Chapter 27: ความโกลาหลอันยิ่งใหญ่
[โอ้ พระเจ้า คนขับรถแม่งกลายเป็นบ้าไปแล้ว] ‘จาง’ นั้นกำลังคิดว่าจะทำยังไงกับมันดี แต่เมื่อเห็นรถมินิบัสนั้นเร่งความเร็วขึ้นมาในทันที เขานั้นรู้สึกหวาดกลัว และรีบพุ่งเข้าไปยังซอยข้างหน้าของเขา เมื่อได้ยินเสียงเบรกอันดังขึ้นข้างหลังของซอย จางก็หันกลับไปดูรถมินิบัสด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถที่จะอธิบายได้
“พี่ชายจาง.... พวกเราจะทำยังไงกันต่อดี?” ผู้ชายผิวสีนั้นหวาดกลัวเป็นอย่างมาก และถามด้วยปากที่ยังสั่นอยู่
“เชี่ย! ฉันจะไปรู้ได้ไงวะ?” จางนั้นด่าด้วยความโกรธ หัวใจของเขานั้นเต้นเร็วเป็นอย่างมาก!
รถมินิบัสนั้นใหญ่ แต่หลังจากนั้น มันก็ยังเก่าและมันก็ยังลากรถตู้ไปด้วย ใครจะคิดว่ารถมันนั้นยังมีสภาพที่ยังดีอยู่! แม้แต่กระจกก็ยากมากที่จะทำลายมัน มันถูกตีสองรอบ แต่มันก็ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนบนกระจกนั้นด้วยซ้ำ และไม่ต้องพูดถึง ว่าจะทำลายมันเลย!
มอเตอร์ไซค์สามคันนั้นพลิกคว่ำ และผู้คนที่อยู่บนพวกมันนั้นก็ตายเรียบ ถึงแม้ว่าพวกเขานั้นจะยังไม่ตาย แต่มันก็ไม่มีทางที่จะรักษาบาดแผลอันสาหัสของพวกเขาได้ และพวกเขานั้นก็ไม่มีไอเดีย ว่าจะอธิบายให้ ‘พี่ชายหยู่’ เกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง
เมื่อมองไปที่พวกอันธพาลที่หลบหนีเข้าไปในซอย เจียงลู่ฉีก็หยุดรถลง เหวินเซี่ยวเทียนนั้นยังรู้สึกมึนงงอยู่ ก่อนที่เจียงลู่ฉีจะชนไปที่มอเตอร์ไซค์คันแรก เธอนั้นหลับตาแน่นปี๋ แต่หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดได้เกิดขึ้น เธอนั้นสามารถที่จะรับรู้ได้โดยการฟังเสียงที่เกิดขึ้น
ผู้คนที่ถูกชนนั้นน่าจะตายไม่ก็เจ็บเป็นอย่างมาก แต่ถ้าพวกเธอไม่ได้ทำแบบนั้นไป พวกเธอนั้นอาจจะต้องถูกลากให้ลงไปจากรถ และถูกทำร้ายโดยเหล่าอันธพาล เหวินเซี่ยวเทียนนั้นหันไปมองที่ด้านของเจียงลู่ฉี และเธอก็สังเกตเห็นว่าเจียงลู่ฉีนั้นยังใจเย็นอยู่ เขานั้นถอนหายใจสองครั้งด้วยความใจเย็น และหลังจากนั้นก็มองไปอย่างเงียบๆที่ตัวเอง
“คนพวกนั้นจะไม่ปรากฏตัวขึ้นไปอีกซักระยะ เธอพูดว่าบ้านของเธอนั้นอยู่ที่ไหนนะ?” เจียงลู่ฉีมีความทรงจำที่ดี แต่ถนนแถวนี้เขานั้นไม่คุ้นเคยซักเท่าไหร่
ตามหลักการแล้ว ถนนพวกนี้มันไม่คุ้นเคย.......
ด้วยการนำของเหวินเซี่ยวเทียน พวกเขานั้นได้มาถึงสนามหญ้าและรถMCV ก็ได้จอดไปที่ทางเข้าของสนาม กำแพงนั้นไม่ค่อยสูง และพื้นที่นี้ก็ไม่ได้ใหญ่ มีดอกไม้หลายประเภทอยู่ข้างใน และก็ยังมีกระถางต้นไม้นั้นอยู่ตรงมุม ต้นกระเทียมนั้นถูกปลูกไว้บริเวณแถวนั้นและมันก็ยังดูดีอยู่
ในบริเวณพื้นปูนซีเมนต์ มีพวกมอสและวัชพืชได้ถูกปลูกไว้กับพืชยืนต้นด้านหน้าของกำแพง ตึกสองชั้นนี้เหมือนกับตึกในยุค 90 แต่กระจกเก่าๆนั้นยังใสสะอาดและยังชัดแจ๋วอยู่
“ที่นี่คือบ้านของฉัน” เหวินเซี่ยวเทียนพูดด้วยความไม่สบายใจ
เธอนั้นกำมือของเธอแน่นและกัดไปที่ริมฝีปากของตัวเอง และขยับจากที่นั่งข้างคนขับ ไปยังประตู
“รอก่อน” เจียงลู่ฉีหยุดเธอ และบีบแตรสองครั้ง แต่มันไม่แสบหู
“ปี้น ปี้น!” เสียงแตรของรถMCV นั้นค่อนข้างที่จะชัดและดังก้องกังวานมาก
เจียงลู่ฉีมองไปที่ตึกเล็กข้างหน้า มองผ่านไปที่กระจกหน้ารถ และหลังจากนั้นก็มองไปรอบๆ มันไม่มีซอมบี้อยู่ในตึกข้างเคียง เหวินเซี่ยวเทียนนั้นรู้ตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเสียงบีบแตร มองไปอย่างกังวลผ่านประตูรักษาความปลอดภัย กลัวว่าประตูนั้นจะสั่นขึ้นมา เจียงลู่ฉียังบีบแตรอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาชั่วครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น
เขามองไปที่เหวินเซี่ยวเทียน ประมาณว่าเธอนั้นจะไม่ตกอยู่ในอันตราย และสามารถลงจากรถได้ เหวินเซี่ยวเทียนพยักหน้าพร้อมกับสีหน้าที่กังวล พร้อมกับหายใจเข้าลึกๆ และสุดท้ายก็รวบรวมความกล้าที่จะเปิดประตู และลงจากรถเดินไปที่สนามได้
เจียงลู่ฉีเห็นเหวินเซี่ยวเทียนเดินไปที่หน้าประตู เธอนั้นหยิบกุญแจออกมาและไขเปิดประตู มือของเธอนั้นสั่นชั่วขณะหนึ่งก่อนที่เธอจะเปิดมัน ถ้าไม่ได้เพื่อความปลอดภัยแล้ว เจียงลู่ฉีคงรถจากรถไปพร้อมกับเธอ แต่ในเมืองที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้ ความปลอดภัยสำหรับเขาและเหวินเซี่ยวเทียนนั้น การที่อยู่บนรถนั้นคือตัวเลือกที่ดีที่สุด
บริเวณที่อยู่อาศัยโดยรอบนั้นล้อมรอบไปด้วยที่อยู่อาศัย แต่มันไม่มีซอมบี้ และมันก็มีซอมบี้เพียงน้อยนิดในบริเวณแถวนี้ เมื่อเขามองไปที่ตึกรอบข้างในบริเวณนี้ เขานั้นได้พบกับคราบเลือดบนบ้านและหน้าต่าง เหวินเซี่ยวเทียนนั้นออกมาจากบ้านของเธอ และกลับขึ้นมาบนรถด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า
“เป็นยังไงบ้าง?” เจียงลู่ฉีถาม เขานั้นให้ความสนใจกับพื้นที่รอบๆ แต่เขานั้นก็สามารถที่จะได้ยินเสียงตะโกนที่ดังออกมาจากข้างในบ้านของเธอได้
เมื่องมองไปที่เหวินเซี่ยวเทียน มันเหมือนว่าสถานการณ์นี้มันไม่ค่อยจะดีนัก
