ตอนที่แล้วบทที่ 62 หลินเชียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 64 จับได้แล้ว!

บทที่ 63 การทดสอบของสำนัก


 

ทันทีที่กลับถึงสำนัก จั่วม่อถูกสือฟ่งหรงเรียกไปตำหนิอย่างรุนแรง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มันรู้สึกว่าซือฟู่ห่วงกังวลกับมันจริงๆ และอาจฟังแปลกๆ อยู่บ้าง หากจะกล่าวว่ามันพึงพอใจที่ถูกดุด่า ภายในใจรู้สึกอบอุ่นตื้นตัน ซือฟู่อาจอารมณ์ไม่ค่อยดี บุคลิกเย็นชาอยู่สักหน่อย  แต่นางก็เป็นท่านอาจารย์ที่ไม่เลวเลย

หลังจากซือฟู่ดุด่ามันจนหนำใจ จั่วม่อกลับไปยังบ้านน้อย มีหลายสิ่งที่มันต้องย่อย สองสามวันนี้มันอยากพักผ่อนให้เต็มที่ ตลอดสามเดือนที่ผ่านมามันเอาแต่คร่ำเคร่งฝึกปรืออย่างหนัก จิตใจมาถึงขีดจำกัดแล้วจริงๆ  ช่วงเวลาที่เหลือสองสามวันก่อนการทดสอบเหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง นอกจากนี้มันยังต้องการเวลาสะสางสิ่งที่ฝึกปรือสำเร็จทั้งหมด

ในเวลาเดียวกันกับที่จั่วม่อพักผ่อนอยู่ในลานน้อยลมตะวันตก บุรุษชุดขาวผู้หนึ่งยืนอยู่บนยอดเขาไม่ไกลจากภูเขาสุญตา คนผู้นั้นพึมพำกับตัวเอง “สมควรอยู่บริเวณนี้เอง”

หากจั่วม่อพบเห็นคนผู้นี้ มันจะต้องตื่นตระหนก บุรุษชุดขาวผู้นี้ เป็นคนเดียวกันกับบุคคลที่มันพบพานระหว่างทาง หลินเชียน!

หลินเชียนสีหน้าเคร่งขรึม ใบหน้ายังคงหล่อเหลาไร้คู่เปรียบ มันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า กระซิบแผ่วเบา “ดาวพร่างกลางทิวา......”

 

เมื่อการทดสอบของสำนักใกล้เข้ามา ตลอดทั้งสำนักกระบี่สุญตาล้วนสับสนวุ่นวาย การทดสอบประจำปีของสำนักเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับศิษย์ทุกคน เนื่องจากจะส่งผลโดยตรงต่อสถานะและผลประโยชน์ของแต่ละคนในปีต่อไป

การทดสอบครอบคลุมหัวข้อกว้างขวางมาก ตัวอย่างเช่นจั่วม่อ มันก็เป็นหนึ่งในผู้ทดสอบ รับผิดชอบทดสอบศิษย์ฝ่ายนอกในฝีมือด้านเวทวิชาเบญจธาตุของพวกมัน

แต่การทดสอบที่สำคัญที่สุดของสำนักย่อมเป็นวิชากระบี่!

เหล่าศิษย์ที่ส่องประกายในการทดสอบ สถานะในสำนักและผลประโยชน์ที่จะได้รับย่อมดีมากขึ้นกว่าเดิม ศิษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นศิษย์ฝ่ายในหรือศิษย์ฝ่ายนอก ต่างทุ่มเทฝึกฝนสุดชีวิตเพื่อการทดสอบครั้งนี้

หากเทียบกับปีที่ผ่านมา การทดสอบของสำนักในปีนี้น่าสนใจกว่าเดิม อย่างเช่นความบาดหมางระหว่างศิษย์พี่หลัวหลีกับศิษย์พี่จั่วม่อ และสิ่งที่ทุกผู้คนตั้งตารอชม คือหากศิษย์พี่เหวยเสิ้งออกมาจากถ้ำกระบี่ก่อนการทดสอบก็จะดีมาก หากศิษย์พี่ออกมาทันเวลา มันย่อมเข้าร่วมการทดสอบ ศิษย์พี่เหวยเสิ้งมีความสัมพันธ์อันดีกับศิษย์พี่จั่วม่อ แน่นอนว่ามันจะไม่ยอมนั่งงอมือรอชมอยู่เฉยๆ จากนั้นเรื่องราวย่อมสนุกสนานขึ้นมากแล้ว

