ตอนที่แล้วTXV –  40 แม่ยายงี่เง่า !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV –  42 กำลังเติบโต....

TXV –  41 อย่ามาโชว์ถ้าคุณพูดได้แค่ภาษาอังกฤษ !


TXV –  41 อย่ามาโชว์ถ้าคุณพูดได้แค่ภาษาอังกฤษ !

 

          ชายหนุ่มที่ใส่ชุดสูทอย่างเท่ห์ที่เข้ามาก็คือเหยี่ยนเหวินเฉียน เขามีส่วนสูง 180 เซนติเมตรรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาแถมยังดูมีสง่าราศีเขาดูเท่ห์มากเขาเก่งทั้งวิชาการและยังเป็นคนที่ดูมีความรู้มากกว่าเซี่ยเหล่ย....

 

          อุณหภูมิในห้องนั้นก็เย็นลงอย่างฉับพลันออร่าของเหยี่ยนเหวินเฉียนเปล่งประกายออกมารับรอบๆตัวจนบดบังออร่าจากเซี่ยเหล่ยหายไปในพริบตาทุกคนต่างจ้องมองเหยี่ยนเหวินเฉียนอย่างชื่นชมและปิติยินดีกับเขาที่เรียนจบ

 

          “โอ้…. เหยี่ยนเหวินเฉียน มานั่งสิ” ชางฮ่วยหลานกล่าว

 

          “สวัสดีครับ ป้าหลาน ลุงซาน น้าฮ่าย” เหยี่ยนเหวินเฉียนกล่าวทักทายพวกเขาอย่างสุภาพอ่อนโยนจากนั้นเขายิ้มให้หนิงจิง “จิง เราไม่เจอกันตั้งนานแล้วนะ !”

 

          “ส...สวัสดี” หนิงจิงไม่สามารถพูดออกมาได้เต็มปากเพราะเธอกังวลกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น……

 

          เหยี่ยนเหวินเฉียนกล่าวทักทายทุกคนในตระกูลหนิง ยกเว้น….เซี่ยเหล่ย เขาเหลือบไปมองที่เซี่ยเหล่ยและมองผ่านไปอย่างไม่สนใจใยดี

 

          “มานั่งสิ นั่ง !” เหยี่ยนเหวินเฉียนสำรวมกริยาท่าทาง เขาดึงเก้าอี้ออกช้าๆจากนั้นเขานั้งลงที่โต๊ะอาหาร

 

          ชางฮ่วยหลานให้เหยี่ยนเหวินเฉียนนั่งข้างหนิงจิง…..

 

          เซี่ยเหล่ยยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเขาพูดกับตัวเองว่า “ชายหนุ่มคนนี้คงเป็นคนในตระกูลหนิง ? ทำไมหนิงจิงถึงไม่บอกเราเรื่องนี้ ? ที่เขาไม่กล่าวทักทายเรามันหมายความว่ายังไง ?”

 

 

          หนิงจิงกลับมานั่งที่เดิมของตัวเอง เซี่ยเหล่ยอยู่ด้านซ้ายเหยี่ยนเหวินเฉียนนั่งอยู่ด้านขวาทำให้เธอไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดี ในตอนนี้ที่ไม่กล้าสบตาทั้งเซี่ยเหล่ยและเหยี่ยนเหวินเฉียน

 

          ในขณะที่หนิงหยวนฮ่ายและหนิงเหยี่ยซานก็นั่งอยู่ด้วย ชางฮ่วยหลานเดินไปที่ประตูจากนั้นเธอบอกพนักงานเสริฟว่า “เข้ามาเสริฟอาหารได้เลย”

 

          ทันใดนั้นเซี่ยเหล่ยก็เข้าใจได้ทันทีเลยว่าการที่อาหารเข้ามาเสริฟช้านั้นเป็นเพราะว่าพวกเขาต้องการรอให้เหยี่ยนเหวินเฉียนมาถึงก่อน เพื่อที่พวกเขาจะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา.....

 

          “เหวินเฉียน งานที่บริษัทเหวี้ยนเทียนเป็นไปได้ด้วยดีไหม ?”  ชางฮ่วยหลานกล่าว

 

          เหยี่ยนเหวินเฉียนยิ้มและพูดว่า “เป็นไปได้ด้วยดีครับ ผมเริ่มชินกับงานที่บริษัทเหวี้ยนเทียนแล้วครับ”

 

          “ดีแล้ว ฉันรู้มาว่าคุณเป็นผู้รับผิดชอบกับโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมคุณจะต้องพูดดีๆกับคุณเฉินตู ถ้าพวกเราสามารถทำให้เธอสั่งซื้อสินค้าจากโรงงานของพวกเราได้ความสำเร็จของบริษัทของเราก็จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม”

 

          เหยี่ยนเหวินเฉียนยิ้มออกมาอย่างมีความสุขจากนั้นเขาพูดว่า “มั่นใจในตัวผมได้เลย ลุงซาน ผมจะต้องทำให้คุณเฉินตูมาซื้อชิ้นส่วนจากบริษัทของเราอย่างแน่นอนเนื่องจากบริษัทของเราเป็นองค์กรของรัฐบาลที่มีขนาดใหญ่และมีความน่าเชื่อถือ”

 

          หนิงเหยี่ยซานยิ้มออกมาเช่นกัน “ผมควรจะขอบคุณ ล่วงหน้าเลยดีมั้ย ?”

 

          “แหม่.....คุณลุงก็พูดเกินไป” เหยี่ยนเหวินเฉียนพูดอย่างสุภาพ

 

          ชางฮ่วยหลานหัวเราะขึ้นมา “ดูเด็กคนนี้สิ เหวินเฉียน มีมารยาทดีเหลือเกินฉันเฝ้ามองเขาเติบโตขึ้นมาตลอดและฉันก็รู้ว่าเขาจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังแน่นอน ฉันคิดไม่ผิดจริงๆ”

 

 

          เหยี่ยนเหวินเฉียนยิ้ม “ป้าหลาน คุณเป็นคนที่ใจดีจัง”

 

          หนิงหยวนฮ่ายพูดขึ้นว่า “ลูกจิง ลูกไม่เจอเหวินเฉียนมาตั้งนานแล้วนะ พวกเรามาฉลองกันเถอะ”

 

          หนิงจิงรู้สึกลังเลจากนั้นไม่นานเธอพยักหน้า......

 

          พวกเขากำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เซี่ยเหล่ยกลายเป็นคนที่ไม่มีใครสนใจ….แม้แต่หนิงจิง !

 

เซี่ยเหล่ยเริ่มเข้าใจจากหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่กำลังเกิดขึ้น การที่หนิงจิงขอร้องให้เขามาเจอกับพ่อแม่ของเธอจากนั้นโดนพ่อแม่ของเธอทั้งตำหนิ ทั้งสอบสวน ทั้งดูถูกเหยียดหยาม จากนั้นก็มีผู้ชายสุดหล่อคนหนึ่งโผล่ขึ้นมากลางงาน เป็นการบ่งบอกว่าเมื่อแฟนตัวจริงมาคนสำรองก็ต้องอับอายขายหน้าไปและต้องเดินออกจากชีวิตหนิงจิง…..

 

เมื่อเซี่ยเหล่ยรู้ความจริง เขาอยากจะออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่แฟนตัวจริงแต่การกระทำของหนิงหยวนฮ่ายและชางฮ่วยหลานน่ากลัวเหลือเกิน…..

 

เซี่ยเหล่ยกำลังเดินออกไป ทันใดนั้นเหยี่ยนเหวินเฉียนจ้องไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยสายตายิ้มแย้มและพูดว่า “ขอโทษนะ สุภาพบุรุษคนนี้เป็นใครหรอ ? ทำไมพวกคุณไม่แนะนำให้ผมรู้จักเลยล่ะ ?”

