บทที่ 65 เพลิงธาราผลาญฟ้า!
“สมควรยุติแล้วหรือไม่?” หยานเล่อกล่าวอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง มันขมวดคิ้วมองไปยังสภาพอันน่าสังเวชของจั่วม่อในลานประลอง เดิมทีมันแม้รู้สึกว่าหลัวหลีหยิ่งยโสไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วยังนับว่าค่อนข้างดี แต่การประลองในวันนี้เปลี่ยนความประทับใจที่มันเคยมีต่อหลัวหลีไปเป็นเลวร้ายยิ่ง แม้หยานเล่อจะไม่เก่งกาจเท่าซินหยาน แต่มันยังคงเป็นยอดคนด่านจินตันผู้หนึ่ง ไฉนจะมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น? หลัวหลีเห็นได้ชัดว่าพลังฝีมือเหนือล้ำกว่า แต่กลับกระทำการประหนึ่งแมวเย้าแหย่มุสิก เอาแต่หยอกล้อคู่ต่อสู้
ทั้งสองคนต่างเป็นศิษย์พี่น้องร่วมสำนัก ไม่ว่าความขัดแย้งจะรุนแรงเพียงใด สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ยังนับว่ากระทำเกินเลยไปมาก
อีกด้านหนึ่งในใจมันลอบตำหนิจั่วม่อ ไฉนต้องพยายามแสร้งทำเป็นกล้าหาญเกินไปด้วย มันอุตส่าห์มอบเกราะปราณให้จั่วม่อตัวหนึ่งชัดๆ แต่จั่วม่อกลับไม่ยอมสวมใส่มาด้วย แต่ที่หยานเล่อไม่ทราบคือเมื่อจั่วม่อฝึกปรือกระบี่ใต้น้ำ มันย่อมถอดเกราะปราณออกเป็นธรรมดา และหลังจากที่มันกลับมาจากการถูกน้ำพัดพาไป มันก็ลืมนึกถึงเกราะปราณตัวนี้เสียสนิท
เหลือบมองใบหน้าดำมืดของสือฟ่งหรง เผยเหยียนหรานยิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรีบ” จากนั้นย้ำเสียงหนักว่า “ต่อไปกฎจะต้องมีการแก้ไข”
“แน่นอน” หยานเล่อเห็นพ้อง “ที่ผ่านมาเหล่าศิษย์เคยเป็นพี่น้องที่ดี เรื่องราวเยี่ยงนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่เวลานี้สถานการณ์ในสำนักค่อนข้างซับซ้อน สมควรเปลี่ยนกฎบางข้อจะดีกว่า”
ในลานประลอง จั่วม่อหอบหายใจหนักๆ มันปิดกั้นเสียงรอบข้างทั้งหมดโดยไม่รู้ตัว เอาแต่จ้องเขม็งไปยังหลัวหลีที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงสิบก้าว
มันจับได้แล้ว!
จับระลอกผันผวนที่แทบไม่อาจสำเหนียกได้แล้ว!
เคล็ดกระบี่เวิ้งว้างราวกับท่องทะยานผ่านมิติว่างเปล่า ยากจะค้นพบกระบี่บินเล่มนั้น
แต่เพื่อทำให้จั่วม่ออับอายขายหน้า หลัวหลีจงใจเปิดเผยช่องโหว่เล็กน้อยเพื่อให้จั่วม่อหลบได้อย่างฉิวเฉียด อย่างไรก็ตามมันคาดไม่ถึงว่าช่องโหว่เล็กน้อยที่มันจงใจทิ้งไว้ จะเป็นร่องรอยให้จั่วม่อค้นพบลักษณะเฉพาะของเคล็ดกระบี่เวิ้งว้าง!