ส่วนการประลองระหว่างหลัวหลีกับจั่วม่อ ในสายตาของทุกผู้คน มันเป็นการต่อสู้ที่ทราบผลล่วงหน้าอยู่แล้ว คุณค่าของการประลองนี้คือการล่อศิษย์พี่เหวยเสิ้งออกมาเท่านั้น เวลานี้เมื่อศิษย์พี่เหวยเสิ้งไม่มา คุณค่าของการประลองก็พลันลดน้อยลงมาก ทั้งหมดแค่ต้องเดาว่าศิษย์พี่หลัวหลีจะหยามหน้าและทุบตีจั่วม่ออย่างไร

 

และแล้วการทดสอบประจำปีของสำนักกระบี่สุญตา ในที่สุดก็เปิดฉากขึ้น

เหล่าศิษย์ทั้งหมดมารวมตัวกันที่บริเวณลานกว้างด้านนอกโถงสุญตา

เผยเหยียนหรานยืนอยู่ด้านบนแท่นพิธี กวาดตามองศิษย์ฝ่ายนอกและศิษย์ฝ่ายในที่ชุมนุมอยู่เบื้องล่าง มันอดทอดถอนไม่ได้ ปีนี้เป็นปีที่สำคัญเป็นพิเศษสำหรับสำนักกระบี่สุญตา เกษตรกรปราณเช่นจั่วม่อปรากฎขึ้นผู้หนึ่ง ทั้งยังมีเซียนกระบี่อัจฉริยะเช่นเหวยเสิ้งอีกผู้หนึ่ง!

“ศิษย์พี่ เริ่มกันเถิด” หยานเล่อเตือนเผยเหยียนหราน เพื่อการทดสอบของสำนักหนนี้มันรีบเร่งมาจากตงฝูเป็นการเฉพาะ

เผยเหยียนหรานดึงสติกลับมาจากอาการสะท้อนใจ พยักหน้า หันหน้าไปทางทุกคน เริ่มกล่าวเน้นเสียง “ปีนี้ สำนักมีศิษย์ที่โดดเด่นหลายคน ข้าปลาบปลื้มยิ่ง การบำเพ็ญเพียรไม่ผิดอันใดกับการว่ายน้ำทวนกระแส หากเจ้าไม่คืบหน้า ก็จะถูกผลักถอยหลัง ดังนั้นเจ้าไม่สามารถหย่อนยานได้”

“ขอรับ/เจ้าค่ะ” เหล่าศิษย์ตอบรับโดยพร้อมเพรียง

“เริ่มการทดสอบ!”

การทดสอบช่วงแรกเป็นการทดสอบของบรรดาศิษย์ฝ่ายนอก และผู้รับผิดชอบทดสอบพวกมันคือเหล่าศิษย์ฝ่ายในทุกคน จั่วม่อรับผิดชอบเหล่าชาวนาปราณ สวี่อี้เป็นประธานทดสอบวิชาหลอมสร้าง ดังนี้เอง แต่ละคนล้วนมีหน้าที่รับผิดชอบ ไม่มีผู้ใดอยู่ว่าง และนี่เป็นครั้งแรกที่จั่วม่อได้พบต้าซือเจี่ย กงซุนฉิง

ต้าซือเจี่ยรูปโฉมสง่างาม รู้จักวางตัว ไม่ว่ายกมือวางเท้าล้วนงดงาม พอเหมาะพอดีไปเสียหมด นางกล่าววาจาไม่กี่คำ แต่ทุกคำล้วนนุ่มนวลอ่อนโยนและเกรงอกเกรงใจ แต่ทุกคนก็ค่อนข้างเคารพนางมาก ว่ากันว่าต้าซือเจี่ยกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ในไม่ช้า คู่หมั้นของนางเป็นศิษย์สำนักใหญ่แห่งหนึ่ง นางเป็นผู้เดียวในบรรดาศิษย์ฝ่ายในที่ไม่ต้องรับผิดชอบการทดสอบ หน้าที่ของนางคือลาดตระเวนตรวจตราสถานที่ทั้งหมด จากสิ่งนี้จะเห็นได้ถึงความไว้วางใจที่ท่านเจ้าสำนักและเหล่าอาจารย์อามีต่อนาง

 

เห็นเหล่าใบหน้าอันคุ้นเคยยามนี้เต็มไปด้วยความหวาดเกรง สะกิดให้จั่วม่อนึกถึงตนเอง การทดสอบของสำนักเมื่อปีก่อน มันยังคงอยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้ เวลานี้มันกลับกลายเป็นผู้ตรวจสอบ ในใจรู้สึกแปลกพิกลอยู่บ้าง

