เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 107 ดูแลธุรกิจ (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 107 ดูแลธุรกิจ
แปลโดย iPAT
หิมะในฤดูหนาวสิ้นสุดลง สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิพัดเข้ามา
ลำธารบนภูเขาที่ถูกแช่แข็งเริ่มไหลรินอีกครั้ง เกล็ดหิมะบนหลังคาบ้านไม้ไผ่ถูกแสงแดดหลอมละลายกลายเป็นหยดน
ช่วงเช้าโรงเตี้ยมค่อนข้างเงียบเหงา
ฟางหยวนนั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง ด้วยคำสั่งของเขา รอบโต๊ะถูกปิดบังเอาไว้ด้วยม่านไม้เพื่อสร้างเป็นห้องส่วนตัวเล็กๆสำหรับเขาโดยเฉพาะ
ลมพัดกลิ่นธรรมชาติเข้ามาทำให้ผู้คนรู้สึกสดชื่น
เจียงหยานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามฟางหยวนพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
"นี่คือทั้งหมดในครั้งนี้ โปรดตรวจนับ" เจียงหยาส่งถุงเงินจำนวนสี่ใบให้กับฟางหยวน
สิ่งที่อยู่ในถุงคือหินวิญญาณ
ฟางหยวนไม่ได้เปิดถุงเงินออกเพื่อตรวจสอบแต่ใช้วิธีชั่งน้ำหนักด้วยฝ่ามือ
เขามีประสบการณ์หลายร้อยปีและผ่านการทำธุรกรรมต่างๆมามากมาย ดังนั้นเขาจึงสามารถบอกจำนวนหินวิญญาณที่อยู่ในมือได้อย่างแม่นยำ
นี่ไม่ถือเป็นสิ่งพิเศษ
การฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำอีกจะทำให้เกิดเป็นความเชี่ยวชาญ
ประสบการณ์สามารถปลุกความมหัศจรรย์
หลังจากการกำเนิดใหม่ ความเชี่ยวชาญเหล่านี้ติดตามเขามาด้วยเช่นกัน
ฟางหยวนใช้ฝ่ามือตรวจสอบ เมื่อไม่พบปัญหา เขาก็หยิบถุงผ้าเล็กๆ ออกมาจากด้านในเสื้อคลุมและส่งให้กับเจียงหยา
เจียงหยารับมันไว้ด้วยมือทั้งสองข้างและเปิดตรวจสอบจำนวนอย่างรอบคอบ
แม้ฟางหยวนจะครอบครองใบไม้แห่งชีวิตเก้าใบ แต่เขาก็ไม่คิดที่จะขายมันด้วยตนเอง หากเป็นตงถู เขาจะทำด้วยตนเองเพื่อสร้างสายสัมพันธ์และเพิ่มอิทธิพลของเขา
แต่ฟางหยวนไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนั้น มันเป็นการเสียเวลาและความพยายามมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงขายมันให้กับเจียงหยาซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้า จากนั้นเจียงหยาก็จะขายใบไม้แห่งชีวิตต่อไปให้กับสมาชิกของตระกูล
เจียงหยาเป็นน้องชายของเจียงอี้ ช่วงเวลาที่ฟางหยวนกำลังค้นหาวิญญาณสุรา เขาเคยพบเจียงหยาที่โรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง ตอนนี้เจียงอี้ถือเป็นสหายสนิทที่สุดของฟางหยวน ดังนั้นการทำธุรกิจกับเจียงหยาจึงสิ่งที่เชื่อถือได้
"หนึ่ง สอง สาม....เก้า มันมีเก้าใบจริงๆ" เจียงหยานับถึงสามรอบก่อนจะเก็บถุงผ้าเอาไว้อย่างระมัดระวัง
จากนั้นเขาจึงยกถ้วยสุราขึ้นดื่มให้กับฟางหยวน "ท่านฟางหยวน ยินดีที่ได้ทำธุรกิจกับท่าน ข้าขอดื่มให้ท่าน"
สายตาที่เจียงหยามองฟางหยวนเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์ กระทั่งคำพูดก็เปลี่ยน อย่างไรก็ตามมันยังมีความอิจฉาแฝงอยู่ในน้ำเสียงเล็กน้อย
ฤดูใบไม้ผลิปีก่อนเจียงหยาพบกับฟางหยวนเป็นครั้งแรก เวลานั้นฟางหยวนยังเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณฝึกหัดที่พึ่งเข้าเรียนในสถานศึกษาและไม่แม้แต่จะมีชุดเครื่องแบบของผู้ใช้วิญญาณ
ตอนนี้ฟางหยวนไม่ได้สวมเครื่องแบบของผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง แต่มันเป็นชุดที่คาดด้วยเข็มขัดสีแดงและมีหัวเข็มขัดเป็นแผ่นเงินที่สลักคำว่า สอง เอาไว้
ขณะที่เจียงหยายังคาดเข็มขัดสีฟ้าของผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งเท่านั้น
แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอิจฉามากที่สุดคือมรดกที่ฟางหยวนได้รับ
เขาเป็นเจ้าของโรงเตี้ยม บ้านเช่า และวิญญาณโสมเก้าชีวิต มันเป็นโชคลาภที่เจียงหยาไม่สามารถครอบครองได้ตลอดช่วงชีวิตของเขา
แต่เจียงหยาไม่ได้แสดงความอิจฉาออกมามากนัก
ฟางหยวนขายใบไม้แห่งชีวิตให้เขาและอนุญาตให้เขานำไปทำกำไรส่วนต่าง ฟางหยวนคือต้นเงินต้นทองของเขา เขาจึงไม่กล้าสร้างความไม่พอใจให้กับชายผู้นี้
ใบหน้าของเจียงหยาเต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่กลับลอบถอนหายใจอยู่ภายใน
ฟางหยวนยกถ้วยสุราขึ้นดื่มเช่นกัน
การแสดงออกของเด็กน้อยเช่นเจียงหยา จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เช่นฟางหยวนจะดูไม่ออกได้อย่างไร
แต่ฟางหยวนไม่ใส่ใจ ตรงข้าม หากเจียงหยาไม่รู้สึกอิจฉา มันหมายความว่าเขามีหัวใจที่สูงส่งและแข็งแกร่ง นั่นจะทำให้ฟางหยวนรู้สึกยกย่องเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามเมื่อเจียงหยารู้สึกอิจฉากับโชคลาภเล็กๆของฟางหยวน นี่แสดงให้เห็นว่าโลกของเขาคับแคบเป็นอย่างมาก การดื่มสุรากับเขาเป็นเรื่องของธุรกิจเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
เจียงหยาวางถ้วยสุราก่อนกล่าวด้วยความตื่นเต้น "ตระกูลขายใบไม้แห่งชีวิตใบละห้าสิบห้าหินวิญญาณ แต่จากคำแนะนำของท่าน ข้าสามารถขายในราคาห้าสิบหินวิญญาณ ความต้องการซื้อจะต้องปะทุขึ้นอย่างแน่นอน แล้วเหตุใดท่านฟางหยวนจึงไม่สร้างใบไม้แห่งชีวิตออกมาทุกวัน ด้วยวิธีนี้พวกเราจะได้รับผลประโยชน์มากขึ้น"
ฟางหยวนส่ายศีรษะ "การสร้างใบไม้แห่งชีวิตยังมีขีดจำกัด นอกจากนั้นมันก็เสียเวลาในการบ่มเพาะของข้า"
นี่คือความแตกต่างระหว่างฟางหยวนกับเจียงหยา
ในมุมมองของฟางหยวน หินวิญญาณเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยในการบ่มเพาะเท่านั้น แต่สำหรับเจียงหยา หินวิญญาณเป็นเป้าหมายชีวิตของเขา ดังนั้นเขาจึงต้องบ่มเพาะเพื่อให้ได้รับมันมา
แต่กระทั่งฟางหยวนจะขายใบไม้แห่งชีวิตเพียงวันนี้วันเดียว เขาก็ยังได้รับค่าตอบแทนเป็นหินวิญญาณถึงสี่ร้อยก้อน ด้วยการเก็บสะสมอย่างต่อเนื่อง อนาคตของเขาจะรุ่งโรจน์เป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นการแสดงออกของฟางหยวน เจียงหยาไม่กล้าที่จะกดดันเขาต่อไป เขาเพียงเผยรอยยิ้มขมขื่นเล็กน้อยก่อนจะรินสุราให้กับฟางหยวนอย่างกระตือรือร้น
"แท้จริงแล้ว..." เจียงหยากล่าวต่อ "ด้วยโชคลาภก้อนใหญ่ ท่านฟางหยวนไม่จำเป็นต้องพักอยู่ที่บ้านเช่าเก่าๆหลังนั้น เหตุใดท่านไม่ทำให้บ้านเช่าของท่านว่างสักหลังและเข้าไปอาศัยที่นั่น จากนั้นก็แต่งงานกับหญิงสาวและให้คนรับใช้สักเจ็ดหรือแปดคนคอยดูแลปรนนิบัติ นั่นจึงจะถือเป็นชีวิตในฝัน ฮ่าฮ่าฮ่า"
ฟางหยวนหัวเราะเบาๆแต่ไม่กล่าวสิ่งใด
เกษตรกรจะเข้าใจความทะเยอทะยานของจักรพรรดิได้อย่างไร
เขาหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง
บ้านเรือนเรียงรายต่อเนื่องกันเป็นแถว หิมะค่อยๆละลายลงมาจากหลังคาสะท้อนกับแสงแดดแห่งฤดูใบไม้ผลิ ไกลออกไปใบอ่อนสีเหลืองเขียวสั่นไหวอยู่บนกิ่งไม้อย่างแผ่วเบา
สายตาของฟางหยวนว่างเปล่าเล็กน้อยเมื่อเขาคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบัน
หลังจากจัดการปัญหาเกี่ยวกับฟางเจิ้ง มรดกทั้งหมดถูกเก็บไว้ในกระเป๋าของเขาอย่างแน่นหนา
วิญญาณกายาหยกขาวและวิญญาณจันทร์กระจ่างถูกหลอมสร้างอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้เขาครอบครองทั้งพลังป้องกันและพลังโจมตีที่แข็งแกร่งมากขึ้น
แต่วิญญาณสุรายังเป็นปัญหา เพื่อหลอมสร้างวิญญาณสุราสี่ฤดู เขาต้องรวบรวมสุราสี่รสชาติและยังต้องมีวิญญาณสุราอีกหนึ่งดวง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะสามารถรวบรวมมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ
'ข้าต้องหลอมรวมงิญญาณสุราสี่ฤดู มิฉะนั้นความเร็วในการบ่มเพาะของข้าจะช้าลงครึ่งหนึ่ง แต่การหลอมรวมจำเป็นต้องรอขบวนสินค้า เมื่อเวลานั้นมาถึงข้ายังสามารถใช้มันเปิดเผยวิญญาณกายาหยกขาวและเลิกเก็บซ่อนความแข็งแกร่ง'
ด้วยการครอบครองวิญญาณกายาหยกขาว วิญญาณจันทร์กระจ่าง และประสบการณ์ของเขา ขณะนี้พลังการต่อสู้ของเขาเหนือกว่าผู้ใช้วิญญาณระดับสองทั่วไปเรียบร้อยแล้ว
หัวหน้ากลุ่มระดับเดียวกับเจียวซานไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป
สำหรับฉิงซู ซื่อซาน และโม่เยี่ยน ฟางหยวนยังอ่อนแอกว่าเล็กน้อย
ประการแรก มันเป็นเพราะระดับการบ่มเพาะของฟางหยวนยังอยู่ในขั้นต้นของระดับสอง ขณะที่คนทั้งสามอยู่บนจุดสูงสุดของระดับสอง
ประการที่สอง ฟางหยวนยังขาดวิญญาณที่แข็งแกร่ง เขาครอบครองวิญญาณระดับสองเพียงสองดวง แต่คนทั้งสามครอบครองวิญญาณระดับสองอย่างน้อยสามดวง
ในรุ่นอายุเดียวกัน ฟางเจิ้ง โม่เป่ย และซื่อเฉินเริ่มแสดงศักยภาพที่โดดเด่นของพวกเขาออกมาแล้ว
โดยเฉพาะฟางเจิ้งที่สามารถครอบครองวิญญาณอาภรณ์แสงจันทร์ นั่นทำให้เขามีคุณสมบัติเป็นคู่ต่อสู้ของฟางหยวน เมื่อเวลาผ่านไประดับการบ่มเพาะของฟางเจิ้งจะยิ่งพุ่งทะยานขึ้นและทิ้งฟางหยวนไว้ข้างหลัง
เว้นเพียงฟางหยวนจะสามารถครอบครองวิญญาณสุราสี่ฤดูและรักษาความเร็วในการบ่มเพาะเอาไว้
สำหรับผู้ใช้วิญญาณระดับสามหรือสี่
หากต้องต่อสู้กับคนกลุ่มนี้ มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะรักษาชีวิต
การท้าทายบางคนที่มีระดับเหนือกว่าเป็นสิ่งที่ยากลำบาก ประการแรก ฟางหยวนยังไม่มีไพ่ตาย ประกายที่สอง เขาไม่มีพรสวรรค์ แม้เขาจะร่ำรวยประสบการณ์ แต่การปราศจากวิญญาณที่แข็งแกร่ง ประสบการณ์ก็ไม่สามารถแสดงปาฏิหาริย์
'หากข้าประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณสุราสี่ฤดู การบ่มเพาะของข้าจะรวดเร็วขึ้น แต่ข้ายังต้องเติมเต็มวิญญาณ ข้ามีวิญญาณกายาหยกขาวสำหรับป้องกัน วิญญาณจันทร์กระจ่างสำหรับโจมตี วิญญาณโสมเก้าชีวิตสำหรับรักษา แต่ข้ายังไม่มีวิญญาณที่ช่วยในการเคลื่อนไหวและวิญญาณสายตรวจสอบ ทั้งสองชนิดเป็นวิญญาณสายสนับสนุน พวกมันสามารถปิดจุดอ่อนและสนับสนุนการต่อสู้ของข้า' ฟางหยวนคิด
เขาไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ทีละก้าว เขามีเส้นทางที่ชัดเจนของตนเองอยู่แล้ว
จากฝั่งตรงข้าม เจียงหยาส่งเสียงขึ้นอีกครั้ง "ข้าได้ยินว่าเร็วๆนี้บางคนมาก่อปัญหาให้กับท่านถึงบ้านเช่าและโรงเตี้ยมเช่นนั้นหรือ?"
ฟางหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อยที่ถูกขัดจังหวะความคิด
แต่เจียงหยากล่าวได้ถูกต้อง
ฟางหยวนตรวจสอบเรื่องนี้มาแล้ว มันเป็นฝีมือของตงถู
หลังจากตงถูได้รับคำเตือนจากฉิงซู เขาไม่กล้าใช้ฟางเจิ้งเป็นเครื่องมือสร้างปัญหาให้กับฟางหยวนอีก แต่นั่นยิ่งทำให้หัวใจของตงถูเต็มไปด้วยเพลิงแค้น ดังนั้นเขาจึงอาศัยสายสัมพันธ์ของเขาสั่งให้ผู้ใช้วิญญาณบางคนมาสร้างปัญหาในสถานที่ของฟางหยวน
คนทำธุรกิจเกลียดปัญหาเช่นนี้
ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องมาดูแลธุรกิจของเขาในบางเวลา
"นายน้อย มีบางคนมาสร้างปัญหาอีกครั้ง" ใบหน้าของเสี่ยวเอ้อเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเขาเร่งเข้ามารายงานฟางหยวน
"โอ้?" ฟางหยวนยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งและไม่คาดหวังว่าปัญหาจะเกิดขึ้นทันที
โดยไม่รอให้ฟางหยวนตอบสนอง เจียงหยาผุดลุกขึ้นและกล่าวออกมาอย่างกระตือรือร้น "รอสักครู่ ข้าจะออกไปดู"
เพียงเมื่อเขาเดินออกมา เขาก็รีบวิ่งกลับเข้าไปทันที
"มันเป็นผู้ใช้วิญญาณม่านซื่อ" ใบหน้าของเจียงหยากลายเป็นซีดขาว น้ำเสียงและสายตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
ผู้ใช้วิญญาณม่านซื่อ?
เขาตรวจสอบผู้ใช้วิญญาณระดับสองของตระกูลทั้งหมดแล้ว ผู้ใช้วิญญาณม่านซื่อเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสองที่โด่งดังและมีความเชี่ยวชาญพิเศษในด้านการป้องกัน เขาเป็นหัวหน้ากลุ่มและมีชื่อเสียงที่ดีกว่าเจียวซานเล็กน้อย
“ปัง!”
เสียงดังขึ้นจากด้านนอก
หลังจากนั้นเสียงหยาบคายก็ดังขึ้น "บัดซบ! นี่มันสุราประเภทใด? รสชาติราวกับอึม้า เจ้ากล้าขายสิ่งนี้ให้ข้างั้นหรือ?"
"ฮืม" สายตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นเยียบขณะที่เขาลุกขึ้นยืน