อาจกล่าวได้ว่าเคล็ดกระบี่เวิ้งว้าง สมควรแล้วที่ได้รับการยกย่องเป็นเคล็ดวิชาที่เลิศล้ำที่สุดในบรรดาเพลงกระบี่ระดับสามทั้งมวล จนกระทั่งถึงตอนนี้ จั่วม่อยังไม่มีปัญญาค้นพบกระบี่บินของหลัวหลีแม้แต่แวบเดียว นี่ความเหนือชั้นของเคล็ดกระบี่เวิ้งว้าง กระบี่บินสามารถท่องทะยานผ่านช่องว่างมิติและเจาะผ่านออกมาทำร้ายผู้คน ให้ความรู้สึกว่ากระบี่บินคล้ายไม่ได้ดำรงอยู่จริง
แต่จะอย่างไร หลัวหลียังห่างไกลอีกมาก จากระดับชั้นที่เจตจำนงกระบี่กลายเป็นเวิ้งว้างว่างเปล่าไม่ได้ดำรงอยู่จริง
นั่นเป็นระลอกผันผวนขนาดเล็กละเอียดถึงที่สุด ก่อนที่กระบี่บินจะปรากฏขึ้น จะมีระลอกพลังปราณผันผวนปรากฏขึ้นก่อน ระลอกผันผวนนี้ทั้งเล็กละเอียดและลี้ลับสุดหยั่ง เมื่ออยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่มั่นคง อาจมองข้ามได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ขณะที่หลัวหลีเอาแต่หยอกล้อซ้ำแล้วซ้ำเล่า จั่วม่อผู้มีจิตสำนึกอันเฉียบไวในที่สุดจับสัญญาณนี้ได้!
พลังบำเพ็ญเพียรของจั่วม่ออาจห่างไกลจากหลัวหลี แต่พลังจิตสำนึกของมันเหนือล้ำกว่าหลัวหลีมาก นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้มันสามารถจับความผันผวนเล็กละเอียดนี้ได้
ตราบเท่าที่มันสามารถจับความผันผวนนี้ กระบี่เวิ้งว้างก็ไม่ได้ไร้ร่องรอยอีกต่อไป!
ใบหน้าผีดิบเปรอะเปื้อนด้วยเหงื่อไคลและฝุ่นดิน แต่คล้ายมีเปลวไฟแดงเข้มสองดวงเต้นเร่าในส่วนลึกของดวงตามัน!
ความทระนงถือดีบนใบหน้าหลัวหลีค่อยๆ เลือนหายไป ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่มันโจมตี สภาพน่าสงสารของจั่วม่อจะเรียกเสียงหัวร่อมากมาย แต่แล้วเสียงหัวร่อก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้เหล่าผู้ชมเงียบเสมือนตายไปหมดแล้ว ไม่ว่ารูปลักษณ์ของจั่วม่อจะกระเซอะกระเซิงเพียงใด ก็ไม่มีเสียงใดๆ อีกแล้ว
นี่ทำให้หลัวหลีค่อนข้างอึดอัดใจไม่น้อย จึงตกลงใจจบการต่อสู้น่าเบื่อหน่ายนี่เสียที ด้วยกระบวนท่าที่มันเพิ่งฝึกสำเร็จไม่นาน
การเยาะหยันบนใบหน้ามันเลือนหายไป สีหน้าเปลี่ยนเป็นกระด้างดั่งศิลา พลังปราณทั่วร่างโคจรเร็วรี่
อากาศคล้ายผนึกแข็งตัว เงียบงันและอ้างว้าง เหล่าศิษย์ฝ่ายนอกที่กำลังชมดูสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นปั้นยาก แรงกดดันหนักหน่วงจนแทบมีตัวตนกดทับพวกมันอย่างดุดัน พวกมันไม่มีปัญญาหลบเลี่ยงแม้แต่น้อย!
ศิษย์พี่หลัวหลี ที่แท้แข็งแกร่งถึงขั้นนี้?
กระทั่งบรรดาศิษย์ฝ่ายในยังอดเผยสีหน้าตื่นตะลึงไม่ได้ หลัวหลีแน่นอนว่าพลังฝีมือเหนือล้ำกว่าพวกมัน แต่พวกมันไม่เคยคาดคิดว่าจะเหนือล้ำถึงเพียงนี้!
