ตอนที่31
ก็อย่างที่ว่านะพี่เบสก็จะมาหาฉันเป็นประจำเพื่อรอให้ฉันหายจากอาการเป็นลมเพราะไม่ได้รับประทานอาหาร แต่ฉันไม่อยากที่จะเจอเขาสักเท่าไหร่ เพราะยิ่งเจอมันยิ่งทำให้ฉันนั้นคิดถึงเขาและยังรู้สึกกับเขาอยู่ จนถึงขนาดนี้ฉันก็ยังตัดใจจากเขาไม่ได้เลย มันทำให้ฉันคิดว่าการอยู่ใกล้เขาทำให้ฉันไม่สบายใจ ฉันควรจะทำอย่างไรกับเขาดีเขาจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน
“นี่เธอทานอาหารตามที่หมอสั่งหรือยัง ??” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น พี่เบสเดินมาแล้วขมวดคิ้วใส่ฉัน ฉันมองไปที่อาหารที่พยาบาลเตรียมไว้ให้
“ฉันยังไม่หิวเลย ฉันอยากจะไปทำงานก่อนเสียมากกว่าฉันปล่อยตัวมาหลายวันแล้ว ถ้าเกิดไม่ไปบริหารโรงแรมของฉันใครจะทำกัน”
เขาเงียบลงฉันรู้เลยว่าพี่เบสเถียงฉันไม่ออกหรอก เรื่องงานสำหรับฉันตอนนี้มันมาก่อน และฉันจำเป็นที่จะต้องไปตอนนี้ด้วย ฉันลุกขึ้นมาจากเตียงกำลังจะดึงเข็มออกจากมือ เพื่อที่จะออกไปจากโรงพยาบาลนี้และไปทำงานที่ฉันรัก
“นี่เธอจะทำอะไรของเธอ” เขาพูดขึ้นก่อนที่จะเดินมาจับมือของฉันเอาไว้ แล้วสะบัดมืออีกข้างของฉันออกไม่ให้ฉันดึงเข็มออกได้
“ฉันก็จะไปทำงานของฉันยังไงล่ะ ปล่อยฉันให้ฉันไปได้แล้วนะ”
ฉันสะบัดมือของเขาออกกะว่าจะออกจากโรงพยาบาล แต่ว่าพี่เบสกลับดึงมือของฉันเอาไว้แน่นแทน
“ฉันเจ็บนะ”
“เจ็บแล้วทำไมล่ะ ?? มันก็สมควรที่จะเจ็บแล้วไม่ใช่หรือไง อยากจะบริหารโรงแรมก็ต้องบริหารร่างกายและสุขภาพของตัวเองก่อนสิ ถ้าคิดว่าทำแบบนี้มันถูกฉันว่าเธอไม่ควรเป็นผู้บริหารเลยด้วยซ้ำ”
คำพูดของเขาทำฉันนิ่งลงฉันดึงมือของตัวเองออกแล้วกลับไปนั่งที่เดิม
“ถ้าพูดขนาดนี้ฉันจะทำก็ได้ ไม่ใช่เพื่อฉันหรอกนะแต่เพื่อหน้าที่การงาน”
ฉันพูดจบฉันก็ตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารของโรงพยาบาลในทันที อาหารอาจจะไม่อร่อยเหมือนร้านอาหารทั่วๆไปแต่มันดีต่อสุขภาพ ใช้เวลาไม่นานมากนักฉันก็ทานอาหารจนหมดเกลี้ยง แล้วฉันก็ดึงออกไปจากเตียงของฉันจะได้ไม่เกะกะฉัน
“นี่นายไม่ไปทำงานของนายหรือยังไง ??” ฉันหันไปถามพี่เบสตอนนี้จะเรียกว่าพี่เบสเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว เพราะว่าฉันนั้นไม่ใช่ปอยคนนั้นอีกต่อไป
“ฉันก็มีเวลาทำงานของฉันน่ะสิฉันไม่ใช่เธอนะที่จะทำงานจนเป็นลมเป็นแร้งแบบนี้”
แล้วทำไมต้องมาแซะฉันด้วยเนี่ย ฉันไม่ได้พูดต่อและก้มหน้าเพ่งไปที่โทรศัพท์ เพื่อจะดูบัญชีของโรงแรม แล้วก็กราฟพัฒนาโรงแรมด้วยเช่นกัน จะได้รู้ว่าปีนี้เราควรจะทำให้ลูกค้าเพิ่มขึ้นมามากขนาดไหน แต่แล้วก็มีมือๆหนึ่งมาจับโทรศัพท์แล้วหยิบมันออกไปต่อหน้าต่อตาของฉัน
“นี่นายทำอะไรของนายเนี่ย เอาคืนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” ฉันพยายามจะยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ของฉันคืน แต่ว่าเขาก็เอาโทรศัพท์เก็บไว้ในเสื้อของเขาแล้วไม่ยอมเอาคืนฉันด้วย
“อะไรของนายเนี่ย ฉันบอกให้นายเอาคืนมาไง นายจะเอาของฉันไปไหนเนี่ย”
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจที่พี่เบสเอาของๆฉันไปแบบนี้
“ฉันจะเก็บมันไว้จนกว่าเธอจะออกจากโรงพยาบาลเข้าใจหรือเปล่า อย่าคิดที่จะทำอะไรอีกนอกจากอ่านหนังสือ”
พอเขาพูดจบเขาก็เดินไปนั่งที่เดิมแล้วก็อ่านหนังสือของเขาต่อ ฉันกอดอกของตัวเองเอาไว้ด้วยความไม่พอใจ ทำไมพี่เบสต้องทำแบบนี้กับฉันด้วยหึ้ยน่าโมโหชะมัด
“ทำไมนายต้องทำแบบนี้ด้วย ฉันมีงานต้องทำนะจะมาอยู่แบบนี้ไม่ได้ทั้งวันหรอก แล้วนี่มันก็หลายวันแล้วด้วย ถ้าเกิดฉันไม่ไปทำงานฉันจะต้องเกิดเรื่องแน่ ฉันไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่”
เขามองมาที่ฉันสักพักก่อนที่จะไม่สนใจฉันเลเวหันไปดูโน้ตแพตของเขาต่อ
“นี่นายไม่สนใจฉันเลยหรือไง !!” เขาถอยหายใจยาวๆแล้วก็ปิดโน้ตแพตของเขาลง ก่อนจะหันมามองฉัน
“ถ้าเกิดเรื่องอะไรมาบอกฉัน ฉันจะจัดการให้กับเธอเองไม่ต้องห่วง”
แล้วเขาก็หันไปมองที่นาฬิกาของเขา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดไปที่เบอร์ๆหนึ่ง ก่อนจะเอาแนบหูเอาไว้
“ฮัลโหลสวัสดีครับแม่ผมกำลังจะกลับบ้านไปแล้วนะครับ ไว้เจอกันครับ. . โอเคครับ”
แม่ของพี่เบส . . พอพูดถึงแม่ของเขามันทำให้ฉันนึกถึงเรื่องๆนั้นเลย เรื่องที่แม่เขาเคยพูดอะไรกับฉันเอาไว้
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะเธออะนอนพักได้แล้ว เดี๋ยวฉันกลับมาทีหลังตอนเย็นๆ อย่าคิดจะหนีไปไหนเด็ดขาดนะเข้าใจไหม”
ฉันเงียบลงไม่ได้พูดอะไรแล้วเขาก็เดินเปิดประตูออกไป //ปัง// เสียงปิดประตูได้ดังขึ้น ฉันลุกขึ้นมาแล้วก็จับเสาร์ที่แขวนน้ำเกลือไปที่หน้าต่าง มองไปข้างนอกออกไปก็จะพบกับรถมากมายเต็มไปหมด เฮ้อฉันจะต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหนนะอยู่ไปก็เจอแต่เรื่องที่ทำให้ปวดหัวมากมายเต็มไปหมด แต่ก็คงจะต้องสู้ต่อไปเพื่ออนาคตของฉัน !!! ไม่ว่าอย่างไรฉันก็จะไม่ท้อถอยกับเรื่องแค่นี้หรอกนะ