ตอนที่แล้วTXV –  39 รูปปั้นแห่งความรัก ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV –  41 อย่ามาโชว์ถ้าคุณพูดได้แค่ภาษาอังกฤษ !

TXV –  40 แม่ยายงี่เง่า !


TXV –  40 แม่ยายงี่เง่า !

 

          ถึงแม้ว่าจะเป็นมื้ออาหารที่อยู่กันพร้อมหน้ารวมไปถึงวิศวกรระดับสูงในบูรพาอุตสาหกรรมเข้าร่วมด้วย แต่อย่างไรก็ตามหนิงเหยี่ยซานจัดโต๊ะให้พวกเราเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งเขาจัดไว้ในห้องส่วนตัวของเขาเอง หนิงหยวนฮ่าย ชางฮ่วยหลาน เซี่ยเหล่ยและหนิงจิง ทุกคนต่างนั่งอยู่บนโต๊ะอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

 

          นี่เป็นครั้งแรกของเซี่ยเหล่ยที่เจอหนิงหยวนฮ่าย ชางฮ่วยหลาน หนิงเหยี่ยซานพร้อมกัน พวกเขาเหล่านั้นดูมีอายุไล่เลี่ยกันประมาณ 50 ปีต้นๆแต่ชางฮ่วยหลานเธอดูอ่อนเยาว์สุดจากทั้ง 3 คน เธอดูเหมือนคนมีอายุประมาณ 40 ต้นๆ เธอมีความงดงามคล้ายกับหนิงจิงเป็นอย่างมากแต่เธอมีความงามในแบบผู้ใหญ่และดูมีวุฒิภาวะมากกว่าหนิงจิง

 

          ‘เขาไม่เคยคิดเลยว่าแม่ของหนิงจิงจะมีอายุน้อยขนาดนี้ เราสงสัยว่าพี่หนิงมีรูปร่างหน้าตาเหมือนแม่มั้ย ? เมื่อทั้ง 2 คนนี้อายุเท่ากัน…. ? เซี่ยมีความคิดแปลกๆอยู่ในหัวของเขา’

 

          “พ่อ แม่ ลุง นี่ไงคนนี้คือเซี่ยเหล่ย” หนิงจิงกล่าว

 

          จริงๆแล้วไม่ต้องแนะนำอะไรหรอก หนิงหยวนฮ่ายและชางฮ่วยหลานมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าตั้งแต่เขาเดินควงแขนกับหนิงจิงตั้งแต่ตอนเดินเข้าประตูแล้ว....

 

          การที่ถูกเพ็งเล็งขนาดนี้ทำให้เซี่ยเหล่ยรู้สึกอึดอัด เขาชะงักไปสักครู่หนึ่งเพราะว่าไม่รู้จะต้องทำอะไรต่อ

 

          หนิงจิงจับเอวของเซี่ยเหล่ยและหยิกเบาๆเพื่อกระตุ้นเขา “คุณยืนนิ่งทำไม ? เดินไปได้แล้ว….”

 

          เซี่ยเหล่ยกำลังเดินไปข้างหน้า… “คุณน้า คุณป้า ลุงหนิง ผมมาสายขอโทษที่ทำให้ต้องรอครับ”

 

          หนิงหยวนฮ่ายพูดคำแรกว่า “สิ่งคำสำคัญที่สุดคือการตรงต่อเวลา !”

 

 

          “ใช่แล้ว คุณมาสายตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน ?” ชางฮ่วยหลานกล่าว

 

          เซี่ยเหล่ยต้องการอธิบายให้พวกเขาฟังแต่พวกเขาก็ไม่ฟังอะไรเลย เซี่ยเหล่ยต้องการเวลาเล็กน้อยเพียงเท่านั้นแต่เขาไม่คิดว่าพ่อแม่ของหนิงจิงจะเป็นคนที่จริงจังอะไรขนาดนี้ มันทำให้เขารู้สึกลำบากใจตั้งแต่แรกเจอ….