เทียบกับศิษย์พี่คนอื่นๆ จั่วม่อคุ้นเคยกับบรรดาศิษย์ฝ่ายนอกเหล่านี้มากกว่าทุกคน พลังบำเพ็ญเพียรของพวกมันแต่ละคนจั่วม่อรู้เห็นชัดเจน เป็นผลให้การทดสอบของมันมีประสิทธิภาพมากที่สุดในที่แห่งนี้

จั่วม่อเสร็จสิ้นการดำเนินการทดสอบเป็นคนแรกในบรรดาศิษย์ฝ่ายใน

ผนึกผลการทดสอบลงในม้วนหยกอย่างระมัดระวัง จากนั้นมันส่งมอบให้ท่านเจ้าสำนัก

“โอ้ เสี่ยวม่อรวดเร็วดีมาก” ท่านเจ้าสำนักยิ้มให้มันขณะที่รับม้วนหยก

“ศิษย์รู้จักมักคุ้นกับศิษย์น้องเหล่านี้ทุกคน ดังนั้นจึงรวดเร็วอยู่บ้าง” จั่วม่อตอบอย่างระมัดระวัง

“อืม ไม่เลว” ท่านเจ้าสำนักกวาดตามองผลลัพธ์ในม้วนหยก จากนั้นพยักหน้ายืนยัน หันไปส่งม้วนหยกให้หยานเล่อที่ด้านข้าง ผู้ซึ่งกำลังแย้มยิ้มให้จั่วม่อ “จริงสิ เสี่ยวม่อ ได้ยินว่าเจ้าถูกน้ำพัดพาไปตอนที่กำลังฝึกกระบี่อยู่ในแม่น้ำ?”

หากจั่วม่อไม่ได้มีใบหน้าผีดิบ ยามนี้ใบหน้ามันคงแดงฉานเหมือนตับสุกร ถูกเจ้าสำนักถามเช่นนี้ต่อหน้าเหล่าอาจารย์ลุง แม้ว่าหนังหน้าจั่วม่อจะหนากว่านี้ ยังคงรู้สึกยากรับมืออยู่บ้าง

“ศิษย์ประมาทเกินไป ครั้งหน้าจะระมัดระวังให้มากกว่านี้” จั่วม่อได้แต่ตอบเช่นนี้

“อืม ระมัดระวังให้มากไว้ก็ดี มิเช่นนั้นซือฟู่เจ้าจะเป็นห่วง” ท่านเจ้าสำนักหัวร่อ

“จะตายก็ตายให้หมดจดไปเสียเลย” สือฟ่งหรงกล่าวแทรกเสียงเย็น

จั่วม่อยามนี้ล่วงรู้อารมณ์ของท่านอาจารย์ของมันดี จึงไม่ได้ใส่ใจกังวลอีกแล้ว

หลังจากนั้น การทดสอบอื่นๆ ก็ทยอยเสร็จสิ้นลง ม้วนหยกบันทึกผลทั้งหมดส่งมอบถึงมือท่านเจ้าสำนัก ณ จุดนี้ การทดสอบช่วงแรกของสำนักมาถึงจุดสิ้นสุด เหล่าศิษย์ทุกคนกำลังเฝ้ารอให้ท่านเจ้าสำนักประกาศรางวัล ในแต่ละปี สามลำดับแรกในการทดสอบจะได้รับรางวัลเสมอ

เจ้าสำนักกวาดตาตรวจสอบม้วนหยกทุกม้วนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น

“ไม่เลวเลยจริงๆ ในปีนี้ทุกผู้คนก้าวหน้าขึ้นมาก ข้าปลาบปลื้มยิ่ง” สุ้มเสียงของท่านเจ้าสำนักไม่ดังนัก แต่ได้ยินกันทั่วทั้งลานกว้าง

“ผู้ที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดในปีนี้ ทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ ...หวีเสี่ยวกั่ว!” ทันทีที่ท่านเจ้าสำนักประกาศออกมา ได้ยินเหล่าศิษย์สตรีแห่งดอยตะวันออกกรีดร้องเสียงแหลม

จั่วม่อเองก็ประหลาดใจ มันไม่เคยคิดว่าเสี่ยวกั่วจะรุดหน้าไปก้าวใหญ่ถึงเพียงนี้ สายตามันกวาดพบเสี่ยวกั่วอยู่กลางฝูงชน ดูเหมือนตัวนางเองก็ไม่คิดว่านางจะได้ลำดับแรกในการทดสอบปีนี้ ใบหน้านางเปลี่ยนเป็นแดงฉานปานผลผิงกว่อในบัดดล  ก้มหน้าจนคางแทบจะแนบติดอก บรรดาศิษย์สตรีรอบกายนางตื่นเต้นยินดีสุดขีด

หลี่อิงฟ่งก็เปิดเผยสีหน้าปลาบปลื้มยินดีเช่นกัน นางมักชมชอบและเอื้อเอ็นดูเสี่ยวกั่วตลอดมา

เสี่ยวกั่วทันใดนั้นก็เงยหน้าแดงก่ำของนางขึ้น สายตานางกวาดค้นหาไปตามกลุ่มศิษย์ฝ่ายในบนแท่นยก เมื่อเห็นหลี่อิงฟ่งยิ้มกว้างให้นาง รอยแย้มยิ้มบนใบหน้านางก็ยิ่งสดใสขึ้นกว่าเดิม จากนั้นนางมองไปทางจั่วม่อ และเห็นศิษย์พี่จั่วม่อยกนิ้วหัวแม่มือชื่นชมนาง จู่ๆ นางก็สูดจมูก หมอกน้ำตารื้นขึ้น ช่วงเวลาที่สำคัญนี้ นางเริ่มร่ำไห้ออกมาจริงๆ!

จั่วม่อตัวแข็งค้างอยู่ในท่ายกนิ้ว ใครจะไปคิดว่าการให้กำลังใจของมันจะทำให้เสี่ยวกั่วบ่อน้ำตาแตก แม่นางน้อยผู้นี้นี่ช่างน่าปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างแท้จริง! จั่วม่อรำพึงในใจ

ลำดับที่สองเป็นกัวหลู หลังจากทุเลาจากอาการบาดเจ็บหนนั้น มันก็คืบหน้าอย่างรวดเร็ว ส่วนลำดับที่สาม เป็นศิษย์ที่จั่วม่อไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน มันเรียกว่าจูเผิง

ทั้งสามคนได้รับการตบรางวัลอย่างหนักจากสำนัก

บางคนพลาดหวัง บางคนสุขสันต์ ทุกความรู้สึกที่แสดงออกมาได้ของผู้คน ล้วนสามารถพบเห็นในยามนี้

สำหรับศิษย์ฝ่ายนอก การทดสอบประจำปีของพวกมันผ่านพ้นไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร มันก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก นึกถึงการทดสอบของศิษย์ฝ่ายในที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป พวกมันกลายเป็นตื่นเต้นในทันที การทดสอบของศิษย์ฝ่ายในในแต่ละปี มักจะตระการตาน่าดูชมเสมอมา

มีการประลองระหว่างศิษย์พี่ และการอธิบายชี้แนะจากเหล่าผู้อาวุโสของสำนัก โดยทั่วไปแล้วสิ่งเหล่านี้ใช่ว่าจะได้ยินได้ฟังกันง่ายๆ หากพวกมันสามารถย่อยได้สักเล็กน้อย สำหรับพวกมันแล้วนี่จะได้รับประโยชน์มหาศาล

และในปีนี้ พวกมันก็มีบางสิ่งให้ตั้งตารอชม นั่นคือศิษย์พี่หลัวหลีจะทรมานจั่วม่ออย่างไร?

เหล่าศิษย์ฝ่ายนอกพากันถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ ปล่อยให้พื้นที่ลานกว้างว่างเปล่า สำหรับการประลองของศิษย์ฝ่ายในและรอชื่นชมดอกไม้ไฟที่สวยงาม

“เมื่อพร้อมแล้ว กฎเหมือนทุกครั้ง” ท่านเจ้าสำนักไม่สิ้นเปลืองวาจา “เริ่มได้”

หลัวหลียืนขึ้นเป็นคนแรก เข้าสู่ลานประลอง หันหน้าไปทางจั่วม่อ กล่าวอย่างเย็นชา “ศิษย์น้องจั่วม่อสมควรเตรียมตัวพร้อมแล้วใช่หรือไม่”

เป็นไปตามที่คาดไว้ สิ่งที่ควรมาย่อมต้องมา!

จั่วม่อก็ไม่ขลาดเขลา มันลุกขึ้นยืน ก้าวเข้าสู่เวที ปากก็ไม่แสดงความอ่อนแอ “ศิษย์พี่คล้ายช่างพูดกว่าเดิม!”

ผู้ชมด้านล่างแตกฮือในบัดดล

จั่วม่อกับหลัวหลี ผู้ใดก็ทราบว่าพลังฝีมือห่างชั้นกันลิบลับ แต่จั่วม่อยังคงวางท่าหยิ่งยโสโอหัง นี่ไม่ใช่อดใจรอให้ศิษย์พี่หลัวหลีทุบตีมันไม่ไหวหรอกหรือ?