“อี๋!” ดวงตาหยานเล่อทอประกายวาบ อีกสามคนก็จับตามองด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
“ศิษย์น้อง ระมัดระวังหน่อย เตรียมพร้อมเข้าไปแทรกแซงทุกเมื่อ” เผยเหยียนหรานย้ำกับซินหยาน สายตาตรึงแน่นอยู่บนร่างหลัวหลี คลับคล้ายตื่นเต้น ด้วยประสบการณ์ของมัน จะมองไม่ออกได้อย่างไรว่านี่เป็นกระบวนท่าที่หลอมรวมเคล็ดกระบี่เวิ้งว้างกับเคล็ดกระบี่ไร้ลักษณ์เข้าด้วยกัน
เคล็ดกระบี่เวิ้งว้างกับเคล็ดกระบี่ไร้ลักษณ์ถือกำเนิดจากรากเดียวกัน ในอดีตเคล็ดกระบี่สุญตาแบ่งออกเป็นสองวิชา เคล็ดกระบี่เวิ้งว้างกับเคล็ดกระบี่ไร้ลักษณ์ หลายสิบหลายร้อยปีที่ผ่านมา ผู้คนมากมายคิดหวังนำสองวิชากลับมารวมกันอีกครั้ง แต่ไม่เคยมีผู้ใดทำสำเร็จ
ปีนั้นหากซินหยานไม่ได้สำเร็จวิชากระบี่มังกรน้ำแข็งเสียก่อน มันเองก็คิดกระทำเช่นเดียวกัน โดยทั่วไปแล้วไม่ว่าศิษย์คนใดของสำนักที่ฝึกปรือหนึ่งในสองวิชานี้ จะบากบั่นอุตสาหะสุดชีวิตเพื่อหลอมรวมทั้งสองวิชากลับเป็นหนึ่ง
มันราวกับเป็นพันธกิจพันปีหมื่นปีของสำนัก!
ดังนั้นเมื่อเห็นกระบวนท่านี้ของหลัวหลี พวกเผยเหยียนหรานทั้งสี่ถูกดึงดูดเข้าไปในทันที
ไม่มีผู้ใดทราบวิธีฝึกปรือเคล็ดกระบี่สุญตา แต่มีบันทึกมากมายเกี่ยวกับเคล็ดวิชานี้ ทั้งหมดมักกล่าวถึงหนึ่งประโยค ‘ เจตจำนงเคลื่อน พลังหลอมรวมตามติด’
ด้วยพลังบำเพ็ญเพียรของหลัวหลี มันย่อมไม่สามารถบรรลุถึงขั้นนั้นได้ เว้นเสียแต่ว่ามันจะเข้าใจเจตจำนงกระบี่ แต่ในสายตายอดฝีมืออย่างซินหยาน ไม่ว่าหลัวหลีเข้าใจเจตจำนงกระบี่หรือไม่ก็ตาม อีกประเดี๋ยวย่อมจะได้เห็นกัน จากนั้นอาจมีเพียงหนึ่งความเป็นไปได้ – หลอมรวมเพลงกระบี่เป็นหนึ่งเดียว!
เช่นนี้จะไม่ให้พวกมันตื่นเต้นได้อย่างไร?
จั่วม่อไม่ทราบความนัยทั้งหมดนี้เลย ในสายตามันมีเพียงหลัวหลี และมีเพียงระลอกผันผวนนั้น! ท่วงท่าของหลัวหลียามนี้น่าแตกตื่นสะท้านใจ แต่ในสายตาจั่วม่อแล้วนี่กลับไม่มีอะไรน่ากลัวเลย เนื่องเพราะความผันผวนรุนแรงมากเกินไป!
ความผันผวนของพลังปราณรุนแรงมากจนมันแทบไม่ต้องพยายามค้นหา ก็สามารถกำหนดตำแหน่งเฉพาะนั้นได้อย่างแม่นยำ เห็นกระจ่างชัดเจนยิ่งกว่ากระบี่ก่อนๆ มาก
การโจมตีครั้งก่อนๆ อาจไม่รุนแรงทรงพลังมากเท่ากระบี่นี้ แต่ระลอกความผันผวนนั้นเล็กละเอียดถึงที่สุด หากไม่ใช่ว่าจิตสำนึกของจั่วม่อเหนือล้ำกว่าคนทั่วไปมาก เกรงว่ายังไม่มีปัญญาตระหนักรับรู้
ไสหัวเข้ามาเถอะ!