 

          หนิงจิงกล่าวเบาๆว่า “ที่เหล่ยมาช้าเพราะเขากำลังหาของเล็กๆน้อยๆมาให้พ่อกับแม่อยู่ อย่าไปตำหนิเขาเลย”

 

          เซี่ยเหล่ยยื่นตระกร้าของขวัญไปอย่างช้าๆ “คุณลุง คุณป้านี่เป็นของเล็กๆน้อยๆจากผม โปรดรับมันไว้ด้วยครับ”

 

          หนิงหยวนฮ่ายรับตะกร้านั้นจากเซี่ยเหล่ยเขามองไปที่ชางฮ่วยหลานจากนั้นเขาวางตระกร้าลง ทั้ง 2 คนไม่ได้พูดอะไรออกมาและเซี่ยเหล่ยไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของ 2 คนนี้ได้เลย

 

 

          เซี่ยเหล่ยถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบาจากนั้นเขาคิดในใจว่า ‘รีบกินอาหารสักทีเถอะเราจะได้ออกจากที่นี่เร็วๆ ต่อไปเราจะไม่โกหกอะไรกับเธออีกแล้วถึงแม้ว่าจะมีมีดมาจ่อคอเราไว้ก็ตาม’

 

          ทันใดนั้นหนิงเหยี่ยซานพูดขึ้นมาว่า “ดูสิพวกเราก็มาถึงกันตั้งนานแล้วแถมคุยกันตั้งเยอะด้วย...ทำไมอาหารถึงออกมาช้าจัง การบริการของโรงแรมนี้แย่มากๆ”

 

          เซี่ยเหล่ยเหลือบไปมองที่ประตูเขาคิดในใจว่า ‘โรงแรมระดับ 5 ดาวไม่น่าจะมีปัญหาอย่างนี้เกิดขึ้น ? พวกเขาจะต้องสั่งให้พนักงานเสิร์ฟไม่มาเสิร์ฟอาหารในห้องนี้อย่างแน่นอน’

 

          หนิงหยวนฮ่าย เขามองที่เซี่ยเหล่ยด้วยความเมตตาเขารู้สึกถูกชะตากับเซี่ยเหล่ยเป็นอย่างมาก....

 

          “ฮะ...แฮ่ม” ชางฮ่วยหลานกระแอมออกมาจากนั้นเธอพูดขึ้นมาว่า “เซี่ยเหล่ยคุณเจอหนิงจิงลูกสาวของเราตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”

 

          “ครึ่งปีที่แล้ว ในร้านหนังสือ ฉันชอบอ่านหนังสือเขาก็เช่นกัน” หนิงจิงกล่าว

 

          “เงียบ ! แม่ไม่ได้ถามลูก !” ชางฮ่วยหลานจ้องเขม็งมาที่หนิงจิง

 

          หนิงจิงรีบปิดปากของเธอทันที เธอเหมือนจะกลัวชางฮ่วยหลานมาก ราวกับว่าเธอยิ่งใหญ่ที่สุดในบ้าน !

 

          เซี่ยเหล่ยจึงรีบตอบไปว่า “ใช่แล้วครับ เราเจอกันที่ร้านหนังสือเมื่อครึ่งปีที่แล้ว”

 

          “ร้านหนังสือที่ไหน ?”

 

          เซี่ยเหล่ยหยุดคิดสักครู่หนึ่งก่อนตอบไปว่า “ซินขวาง ร้านหนังสือซินขวาง”

 

          “มันเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วที่เราทั้งสองคบกัน” ชางฮ่วยหลานเธอพูดออกมาว่า “ที่คุณมาคบกับลูกสาวของฉัน คุณไม่เห็นหัวพวกเราเลย ? หรือต้องการคบกับจิงเพื่อเป็นเพียงแค่ของเล่น ? คุณจะรับผิดชอบการกระทำแบบได้ยังไง ?”

 

          อาการไม่สบอารมณ์เริ่มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยเหล่ยจากนั้นเขาตอบกลับไปว่า “ขอประธานโทษครับ คุณป้า ผมไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น...”

 

          ชางฮ่วยหลานถามต่อ “คุณอายุเท่าไหร่ ?”

 

          “25 ปี”

 

          “พ่อแม่คุณล่ะ ?”

 

          “แม่ของผมเสียไปตั้งนานแล้วพ่อของผมก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยครอบครัวของผมมีแค่ตัวผมและน้องสาวอีกคน เธอสอบเข้าได้ในมหาวิทยาลัยจินตู เธอกำลังจะไปเรียนที่นั่นในอีกไม่กี่วันนี้” เซี่ยเหล่ยบอกรายละเอียดครอบครัวของเขาให้เธอไปทั้งหมดและดูเหมือนกับว่าเธอจะไม่ค่อยพอใจท่าทาง ครอบครัวและฐานะของเซี่ยเหล่ย....

 

          “แล้วคุณลุงล่ะ ? ทำไมเขาไปนานจังเลย ? ทำไมเราไม่กินข้าวเย็นกันล่ะ ฉันหิวแล้ว” หนิงจิงพูดแทรกขึ้นมา

 

          “มารยาท !” ชางฮ่วยหลานจ้องมองไปที่หนิงจิง

 

          หนิงจิงปิดปากของเธออีกครั้ง

 

          ชางฮ่วยหลานจ้องมองไปที่เซี่ยเหล่ยต่อราวกับว่าเธอสามารถล้วงความลับอกจากตัวเขาทั้งหมดได้ “เซี่ยเหล่ยคุณมีบ้านเป็นของตัวเองไหม ?”

 

          เซี่ยเหล่ยตอบอย่างเก้ๆกังๆ “มันเป็นของพ่อแม่ของผม พวกเขาทิ้งให้ผมเป็นมรดกแต่มันมีขนาดเล็กมากมันมีเพียงแค่ 75 ตารางเมตร”

 

          ชางฮ่วยหลานพูดต่อ “มันมีขนาดเล็กเกิน ถ้าจิงลูกสาวของเราแต่งงานไปกับคุณคุณ ยังมีน้องสาวอีกคนจะอยู่ในที่แห่งนั้นได้ยังไง ? ถ้าพวกคุณมีลูกกันแล้วสถานที่แห่งนั้นก็คงคับแคบขึ้น คุณจะต้องทำงานหนักมากกว่าเดิมเพื่อที่จะได้รับเงินมากขึ้นจากนั้นซื้อบ้านหลังใหญ่ซะอย่างน้อยมีพื้นที่ 150 ตารางเมตรคงจะดี”

 

          เซี่ยเหล่ยไม่พูดอะไรออกมา….

 

          “รถ ? คุณมีรถรึปล่าว ?”

 

          เซี่ยเหล่ยส่ายหัว “ไม่”

 

          “อย่างน้อยคุณต้องมีรถมูลค่าห้าแสนหยวน ถ้าจะให้ดีที่สุดจะต้องมีรถหลักล้านหยวนเพื่อให้ทุกคนนั่งได้อย่างสะดวกสบายเมื่อออกเดินทางกันทั้งครอบครัว..”

 

          “ตอนนี้ผมยังไม่มีเงินซื้อรถ........”

 

          ก่อนที่เซี่ยเหล่ยจะพูดจบ หนิงจิงเตะที่ขาของเขาอย่างเงียบๆ จากนั้นเซี่ยเหล่ยจึงหยุดพูด… จากนั้นเขาเริ่มหลบหน้าของชางฮ่วยหลาน

 

          แต่การกระทำแบบนี้ไม่สามารถหลบสายตาของชางฮ่วยหลานได้ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะถามว่า “เซี่ยเหล่ยคุณจบการศึกษาอะไรมา ?”

 

          เซี่ยเหล่ยตอบโดยไม่คิดไปว่า “มัธยปลาย”

 

          “โรงเรียนมัธยมปลาย ?” ชางฮ่วยหลานขมวดคิ้วมากกว่าเดิม เป็นการบ่งบอกว่าเธอไม่พอใจการศึกษาของเซี่ยเหล่ยเป็นอย่างมาก

 

          ตอนนี้ทั้งหนิงหยวนฮ่ายและชางฮ่วยหลานต่างจ้องมองมาที่เซี่ยเหล่ย ทำให้เขารู้สึกอึดอัดแต่เมื่อเขาคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่หนิงจิงขอร้องเขาไว้จากนั้นเขาจึงอดทนและพูดต่อไปว่า “คุณป้าผมก็อยากเรียนระดับมหาวิทยาลัย แต่ผมมีน้องสาวที่ต้องดูแล ถ้าผมไปเรียนจะไม่มีใครดูแลน้องสาวผมจึงตัดสินใจออกมาทำงาน”

 

          ทั้งหนิงหยวนฮ่ายและชางฮ่วยหลานสายตาของพวกเขาเริ่มลังเล พวกเขาพอใจกับคุณสมบัติอื่นๆของเซี่ยเหล่ยทั้งหมดแต่ที่ไม่พอใจก็คือระดับการศึกษา

 

          “ลูกจิงของเราเป็นถึงด็อกเตอร์ คุณมีความต่างกันระหว่างการศึกษาของลูกสาวเรามากเกินไปคุณมั่นใจได้หรือเปล่าว่าคุณสามารถเทียบเท่ากับลูกสาวของเราได้ ?” สายตาชางฮ่วยหลานเริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง

 

          เซี่ยเหล่ยไม่รู้ว่าจะตอบเธอว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยคิดถึงขั้นใช้ชีวิตร่วมกับหนิงจิง..

 

          ชางฮ่วยหลานพูดต่อว่า “ถ้าพวกคุณมีลูก พันธุกรรมของลูกจะเป็นยังไง ในขณะที่จิงเป็นระดับสูง ส่วนคุณ…...”

 

          “แม่ พูดอะไรออกมา ?” หนิงจิงเริ่มไม่พอใจใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง การกระทำของเธอตั้งใจจะช่วยเซี่ยเหล่ยแต่กลับกันยิ่งทำให้เซี่ยเหล่ยยิ่งรู้สึกอึดอัด

 

          ในขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่อึดอัดมาก ทันใดนั้นหนิงเหยี่ยซานเดินเข้ามาพร้อมกับพูดว่า “อาหารพร้อมแล้ว !”

 

          หนิงหยวนฮ่ายดึงชางฮ่วยหลาน หนิงเหยี่ยซานและหนิงจิงไปคุยกันที่มุมห้องจากนั้นพวกเขาทั้งสี่คนก็เริ่มพูดคุยกันด้วยเสียงเบาๆเกี่ยวกับเซี่ยเหล่ย ส่วนเซี่ยเหล่ยก็นั่งอยู่ตัวคนเดียวบนโต๊ะอาหาร เขาเป็นเหมือนนักโทษที่รอการพิพากษาอยู่เมื่อเขาบอกลักษณะตัวตนของเขาไปหมดแล้วตอนนี้เหลือแต่การพิพากษาของครอบครัวหนิงว่าจะให้เขารอดหรือตาย !

 

          ทั้ง 4 คนกำลังคุยกันอย่างจริงจัง…..

 

          จากนั้นชางฮ่วยหลานพูดขึ้นมาว่า “ถ้าพวกเขาแต่งงานกันการที่เซี่ยเหล่ยมีการศึกษาเพียงแค่มัธยมตอนปลายทำให้มีความแตกต่างกับการศึกษาของหนิงจิงมากเกินไป ลูกที่เกิดมาเขาจะไม่ได้รับยีน AA พวกเขาจะได้รับยืน AB แทน”

 

          “ผมขอพูดหน่อย คุณมีสมองแค่เม็ดถั่วหรือไง ? ในโรงงานของผมมีผู้สำเร็จจากมหาวิทยาลัยชั้นสูงและมีวิศวกรระดับชั้นนำของประเทศ แต่ไม่มีใครมีฝีมือเทียบเท่าเซี่ยเหล่ยได้เลยรู้ไหม ? ความสามารถของเขายากที่จะหาใครมาเทียบเทียมเขาได้ในประเทศนี้ !”

 

          หนิงเหยี่ยซานถอนหายใจออกมา “ถ้าหนิงจิงเป็นลูกของผม ผมจะยกเธอให้เซี่ยเหล่ยเลย เพื่อทั้ง 2 คนจะได้ไปสานสัมพันธ์ต่อกันเอง”

 

          “ฉันไม่คิดแบบนั้นนะ” ชางฮ่วยหลานกล่าว

 

          ในอีกด้านหนึ่งชางฮ่วยหลานกระซิบข้างหูของหนิงที่ว่า “จิง ลูกรักเขาแค่ไหน ?”

 

           ใบหน้าของหนิงจิงเปลี่ยนเป็นสีชมพู “แม่ ทำไมแม่ถามแบบนี้ ?”

 

          “แม่ถาม ลูกตอบมาเถอะ” ชางฮ่วยหลานถามต่อว่า “ลูกเคยมีอะไรกับเขาแล้วรึยัง ?”