 

“เขาเป็น…..” หนิงจิงพูดอย่างลังเล

 

จากนั้นชางฮ่วยหลานรีบพูดแทรกขึ้นมา “เขาเป็นเพื่อนของลุงซาน”

 

หนิงเหยี่ยซานรีบตอบอย่างทันที “ใช่ เขาเป็นเพื่อนของลุงเอง เขาชื่อว่าเซี่ยเหล่ย รวมถึงเป็นเพื่อนกับหนิงจิงด้วย”

 

          เหยี่ยนเหวินเฉียนยืนและยื่นมือออกมา “สวัสดีครับ คุณเซี่ย”

 

          เซี่ยเหล่ยยืนขึ้นและจับมือกับเหยี่ยนเหวินเฉียน “สวัสดีครับ คุณเหยี่ยน”

 

          หลังจากที่เขาจับมือกับเซี่ยเหล่ยเขาพูดขึ้นมาว่า “คุณเซี่ยมือคุณกระด้างมากแถมผิวที่มือของคุณหยาบกร้านมากเช่นกัน”

 

          เหยี่ยนเหวินเฉียนเริ่มเปลี่ยนท่าทีไปทันทีหลังจากที่เขาได้จับมือของเซี่ยเหล่ย เขาก็คิดได้ทันทีเลยว่าเขาเป็นพวกใช้แรงงาน ทำไมบริษัทระดับสูงของเราทำไมต้องมาจ้างพนักงานกระจอกๆแบบเซี่ยเหล่ยด้วย ?

 

          “(ลุงซาน เขามาทำอะไรที่นี่  ?)” เหยี่ยนเหวินเฉียนเอ่ยถามหนิงเหยี่ยซานออกมาเป็นภาษาอังกฤษ......

 

          ทักษะภาษาอังกฤษของหนิงเหยี่ยซานล้าหลังไปแล้ว เขาส่ายหัวออกมาแสดงอาการบ่งบอกว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่เหยี่ยนเหวินเฉียนพูด

 

          เหยี่ยนเหวินเฉียนจ้องมองที่หนิงจิงและพูดภาษาอังกฤษอย่างอ่อนโยนอีกว่า “เขาเป็นแฟนคุณหรอ ?”

 

          หนิงจิงมองไปที่เซี่ยเหล่ยแล้วพูดอย่างรวดเร็วว่า “ป่าว ป่าว เราเป็นเพื่อนกัน”

 

          เธอพูดความจริงออกมา เซี่ยเหล่ยเป็นเพื่อนเธอไม่ใช่เป็นคนรักของเธอ......

 

          เหยี่ยนเหวินเฉียนหัวเราะออกมาจากนั้นเขาพูดภาษาอังกฤษอีก “ผมก็คิดแบบนั้น คนอย่างเขาไม่เหมาะสมกับคุณหรอก คุณเป็นคนสวยมากคงจะมีแต่ผู้ชายที่สง่างามเท่านั้นแหละถึงจะเหมาะสมกับคุณ”

 

          ความหมายของเหยี่ยนเหวินเฉียนที่กำลังจะสื่อคือเซี่ยเหล่ยไม่เหมาะสมกับเธอหรอก คงมีแต่ผู้ชายที่เก่งกาจและสูงส่งเท่านั้นที่จะเหมาะสมกับเธอได้ แต่ในที่นี้เขาไม่ได้ระบุไว้ว่าผู้ชายคนนั้นคือใครแต่เขาก็ต้องคิดว่าเป็นตัวเองอยู่แล้ว…..

 

          หนิงจิงแอบมองเซี่ย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

 

          กำลังโชว์ว่าเก่งภาษาอังกฤษ ? มุมปากของเซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และเขาพูดภาษาอังกฤษออกมาว่า “ภาษาอังกฤษของคุณก็ไม่ได้เลวร้ายนะ นี่นะหรอ ?เป็นมาตรฐานของคนที่เก่งที่สุดแล้ว สิ่งที่คุณพูดถึงหน่ะคุณกำลังจะพูดถึงตัวเองว่าเก่งกาจที่สุดแต่คุณไม่สามารถพูดได้ใช่ไหมล่ะ ? คุณควรจะเรียงลำดับประโยคให้ถูกต้องกว่านี้”

 

          เหยี่ยนเหวินเฉียนจ้องมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยท่าทีไม่พอใจ เขาไม่คิดว่าคนใช้แรงงานแบบเซี่ยเหล่ยจะเข้าใจภาษาอังกฤษได้ เขายังพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าตัวเหยี่ยนเหวินเฉียนเองซะอีก การกระทำแบบนี้เป็นการเย้ยหยันเหยี่ยนเหวินเฉียนเหมือนเดินไปเหยียบอยู่บนหัวของเขา.......

 

          หนิงจิงกำลังหลบสายตาของเซี่ยเหล่ยด้วยความอับอาย เธอรู้ว่าเซี่ยเหล่ยรู้สึกอึดอัดและต้องอดทนเพราะเธอมาตลอด.....

 

          เซี่ยเหล่ยมองไปที่เหยี่ยนเหวินเฉียนจากนั้นเขาพูดภาษาฝรั่งเศษ “โปรดอย่าคิดว่าทุกคนที่ไม่มีการศึกษาจะด้อยค่าไปกว่าพวกที่ได้รับการศึกษาจากต่างประเทศ เลิกดูถูกเหยียดหยามคนอื่นที่ไม่ได้เรียนสูงเพราะทุกคนมีด้านดีและจุดเก่งที่แตกต่างกันออกไป”

 

          เหยี่ยนเหวินเฉียนมองที่เซี่ยเหล่ยด้วยความตกตะลึงจากนั้นใบหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงจากความโกรธขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่สามารถเข้าใจภาษาฝรั่งเศสที่เซี่ยเหล่ยพูดออกมาได้แต่เขาสังเกตได้จากน้ำเสียงของเซี่ยเหล่ย เขาสามารถเข้าใจภาษาฝรั่งเศษและพูดได้อย่างคล่องแคล่วการที่เขาพยายามจะพูดภาษาอังกฤษออกมาให้เซี่ยเหล่ยฟังในตอนแรกนั้น เขาต้องการยืนยันว่าคนใช้แรงงานแบบเซี่ยเหล่ยไม่สามารถเข้าใจภาษาอังกฤษที่เขาพูดได้หรอก แต่ตอนนี้ความอับอายมันย้อนกลับมาหาเขาเพราะเขาสามารถพูดได้แค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น !

 

          ทั้งหนิงหยวนฮ่ายและชางฮ่วยหลานต่างตกตะลึงในความสามรถของเซี่ยเหล่ย พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเซี่ยเหล่ยจบการศึกษาเพียงแค่มัธยมปลายจะสามารถพูดภาษาต่างประเทศได้ถึง 2 ภาษา !

 

          หนิงเหยี่ยซานไม่แปลกใจกับเรื่องนี้เขาจึงคิดขึ้นมาว่า ‘ควรจะบอกพวกเขาดีไหม ? เซี่ยเหล่ยสามารถพูดภาษาเยอรมันได้ด้วย ’

 

          บรรยากาศในห้องนั้นเริ่มอึดอัดขึ้นมาทันที

 

          ทันใดนั้นพนักงานเสริฟเข็นรถเสริฟอาหารเข้ามา……

 

          ชางฮ่วยหลานจึงใช้โอกาสนี้ในคลายความรู้สึกอึดอัดในห้องอาหารแห่งนี้เธอหัวเราะขึ้นมาอย่างเก้ๆกังๆ 2 ครั้ง “เฮ้ พวกหนุ่มๆทำไมต้องคุณภาษาอื่นกัน ? เรามันคนแก่ฟังภาษาพวกนั้นไม่ออกหรอก เราหันมาพูดภาษาจีนแบบเดิมดีกว่า...”

 

          “ใช่ ใช่ ใช่ เราใช้ภาษาจีนเถอะ” หนิงหยวนฮ่ายกล่าวเสริม

 

          เซี่ยเหล่ยไม่รอช้าก่อนที่อาหารจะวางบนโต๊ะทั้งหมดเขายืนขึ้นแล้วพูดเป็นภาษารัสเซียว่า “ผมขอโทษ ผมมีงานต้องทำผมขอตัวก่อน”

 

          ทุกสายตาต่างจองมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยความประหลาดใจและงงงวยกับสิ่งที่เขาพูดไปพร้อมๆกัน

 

          “เซี่ยเหล่ย ที่คุณพูดหมายความว่าอย่างไร ?” ชางฮ่วยหลานมองเซี่ยเหล่ยด้วยความไม่พอใจ

 

          “ประโยคที่ผมพูด ผมจะบอกว่า ผมขอตัวก่อนพอดีว่าผมมีธุระต้องทำ ลาก่อน”

 

          “เซี่ยเหล่ย คุณ…..” หนิงจิงพูดอย่างลังเล

 

          เซี่ยเหล่ยตบบ่าของเธอ “เชิญพวกคุณคุยกันตามสบาย ผมขอตัวก่อน” จากนั้นเซี่ยเหล่ยเดินจากห้องอาหารทันที

 

          สายตาของหนิงจิงมองเซี่ยเหล่ยขณะเดินออกไป นัยต์ตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

 

          “เป็นแค่คนงานยังจะมาอวดเก่ง  จิงคุณควรจะอยู่ห่างๆจากเขานะ!” เหยี่ยนเหวินเฉียนพูดอย่างเย้ยหยัน

 

          “ใช่… เขาพูดถูก กินกันเถอะ อย่าไปสนใจเขาเลย” ชางฮ่วยหลานยิ้มออกมา

 

          หนิงเหยี่ยซานเริ่มรินไวน์แดงลงในแก้ว “เรามาฉลองให้กับเหวินเฉียนกันเถอะ !”

 

          ในขณะนั้นหนิงจิงลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ขอโทษด้วยค่ะ ฉันรู้สึกไม่ดีเลยเชิญกินอาหารตามสบาย ฉันจะออกไปเอง”

 

          “ลูก…..” ชางฮ่วยหลานเริ่มแสดงอาการโกรธออกมาแล้วพูดว่า “นั่งลง !”

 

          “ฉันไม่ใช่เด็กอมมืออีกแล้ว !” หนิงจิงตะโกนออกมาจากนั้นเธอรีบวิ่งออกจากห้องอาหารโดยทันที

 

          ทั้ง 4 คนที่นั่งอยู่ในห้องพวกเขากำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว !

 

          หนิงจิงเดินออกจากห้องแล้วมองหาเซี่ยเหล่ยทุกทิศทางแต่เธอก็ไม่สามารถหาตัวเขาได้ ทันใดนั้นมีเสียงเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นมาเธอจึงเปิดข้อความจากโทรศัพท์มันเป็นข้อความจากเซี่ยเหล่ยว่า : ผมขอโทษที่ผมไม่สามารถช่วยคุณได้ ดูแลพ่อแม่ของคุณให้ดีทำตามความปรารถนาของท่านและอย่าไปโกรธท่านเลย……

 

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ทำให้น้ำตาของเธอไหลรินออกมาจากดวงตาอันอ่อนหวานของเธอ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆจากนั้นเธอเดินกลับไปทางที่เธอเดินออกมา…..

 

 

********* ติดตามตอนต่อไป……

         

********* ใครอยากอ่านก่อนใครติดตามข่าวสารและเรื่องราว ตามลิ้งค์นี้เลยครับ https://www.facebook.com/Tranxending-Vision-1843606792370694/ ขอบคุณครับ

 

         

 

         

         

         

         

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด