ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 106 วิญญาณแห่งชีวิต (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 108 ดวงตาคู่นั้น (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 107 ดูแลธุรกิจ (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 107 ดูแลธุรกิจ 

แปลโดย iPAT 

หิมะในฤดูหนาวสิ้นสุดลง สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิพัดเข้ามา

ลำธารบนภูเขาที่ถูกแช่แข็งเริ่มไหลรินอีกครั้ง เกล็ดหิมะบนหลังคาบ้านไม้ไผ่ถูกแสงแดดหลอมละลายกลายเป็นหยดน

ช่วงเช้าโรงเตี้ยมค่อนข้างเงียบเหงา

ฟางหยวนนั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง ด้วยคำสั่งของเขา รอบโต๊ะถูกปิดบังเอาไว้ด้วยม่านไม้เพื่อสร้างเป็นห้องส่วนตัวเล็กๆสำหรับเขาโดยเฉพาะ

ลมพัดกลิ่นธรรมชาติเข้ามาทำให้ผู้คนรู้สึกสดชื่น

เจียงหยานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามฟางหยวนพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

"นี่คือทั้งหมดในครั้งนี้ โปรดตรวจนับ" เจียงหยาส่งถุงเงินจำนวนสี่ใบให้กับฟางหยวน

สิ่งที่อยู่ในถุงคือหินวิญญาณ

ฟางหยวนไม่ได้เปิดถุงเงินออกเพื่อตรวจสอบแต่ใช้วิธีชั่งน้ำหนักด้วยฝ่ามือ

เขามีประสบการณ์หลายร้อยปีและผ่านการทำธุรกรรมต่างๆมามากมาย ดังนั้นเขาจึงสามารถบอกจำนวนหินวิญญาณที่อยู่ในมือได้อย่างแม่นยำ

นี่ไม่ถือเป็นสิ่งพิเศษ

การฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำอีกจะทำให้เกิดเป็นความเชี่ยวชาญ

ประสบการณ์สามารถปลุกความมหัศจรรย์

หลังจากการกำเนิดใหม่ ความเชี่ยวชาญเหล่านี้ติดตามเขามาด้วยเช่นกัน

ฟางหยวนใช้ฝ่ามือตรวจสอบ เมื่อไม่พบปัญหา เขาก็หยิบถุงผ้าเล็กๆ ออกมาจากด้านในเสื้อคลุมและส่งให้กับเจียงหยา

เจียงหยารับมันไว้ด้วยมือทั้งสองข้างและเปิดตรวจสอบจำนวนอย่างรอบคอบ

แม้ฟางหยวนจะครอบครองใบไม้แห่งชีวิตเก้าใบ แต่เขาก็ไม่คิดที่จะขายมันด้วยตนเอง หากเป็นตงถู เขาจะทำด้วยตนเองเพื่อสร้างสายสัมพันธ์และเพิ่มอิทธิพลของเขา

แต่ฟางหยวนไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนั้น มันเป็นการเสียเวลาและความพยายามมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงขายมันให้กับเจียงหยาซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้า จากนั้นเจียงหยาก็จะขายใบไม้แห่งชีวิตต่อไปให้กับสมาชิกของตระกูล

เจียงหยาเป็นน้องชายของเจียงอี้ ช่วงเวลาที่ฟางหยวนกำลังค้นหาวิญญาณสุรา เขาเคยพบเจียงหยาที่โรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง ตอนนี้เจียงอี้ถือเป็นสหายสนิทที่สุดของฟางหยวน ดังนั้นการทำธุรกิจกับเจียงหยาจึงสิ่งที่เชื่อถือได้

"หนึ่ง สอง สาม....เก้า มันมีเก้าใบจริงๆ" เจียงหยานับถึงสามรอบก่อนจะเก็บถุงผ้าเอาไว้อย่างระมัดระวัง

จากนั้นเขาจึงยกถ้วยสุราขึ้นดื่มให้กับฟางหยวน "ท่านฟางหยวน ยินดีที่ได้ทำธุรกิจกับท่าน ข้าขอดื่มให้ท่าน"

สายตาที่เจียงหยามองฟางหยวนเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์ กระทั่งคำพูดก็เปลี่ยน อย่างไรก็ตามมันยังมีความอิจฉาแฝงอยู่ในน้ำเสียงเล็กน้อย

ฤดูใบไม้ผลิปีก่อนเจียงหยาพบกับฟางหยวนเป็นครั้งแรก เวลานั้นฟางหยวนยังเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณฝึกหัดที่พึ่งเข้าเรียนในสถานศึกษาและไม่แม้แต่จะมีชุดเครื่องแบบของผู้ใช้วิญญาณ

ตอนนี้ฟางหยวนไม่ได้สวมเครื่องแบบของผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง แต่มันเป็นชุดที่คาดด้วยเข็มขัดสีแดงและมีหัวเข็มขัดเป็นแผ่นเงินที่สลักคำว่า สอง เอาไว้

ขณะที่เจียงหยายังคาดเข็มขัดสีฟ้าของผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งเท่านั้น

แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอิจฉามากที่สุดคือมรดกที่ฟางหยวนได้รับ

เขาเป็นเจ้าของโรงเตี้ยม บ้านเช่า และวิญญาณโสมเก้าชีวิต มันเป็นโชคลาภที่เจียงหยาไม่สามารถครอบครองได้ตลอดช่วงชีวิตของเขา

แต่เจียงหยาไม่ได้แสดงความอิจฉาออกมามากนัก

ฟางหยวนขายใบไม้แห่งชีวิตให้เขาและอนุญาตให้เขานำไปทำกำไรส่วนต่าง ฟางหยวนคือต้นเงินต้นทองของเขา เขาจึงไม่กล้าสร้างความไม่พอใจให้กับชายผู้นี้

ใบหน้าของเจียงหยาเต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่กลับลอบถอนหายใจอยู่ภายใน

ฟางหยวนยกถ้วยสุราขึ้นดื่มเช่นกัน

การแสดงออกของเด็กน้อยเช่นเจียงหยา จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เช่นฟางหยวนจะดูไม่ออกได้อย่างไร

แต่ฟางหยวนไม่ใส่ใจ ตรงข้าม หากเจียงหยาไม่รู้สึกอิจฉา มันหมายความว่าเขามีหัวใจที่สูงส่งและแข็งแกร่ง นั่นจะทำให้ฟางหยวนรู้สึกยกย่องเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามเมื่อเจียงหยารู้สึกอิจฉากับโชคลาภเล็กๆของฟางหยวน นี่แสดงให้เห็นว่าโลกของเขาคับแคบเป็นอย่างมาก การดื่มสุรากับเขาเป็นเรื่องของธุรกิจเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

เจียงหยาวางถ้วยสุราก่อนกล่าวด้วยความตื่นเต้น "ตระกูลขายใบไม้แห่งชีวิตใบละห้าสิบห้าหินวิญญาณ แต่จากคำแนะนำของท่าน ข้าสามารถขายในราคาห้าสิบหินวิญญาณ ความต้องการซื้อจะต้องปะทุขึ้นอย่างแน่นอน แล้วเหตุใดท่านฟางหยวนจึงไม่สร้างใบไม้แห่งชีวิตออกมาทุกวัน ด้วยวิธีนี้พวกเราจะได้รับผลประโยชน์มากขึ้น"

ฟางหยวนส่ายศีรษะ "การสร้างใบไม้แห่งชีวิตยังมีขีดจำกัด นอกจากนั้นมันก็เสียเวลาในการบ่มเพาะของข้า"

นี่คือความแตกต่างระหว่างฟางหยวนกับเจียงหยา

ในมุมมองของฟางหยวน หินวิญญาณเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยในการบ่มเพาะเท่านั้น แต่สำหรับเจียงหยา หินวิญญาณเป็นเป้าหมายชีวิตของเขา ดังนั้นเขาจึงต้องบ่มเพาะเพื่อให้ได้รับมันมา

แต่กระทั่งฟางหยวนจะขายใบไม้แห่งชีวิตเพียงวันนี้วันเดียว เขาก็ยังได้รับค่าตอบแทนเป็นหินวิญญาณถึงสี่ร้อยก้อน ด้วยการเก็บสะสมอย่างต่อเนื่อง อนาคตของเขาจะรุ่งโรจน์เป็นอย่างมาก

เมื่อเห็นการแสดงออกของฟางหยวน เจียงหยาไม่กล้าที่จะกดดันเขาต่อไป เขาเพียงเผยรอยยิ้มขมขื่นเล็กน้อยก่อนจะรินสุราให้กับฟางหยวนอย่างกระตือรือร้น

"แท้จริงแล้ว..." เจียงหยากล่าวต่อ "ด้วยโชคลาภก้อนใหญ่ ท่านฟางหยวนไม่จำเป็นต้องพักอยู่ที่บ้านเช่าเก่าๆหลังนั้น เหตุใดท่านไม่ทำให้บ้านเช่าของท่านว่างสักหลังและเข้าไปอาศัยที่นั่น จากนั้นก็แต่งงานกับหญิงสาวและให้คนรับใช้สักเจ็ดหรือแปดคนคอยดูแลปรนนิบัติ นั่นจึงจะถือเป็นชีวิตในฝัน ฮ่าฮ่าฮ่า"

ฟางหยวนหัวเราะเบาๆแต่ไม่กล่าวสิ่งใด

เกษตรกรจะเข้าใจความทะเยอทะยานของจักรพรรดิได้อย่างไร

เขาหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง

บ้านเรือนเรียงรายต่อเนื่องกันเป็นแถว หิมะค่อยๆละลายลงมาจากหลังคาสะท้อนกับแสงแดดแห่งฤดูใบไม้ผลิ ไกลออกไปใบอ่อนสีเหลืองเขียวสั่นไหวอยู่บนกิ่งไม้อย่างแผ่วเบา

สายตาของฟางหยวนว่างเปล่าเล็กน้อยเมื่อเขาคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบัน

หลังจากจัดการปัญหาเกี่ยวกับฟางเจิ้ง มรดกทั้งหมดถูกเก็บไว้ในกระเป๋าของเขาอย่างแน่นหนา

วิญญาณกายาหยกขาวและวิญญาณจันทร์กระจ่างถูกหลอมสร้างอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้เขาครอบครองทั้งพลังป้องกันและพลังโจมตีที่แข็งแกร่งมากขึ้น

แต่วิญญาณสุรายังเป็นปัญหา เพื่อหลอมสร้างวิญญาณสุราสี่ฤดู เขาต้องรวบรวมสุราสี่รสชาติและยังต้องมีวิญญาณสุราอีกหนึ่งดวง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะสามารถรวบรวมมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ

'ข้าต้องหลอมรวมงิญญาณสุราสี่ฤดู มิฉะนั้นความเร็วในการบ่มเพาะของข้าจะช้าลงครึ่งหนึ่ง แต่การหลอมรวมจำเป็นต้องรอขบวนสินค้า เมื่อเวลานั้นมาถึงข้ายังสามารถใช้มันเปิดเผยวิญญาณกายาหยกขาวและเลิกเก็บซ่อนความแข็งแกร่ง'

ด้วยการครอบครองวิญญาณกายาหยกขาว วิญญาณจันทร์กระจ่าง และประสบการณ์ของเขา ขณะนี้พลังการต่อสู้ของเขาเหนือกว่าผู้ใช้วิญญาณระดับสองทั่วไปเรียบร้อยแล้ว

หัวหน้ากลุ่มระดับเดียวกับเจียวซานไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป

สำหรับฉิงซู ซื่อซาน และโม่เยี่ยน ฟางหยวนยังอ่อนแอกว่าเล็กน้อย

ประการแรก มันเป็นเพราะระดับการบ่มเพาะของฟางหยวนยังอยู่ในขั้นต้นของระดับสอง ขณะที่คนทั้งสามอยู่บนจุดสูงสุดของระดับสอง

ประการที่สอง ฟางหยวนยังขาดวิญญาณที่แข็งแกร่ง เขาครอบครองวิญญาณระดับสองเพียงสองดวง แต่คนทั้งสามครอบครองวิญญาณระดับสองอย่างน้อยสามดวง

ในรุ่นอายุเดียวกัน ฟางเจิ้ง โม่เป่ย และซื่อเฉินเริ่มแสดงศักยภาพที่โดดเด่นของพวกเขาออกมาแล้ว

โดยเฉพาะฟางเจิ้งที่สามารถครอบครองวิญญาณอาภรณ์แสงจันทร์ นั่นทำให้เขามีคุณสมบัติเป็นคู่ต่อสู้ของฟางหยวน เมื่อเวลาผ่านไประดับการบ่มเพาะของฟางเจิ้งจะยิ่งพุ่งทะยานขึ้นและทิ้งฟางหยวนไว้ข้างหลัง

เว้นเพียงฟางหยวนจะสามารถครอบครองวิญญาณสุราสี่ฤดูและรักษาความเร็วในการบ่มเพาะเอาไว้

สำหรับผู้ใช้วิญญาณระดับสามหรือสี่

หากต้องต่อสู้กับคนกลุ่มนี้ มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะรักษาชีวิต

การท้าทายบางคนที่มีระดับเหนือกว่าเป็นสิ่งที่ยากลำบาก ประการแรก ฟางหยวนยังไม่มีไพ่ตาย ประกายที่สอง เขาไม่มีพรสวรรค์ แม้เขาจะร่ำรวยประสบการณ์ แต่การปราศจากวิญญาณที่แข็งแกร่ง ประสบการณ์ก็ไม่สามารถแสดงปาฏิหาริย์

'หากข้าประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณสุราสี่ฤดู การบ่มเพาะของข้าจะรวดเร็วขึ้น แต่ข้ายังต้องเติมเต็มวิญญาณ ข้ามีวิญญาณกายาหยกขาวสำหรับป้องกัน วิญญาณจันทร์กระจ่างสำหรับโจมตี วิญญาณโสมเก้าชีวิตสำหรับรักษา แต่ข้ายังไม่มีวิญญาณที่ช่วยในการเคลื่อนไหวและวิญญาณสายตรวจสอบ ทั้งสองชนิดเป็นวิญญาณสายสนับสนุน พวกมันสามารถปิดจุดอ่อนและสนับสนุนการต่อสู้ของข้า' ฟางหยวนคิด

เขาไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ทีละก้าว เขามีเส้นทางที่ชัดเจนของตนเองอยู่แล้ว

จากฝั่งตรงข้าม เจียงหยาส่งเสียงขึ้นอีกครั้ง "ข้าได้ยินว่าเร็วๆนี้บางคนมาก่อปัญหาให้กับท่านถึงบ้านเช่าและโรงเตี้ยมเช่นนั้นหรือ?"

ฟางหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อยที่ถูกขัดจังหวะความคิด

แต่เจียงหยากล่าวได้ถูกต้อง

ฟางหยวนตรวจสอบเรื่องนี้มาแล้ว มันเป็นฝีมือของตงถู

หลังจากตงถูได้รับคำเตือนจากฉิงซู เขาไม่กล้าใช้ฟางเจิ้งเป็นเครื่องมือสร้างปัญหาให้กับฟางหยวนอีก แต่นั่นยิ่งทำให้หัวใจของตงถูเต็มไปด้วยเพลิงแค้น ดังนั้นเขาจึงอาศัยสายสัมพันธ์ของเขาสั่งให้ผู้ใช้วิญญาณบางคนมาสร้างปัญหาในสถานที่ของฟางหยวน

คนทำธุรกิจเกลียดปัญหาเช่นนี้

ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องมาดูแลธุรกิจของเขาในบางเวลา

"นายน้อย มีบางคนมาสร้างปัญหาอีกครั้ง" ใบหน้าของเสี่ยวเอ้อเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเขาเร่งเข้ามารายงานฟางหยวน

"โอ้?" ฟางหยวนยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งและไม่คาดหวังว่าปัญหาจะเกิดขึ้นทันที

โดยไม่รอให้ฟางหยวนตอบสนอง เจียงหยาผุดลุกขึ้นและกล่าวออกมาอย่างกระตือรือร้น "รอสักครู่ ข้าจะออกไปดู"

เพียงเมื่อเขาเดินออกมา เขาก็รีบวิ่งกลับเข้าไปทันที

"มันเป็นผู้ใช้วิญญาณม่านซื่อ" ใบหน้าของเจียงหยากลายเป็นซีดขาว น้ำเสียงและสายตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล

ผู้ใช้วิญญาณม่านซื่อ?

เขาตรวจสอบผู้ใช้วิญญาณระดับสองของตระกูลทั้งหมดแล้ว ผู้ใช้วิญญาณม่านซื่อเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสองที่โด่งดังและมีความเชี่ยวชาญพิเศษในด้านการป้องกัน เขาเป็นหัวหน้ากลุ่มและมีชื่อเสียงที่ดีกว่าเจียวซานเล็กน้อย

“ปัง!”

เสียงดังขึ้นจากด้านนอก

หลังจากนั้นเสียงหยาบคายก็ดังขึ้น "บัดซบ! นี่มันสุราประเภทใด? รสชาติราวกับอึม้า เจ้ากล้าขายสิ่งนี้ให้ข้างั้นหรือ?"

"ฮืม" สายตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นเยียบขณะที่เขาลุกขึ้นยืน