 

          หนิงจิงหน้าแดงมากขึ้น “เราไม่เคยทำอะไรแบบนั้น เราเคยแค่จับมืออย่างมากสุดก็แค่จูบปากกัน”

 

          “คุณทั้ง 2 ไม่เคยมีอะไรกัน ?”

 

          “เราไม่เคยมีจริงๆ !”

 

          “ดีมาก…. ที่ไม่เคย แม่รู้สึกโล่งใจ” จากนั้นชางฮ่วยหลานถอนหายใจออกมา

 

          ชางฮ่วยหลานกระซิปข้างหูหนิงจิงอีกครั้ง “ลูกรัก แม่ต้องการหาคนที่เหมาะสมกับลูก ถ้าเซี่ยเหล่ยเป็นคนที่เพรียบพร้อมจริงๆพวกเราก็พร้อมที่จะยอมรับเขาแต่เขาจบการศึกษาเพียงระดับมัธยมปลายเท่านั้นคนที่มีการศึกษาเพียงแค่นั้นจะมาเทียบเท่ากับลูกที่จบปริญญาเอกได้อย่างไร ?”

 

          “ถ้าแม่ไม่ชอบเขาตรงนี้ ก็ลืมไปซะสิ” หนิงจิงกล่าว

 

          ชางฮ่วยหลานไม่สนใจคำพูดหนิงจิงแม้แต่น้อยจากนั้นเธอพูดต่อว่า “ลูกยังจำเด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่เคยเล่นกับลูกในสมัยลูกยังเด็กได้ไหม ?”

 

          “ใคร ?”

 

          “เขาเป็นลูกชายของ ป้าหู่ เขาชื่อว่า เหยี่ยนเหวินเฉียนเขาเพิ่งจบการศึกษาที่อเมริกาเขาได้ปริญญาเอกด้านธุรกิจที่นั่นได้ยินมาว่าเขาได้รับการว่าจ้างจากกลุ่มเหวี้ยนเทียนเกี่ยวกับโรงงานไฟฟ้าพลังลมเขาจะได้รับงานนี้ทันทีหลังจากที่เขากลับมาที่ประเทศจีน เขาจะรับผิดชอบกับโครงการนี้ต่อไปในอนาคตด้วย”

 

          “แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวกับลูกยังไง ?”

 

          “เรื่องนี้มันเกี่ยวกับลูก ! เหว่นเฉียนตกหลุมรักลูกมาตั้งนานแล้วแม่สังเกตมาตลอดในวันนี้เมื่อเขาได้ยินว่าลูกอยู่ที่นี่เขาก็บอกว่าเขาจะรีบกลับมาเพื่อคุยเรื่องโรงงานไฟฟ้าพลังลมกับลุงของลูกโดยทันที แม่คิดว่าที่เขามาคุยกับลุงหนิงเขาคงอยากจะเจอลูกจิงด้วย” ชางฮ่วยหลานพูดพร้อมกับดูนาฬิกา “ป่านนี้เขาคงถึงแล้วล่ะ !”

 

 

          “แย่แล้ว….” หนิงจิงรู้สึกเป็นกังวลในทันที ถ้าเธอหันกลับไปบอกเซี่ยเหล่ยให้กลับบ้านไปในตอนนี้ คงจะเป็นการทำร้ายจิตใจเขา

 

          ชางฮ่วยหลานจ้องมองไปที่หนิงจิง “อะไรแย่ ? เหยี่ยนเหวินเฉียนเล่นกับลูกมาตั้งแต่เด็กคุณทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วัยเด็กเลยถ้าคนสองคนได้อยู่ด้วยกันถึงตอนนี้นะ หึ...หึ.... คงจะมีภาพที่สวยงามเกิดขึ้นอย่างแน่นอน !”

 

          หนิงจิงกัดที่ริมฝีปากของเธอ สถาการณ์ในตอนนี้เลวร้ายลงไปอีก ! เธอกำลังหันไปบอกเซี่ยเหล่ย….

 

          แต่ในทันใดนั้นชายหนุ่มสวมชุดสูทผูกเน็คไทอย่างสง่างามปรากฎตัวอยู่หน้าทางเข้าห้องอาหาร……

 

          ติดตามชมตอนต่อไป…….

 

         

         

 

         

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด