ตอนที่ 55 ในที่สุดเขาก็มาช่วยฉัน
เคียสเซอร์เข้ามาหาฉันเรื่อยๆ และพยายามยื่นหน้าเข้ามาใกล้กับฉันมันทำให้ฉันต้องเบี่ยงหน้าหลบเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะดิ้นเพื่อจะได้หลุดออกจากตัวของเขาได้
“ท่านครับมีบางอย่างผิดปกติที่ข้างนอกของปราสาทเราครับ”
พระเจ้าช่วยดีนะที่มีลูกน้องของมันมาพอดีไม่อย่างนั้นฉันคงจะโดนทำอะไรมิดีมิร้ายเป็นแน่ เขาหันหลังไปมองที่ลูกน้องของเขาก่อนจะถอยหายใจยาวๆแล้วลุกขึ้น
“เออฉันจะไปดูให้พวกแกนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆเลยนะ” เขาพูดด้วยท่าทีที่ไม่พอใจลูกน้องของตัวเองสักเท่าไหร่
“งั้นเดี๋ยวฉันมานะ เราจะได้เจอกันอีกครั้งหนึ่งที่รักของฉัน”
คำพูดที่แสนขยะแขยงนั่นฉันไม่อยากที่จะได้ยินมันอีกแล้ว เขาเดินออกไปแล้วปิดประตูลง ฉันรอให้ทุกอย่างเงียบจริงๆและรอให้เขาไปก่อนฉันค่อยจัดการไอ้ห่วงเหล็กนี่ออกไปเสียที ฉันรอเวลาประมาณหนึ่งถึงสองนาทีได้ ฉันก็เริ่มขยับตัวเพื่อที่จะออกจากห่วงเหล็กนี้มันอาจจะออกยาก แต่ฉันจะพยายามให้ถึงที่สุดเพื่อที่จะออกไปจากที่นี่ให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรฉันจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อของมันเด็ดขาด แกจะได้รู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของพลังของฉันถ้าฉันได้ออกไปจากห่วงเหล็กยักษ์นี่ได้ ฉันพยายามอยู่นานแต่มันก็ไม่สามารถออกจากห่วงเหล็กได้เลย ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทำยังไงแล้วฉันทำทุกวิถีทางแล้ว มันทำให้พลังงานของฉันเสียเปล่าเสียมากกว่า ห่วงนี้มันห่วงอะไรกันแน่มันถึงควบคุมพลังของฉันเอาไว้ได้แบบนี้ //เอี๊ยด// เสียงเปิดประตูได้ดังขึ้นมาอีกครั้งทำให้ฉันต้องหยุดการกระทำของฉันลง ฉันมองไปดูก็พบว่าเคียสเซอร์กลับเข้ามาในห้องนี้แล้ว
“แหมะฉันก็นึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่แท้มันไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ น่าเบื่อชะมัดต้องมาเสียเวลากับหูที่ฝาดของลูกน้องตัวเองแบบนี้เนี่ย เอาเถอะนะตอนนี้มันก็ควรจะเป็นเวลาที่มีความสุขของเราสองคนสิ ใช่ไหมที่รักเรามามีความสุขไปด้วยกันดีกว่านะ”
เขาล้มตัวลงมาเรื่อยๆแล้วเริ่มคลานจากข้างล่างเตียงเพื่อจะเข้ามาหาฉันที่อยู่บนเตียง ฉันต้องนิ่งไว้เพื่อรอโอกาสที่จะจัดการกับเขา เลย์ฉันเชื่อว่านายจะต้องมาช่วยฉันนายจะต้องหาฉันเจอแน่นอน เขาเข้ามาใกล้ฉันแล้วเขาเข้ามาค่อมฉันเอาไว้ก่อนที่จะยื่นหน้าเพื่อที่จะมาจูบฉัน ฉันหลับตาลงเพราะไม่อยากเห็นอะไรที่ฉันไม่อยากเห็น //ตุ๊บ// เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นมาทำให้ฉันลืมตาขึ้นมา หน้าของเขาอยู่ใกล้กับหน้าของฉันมาก แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือเขานิ่งลงและไม่ขยับเข้ามาหาฉันอีก จากนั้นเขาก็ล้มตัวลงไปข้างๆกับฉันแล้วสลบไป ฉันหันไปทางเขาก่อนจะหันกลับมาที่ข้างหน้า แล้วพบว่าเลย์อยู่ข้างหน้าของฉันแล้วก็ถือไม้เอาไว้อยู่ เลือดเต็มตัวของเลย์เต็มไปหมดเหมือนกับว่าเขาได้ต่อสู้กับใครมาก่อนหน้านั้น
“ว่าไงบ้างเบอร์รินสบายดีหรือเปล่า J เหนื่อยหน่อยนะตอนนี้แต่พวกเราต้องไปกันแล้ว”
ฉันพยักหน้าให้กับเขาก่อนที่เขาจะยกฉันขึ้นมา ฉันยกตัวเองขึ้นมาไม่ได้เนื่องจากห่วงเหล็กยักษ์มันหนักและใหญ่ไปหน่อย เลย์จับมือของฉันเอาไว้แล้วพาฉันเดินลงไปข้างล่างปราสาท ก่อนที่จะไปเจอกาโล่กับมาคาโอที่กำลังต่อสู้กับลูกน้องของเคียสเซอร์อยู่
“ฉันได้ตัวเบอร์รินแล้วเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะนะ” เลย์พูดขึ้นก่อนที่พวกเราจะรีบวิ่งออกไปจากปราสาท แต่มทว่าบางอย่างก็ได้เกิดขึ้นทุกอย่างเปลี่ยนไปเปลี่ยนเป็นสีขาวดำเหมือนกับตอนที่อยู่ในเขาวงกรดของเมสซีเรียเลย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย เราจะเจอกับอะไรอีกแล้วหรอเลย์”
ฉันพูดขึ้นด้วยความโกรธและฉุนเฉียวที่เจออะไรแบบนี้ตลอดเลย ยังไม่ได้พักเลยแล้วมาเจอแบบนี้อีก นี่สินะที่เขาเรียกว่าสงครามและการต่อสู้
“จะพาคนของฉันไปไหน ?? ฉันไม่ให้พวกแกเอาเธอไปหรอกนะพวกแกจะมาขัดขวางความสุขของพวกเราสองคนทำไม ถ้าเกิดพวกแกไม่ยอมปล่อยเธอกลับมาให้ฉัน อย่าหาว่าฉันไม่เตือนเลยนะ”
นี่คือคำขู่ของคนที่โดนไม้ฟาดหัวจนสลบไปสินะ ความสุขของเราที่ว่ามันเป็นแค่ของแกคนเดียวหรือเปล่าห้ะ ??
“หุบปากของแกซะฉันจะไม่มีวันให้เบอร์รินกับแกหรอกนะ เธอไม่ได้รักแกและไม่ได้เป็นของแก เธอ เป็น ของ ฉัน โว๊ยย”
เมื่อเสียงของเลย์พูดจบเสียงตะโกนด้วยความโกรธของเคียสเซอร์ก็ดังขึ้นมา
“แกนั่นแหละที่เอาของๆฉันไป เอาเธอคืนมาให้ฉันดีๆหรือว่าจะให้ฉันต้องฆ่าแกแล้วชิงตัวของเธอมากันแน่”
ทุกอย่างเริ่มเป็นสีแดงเหมือนดั่งไฟ ทุกอย่างเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับความโกรธของเขา
“เอาสิถ้าคิดว่าฆ่าฉันได้แกก็มาเลย อย่าลืมแล้วกันนะว่าแกไม่เคยชนะฉันเลยแม้แต่ครั้งเดียว และครั้งนี้ก็เช่นกันไอ้เคียสเซอร์”
หู๊ยเป็นการดูถูกที่ค่อนข้างแรงมากเลย มันทำให้เคียสเซอร์ไม่พอใจเป็นอย่างมากกับการโดนดูถูกกโดยคนที่เกลียดที่สุด
“งั้นเรามาเจอกันหน่อย เล่นเกมกันดีกว่า หึ หึ”