เฝ้ารอโอกาสอย่างจดจ่อ จั่วม่อนัยน์ตาหดแคบ กระบี่ผลึกน้ำแข็งเหินร่อนกลับเข้าสู่อุ้งมือมัน
สืบเท้าไปข้างหน้าในท่ากึ่งหมอบกึ่งคลาน จั่วม่องอร่างดุจพยัคฆ์เตรียมเผ่นโผน ปลายกระบี่ชี้ลงพื้น สองตาครึ่งหลับครึ่งลืม เปลวไฟทั้งหมด ความปรารถนาต่อสู้ทั้งมวล ความเชื่อมั่นทุกอย่าง ทุกประการล้วนสะกดยับยั้งไว้ภายใน
จั่วม่อราวกับประติมากรรมหินสกปรกรูปหนึ่ง นิ่งสนิทไม่ไหวติง
หลัวหลีเห็นท่วงท่าของจั่วม่อ รอยยิ้มเย็นเยียบอันบางเบาจุดขึ้นตรงมุมปาก
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังอำนาจเด็ดขาดไร้ผู้ต้าน ไม่ว่าการแข็งขืนใดๆ ล้วนไร้ประโยชน์! มันต้องการให้เจ้าสำนักกับพวกได้เห็นศักยภาพของมัน ได้เห็นว่ามันเหนือล้ำกว่าเหวยเสิ้ง มันต้องการทวงสิ่งที่เป็นของมันกลับคืนมา!
แต่หลัวหลีไม่ทันสังเกต ว่าเวลานี้ความสนใจของซินหยานพลันเลื่อนจากร่างมัน ไปยังร่างของจั่วม่อ ใบหน้าที่มักกระด้างเย็นเยียบดั่งศิลาของซินหยาน บัดนี้ฉายแววประหลาดใจอันหาได้ยากยิ่ง
หลัวหลีไม่ได้สังเกตเห็น หากมันสังเกตเห็นสักนิด บางทีมันอาจจะฉุกคิดถึงเบื้องหลังของสีหน้านั้นบ้าง
หลัวหลีตวัดมือขวาขึ้น ประกบดรรชนีเป็นกระบี่ เร่งเร้าพลังปราณอย่างดุเดือด
ศิษย์ฝ่ายนอกที่ละเอียดรอบคอบบางคน ฉับพลันนั้นก็สังเกตเห็นชั้นหมอกขาวอันเบาบางก่อตัวขึ้นและห่อหุ้มรอบกระบี่ผลึกน้ำแข็งในมือจั่วม่อ ไม่ผิดอันใดกับมันกำลังถือหมอกกลุ่มหนึ่ง
หลัวหลีรู้สึกว่าจังหวะนี้เหมาะเจาะพอดีถึงที่สุด มันเปิดฉากจู่โจมโดยไม่ลังเล ดรรชนีกระบี่จี้ปราดใส่จั่วม่อ!
โทสะที่พอกพูนและฤทธานุภาพที่สั่งสมมาทั้งหมดราวกับพบช่องทางระบาย พลันทะลักถาโถมอย่างเกรี้ยวกราดไปตามดรรชนีของหลัวหลี
ชั่วขณะนี้เอง จั่วม่อเปิดตากว้างอย่างกะทันหัน!
มันราวกับรูปปั้นหินที่ตายแล้ว จู่ๆ ก็มีชีวิตขึ้นมา สองตากระจ่างสดใส แดงฉานดุจโลหิต แต่ยังคงคล้ายเปลวไฟเต้นเร่า ลุกโชนดุจเดียวกันกับความปรารถนาในการต่อสู้และจิตปณิธานของมัน! ชั่วขณะที่มันลืมตา พลังทั้งมวลที่ยับยั้งไว้ภายใน ทันใดนั้นก็ระเบิดออกมาในรวดเดียว
ทุ่มเทพลังทั้งร่างลงในกระบี่เดียว จั่วม่อตวัดฟันใส่กระแสหฤโหดเบื้องหน้าอย่างหักโหม!
“เพลิง!”
เสียงแหบพร่าตวาดกึกก้อง สนั่นหวั่นไหวราวกับลูกไฟยักษ์ระเบิดขึ้นอย่างฉับพลัน!
จดจ่อรอคอยมาเป็นเวลานาน ทุกอย่างล้วนเพื่อกระบี่นี้ พลังปราณทั้งมวล พลังจิตสำนึกทั้งหมด จั่วม่อไม่มีออมรั้งแม้แต่น้อย ทุกประการล้วนทุ่มเทลงไปในกระบวนท่านี้ ...เพลิงธาราผลาญฟ้า!
ดวงตาถลึงจ้องอย่างดุดันจนแทบถลน ใบหน้าผีดิบซึ่งไร้ความรู้สึกตลอดกาลบิดเบี้ยวดุจเปลวเพลิงเริงรำ!
หลัวหลีสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ...นี่มันอะไรกัน?
มันเห็นเปลวไฟกระโดดโลดเต้นจำนวนเหลือคณานับ เปลวไฟทั้งมวลเต็มไปด้วยบรรยากาศอันรุนแรงปานระเบิด แต่ทำไมเล่า? พวกมันเห็นได้ชัดว่าเป็นน้ำมิใช่หรือ!
เป็นไปไม่ได้!
นี่มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
เจ้าผีดิบบัดซบนี่ใช้เพลงกระบี่ธาตุน้ำอย่างชัดเจน! ไฉนกลับกลายเป็นไฟไปได้?
นี่สมควรกล่าวว่าเคล็ดกระบี่เพลิงธารานับเป็นเพลงกระบี่ที่พิเศษเฉพาะอย่างยิ่ง ความเป็นเอกลักษณ์ของมันไม่เพียงแค่ควบคุมบังคับใช้น้ำเสมือนไฟเท่านั้น กระทั่งกระบวนท่ากระบี่ยังพิเศษยิ่ง ในเจ็ดกระบวนท่า หกกระบวนท่าแรกเป็นกระบวนท่ากระบี่ธาตุน้ำตั้งแต่รากฐาน ล้วนเดินในวิถีแห่งวารี ไม่ว่าผู้ใดเผชิญหน้ากับมันย่อมจัดมันเป็นเคล็ดวิชากระบี่ธาตุน้ำตามแบบฉบับ แต่เฉพาะกระบวนท่าสุดท้ายเท่านั้น ที่กลับตาลปัตรอย่างสิ้นเชิง ควบคุมบังคับใช้น้ำเสมือนไฟ
หากไม่อาจฝึกปรือกระบวนท่าที่เจ็ดสำเร็จ จะไม่มีวันแตกฉานเคล็ดกระบี่เพลิงธาราอย่างถ่องแท้ เจตจำนงกระบี่เพลิงธาราทั้งหมดล้วนสถิตอยู่ในกระบวนท่าสุดท้าย กระทั่งผู้ฝึกโดยตรงยังมีช่วงเวลาอันยากลำบากในการเสาะหามัน นับประสาอะไรกับคู่ต่อสู้ที่เพียงประกระบวนท่าไม่นาน
มิหนำซ้ำ กระบวนท่ากระบี่ที่จั่วม่อใช้ออกก่อนหน้านี้ อย่าได้เห็นว่าแตกฉานและผสมผสานอย่างราบลื่น แต่อันที่จริงแต่ละท่วงท่าไม่ได้เปิดเผยเจตจำนงกระบี่เพลิงธาราออกมาแม้แต่น้อย
จั่วม่อครุ่นคิดมาอย่างถี่ถ้วน เจตจำนงกระบี่เป็นเรื่องเดียวที่มันเหนือกว่า หากอีกฝ่ายตระหนักจนระวังป้องกันขึ้นมา มันจะไม่เหลือความหวังแม้สักส่วนเสี้ยว ดังนั้นตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่ว่าจะเป็นธาราหลั่งไหล เจ็ดวังวน หรือคลื่นวารีท่วมฟ้า จั่วม่อไม่ได้ประจุเจตจำนงกระบี่เข้าไปด้วย
เพียงเพื่อเวลานี้เท่านั้น!
เสี้ยววินาทีนี้เอง รอยแยกมิติปรากฏขึ้นตรงหน้าจั่วม่อ เปล่งพลังอันน่าสยดสยอง ไม่ผิดอันใดกับสัตว์ร้ายโบราณกำลังจะขย้ำผู้คน!
เผยเหยียนหรานกับพวกสีหน้าเปลี่ยนเป็นปลาบปลื้มยินดี มีเพียงซินหยานผู้เดียวที่สายตายังตรึงแน่นอยู่ที่ร่างจั่วม่อ
สิ่งใดกำลังจะออกมาจากรอยแยกมิติ? กระบี่บินที่ไม่เคยมองเห็นเล่มนั้นหรือ?