“ไม่มีใครอยู่ที่บ้านเลย” เหวินเซี่ยวเทียนพูด มันโกลาหลเป็นอย่างมาก พื้นนั้นเต็มไปด้วยขยะ เฟอนิเจอร์นั้นถูกย้าย และตู้เย็นนั้นถูกเปิดและข้างในนั้นก็ไม่มีอาหารหลงเหลืออยู่เลย
“บางทีพวกเขาอาจจะหลบหนีไปแล้ว?” เหวินเซี่ยวเทียนพูดกับเจียงลู่ฉี สิ่งที่เธอได้เห็นนั้นทำให้มีความหวังเล็กน้อยในหัวใจของเธอ
เจียงลู่ฉีมองไปที่ประตู เขานั้นไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับมันเลย แต่เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในกรณีนี้ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะล็อคประตูได้แน่นหนา แม้หน้าต่างจะถูกปิดและผ้าม่านนั้นก็ถูกปิดลงเช่นกัน
การวิ่งหนีไปนั้นจะไม่ทำให้บ้านเป็นแบบนั้น มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะนำอาหารติดไปด้วย แต่เกี่ยวกับการที่เคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ละ? เจียงลู่ฉีกำลังตระหนักถึงคำพูดของเหวินเซี่ยวเทียน ในขณะที่เหวินเซี่ยวเทียนนั้นไม่มีชีวิตชีวา เธอนั้นไม่สามารถที่จะหาครอบครัวของเธอได้ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกถึงความสูญเสีย เธอนั้นไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีในตอนนี้ เมื่อเธอตัดสินใจที่จะกลับมายังเมือง เธอนั้นคิดเกี่ยวกับการฉากแบบนี้ ถึงจะเป็นแบบนั้น เธอก็ยังรู้สึกสูญเสียอยู่ดี ครอบครัวของเธอนั้นได้หายไป และไม่มีแม้แต่การเขียนโน้ตทิ้งไว้หรืออะไรเลย.....
“เหวินเซี่ยวเทียน” อยู่ๆเจียงลู่ฉีก็พูดขึ้นมา “เธอพูดว่า มีอะไรบางอย่างหายไปจากโซฟาใช่ไหม?”
เหวินเซี่ยวเทียนครุ่นคิดชั่วครู่หนึ่งและพูด “ผ้าห่มและก็มีอย่างอื่น...”
“มีเพียงแค่นี้? ยังมีขยะอยู่บนที่พื้นอีกด้วยใช่ไหม?” เจียงลู่ฉีถามอีกครั้ง
เหวินเซี่ยวเทียนไม่เข้าใจว่าทำไมเจียงลู่ฉีถึงถามแบบนี้ เธอพูด “ฉันเห็นพวกมันและเหมือนกับว่าครอบครัวของฉันจะไม่เหลืออะไรทิ้งไว้ให้ฉันเลย....”
“ไม่ใช่ยังงั้น เธอมองไปที่รอบๆนี่ เธอจะเห็นซอมบี้จำนวนเล็กน้อย และประตู และหน้าต่างก็ถูกปิดอยู่ อาจจะมีผู้คนที่ยังอาศัยอยู่ในบริเวณแถวนี้ ผ้าห่มนั้นแสดงให้เห็นว่าเคยมีผู้คนที่นอนอยู่ที่นี่ ดังนั้น มันยังมีขยะที่เธอเจอก่อนหน้านี้ แปลว่ามันยังมีโอกาสสูงมากที่พวกเขานั้นจะรอดชีวิตได้” เจียงลู่ฉีสันนิษฐาน
เขาทำข้อสรุปนี้หลังจากการวิเคราะห์ถึงรายละเอียดหลายๆอย่าง มิฉะนั้น เขาคงไม่กล้าที่จะพูดสิ่งต่างๆและให้ความหวังเกี่ยวกับเหวินเซี่ยวเทียน
เมื่อฟังคำพูดของเจียงลู่ฉี ตาของเหวินเซี่ยวเทียนโตขึ้นและโตขึ้นไปอีก
“เธอสามารถลงไปอีกครั้งและดูว่ามันจะเหมือนกับที่ฉันพูดไหม....”เจียงลู่ฉีพูด
ในเพียงเวลาไม่นานหลังจากที่เขาพูดเสร็จ เหวินเซี่ยวเทียนก็ลงไปจากรถมินิบัสไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...