ตอนที่ 51 เรื่องราวของทั้งสองคน
[ขอบคุณมากนะคะที่ทำให้ฉันรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นเช่นไร แล้วก็ขอบคุณอีกทีที่บอกความในใจของฉันที่มีต่อดาโล่ทั้งหมดด้วยค่ะ]
ฉันยิ้มให้กับโซอิ ถึงแม้ว่าฉันจะบอกเธอไม่หมดก็เถอะอาจจะบอกแค่เพียงบางเรื่องเท่านั้น แต่ว่าสำหรับฉันคิดว่าการไม่บอกเธอในตอนนี้มันดีที่สุดแล้ว ไว้เวลาหรือจังหวะที่จำเป็นจะต้องบอกจริงๆค่อยบอกเธอก็แล้วกันนะ
“งั้นพวกเราก็ตามโซอิไปกันต่อเถอะ เมื่อเราไปเจอเธอเราจะได้จัดการเธอเสียที”
ฉันพูดขึ้นมาก่อนที่โซอิและทุกๆคนจะพยักหน้าให้กับฉัน แล้วพวกเราก็เดินตามโซอิไปเรื่อยๆ ต่อแถวกันไปเพราะว่าฉันเป็นคนเดียวที่มองเห็นโซอิ ใช้เวลาพอสมควรในการเดินไป จู่ๆโซอิก็หยุดลงแล้วก็วิ่งไปหลบที่กำแพง ฉันเห็นเช่นนั้นมันเป็นสัญชาติญาณของฉันให้ฉันทำตามเธอ
[เงียบไว้นะเจ้าคะมีตัวอะไรบางอย่างอยู่ข้างหน้าของพวกเราอยู่ในตอนนี้]
“เราหลบกันทำไมหรอครับ ??” มาคาโอพูดขึ้นมามันทำให้ฉันหันหลังไปดู พวกเขาก็หลบตามฉันเหมือนกันอย่างนั้นหรอ แต่ว่าตอนนี้โซอิบอกให้ฉันเงียบฉันจะต้องบอกให้พวกเขาเงียบด้วยเช่นกัน
“ชู เงียบเอาไว้เธอบอกว่ามอะไรบางอย่างอยู่ข้างหน้าของพวกเรา”
พอพูดจบเสียงบางอย่างก็เริ่มดังมาจากทางข้างหน้าของพวกเรา มันทำให้พวกเราทั้งหมดต้องหันไปดูทางนั้น
“หนาวเหลือเกิน หนาวเหลือเกิน” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งได้ก็ดังขึ้นมาจากข้างหน้าของพวกเรา ก่อนที่จะพบกับแสงประหลาดสีฟ้าที่ลอยผ่านเราไป ฉันอึ้งไปสักพักกับสิ่งที่ฉันเห็นอยู่ข้างหน้าของฉัน ฉันรอให้เจ้าแสงนั้นผ่านฉันไปก่อนมันลอยผ่านหน้าของพวกเราไปอีกฝั่งหนึ่ง โซอิถอนหายใจเบาๆแล้วหันมาหาฉัน
[โล่งอกไปทีค่ะดีนะที่มีประสาทสัมผัสรู้ทัน มิอย่างนั้นคงต้องลำบากเอาการณ์แน่เลยค่ะ]
“ลำบากที่ว่าอะไรอย่างนั้นหรอโซอิ ??” ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่โซอิพูดขึ้น แต่โซอิก็อธิบายให้ฉันฟังว่าไฟสีฟ้าที่ลอยผ่านพวกเราไปนั้นมันคือใครหน้ากลัวมากขนาดไหน
[คือว่าไฟสีฟ้าที่คุณได้เห็นก็คือปีศาจหม่นหมองค่ะ มันเกิดจากการที่คนๆหนึ่งกลายเป็นโรคซึมเศร้า เกิดคิดจะฆ่าตัวตายก็จะกลายเป็นปีศาจตัวนั้น แต่จริงๆมันต้องเป็นไฟสีแดง ที่เห็นไฟสีฟ้านั่นอาจจะเป็นเพราะจิตใต้สำนึกของใครบางคนทำให้เกิดแสงไฟสีฟ้าขึ้นมาเสียมากกว่าค่ะ ฉันไม่ค่อยแน่ใจแล้วนะว่าฉันมาอยู่ที่จิตใต้สำนึกของใครหรือเปล่า หรือมันเป็นเพราะว่าที่นี่มันเป็นเขาวงกรดจริงๆ]
เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง ที่ว่าจิตใต้สำนึกนั่นมันหมายความอย่างไร หรือว่านั่นจะเป็นจิตใต้สำนึกของเมสซีเรียกันนะ ที่ว่านั่นมันอาจจะเป็นเพราะว่าเราอยู่ในจิตใต้สำนึกของเมสซีเรียอยู่ก็เป็นได้ ปีศาจที่เห็นก็คือความคิดความรู้สึกของมันสินะ ฉันเข้าใจแล้วล่ะว่าแต่ละคนที่ไม่สามารถออกจากที่นี่ได้มันเป็นเพราะอะไร เอาเถอะตอนนี้เรายังหาทางออกไม่ได้เราคงต้องตามโซอิไปเรื่อยๆนั่นแหละนะ
“คือว่าพวกเราหลบอะไรกันอยู่หรอเบอร์ริน” เหมือนว่าพวกเขาทั้งสามคนก็ยังคงจะไม่เห็นอะไรเลยที่นี่ ถ้าเกิดไม่มีฉันพวกเขาคงจะหลงทางอยู่ที่นี่นานมากเลยล่ะมั้ง
“พอดีว่าโซอิเจอปีศาจไฟสีฟ้าน่ะ ถ้าจะให้เดาฉันว่าน่าจะเป็นจิตใต้สำนึกของเมสซีเรีย พวกปีศาจทั้งหมดที่พวกเราเห็นนี่มันน่ากลัวกว่าที่คิดเสียอีก”
[พวกเขาคงถามสินะคะว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วคุณเจออะไร]
ฉันพยักหน้าให้กับโซอิอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่โซอิจะยิ้มเบาๆให้กับฉัน
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆแล้วก็ฉันคิดว่ามันคงจะอันตรายมากแล้วล่ะ พวกเราคงมีแรงไม่พอที่จะเตรียมสู้กับจิตใต้สำนึกของเมสซีเรียหรอกนะ ฉะนั้นฉันคิดว่าพวกเราจะใช้ความเงียบที่สุดในการหาทางออกจากที่นี่ ต้องระมัดระวังตัวเอาไว้เสียแล้วล่ะ”
อย่างที่เลย์พูดพวกเราไม่มีแรงพอที่จะสู้แล้ว พวกเราเดินไปตามทางต่อไปหลบหลีกเจ้าพวกปีศาจไฟสีฟ้า
“เมื่อไหร่พวกเราจะสามารถออกจากที่นี่ได้หรอคุณโซอิ”
ฉันเหนื่อยมากและแทบจะขาล้ามากแล้ว นี่เดินมาเป็นสองชั่วโมงแล้วยังไม่ทันได้พักเลยนะ
[อีกนิดเดียวค่ะเดินทางไปอีกไม่กี่ร้อยเมตรพวกเราก็จะถึงแล้วนะคะใจเย็นๆก่อนค่ะ]
นิดเดียวก็นิดดียวฉันเชื่อเธอโซอิ พวกเราเดินไปได้ไม่เกินสิบนาทีก็พบกับประตูอะไรบางอย่างข้างหน้าประตูสลักรูปดอกไม้เหี่ยวแห้ง
[นี่ไงคะประตูทางออกพวกเราไปต่อกันเถอะค่ะ]
ในที่สุดเราก็พบกับทางออกเสียทีฉันโล่งอกโล่งใจก่อนที่ฉันและคนอื่นๆจะเดินเข้าไปหาประตู ฉันเปิดประตูออกพบว่ามีแสงอะไรบางอย่างลอดออกมา ฉันเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับทั้งสามคน แต่ว่าโซอิกลับหยุดเดินแล้วก็ไม่เดินตามฉันเข้ามา
“ทำไมถึงไม่ตามเรามาละ ??” ฉันถามโซอิโซอิทำหน้าเศร้าๆใส่ฉัน
[ฉันไม่สามารถที่จะไปกับคุณได้แล้วล่ะค่ะฝากดาโล่ด้วยนะคะ J]
ประตูได้ปิดลงฉันพยายามวิ่งเข้าไปหาประตูเพื่อเปิดมันแต่ไม่สามารถที่จะเปิดออกได้ ดูเหมือนว่ามันโดนล๊อกเอาไว้
“เกิดอะไรขึ้นครับทำไมโซอิถึงไม่มากับเราด้วย” ฉันนั่งลงที่ข้างประตู
“ที่ยัยนั่นมาไม่ได้เพราะว่าฉันไม่ให้มายังไงล่ะ ฮ่า ฮ่า อยากจะรู้ไหมถ้าอยากรู้ฉันจะใช้เวลานี้เล่าให้พวกแกได้ฟังเอง ฮี่ ฮี่”
นั่นมันเสียงของเมสซีเรียนี่