TXV – 45 พนักงานใหม่ !
TXV – 45 พนักงานใหม่ !
หนิงจิงไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกเลยหลังจากที่ไปกับเหยี่ยนเหวินเฉียนในครั้งนั้นรวมถึงเธอก็ได้ไม่ได้ติดต่อกลับมาหาเซี่ยเหล่ยเลย เขารู้สึกเป็นห่วงเธอแต่เขาก็ไม่ได้โทรไปหาเธอเพราะเขากังวลว่าถ้าโทรไป พ่อแม่ของหนิงจิงคงจะไม่พอใจที่ไปคอยขัดขวางเหยี่ยนเหวินเฉียนกับหนิงจิงถ้าเขาเข้าไปยุ่งจะกลายเป็นมือที่ 3 ในทันที......
เซี่ยเหล่ยยกเลิกการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ทันทีหลังจากได้รับอุปกรณ์จากเฉินตู เทียนหยิน มันเพียงพอสำหรับร้านอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปแล้ว ในตอนนี้เขาจะนำเงินส่วนที่เหลือไปซื้อรถแฮเว้าส์ H6 เป็นของตัวเองและกำลังคิดว่าจะซื้อรถกระบะให้หม่าเสี่ยวอันไว้ส่งของให้กับลูกค้า
หลังจากนั้น 4 วันร้านอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปมีคนงานเพิ่มเข้ามา 4 คน พวกเขาทั้ง 4 คนเคยทำงานร่วมกับเซี่ยเหล่ยในไซต์งานก่อสร้างมาก่อน มีชายคนหนึ่งอายุ 50 ปีเขามีชื่อว่า หยางเปินฉ่ายเขาเป็นพนักงานที่ขยันขันแข็งมาจากเมืองสือฉวน หวางโย่วฟู่เป็นพนักงานอีกคนเขามีมีประสบการณ์การทำงานที่ดีมีอายุประมาณวัยกลางคน หลิวเสวียบิงมีอายุ 19 ปีเพิ่งเรียนจบมาจากโรงเรียนเทคนิค และคนสุดท้ายเป็นผู้หญิงชื่อเฉินอาเจียวเธอเป็นผู้หญิงมีอายุประมาณ 28 ถึง 29 ปีเธอเป็นหญิงวัยกลางคนเธอได้รับการเชิญชวนมาจากหยางเปินฉ่ายให้มาทำงานที่นี่ร่วมกับเซี่ยเหล่ย....
“เหล่ย ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้ร่วมงานกับคุณ แล้วคุณได้เป็นเจ้าของกิจการได้ในเวลาอันรวดเร็วขนาดนี้” หยางเปินฉ่ายยิ้มให้กับทุกๆคน “คุณจะต้องดูแลพวกเราให้ดีนะ เหมือนที่พวกเราเคยดูแลคุณ”
เซี่ยเหล่ยหัวเราะและพูดว่า “แน่นอน ! พวกคุณเคยดูแลผมในอดีตในครั้งนี้ถึงเวลาแล้วที่ผมต้องดูแลพวกคุณ เราจะมาร่ำรวยด้วยกัน”
“ฮี่ ฮี่ …. ทำตัวตามสบายนะทุกคน” หวางโย่วฟู่กล่าวขณะที่ใบหน้าเขายิ้มแย้ม
จูเสี่ยวหงเธอยืนมองจากอีกด้านหนึ่งและกำลังคิดว่า “ผู้ชายคนนี้….. เขาพูดอะไรออกมา ? ทำตัวบ้านนอกเข้ากรุงจริงๆ”
คนที่อายุน้อยที่สุด ‘ฉิ้วหยง’ รวบรวมความกล้าแล้วกล่าวทักทายเซี่ยเหล่ยว่า “เจ้านายเหล่ย ขอฝากตัวด้วยครับ”
เซี่ยเหล่ยตบไหล่เขาพร้อมกับหัวเราะในขณะที่กล่าวว่า “ผมอายุไล่เลี่ยกับคุณ เรียกผมว่า ‘พี่เหล่ย’ ก็พอแล้ว
ฉิ้วหยงกล่าวทักทายทันทีว่า “พี่เหล่ย”
“มาเริ่มงานกันเถอะ อาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปแห่งนี้จะเป็นบ้านหลังที่ 2 ของพวกคุณ” เซี่ยเหล่ยกล่าว
“เหล่ย คุณประสบความสำเร็จตั้งแต่เมื่อไหร่ ? มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะมีร้านเป็นของตัวเอง” เฉินอาเจียวหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข “คุณยังไม่มีนายหญิง ? นายหญิงของร้านนี้อาจจะเป็นฉันก็ได้นะ ฮี่ฮี่…..”
หม่าเสี่ยวอันพูดแทรกข้นมาว่า “พี่อาเจียว ยืนขึ้นสิ คิดว่าคุณจะเป็นนายหญิงของพวกเรางั้นหรอ ?”
“จุ๊ จุ๊ จุ๊” เฉินอาเจียวโบกมือไปมาจากนั้นเธอเริ่มอายเล็กน้อยกับคำพูดที่ได้พูดออกไป “เหล่ย ฉันไม่ทำเรื่องน่าอายแบบนี้กับคุณหรอก หรือว่าคุณชอบฉันจริงๆ ?”
เซี่ยเหล่ยอึ้งจนไม่มีคำพูดใดๆออกมา
ในอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปแห่งนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะแล้วพวกเขาก็หยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนานภาพนี้เคยปรากฏขึ้นเมื่อตอนที่เซี่ยเหล่ยได้ทำงานในไซต์งานก่อสร้างในอดีต เขานึกถึงบรรยากาศเดิมๆที่เขาเคยสัมผัสซึ่งพวกเขาเหล่านี้มีนิสัยแบบเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย……
“เหล่ย คุณจะตอบรับข้อเสนอของเธอ ?” หลิวเสวียบิงกล่าว
เซี่ยเหล่ยเริ่มอายและพูดว่า “หยุดพูดได้แล้ว.. มันก็เป็นเรื่องหยอกล้อเล่นกันมันไม่เป็นจริงหรอก !”
เฉินอาเจียว “ใช่ มันเป็นไปไม่ได้หรอก ฮ่าฮ่า เพราะว่าฉันแต่งงานมีลูกแล้วด้วย… จะจับคู่ฉันกับเหล่ยมันเป็นไปไม่ได้ ! ที่ฉันหมายถึงคือหมู่บ้านเยี่ยนซื่อ มีหญิงสาวที่ ส ว ย สวยมากผิวของเธอราวกับเกล็ดหิมะในยามเช้า หน้าอกที่แต่งตึง หน้า…...”
ปี๊น ปี๊น ---- ปี๊น ปี๊น
เสียงแตรรถดังมาขัดจังหวะการบรรยายของเฉินอาเจียว....
คนที่ทำการบีบแตรคนนั้นก็คือเจียงหยู่ยี่ เธอกำลังขับรถแฮเว้าส์ H6 ของเซี่ยเหล่ยอยู่ มันเป็นรถคันใหม่ของเซี่ยเหล่ยแต่เขาไม่กล้าที่จะขับบนบนท้องถนน เขาต้องการฝึกฝีมือการขับรถให้ชำนาญก่อน เขาจึงปล่อยให้เจียหงยู่ยี่เป็นคนขับรถคันนี้และแน่นอนว่าเธอยินดีที่จะขับเพราะว่าเซี่ยเหล่ยเป็นคนจ่ายเงินค่าเติมน้ำมันรถ.....
เจียงหยู่ยี่ชะโงกหน้าออกมาแล้วตะโกนว่า “เหล่ย เร็วหน่อย ไม่มีเวลาแล้ว !”
“น้องสาวของผมจะไปที่เมืองจินตู่ในวันนี้ มันเป็นวันแรกในการเข้าเรียนที่หมาวิทยาลัยจินตู่ ผมต้องไปส่งเธอ เสี่ยวอันนายเป็นหัวหน้าทีมไปก่อนนะวันนี้เดียวพวกเราจะมีมื้อเย็นสุดพิเศษให้คุณเป็นการตอนแทน” เซี่ยเหล่ยกล่าว
“ได้เลย” หยางเปินฉ่ายและคนอื่นๆยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“เหล่ย บอกเซี่ยเสวียให้ด้วย ‘ตั้งใจเรียน ขยันเรียนและต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง’”หม่าเสี่ยวอันกล่าว
เซี่ยเหล่ยนำมือไปวางบนไหล่ของหม่าเสี่ยวอัน “ผมจะบอกเธอให้นะ ผมต้องไปก่อนละ ไว้เจอกันคืนนี้”
พวกเขาเดินมาส่งเซี่ยเหล่ยที่ประตู “ขึ้นรถได้แล้ว พวกเราเสียเวลามานานมาแล้ว !” เจียงหยู่ยี่พูดอย่างรีบเร่ง
“เอาล่ะ ถ้าเรารีบไปสุดๆนี่ ยังไปทันใช่ไหม ?” เซี่ยเหล่ยถาม
ทันทีที่เซี่ยเหล่ยเข้ามาในรถเจียงหยู่ยี่เหยียบคันเร่งอยากรวดเร็วเพื่อทำเวลาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้....
“รถคันนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ?” เซี่ยเหล่ยถามเพราะว่าเป็นรถคันแรกที่มีมูลค่าแพงมากสำหรับเขา เขาจึงต้องระมัดระวังการใช้งานรถและตรวจสอบคุณภาพของรถอยู่เสมอ
“ไม่มีปัญหาอะไรหนิ อย่าไปฟังพวกคนเหล่านั้นที่พูดถึงรถของคุณในแง่ลบรถเลย คันนี้ยังดีกว่าโปโลของฉันอีก แถมยังกว้างกว่าด้วย” เจียงหยู่ยี่กล่าว
เซี่ยเหล่ยรู้สึกสบายใจขึ้นเขามองไปที่มือของเจียงหยู่ขณะเปลี่ยนเกียร์แล้วเหยียบคันเร่ง “อย่าขับคนเดียวสิ ระหว่างขับสอนผมด้วย”
เจียงหยู่ยี่เหลือบตาไปที่เซี่ยเหล่ย “คุณมีใบขับขี่แต่คุณไม่สามารถขับรถได้เนี่ยนะ คุณหลงบิงไม่กลัวว่าคุณจะไปสร้างความเดือดร้อนให้รถคันอื่นเลยเหรอ ? เธอถึงให้ใบขับขี่รถคุณแบบนี้ ?”
“คุณจะสอนผมมั้ย ?”
“ฉันจะสอนคุณเอง วางมือลงบนเกียร์สิฉันจะบอกคุณเองจะต้องเปลี่ยนเกียร์ตอนไหน” เจียงหยู่ยี่ค่อยๆชะลอรถ
เซี่ยเหล่ยนำมือซ้ายของเขาไปกับที่เกียร์อย่างตะกุตะกักด้วยความกังวลตามคำแนะนำของเจียงหยู่ยี่
ทันใดนั้นเจียงหยู่ยี่นำมือขวาของเธอจับที่มือของเซี่ยเหล่ย.....
มือของเธออ่อนนุ่มราวกับสำลีที่สดใหม่ผิวของเธอเรียบเนียน มือเธอมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ เซี่ยเหล่ยรู้สึกอาย “ทำอะไรของคุณเนี่ย ? จับมือผมทำไม ?”
“ฉันจะสอบคุณขับรถไงล่ะ คุณคิดอะไรล่ะ ?” เจียงหยู่ยี่จ้องมองไปที่เซี่ยเหล่ยจากนั้นเธอเหยียบคัชล์และจับมือของ เซี่ยเหล่ยทำการเปลี่ยนเกียร์อย่างช้าๆ “ตอนนี้รถอยู่เกียร์ 3 ต้องเพิ่มเกียร์ขณะขับรถ เข้าใจมั้ย ?”
“เข้าใจแล้ว” อย่างไรก็ตามในตอนนี้สายตาของเซี่ยเหล่ยจ้องมองไปที่ต้นขาของเจียงหยูยี่จากนั้นความคิดในหัวของเขาตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมดจนไม่สามารถแยกเป็นเรื่องๆได้
พวกเขายังคงขับต่อไปเช่นนี้พวกเขาเปลี่ยนเกียร์และกะทันหันทำการชะลอรถ บางทีรถของเขาก็พุ่งไปข้างหน้าจากนั้นก็ชะลอตัวอย่างรวดเร็วทำให้คนขับรถที่ตามหลังมาไม่พอใจเป็นอย่างมาก....
เส้นทางที่เขาขับมายังบ้านใช้เวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมงจากนั้นพวกเขากลับไปที่ระแวกบ้านของตนเองเมื่อเซี่ยเหล่ยเปิดประตูบ้านของเขาก็เห็นกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนโซฟาและเซี่ยเสวียนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ เธอขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นเซี่ยเหล่ยจากนั้นเดินมาที่ประตูและพูดว่า “พี่เหล่ย พี่หยู่ยี่ ทำไมพี่ถึงมาสาย ? ฉันรอมาเป็นชั่วโมงแล้ว”
“พี่ชายของคุณอยากเรียนขับรถฉันจึงต้องสอนเขาในตลอดเส้นทางที่ขับรถ !” เจียงหยู่ยี่หัวเราะออกมา “คุณไม่รู้หรอว่าพี่ชายของคุณเขาเปลี่ยนเปลี่ยนเกียร์รถไม่เป็น เขาไม่เข้าใจวิธีการขับรถเอาซะเลย”
เซี่ยเสวียมองเซี่ยเหล่ยด้วยสายตาประหลาดใจแล้วหัวเราะออกมา…
เซี่ยเหล่ยเหลือบมองไปที่เจียงหยู่ยี่ “คุณนี่ปากโป้งจริงๆเลย ทำไมต้องบอกเรื่องน่าอายของผมแบบนี้กับเธอด้วย”
“ถ้าฉันจะปากโป้งมันก็เป็นเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” เจียงหยู่ยี่โต้ตอบกลับมา
“เอาล่ะ หยุดเถียงกันเถอะ เร็วเข้า รีบไปส่งฉันที่สนามบินไม่งั้นฉันจะขึ้นเครื่องบินไม่ทันนะ” เซี่ยเสวียกล่าวอย่างเร่งรีบ
ทั้ง 2 คนก็หยุดเถียงกันจากนั้นพวกเขาช่วยเซี่ยเสวียเก็บกระเป็าเดินทางและเดินทางออกจากบ้าน
เมื่อมาถึงสนามบินเซี่ยเหล่ยก็มอบตั๋วเครื่องบินให้กับเซี่ยเสวียพร้อมกับพูดว่า “เสวีย อย่าลืมโทรหาหลงบิงเมื่อคุณถึงเมืองจิงตู่ เธอจะดูแลคุณต่อจากนี้ไป”
“อย่ากังวลไปเลยพี่เหล่ย ฉันเข้าใจแล้ว” เซี่ยเสวียน้ำตาไหลออกมา ตลอดหลายปีนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเซี่ยเหล่ยเป็นห่วงเธอมากขนาดนี้
“มาให้พี่หยู่ยี่กอดหน่อย” เจียงหยู่ยี่กอดเซี่ยเสวียอย่างแนบแน่น
“พี่หยู่ยี่ ฉันไม่อยากที่จะจากลาคุณและพี่เหล่ยเลย…..” เซี่ยเสวียไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้และปล่อยโฮออกมา
เจียงหยู่ยี่กอดเธออย่างอบอุ่นในขณะที่กล่าวว่า “สาวน้อย ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก คุณก็กลับมาช่วงปิดเทอมก็ได้หนิ ? ถ้าคุณคิดถึงฉันหรือพี่ชายของคุณ คุณก็สามารถโทรหาพวกเราได้ตลอดเวลาแถมยังสามารถใช้ QQเพื่อแชทกับพวกเราได้ ?”
เซี่ยเสวียอยู่ในอาการสะอื้น “แต่….”
เซี่ยเหล่ยไม่สามารถทนเห็นน้องสาวเขาร้องไห้ได้ “เธอจะร้องไห้ไปทำไมต่อจากนี้เธอจะได้รับรู้ถึงความเป็นอิสระ รีบไปได้แล้วเมื่อคุณถึงที่นั่นอย่าลืมโทรกลับมาหาพี่ พี่จะได้รู้ว่าเธอเดินทางอย่างปลอดภัยแล้ว”
เซี่ยเสวียหยุดร้องไห้ตามที่เซี่ยเหล่ยบอกและลากกระเป๋าเดินทางไปยังช่องตรวจบัตรหลังจากนั้นเธอก็เดินเข้าไปในช่องโดยสาร เธอก็หันมามองที่เซี่ยเหล่ยอีกครั้ง ในตอนนี้หัวใจของเซี่ยเหล่ยถูกบีบคั้นจากสายตาของเธอ….
เซี่ยเหล่ยหันกลับไปตอนที่เซี่ยเสวียเดินพ้นจากระยะสายตาเข้าไปแล้ว….
เซี่ยเหล่ยยังคงฝึกขับรถต่อไปต่อทางในขณะที่เจียงหยู่ยี่อยู่ข้างๆเขา เธอนั่งอยู่ข้างๆเซี่ยเหล่ยและเป็นคนออกคำสั่งให้เขาทำตามที่เธอบอก แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าเจียงหยู่ยี่กำลังวางมืออยู่ที่ต้นขาของเขา….
“เบรค เบรค !”
“ไม่ !”
ก่อนที่เธอจะพูดออกมามือของเจียงหยู่ยี่คว่ำอยู่บนต้นขาของเขา ถ้าเขาทำการเหยียบเบรคมือของเธอจะไปโดนบริเวณขาหนีบซึ่งเป็นจุดอ่อนไหวที่สุดของเซี่ยเหล่ยเรื่องนี้ทำให้เขาเป็นกังวลมาก เขากลัวว่าถ้าเจียงหยู่ยี่ขยับมือเพียงเล็กน้อย มือของเธอจะไปโดนส่วนลับของเขา…..
เมื่อกลับไปถึงบ้านเจียงหยู่ยี่ก็ขับรถแฮเว้าส์ H6ของเซี่ยเหล่ยไปที่สถานีตำรวจต่อ ก่อนที่เธอจะไปเธอขอเงินจากเซี่ยเหล่ยจำนวน 400 หยวนเพื่อเป็นค่าน้ำมันรถ
เซี่ยเหล่ยรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก “รถก็เอาไปแถมยังต้องจ่ายค่าน้ำมันให้อีก เรื่องบ้าไรวะเนี่ยยยย ?”
หลังจากที่กลับบ้านไป บ้านแห่งนี้ก็รู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวอีกครั้งหลังจากที่เซี่ยเสวียออกไป เซี่ยเหล่ยก็รู้สึกอ้างว้าง เขาเดินไปที่โทรทัศน์และมองรูปภาพครอบครัวของพวกเขาเซี่ยเสวียและตัวเขายิ้มอย่างมีความสุขในรูปนั้น พ่อแม่ของเขาก็มีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขเช่นกันแต่อย่างไรก็ตามภาพเหล่านั้นไม่มีวันหวนคืนมาอีกแล้ว….
จากนั้นเซี่ยเหล่ยมองเห็นขวดแก้วหลังภาพครอบครัวและยังมียา 1 เม็ดที่ขณะที่เขากำลังยื่นมือออกไปจับขวดแก้วโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมา…...
มันเป็นสายมาจากสือจิงชิว
“เหล่ย ซิงเทียน เกรซเฮ้าท์ห้อง 201 ฉันจะรอคุณที่นั่น” เสียงของสือจิงชิวดังมาตามสาย
เซี่ยเหล่ยชะงักไปครู่หนึ่ง “คุณไปทำอะไรในเกรซเฮ้าท์ …… รออะไร ?”
“เตียงนอนสำหรับคุณกับฉันไง” สือจิงชิวหัวเราะออกมา
เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้ว “หยุดล้อเล่นซะที ฉันไม่สบอารมณ์ในตอนนี้”
“เอาหน่า มันเป็นธรุกิจ เราจะไม่พูดถึงมันในเวลานี้ ? ฉันมีใบสั่งซื้อสินค้าให้คุณ” สือจิงชิวกล่าว
“ดี ผมจะรีบไป” เซี่ยเหล่ยกล่าว…..
ติดตามตอนต่อไป….