ตอนที่ 49 ติดอยู่ในเขาวงกรด
ฉันให้ดาโล่อุ้มเมสเซอร์รี่ไปวางไว้ตรงโขดหินแล้ววางดอกไม้เอาไว้ให้เธอหนึ่งดอก ก่อนจะเดินนำหน้าของทั้งสามคนเพื่อไปหาเมสซีเรียไอ้ฆาตกรฆ่าน้องสาวของตัวเอง นี่มันเกินไปสุดๆมากแล้วกับสิ่งที่เธอทำ เธอไม่มีเยื่อใยให้แม้กระทั่งน้องสาวที่เกิดมาพร้อมกับเธอเลยอย่างนั้นหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นคนอย่าเธอไม่สมควรที่จะอยู่ที่ไหนได้อีกต่อไป นอกจากจะตายเพียงเท่านั้นหรือไม่มันอาจจะทรมานกว่าที่คนอย่างมันคิดก็เป็นได้ พวกเราเดินกันไปสักพักก่อนจะไปพบกับปราสาทสีดำที่อยู่ข้างหน้าของเรา ซึ่งพวกเราไม่เคยเห็นมันมาก่อนรวมถึงเลย์ด้วยเช่นกัน เพราะดูจากสีหน้าของเขาแล้วเขาไม่รู้เลยว่ามันมาจากที่ใด พวกเราเดินเข้าไปสักพักเท้าของฉันที่กำลังกก้าวไปข้างหน้าเมื่อแตะลงผืนดินตรงบริเวณอาณาเขตของปราสาท //ดุ๋ม// เสียงเหมือนหยดน้ำที่กระทบลงกับน้ำอีกครั้งหนึ่งได้ดังขึ้นมา จากนั้นทุกอย่างมืดลงในทันตาก่อนที่จะพบว่า พวกเรากลายเป็นตัวสีขาวจากภาพสามดีกลับกลายเป็นสี่ดีในทันที
“สิ่งที่ทุกคนได้เห็นอยู่ตรงนี้ก็คืออาณาเขตเวทย์มนตร์ของท่านหญิงเมสซีเรีย ไม่ใช่สิเมสซีเรียครับผม เธอใช้ในการเล่นเกมกับสิ่งของหรือตัวหรือว่าคนที่เธออยากจะฆ่าทิ้ง มันเหมือนเขาวงกรดชนิดหนึ่งที่ต้องหาทางออกให้เจอ มิอย่างนั้นพวกเราก็จะไม่สามารถออกจากที่นี่ได้อีก แล้วถ้าเกิดเราอยากจะกลับทางเดินขอลองให้ทุกคนหันกลับไปดูเลยครับ”
ฉันมองไปสู้ข้างหลังตามที่ดาโล่ได้กล่าวเอาไว้ ก่อนที่จะพบว่าข้างหลังนั้นกลายเป็นภูเขาที่สูงชันกลั้นข้างหลังของเราเอาไว้เสียหมดทำให้เราไม่สามารถที่จะออกไปจากที่นี่โดยการย้อนกลับได้เลย ต้องไปข้างหน้าอย่างเดียวสินะ
“ทุกๆคนยินดีต้อนรับสู่อาณาเขตเวทย์มนตร์เขาวงกรดที่น่ารักของฉันนะจ๊ะ ฮี่ ฮี่”
เสียงของเมสซีเรียได้ดังขึ้นมาจากทุกทิศทุกทาง เสียงหัวเราะที่หน้าขยะแขยงนั่นทำให้ฉันขนรุกสุดๆ
“ฉันไม่อยากจะพูดมากแล้วแค่จะบอกว่าขอให้ผ่านไปได้โดยดีแล้วกันนะทุกคน ขอบคุณที่หาอะไรมาให้ฉันดูสนุกตาของฉันก็แล้วกันนะ ฮี่ ฮี่”
เกลียดคนแบบนี้สุดๆเห็นเรื่องชีวิตของคนอื่นเป็นเรื่องสนุกตลกขำขัน อย่าให้ฉันได้ออกไปจากที่นี่ถ้าเกิดฉันออกไปได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้นแกจะไม่มีทางได้จากลาโดยดี แกจะตายแบบทรมานนางงูพิษ
“พวกเราเดินหาทางกันเถอะนะ ดาโล่แล้วนายรู้วิธีการออกหรือว่าอะไรบ้างหรือเปล่า ?”
