เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 106 วิญญาณแห่งชีวิต (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 106 วิญญาณแห่งชีวิต
แปลโดย iPAT
วันต่อมา
ฟางหยวนนั่งไขว้ขาอยู่บนฟูก
ดวงแสงขนาดใหญ่ลอยอยู่ด้านหน้าไม่ห่างจากเขามากนัก
ฟางหยวนโยนหินวิญญาณเข้าไปในดวงแสงและทำให้มันเริ่มหดตัวเท่ากับกำปั้น
‘ต่อไปอาจเป็นชิ้นสุดท้าย’ ฟางหยวนตระหนักถึงช่วงเวลาสำคัญและโยนหินวิญญาณเข้าไปอีกครั้ง
หินวิญญาณสลายกลายเป็นฝุ่นผงและร่วงหล่นลงสู่พื้นาก่อนที่ดวงแสงจะเกิดการระเบิดขึ้นอย่างกะทันหัน
วิญญาณสามดวงกระเด็นออกไปในสามทิศทาง หนึ่งตกลงบนเตียง หนึ่งกระเด็นชนผนัง และอีกหนึ่งหล่นลงบนพื้น
การหลอมรวมวิญญาณจันทร์กระจ่างล้มเหลว!
หัวใจของฟางหยวนร่วงหล่นลงเช่นกัน เขารีบกวักมือเรียกวิญญาณทั้งสามให้ลอยกลับมา
วิญญาณแสงจันทร์และวิญญาณแสงดาวหนึ่งดวงบินมายังฝ่ามือของฟางหยวน แต่วิญญาณแสงดาวอีกดวงกลับไร้ปฏิกิริยาตอบสนองและยังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
แสงดาวกระพริบอย่างแผ่วเบาอยู่บนพื้นก่อนจะเลือนหายไปพร้อมกับร่างกายที่สูญสลายกลายเป็นความว่างเปล่า
นี่คือราคาของการหลอมรวมวิญญาณที่ล้มเหลว ความล้มเหลวอาจทำให้วิญญาณได้รับบาดเจ็บหรือสูญสลาย
แม้จะมีประสบการณ์มากมายและเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณที่ถูกต้อง มันก็ยังมีโอกาสล้มเหลว
ฟางหยวนไม่รู้สึกหงุดหงิด เขาทำอย่างดีที่สุดแล้ว หากมันล้มเหลวก็เป็นเพียงเรื่องของโชคเท่านั้น
"โชคดีที่วิญญาณแสงจันทร์ไม่ตาย สำหรับวิญญาณแสงดาว ข้าสามารถซื้อมันจากร้านค้าทั่วไป หากเป็นวิญญาณแสงจันทร์ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาชิ้นใหม่" ตอนนี้ในกระเป๋าของเขาเต็มไปด้วยหินวิญญาณ มันไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะซื้อวิญญาณแสงดาวอีกดวง
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มตรวจสอบวิญญาณแสงจันทร์และวิญญาณแสงดาวที่อยู่ในมือ แสงบนพื้นผิวของพวกมันลดความสว่างลงเล็กน้อย นี่เป็นผลมาจากการหลอมรวมวิญญาณที่ล้มเหลว
"ในสภาพนี้โอกาสหลอมรวมสำเร็จจะลดลงอย่างมาก ข้าต้องรอให้พวกมันฟื้นตัวก่อนที่จะทดลองอีกครั้ง" ฟางหยวนรู้ดีว่าการเร่งรีบไม่ได้นำมาซึ่งความสำเร็จ ดังนั้นเขาจึงเก็บวิญญาณกลับไป
จากการประเมิน อีกสามวันเขาจะสามารถทดลองหลอมรวมวิญญาณได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังไม่หยุดอยู่ตรงนี้
เขายกฝ่ามือข้างขวาขึ้น
บนฝ่ามือของเขาปรากฏลวดลายที่ดูราวกับรอยสักรูปต้นไม้สีเขียวเข้ม
เพียงหนึ่งความคิด พลังวิญญาณสีทองแดงก็ไหลเข้าสู่รอยสักสีเขียวรอยนี้
เมื่อได้รับพลังวิญญาณ พืชต้นหนึ่งพลันยืนต้นขึ้นทันที ใบทั้งเก้าของมันโปร่งแสงราวกับมรกตและส่องประกายระยิบระยับทำให้มันดูงดงามและมีชีวิตชีวา
มันคือวิญญาณสายพฤกษาระดับสอง โสมเก้าชีวิต!
ฝ่ามือของฟางหยวนราวกับเป็นส่วนหนึ่งของมัน รากของต้นโสมรัดพันอยู่บนฝ่ามือของฟางหยวน ใบของมันเติบโตอยู่ด้านบน ทั้งหมดทำให้มันดูราวกับประติมากรรมหยกที่ประณีตงดงาม
ฟางหยวนใช้นิ้วมืออีกข้างเด็ดใบของมันออกมา
เมื่อใบไม้แต่ละใบถูกเด็ดออก ฟางหยวนรู้สึกเจ็ดปวดเล็กน้อยราวกับถูกถอนดึงเส้นผม
ฟางหยวนนำใบทั้งเก้าของมันวางไว้ข้างเตียง บนฝ่ามือของเขาเหลือเพียงรากโสมที่ยืนต้นอยู่เท่านั้น
ฟางหยวนส่งพลังวิญญาณให้กับโสมเก้าชีวิตราวกับเมฆหมอกที่ปกคลุมต้นโสมเอาไว้
ต้นโสมดูดกลืนพลังวิญญาณของฟางหยวนก่อนที่ใบอ่อนใบหนึ่งจะเริ่มงอกขึ้นอีกครั้ง
มันมีสีเขียวอ่อนอมชมพูซึ่งทำให้มันดูเปราะบางและละเอียดอ่อน
ฟางหยวนยังส่งพลังวิญญาณให้มันอย่างต่อเนื่องกระทั่งมันกลายเป็นใบไม้ที่โตเต็มวัย
"ข้าต้องใช้พลังวิญญาณยี่สิบส่วน" ฟางหยวนตรวจสอบทะเลวิญญาณและสรุปกับตนเอง
เขามีพลังวิญญาณเพียงสี่สิบสี่ส่วน นั่นหมายความว่าเขาสามารถสร้างใบไม้แห่งชีวิตได้สองใบต่อครั้ง
หลังจากสร้างใบไม้แห่งชีวิตอีกใบ ฟางหยวนก็ดูดซับพลังงานจากหินวิญญาณก่อนจะสร้างใบไม้แห่งชีวิตต่อไป
เขาทำกระบวนการนี้ซ้ำๆกระทั่งใบไม้แห่งชีวิตงอกออกมาจนครบเก้าใบ
อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่ได้เด็ดใบไม้แห่งชีวิตออกมาอีก ตรงข้ามเขาเก็บมันกลับเข้าไปและกลายเป็นรอยสักสีเขียวอยู่บนฝ่ามือของเขา
เขาหยิบใบไม้แห่งชีวิตทั้งเก้าเก็บไว้ในถุงผ้าใบเล็กๆและนำติดตัวเอาไว้
ใบไม้แห่งชีวิตแต่ละใบเป็นวิญญาณระดับหนึ่งที่มีราคาประมาณห้าสิบหินวิญญาณ นั่นหมายความว่าใบไม้แห่งชีวิตเก้าใบจะทำเงินให้ฟางหยวนได้รับหินวิญญาณสี่ร้อยห้าสิบก้อน
หากหักค่าใช้จ่ายในการสร้างมันขึ้นมา เขายังได้รับหินวิญญาณถึงสี่ร้อยก้อน
ท่ามกลางมรดกทั้งหมด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโสมเก้าชีวิตมีค่ามากที่สุด มันเปรียบได้กับการเป็นเจ้าของเหมืองทองคำ นอกจากนั้นการดูแลมันยังง่ายมาก มันต้องการเพียงน้ำและแสงแดดเพื่อการดำรงชีวิตเท่านั้น
หากจำเป็น ฟางหยวนสามารถทิ้งมรดกทั้งหมดได้โดยไม่แยแส แต่เขาจะต้องจับโสมเก้าชีวิตเอาไว้ในมืออย่างหนาแน่น
ในหมู่บ้าน ฟางหยวนไม่ใช่ผู้เดียวที่ครอบครองโสมเก้าชีวิต
แท้จริงแล้วมีโสมเก้าชีวิตห้าต้นอยู่ในการครอบครองของตระกูล ทุกวันผู้ใช้วิญญาณของตระกูลจะคอยดูแลและเก็บเกี่ยวใบไม้แห่งชีวิตให้กับตระกูล
สำหรับฟางหยวน นี่ถือเป็นเรื่องดี
หากมีเพียงเขาที่ครอบครองโสมเก้าชีวิต เขาจะถูกกดดันให้ขายมันเข้าสู่ตระกูลเช่นเดียวกับวิญญาณสุราที่ฉิงซูเป็นตัวแทนตระกูลกดดันให้เขาขายมันออกไป
สามวันถัดมา
ดวงแสงภายใต้การควบคุมของฟางหยวนส่องประกายสว่างไสวก่อนที่วิญญาณดวงใหม่จะปรากฏขึ้นกลางอากาศ
มันอยู่ในรูปลักษณ์ของผลึกจันทร์เสี้ยวสีฟ้าครามที่โปร่งแสงคล้ายวิญญาณแสงจันทร์แต่มันมีความโค้งมนและมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมสองเท่า
นี่คือวิญญาณจันทร์กระจ่างระดับสอง!
ฟางหยวนประสบความสำเร็จในที่สุด
วิญญาณจันทร์กระจ่างถูกหลอมสร้างมาจากวิญญาณแสงจันทร์และวิญญาณแสงดาวอีกสองดวง โดยปกติวิญญาณแสงดาวสามารถเพิ่มพลังให้กับวิญญาณแสงจันทร์ได้เท่าตัว แต่แม้เขาจะใช้วิญญาณแสงดาวสองดวง มันก็สามารถเพิ่มพลังให้กับวิญญาณแสงจันทร์ได้เท่าเดิมไม่มีเพิ่มเติมมากกว่านั้น
สำหรับวิญญาณจันทร์กระจ่าย มันมีพลังโจมตีสูงกว่าวิญญาณแสงจันทร์สามเท่า
แท้จริงแล้วมีวิธีใช้วิญญาณแสงจันทร์เป็นส่วนประกอบในการหลอมรวมวิญญาณอยู่หลายวิธี
แต่ฟางหยวนเลือกเส้นทางนี้เพราะเขาต้องการเพิ่มพลีงโจมตี แม้ระยะการโจมตีของมันไม่เปลี่ยนก็ตาม มันมีระยะการโจมตีสิบเมตร
มีอีกเส้นทางหนึ่งที่เป็นไปได้ นั่นก็คือการใช้วิญญาณแสงจันทร์กับวิญญาณหินผาเพื่อหลอมสร้างวิญญาณจันทราหิน พลังโจมตีของวิญญาณชนิดนี้ไม่ต่างจากวิญญาณแสงจันทร์แต่มันมีระยะการโจมตีเพิ่มขึ้นเป็นยี่สิบเมตร
หากหลอมรวมวิญญาณแสงจันทร์กับวิญญาณกงล้อสายลม มันจะกลายเป็นวิญญาณกงล้อแสงจันทร์ ดาบแสงจันทร์ของวิญญาณชนิดนี้จะมีสีเขียวและสามารถเคลื่อนที่เป็นเส้นโค้ง นี่เป็นแนวทางที่ฉิงซูเลือก
สำหรับฟางเจิ้ง เขาหลอมรวมวิญญาณแสงจันทณ์กับวิญญาณกายาหยกขาวจนเกิดเป็นวิญญาณอาภรณ์แสงจันทร์ นี่เป็นเส้นทางที่สามารถมุ่งสู่การหลอมสร้างวิญญาณราชันจันทราระดับห้า
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้หมายความว่าการหลอมสร้างวิญญาณระดับห้าจะประสบความสำเร็จ
ผู้ใช้วิญญาณระดับห้ามากมายที่ไม่มีวิญญาณระดับห้าในการครอบครอง
สาเหตุไม่ใช่เพราะขาดส่วนประกอบในการหลอมรวมแต่เป็นอัตราความสำเร็จที่ต่ำเกินไปของมัน
ยิ่งวิญญาณระดับสูงเท่าใด มันก็ยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จน้อยเท่านั้น ในชีวิตก่อนหน้าการหลอมสร้างวิญญาณกาลเวลาของฟางหยวนมีโอกาสประสบความสำเร็จเพียงหนึ่งในร้อย เขาพบกับความล้มเหลวมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
เพื่อหลอมสร้างวิญญาณกาลเวลา เขาต้องใช้วิญญาณระดับห้าทั้งหมด หากวิญญาณระดับห้าตาย เขาจะต้องทำงานหนักตั้งแต่เริ่มต้น
ฟางหยวนล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน เขาต้องรวบรวมวิญญาณอีกครั้งและอีกครั้งอย่างยากลำบาก ในที่สุดมันก็เป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายและการต่อต้านจากฝ่ายต่างๆ
แต่สุดท้ายเขาก็ประสบความสำเร็จในการหลอมสร้างวิญญาณกาลเวลา
เมื่อเขากลายเป็นผู้ครอบครองวิญญาณระดับหก ฝ่ายต่างๆกลับเอ่ยอ้างความยุติธรรมและต้องการช่วงชิงวิญญาณกาลเวลาของเขา นั่นเป็นเหตุให้เขาต้องย้อนเวลากลับมาเกิดใหม่อีกครั้งที่นี่
ความล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณทำให้ความพยายามของผู้ใช้วิญญาณกลายเป็นสูญเปล่าและต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น
วิธีเดียวที่สามารถลดอัตราความล้มเหลวก็คือ...
วิญญาณแห่งชีวิต!
หากหลอมรวมวิญญาณแห่งชีวิตกับวิญญาณดวงอื่น ไม่ว่าผลลัพธ์ของการหลอมรวมจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว วิญญาณเหล่านั้นจะไม่ตาย อย่างมากที่สุดพวกมันก็จะได้รับบาดเจ็บเท่านั้น
เป็นเพราะเหตุใด?
หลายคนอาจคาดเดาได้ว่ามันเป็นเพราะวิญญาณแห่งชีวิตที่มอบพลังชีวิตให้แก่วิญญาณดวงอื่น หากผู้ใช้วิญญาณมีวิญญาณแห่งชีวิตเป็นวิญญาณดวงแรก มันจะมอบพลังชีวิตให้แก่วิญญาณดวงอื่นๆและทำให้พลังชีวิตของพวกมันแข็งแกร่งขึ้น
สำหรับวิญญาณดวงแรกของผู้ใช้วิญญาณ ตราบเท่าที่ผู้ใช้วิญญาณยังมีชีวิต วิญญาณเหล่านั้นจะไม่ตาย
มันหมายความว่าหากมีวิญญาณแห่งชีวิตเป็นวิญญาณดวงแรก มันย่อมเป็นโชคที่ยิ่งใหญ่ของผู้ใช้วิญญาณ มันมีความสำคัญอย่างยิ่งบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ ผู้ใช้วิญญาณจะสามารถทดลองหลอมรวมวิญญาณเพื่อยกระดับวิญญาณได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
คล้ายกับฟางหยวน เหตุใดเขาจึงมีความสุขเมื่อพบว่าวิญญาณกาลเวลากลายเป็นวิญญาณดวงแรกของเขา
เหตุผลก็คือ...
วิญญาณกาลเวลาอนุญาตให้คนผู้หนึ่งกำเนิดใหม่ซึ่งเป็นความสามารถที่ต่อต้านกฎเกณฑ์แห่งสวรรค์ ไม่ว่าเขาจะหลอมรวมมันอย่างไร มันก็จะไม่มีวันตาย
ชีวิตก่อนหน้า เขาไม่มีวิญญาณแห่งชีวิต ดังนั้นวิญญาณกาลเวลาอาจตายในที่สุดหากเขาพยายามหลอมรวมมัน
วิญญาณกาลเวลาเป็นวิญญาณระดับหกที่ผู้ใช้วิญญาณมากมายไม่สามารถครอบครองตลอดชีวิตของพวกเขา มันเป็นบางสิ่งที่ผู้คนจำนวนมหาศาลบนโลกใบนี้ไม่แม้แต่จะเคยพบเห็น
แม้ฟางหยวนจะยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากวิญญาณกาลเวลาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในปัจจุบัน แต่มันยังเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดสำหรับเขา หากเปรียบเทียบกับมรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ กล่าวได้ว่ามันแตกต่างกันราวสวรรค์กับพิภพ