธอโดยที่ไม่ได้ลงจากรถแม้แต่นิดเดียว
“พวกเราควรจะทำอะไรต่องั้นหรอ?” เหวินเซี่ยวเทียนนั้นรู้สึกตื่นเต้น รู้ว่าครอบครัวของเธอนั้นอาจจะยังรอดชีวิตอยู่ โดยความจริงแล้วเธอนั้นค่อนข้างจะเป็นเด็กผู้หญิงที่มีจิตใจที่เข้มแข็ง และเธอนั้นไม่ต้องการที่จะถามเจียงลู่ฉีว่าพาเธอไปด้วย อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถคิดอย่างชัดเจนได้ เพราะทุกสถานการณ์อันรุนแรงที่เกิดขึ้นในตอนนี้ และการตัดสินใจของเจียงลู่ฉีนั้นถูกต้องมาเสมอ โดยการที่สามารถช่วยเหลือให้มีชีวิตมาตลอด ดังนั้น แม้ว่าครอบครัวของเธอนั้นจะอยู่ต่อหน้าของเธอ เหวินเซี่ยวเทียนก็ยังคงคิดว่าเธอก็ยังคงจะถามเจียงลู่ฉีว่าจะทำยังไงต่ออยู่ดี
“เรารอที่นี่กันซักหนึ่งเถอะ” เจียงลู่ฉีมองไปรอบๆ
สถานที่แห่งนี้มันค่อนข้างที่จะปลอดภัย เขานั่งไปบนเก้าอี้และยืดตัวเพื่อที่จะพักผ่อน เขานั้นขับรถมาตลอดทางและเขานั้นรู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเขาจะนอนพักเป็นเวลาเล็กน้อยตลอดทุกคืน เหวินเซี่ยวเทียนนั้นไม่ต้องการที่จะนอน ดังนั้นเธอจึงยืนขึ้นและทำหน้าที่เป็นยามให้ ตราบเท่าที่ประตูของรถ MCV นั้นยังล็อคอยู่ มันก็เปรียบได้กับฐานทัพเคลื่อนที่ได้ขนาดเล็ก มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะถูกทำให้เสียหายโดยซอมบี้ธรรมดา หรือแม้แต่สัตว์ป่ากลายพันธุ์ เจียงหลู่ฉีนั้นก็ยังมีเวลาเพียงพอที่จะทำอะไรบางอย่างที่หลบหนีพวกมัน
เหวินเซี่ยวเทียนสังเกตเห็นว่าลมหายใจของเจียงลู่ฉีนั้นค่อยๆที่จะนุ่มนวลขึ้น
“เขานั้นยังสามารถหลับได้อีก!” เหวินเซี่ยวเทียนคิด ในความคิดของเธอ เขาเป็นผู้ชายที่ใจเย็นเป็นอย่างมาก เขานั้นเหมือนไม่ได้กลัวอะไรเลย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เขานั้นก็ยังจะทำตามแผนของเขา แต่มันดูเหมือนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่ไม่หวาดกลัวอะไรเลย
เหวินเซี่ยวเทียนนั้นก็ยังมองไปที่รอบๆ ความรู้สึกของเธอว่าครอบครัวของเธอนั้นจะเดินโผล่ออกมาซอยอีกไม่กี่วินาทีต่อมา ทำให้เธอนั้นยังคงมองไปรอบๆ ในชั่วโมงต่อมา ตาของเจียงลู่ฉีก็เปิดขึ้น เขาลุกขึ้นมานั่งและในช่วงเวลาเดียวกัน ที่นั่งของคนขับก็ได้รับการฟื้นฟูมาเป็นรูปแบบเดิม “มีใครบางคนเข้ามาใกล้ๆแถวนี้”
เสียงฝีเท้าดังออกมาจากซอยด้านซ้าย หลังจากวันโลกาวินาศ เจียงลู่ฉีนั้นได้หลับไม่ค่อยจะลึก ถึงแม้ว่าเขาพึ่งจะตื่นขึ้นแล้ว เขาก็ยังต้องการที่จะนอนต่ออีกซักพัก เขานั้นค่อนข้างจะสัมผัสไวกับเสียงต่างๆ ยามที่เขาหลับตาลง
“มันคือเรื่องจริง” เหวินเซี่ยวเทียนเริ่มที่จะกระวนกระวายใจ เธอก็ได้ยินเสียงเช่นกัน เหวินนั้นกัดริมฝีปากของเธอนิดหนึ่ง และจ้องไปที่ซอยนั้น ในช่วงเวลาเดียวกัน เจียงลู่ฉีวางมือไปบนพวงมาลัยด้วยตาที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง
มันไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยมากนักและ ไม่มีใครรู้ว่าพวกอันธพาลที่พวกเขาเจอก่อนหน้านี้จะกลับมาอีกครั้งหรือไม่ เสียงฝีเท้านั้นเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และเหมือนว่ามันไม่ได้มาเพียงแค่คนเดียว มันเหมือนกับว่ามีคนเป็นจำนวนมาก
เหวินเซี่ยวเทียนนั้นรู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างมาก
ในเวลาเพียงไม่นาน กลุ่มคนจำนวนมากกว่าสิบคนก็โผล่ออกมาจากซอยนั้น พวกเขานั้นเดินไปในขณะที่ก็มองไปที่รอบๆอย่างระมัดระวัง บางคนในนั้นกำลังถือกระเป๋าในขณะที่บางคนก็ถืออาวุธอยู่ เช่นท่อเหล็ก ในกลุ่มคนนั้นเต็มไปด้วยคนสูงวัยและวัยรุ่น พวกเขานั้นเหมือนกับคนธรรมดา เมื่อเห็นพวกเขานั้นเดินออกมา เหวินเซี่ยวเทียนนั้นมองผ่านไปที่หน้าต่าง และมองพวกเขาอย่างระมัดระวังทีละคนทีละคน
เธอนั้นรู้สึกกังวลใจ และรู้สึกผิดหวังในตอนแรก “มันจะเป็นแบบนี้ได้ยังไง....”
แต่หลังจากนั้น อยู่ๆเธอก็ยืนคอของเธอขึ้นและดวงตาของเธอก็เปิดกว้าง “ลูลู่!”
“ลูลู่!” เหวินเซี่ยวเทียนโบกมือของเธออย่างตื่นเต้น
เมื่อมองไปที่ด้านข้างของเธอ เจียงลู่ฉีเห็นเด็กผู้หญิงที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับเธอ แต่เหมือนยังเด็กกว่ามาก พร้อมกับผมหางม้าและเสื้อแจ็คเก็ตสีเทา และใบหน้าที่เลอะคราบดิน กำลังสะพายถุงผ้าและถือแท่งเหล็กอยู่พร้อมกับท่าทางที่รู้สึกเหนื่อย เหวินเซี่ยวเทียนนั้นโบกออกไปจากด้านหลังของหน้าต่าง แต่เธอลืมไปว่าหน้าต่างนั้นไม่สามารถมองเห็นจากข้างนอกได้ ผู้คนโดยรอบมาที่รถมินิบัสและพวกเขารู้สึกมึนงง
เจียงลู่ฉีเปิดเผยความหวาดกลัวและมึนงง หลังจากที่เห็นพวกเขาประหลาดใจ แต่เขาก็มีข้อสงสัยบางอย่าง
เด็กผู้หญิงผมหางม้ารีบเอาของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเป้สะพานของเธอและใส่ลงไปในแจ็คเกตขนาดใหญ่ ไม่มีใครหยุดเธอ ต่อจากนั้น พวกเขาก็เดินมาที่รถมินิบัสอย่างช้าๆและระมัดระวัง
“เหวินเซี่ยวเทียน” เจียงลู่ฉีเรียกเธอ
จิตใจของเหวินนั้นกลับมาและเธอก็วิ่งไปที่ประตู เธอพูดอย่างตื่นเต้น “พี่ชายเจียง ฉันเห็นน้องสาวของฉัน”
“โอเค” เจียงลู่ฉีตอบกลับไป
เขายังนั่งอยู่บนที่นั่งคนขับและมองเห็นเหวินนั้นวิ่งออกไปจากรถและก็เดินจากไป กลุ่มคนนั้นเข้าใกล้มาอย่างช้าๆ และมองไปอย่างระมัดระวังไปที่รถมินิบัส พวกเขานั้นเห็นเด็กผู้หญิงวิ่งออกมาจากด้านหลังของรถมินิบัส พวกเขานั้นรู้สึกแตกตื่นในตอนแรก และในช่วงเวลาเดียวกัน เหวินลู่ก็วิ่งออกมาเหมือนกัน หลังจากช่วงเวลาที่รู้สึกมึนงง
สองพี่น้องก็กอดกันอย่างแน่น
“ลู่ลู่!” ตาของเหวินเซี่ยวเทียนนั้นชื้นขึ้น
เหวินลู่นั้นไม่สามารถที่จะอดกลั้นการร้องไห้เอาไว้ได้ “พี่สาว! ฉันไม่ได้คาดหวังว่าพวกเราจะได้เจอกันอีก!”
กลุ่มผู้รอดชีวิตมองกันและกันอย่างประหลาดใจ เหวินลู่กอดเหวินเซี่ยวเทียนและร้องไห้สักพักหนึ่ง เธอก็ปาดน้ำตาและหันกลับไปพูดกับกลุ่มผู้รอดชีวิตว่า “นี่คือพี่สาวของฉันเอง”
หนึ่งในผู้รอดชีวิตเหล่ตามองไปที่เหวินเซี่ยวเทียนและพูด “พี่สาว? ฉันจำได้ว่า เธอเคยพูดว่าพี่สาวของเธอเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเจียงเบยซะอีก”
เจียงเบย นั้นอยู่ห่างจากที่นี่ค่อนข้างมาก....
ในช่วงเวลาแบบนี้ การเดินทางระยะไกลขนาดนี้ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคนธรรมดา ในช่วงเวลาความเป็นความตาย มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้คนส่วนมากไม่ได้เจอกันอีก
เหวินลู่หันไปรอบๆและจ้องไปที่หน้าของเหวินเซี่ยวเทียน จ้องไปที่ซักพักหนึ่ง และหัวเราะออกมาดังๆ หลังจากนั้นเธอก็ถาม “พี่สาว เธอกลับมาที่นี่ได้ยังไง? ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้เจอหน้าพี่อีกแล้วด้วยซ้ำไป”
เหวินเซี่ยวเทียนนั้นยังรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากและชี้ไปที่รถมินิบัสที่อยู่ข้างหลังเธอและพูด “เพราะว่าพี่ชายเจียงขับรถมาส่งฉันจากเมืองเจียงเบยหน่ะ”
“อะไรนะ?” ด้านหลังของเหวินลู่ กลุ่มผู้รอดชีวิตรู้สึกว่าเชื่อไม่ค่อยจะได้และมองไปที่รถมิบัสโทรมๆ เช่นเดียวกับรถตู้ รถสภาพแบบนี้นั้นสามารถที่จะขับมาจากเจียงเบย? และในขณะที่พวกเขาคิด “.ใครคือพี่ชายเจียง?”
เหวินเซี่ยวเทียนพาเหวินลู่ไปที่ข้างหน้าของรถมินิบัส และผู้รอดชีวิตคนอื่นก็รู้สงสัยและต้องการที่จะเห็นด้วยกัน เกือบจะสิบคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าของกระจกหน้ารถ จ้องไปที่เจียงลู่ฉี ซึ่งกำลังโบกมือให้เขาจากที่นั่งคนขับ
เจียงลู่ฉีรู้สึกอายเล็กน้อย ถึงแม้ว่าพวกเขานั้นจะไม่ได้พูดอะไรเลยก็ตามที เจียงลู่ฉีก็เข้าใจได้ทันทีจากดวงตาของพวกเขา พวกเขาคงต้องการที่จะถามว่า [นายกำลังล้อเล่นกันอยู่ใช่ไหม?]