จั่วม่อคนคล้ายกำลังลุกไหม้ ดวงตาแดงฉานดุจโลหิต ตวาดเสียงกึกก้อง ไม่หลบหลีกแม้แต่ก้าวเดียว กระบี่ผลึกน้ำแข็งตวัดฟันใส่รอยแยกด้วยพลังทั้งหมดที่มี พลังปราณพุ่งทะยานทวนกระแส ก่อเกิดชั้นพลังงานอันแปลกพิสดาร และเพลิงธาราใสกระจ่างก็ปรากฏ
เหล่าศิษย์ทั้งหมด ไม่ว่าจะศิษย์ฝ่ายนอกหรือศิษย์ฝ่ายใน ไม่มีผู้ใดรักษาความเยือกเย็นไว้ได้ กระทั่งด้วยความหนักแน่นมั่นคงของฉินเฉิง ยังสีหน้าแปรเปลี่ยนจนปั้นยาก!
เจตจำนงกระบี่!
นี่มันเจตจำนงกระบี่อย่างแท้จริง!
ในสายตาของพวกมัน จั่วม่อไม่ผิดอันใดกับเปลวไฟ เป็นเปลวไฟอันกระจ่างพิสดารกลุ่มหนึ่ง!
พลังอำนาจ! พลังอำนาจอันป่าเถื่อนโหดเหี้ยมชนิดหนึ่งแผ่วาบออกไปอย่างเฉียบพลัน โดยมีจั่วม่อเป็นศูนย์กลาง
หลัวหลีในที่สุดตื่นตะลึงแล้ว ไม่ออมรั้งยั้งมืออีกต่อไป พลังปราณทั่วร่างโคจรเร่งเร้าอย่างบ้าคลั่ง!
กระบี่ผลึกน้ำแข็งสว่างวาบ เพลิงธาราอันพิสดารพุ่งออกจากกระบี่ แปรสภาพเป็นกระบี่เพลิงลุกไหม้อย่างเงียบงันที่ก่อเกิดขึ้นจากน้ำ พริบตานั้นฟันใส่รอยแยกมิติอย่างแม่นยำ!
บูม!
ทุกผู้คนเห็นเพียงแสงสีขาวกว้างใหญ่ไพศาลสว่างวาบ กลืนกินทุกอย่าง ไม่อาจเห็นสิ่งอื่นใดอีก หูของพวกมันอื้ออึงด้วยเสียงระเบิดคำรามกึกก้อง ไม่ได้ยินสิ่งใดอีก เหล่าศิษย์ที่อยู่ด้านหน้าคล้ายถูกกระแทกใส่อย่างหนักหน่วง บังคับให้ผงะถอยหลังไปเจ็ดแปดก้าว ก่อนจะยืนหยัดมั่น
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ ดวงตาของพวกมันค่อยกลับเป็นปกติ แต่พอมองไปยังลานประลอง ทุกผู้คนล้วนเหม่อมองอย่างโง่งม
เห็นหลุมลึกขนาดมหึมาปรากฏขึ้นบนลานกว้าง จั่วม่อครึ่งท่อนบนร่างเปลือยเปล่า เสื้อของมันขาดหายไปโดยไร้ร่องรอย มันยังคงอยู่ในท่วงท่าฟาดฟันกระบี่ นิ่งสนิทอยู่ที่จุดเดิม ประกายตาเลือนราง แข็งทื่อดุจประติมากรรมหินตัวเดิม
ที่ขอบหลุมลึก ศิษย์พี่หลัวหลีเลือดไหลปรี่จากมุมปาก ผมเผ้าสยายยุ่งเหยิง เสื้อผ้าหลงเหลือติดกายอยู่ไม่มากนัก ดวงตาตรึงแน่นอยู่บนร่างจั่วม่อ
อั่ก!
ศิษย์พี่หลัวหลีทันใดนั้นก็กระอักเลือดพรวด หงายหลังล้มฟาดตึง!
ในเวลาเดียวกัน จั่วม่อยังคงค้างอยู่ในท่วงท่าฟาดฟันกระบี่สุดท้าย ขณะที่ล้มฟุบลงกับพื้นโดยไร้เสียง