เลย์ถามดาโล่ไปเพราะว่าดาโล่เป็นคนที่อยู่กับเมสซีเรียเยอะที่สุดแล้ว พวกเราไม่ได้สนิทอะไรกับเธอเลยก็เลยไม่รู้พลังของเธอว่ามีมากมีน้อยแค่ไหน
“เท่าที่รู้มาทางออกมีจริงๆครับแต่มันยาวมากกว่าจะไปถึงคงหลายวันเลย แถมทางที่เราไปก็มีอันตรายเต็มไปหมด แต่ผมเคยเห็นคนหนึ่งที่สามารถออกจากที่นี่ได้โดยใช้เวลาเพียงไม่นานเท่านั้น ผมไม่รู้ว่าเขาทำอย่างไรแต่เขาก็โดนเมสซีเรียฆ่าทิ้งเช่นเดิม”
อย่างนั้นเองหรือคือว่าไม่ว่าจะรอดออกไปก็จะโดนมันฆ่าทิ้งอยู่ดีสินะ แต่ก็ดีแล้วมีวิธีเดียวที่สามารถฆ่ามันได้ก็คือการเจอมันเนี่ยแหละ
“เอาเถอะนะเราไปกันเถอะเสียเวลาเปล่าๆนะอยู่ที่นี่น่ะ”
เลย์ก็พูดถูกของเลย์นะเราอยู่ที่นี่นานก็เสียเวลาเปล่าๆงั้นพวกเราก็เดินกันต่อเลยจะดีกว่า พวกเราพากันเดินไปเรื่อยๆตามทางเพราะตอนนี้มันมีอยู่ทางเดียวที่เราเดินไป ทั้งสองทางโดนหินปิดกลั้นเอาไว้จนหมด
[อย่าไปทางนั้นนะ] เอ๋เสียงผู้หญิงได้ดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่ง ฉันลองหันหลังไปดูแต่ก็ไม่เห็นมีใครอยู่ หรือว่าฉันจะคิดไปเองนะเพราะว่าฉันนอนน้อยหรือเปล่า หรือเพราะว่าฉันหิวข้าวกันนะ ช่างมันเถอะเดินต่อไปดีกว่า
[ได้โปรดเชื่อฉันอย่าไปทางนั้นเลย] เสียงมันดังขึ้นมาอีกครั้งแล้ว มันไม่ใช่แล้วมั้งฉันว่าหูฉันไม่ได้ฝาดแล้วนะคราวนี้ ฉันลองหันหลังไปอีกทีก็พบกับเด็กผู้หญิงใส่หน้ากากคนหนึ่ง มันทำให้ฉันตกใจที่เจอเธอจนต้องเอามือกุมหัวใจเอาไว้
“เย้ยเธอเป็นใครกัน ??” ฉันพูดขึ้นมาก่อนที่ทั้งสามคนจะมองมาหาฉันในทันที
“นี่ที่รักเธอกำลังพูดกับใครอยู่ ??” เลย์หันมาถามฉันด้วยความสงสัย นี่เขาตาบอดหรือไงถึงไม่เห็นเด็กผู้หญิงคนนี้เนี่ย
“ก็เด็กผู้หญิงคนนี้ไงเนี่ยนายไม่เห็นเธอหรอ ?” พวกเขาทั้งสามคนทำหน้างงๆใส่ฉัน
[โปรดตามฉันมาเถอะฉันจะพาพวกเธอทุกคนหาทางออกเอง] หมายความว่าอย่างไรที่ว่าหาทางออกน่ะ แล้วเธอจะช่วยเราอย่างไรกัน หรือว่าเธอจะรู้ว่าทางออกมันอยู่ที่ไหนกันนะ ??
“นี่จะเดินไปไหนเบอร์ริน” ฉันเดินตามเด็กผู้หญิงคนนั้นไป ความรู้สึกของฉันเชื่อว่าเธอจะช่วยฉันออกไปจากที่นี่ได้จริงๆ
“ตามมาเถอะเดี๋ยวพวกนายก็รู้เอง” ฉันพูดจบฉันก็เดินตามเธอไปในทันที ขอให้เธอพาพวกเราออกไปจากที่นี่ได้ด้วยเถอะ