หลัวหลีใบหน้าเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำในฉับพลัน ถูกจั่วม่อสบประมาทต่อหน้าผู้คนมากมาย ไม่ใช่เรื่องที่มันคาดหวังไว้ ต้องแค่นหัวร่อด้วยโทสะ “ข้าหวังว่ากระบี่ของศิษย์น้องจะคมได้สักครึ่งของวาจา!”

“ศิษย์พี่ ถ้าอยากรู้ต้องพยายามหน่อย” จั่วม่อพบว่าตัวมันไม่ได้วิตกกังวลเลยแม้แต่น้อย

“ฮึ่ม!” หลัวหลีกล่าวเสียงเย็น “ข้าต่อให้เจ้าก่อน”

จั่วม่อเพียรหาทางให้หลัวหลีดูแคลนมัน เมื่ออีกฝ่ายให้มันโจมตีก่อน ก็ตรงใจกับที่มันปรารถนาอยู่พอดี โดยไม่รีรอลังเล กระบี่ผลึกน้ำแข็งหายวับไปจากเบื้องหน้ามัน ทิ้งไว้เพียงระลอกคลื่นอันโปร่งใส

[ธาราไหลหลั่ง!]

กุญแจสำคัญของกระบวนท่านี้ คือการบังคับกระบี่เสมือนน้ำที่กำลังตกลงมาจากเบื้องบน เจตจำนงของน้ำราบเรียบลื่นไหล ไม่มีร่องรอยการคงอยู่ของไฟ!

“ดูเหมือนว่าคราวนี้ศิษย์น้องจะฝึกหนักไม่เบา!” หลัวหลียิ้มหยัน มันเมื่อวางแผนหยามอัปยศต่อจั่วม่อ ย่อมไม่ต้องการให้การประลองจบลงอย่างรวดเร็ว มันอยากให้จั่วม่อเข้าใจความห่างชั้นระหว่างพวกมัน มันต้องการให้จั่วม่อรับรู้ว่าพวกมันไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน ให้ตระหนักว่ามันสามารถสังหารจั่วม่อได้อย่างง่ายดาย ไม่ต่างอันใดกับการบี้มดแมลง!

ติ้ง!

เสียงปะทะกังวานใสดุจแก้วกระทบกัน

สิบก้าวเบื้องหน้าหลัวหลี คลื่นสั่นสะเทือนที่มองไม่เห็นระเบิดกระจายเป็นวงกลม!

หลัวหลีทำท่าราวกับไม่มีผู้ใดอยู่ ขณะที่มันเริ่มเดินตรงไปทางจั่วม่อ ใบหน้ายิ้มเย็นเยียบ “เป็นไร? ศิษย์น้องมีเพียงกระบวนท่าเล็กน้อยเท่านี้เอง?”

จั่วม่อทุ่มเทจิตใจควบคุมบังคับใช้กระบี่ผลึกน้ำแข็ง ไม่ได้ยินวาจามันแม้แต่ครึ่งคำ

ทันใดนั้นกระบี่ก็แปรเปลี่ยนไป ราวกับว่ามันกลายเป็นกระแสเล็กๆ เหลือคณานับ ห่อหุ้มรอบข้างเป็นชั้นๆ ถักทออย่างแน่นหนา กระแสเล็กๆ เหล่านี้หมุนคว้างอย่างรวดเร็ว และยังรวดเร็วขึ้นทุกขณะจิต ก่อให้เกิดเสียงฟ่อๆ อย่างนุ่มนวล ฉับพลันนั้นในระยะสองก้าวจากหลัวหลี กระแสหมุนวนเล็กๆ เหล่านี้ขยายขนาดพรวดพราดอย่างกะทันหัน ส่งเสียงสั่นสะเทือนหวีดแหลมเสียดหู!

รอบกายหลัวหลี พลันปรากฏวังน้ำวนอันน่าสะท้านใจเจ็ดวง ล้อมกรอบมันไว้ในพริบตา!

กระบี่นี้หมุนวนอย่างนุ่มนวลแต่แน่นเหนียว วังน้ำวนทั้งเจ็ดกักขังหลัวหลีไว้ตรงกลาง เสมือนกรงที่สร้างขึ้นจากกลุ่มน้ำวน หลัวหลีไม่มีช่องให้หลบหนีแม้แต่น้อย! แต่ละวังวนประกอบขึ้นจากปราณกระบี่เล็กจิ๋วนับไม่ถ้วน แต่ละเล่มบางเบาเท่าเส้นผม แต่ปราณกระบี่ที่ดูเหมือนอ่อนแอเหล่านี้ เต็มไปด้วยรังสีสังหารอันเงียบเชียบ!

เคล็ดกระบี่เพลิงธารา เจ็ดวังวน!

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด