ตอนที่ 5 เดินข้ามฝั่ง
ผมเดินข้าไปอีกฝั่งหนึ่งด้วยความกล้าหาญนี้มันจะทำให้ผมรอดออกไปจากที่นี่ได้ใช่ไหม เมื่อผมเดินเข้าไปเรื่อยๆมันทำให้ผมรู้สึกหนาวขึ้นมาเรื่อยๆด้วยเช่นกัน ผมคิดถูกแล้วใช่ไหมที่ทำตามเสียงของผู้หญิงคนนั้นน่ะ แต่เมื่อเดินเข้าไปก็พบว่าข้างหน้าของผมเหมือนมีเศษซากอะไรบางอย่าง เป็นเศษซากของสิ่งก่อสร้างชนิดหนึ่ง
“นี่มันอะไรกัน. . ??” ผมถามกับตัวเองว่าสิ่งที่ผมเห็นมันคืออะไรกันแน่ ที่นี่มันที่ไหนกันแล้วเศษซากสิ่งก่อสร้างพวกนี้อยู่มานานเท่าไหร่กันแล้ว
“ที่นี่ปลอดภัยสำหรับคุณ. . อย่าออกจากที่นี่จนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ ไม่ว่าเสียงอะไรหรือว่าจะเจออะไรก็ตามแต่ อย่าแม้แต่จะออกกมาจากที่นั่น ถ้าคุณออกจากที่นี่ฉันคงช่วยเหลืออะไรคุณไม่ได้แล้ว”
เสียงผู้หญิงได้ดังขึ้นมาห้ามออกจากเศษสิ่งก่อสร้างพวกนี้หรอ แล้วทำไมถึงออกไปไม่ได้ล่ะ ??
“ผมจะต้องเข้าไปในเศษบ้านนี่หรอครับ. .แล้วทำไมถึงต้องอยู่จนถึงวันพรุ่งนี้ด้วยล่ะ ??”
ผมถามเธอด้วยความสงสัย ซึ่งเธอก็ไม่ได้ตอบอะไรผมอีกเลย แต่ผมก็โง่ที่ทำตามที่เธอบอกนะ ผมเดินเข้าไปในบ้านร้างนั่นแล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้เล็กๆจนกระทั่งมันเริ่มมืดลง แสงสว่างเริ่มหายไปเพราะว่าตอนนี้มันคงจะเย็นแล้ว ทุกอย่างเงียบมากจนทำให้ผมง่วงนอนสุดๆไปเลย แถวนี้คงไม่มีอะไรมากินผมหรอกมั้งผมอยากจะนอนใจจะขาดอยู่แล้ว นอนเอาแรงด้วยจะได้ไม่ต้องเหนื่อยในวันพรุ่งนี้ ผมนอนลงกับพื้นที่บ้านร้างหลังนั้นแล้วก็หลับตาลง
“แกจะต้องรอดออกไปจากที่นี่ ฉันเชื่อใจแกไอ้ลูกรัก”
นี่มันพ่อเลี้ยงนี่นาพ่อเลี้ยงกำลังให้กำลังใจกับผมอยู่ ในตอนที่ผมกำลังจะได้เป็นหัวหน้าเรือ
“ครับผมจะทำให้ดีที่สุดเชื่อใจผมได้เลย ไม่ว่าอย่างไรผมจะหาสมบัติกลับบ้านติดมือไปให้กับพ่อให้ได้”
ใช่สินะผมได้บอกได้กล่าวกับท่านเอาไว้แบบนั้น แน่นอนผมจะไปหาพ่อให้ได้แต่ตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าผมจะไปอย่างไรดี //ตู้มมมม//
“เฮ้ย” ผมตกใจกับเสียงอะไรบางอย่างที่ดังอยู่ข้างนอกของบ้านร้างหลังนี้ ผมจึงชะเงื้อมองออกไปดูแล้วพบกับอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมต้องตกใจเมื่อได้มองออกไป ข้างนอกนั่นมียักษ์น่ากลัวตัวเต็มไปด้วยเลือกที่เดินผ่านบ้านร้างหลังนี้ไป ผมปิดปากของตัวเองเอาไว้เพื่อที่จะไม่ตะโกนออกมาเสียงดัง
“ว๊ากกกกกกกกก” เสียงของยักษ์ที่ตะโกนดังลั่นเกาะแห่งนี้มันทำให้ผมตัวสั่นด้วยความกลัว ทั้งๆที่ทุกอย่างดูมืดมิดแต่ผมกลับเห็นไอ้ยักษ์ตัวนี้ได้อย่างชัดเจนเพราะอะไรไม่รู้
“สิ่งที่เธอบอกทำให้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงไม่ให้ออกไปจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้”
ผมบอกกับตัวเองผมว่าผมเชื่อใจเธอได้ เธอช่วยชีวิตผมเอาไว้ถ้าผมไม่เชื่อเธอผมอาจจะโดนเจ้ายักษ์ตัวนั้นจับกินแน่ๆ เพราะข้างนอกนั่นไม่มีที่ซ่อนให้กับผมเลยแม้แต่น้อย เสียงบางอย่างได้ดังขึ้นมาจากข้างนอกเต็มไปหมดเหมือนว่ามันไม่ได้มีเพียงแค่เจ้ายักษ์นั่นเท่านั้น แต่มันยังมีอย่างอื่นที่อันตรายด้วยเช่นกัน ผมนอนไม่หลับจนกระทั่งถึงตอนเช้า พวกนั้นมันเป็นปีศาจที่น่ากลัวมาก. . ผมกลัวจริงๆนะ พวกมันเริ่มออกไปจากแถวนี้ ผมไม่รู้นะว่ามันไปกันที่ไหนแต่ผมรู้แค่ว่าตอนนี้ผมโล่งออกขึ้นมาทันใดที่เห็นว่ามันเป็นเช่นนั้น
“ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้วถ้าจะเดินออกมาจากที่บ้านร้างหลังนั้นก็เดินออกมาได้นะ ฉันช่วยคุณได้แค่นี้”
เสียงผู้หญิงคนนั้นผมอยากจะรู้จริงๆว่าเธอเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงมีเสียงดังก้องบริเวณนี้เลย แต่ผมไม่เห็นตัวของเธอเลยนะ
“คือว่าคุณเป็นใครกันแน่ครับทำไมถึงต้องช่วยผมไว้ด้วย แล้วทำไมคุณถึงไม่ออกมาจากที่ซ่อนของคุณมาให้ผมได้ขอบคุณแบบเห็นหน้าหน่อยได้ไหมครับ ??”
ผมอยากจะเห็นเธอจริงๆนะแต่ผมก็ไม่รู้ว่าเธอจะออกมาให้ผมได้เห็นหรือเปล่า เอาจริงๆ. . เสียงของเธอดูน่ารักมากเลยนะ ผมไม่ได้ยินเสียงผู้หญิงมานานหลายปีแล้วล่ะ พึ่งได้ยินก็วันนี้แหละนะ
“คุณจะได้เห็นในตอนที่คุณจะได้เห็นเท่านั้น ถ้าอยากเห็นก็ทำตามที่ฉันบอกในทุกขั้นตอนให้คุณได้รอดก่อนก็แล้วกันนะคะ”
สิ่งที่เธอได้พูดกับผมนั้นทำให้ผมต้องเงียบลงและไม่ได้ถามเธอต่อ อาจจะเป็นเพราะว่าผมอยากจะรอดออกไปจากที่นี่. . ไม่สิผมอยากที่จะเห็นเธอเสียมากกว่า มันก็เลยทำให้ผมนั้นต้องการที่จะเชื่อเธอมากกว่าไม่เชื่อเธอน่ะสิ
“งั้นแบบนั้นก็ได้ครับแต่ว่าผมควรจะทำอย่างไรต่อดีล่ะ ?? ผมไม่รู้ว่าผมจะทำอย่างไรแล้ว กลัวว่าถ้าเดินออกไปข้างนอกแล้วเข้าไปในเกาะจะเจอเจ้าตัวสัตว์ประหลาดพวกนั้นอีก”
ผมถามเธอไปเพราะความไม่แน่ใจของผมอะนะ . . .โคตรเศร้าเลยแฮะที่ต้องมาให้ผู้หญิงช่วยแบบนี้
“ถ้าคุณต้องการที่จะรอดคุณก็ต้องออกไปสู่ข้างนอกเพื่อหาทางรอดเอาเอง แต่ขออย่างเดียวนะคะคือว่าถ้าตกเย็นให้กลับมาที่นี่เฉกเช่นเดิม คุณจะได้รอดจากเจ้าตัวสัตว์ประหลาดที่คุณเห็นนั่น เกาะนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิดหรอกค่ะ ขอให้มีชีวิตรอดต่อไปนะคะ”
ผมเงียบลงและไม่ได้ตอบอะไรเธออีก เพราะตอบเธอไปแค่เจ็ดคำเท่านั้น
“ขอให้โชคดีเช่นกันครับ”