เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 100 วิญญาณกายาหยกขาว (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 100 วิญญาณกายาหยกขาว
แปลโดย iPAT
สิบวันผ่านไป
ลึกลงไปในโลกใต้พิภพ
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว”
วานรหินตาหยกสิบตัวกระโดดอยู่กลางอากาศด้วยภาพเงาที่พร่าเลือน
พวกมันกระโจนเข้าโจมตีฟางหยวนอย่างไม่หยุดยั้ง
หากเป็นก่อนหน้านี้ฟางหยวนต้องหลบหนี แต่เวลานี้เขาสามาถยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมด้วยการแสดงออกที่ไม่แยแสราวกับประติมากรรมหิน
ฝูงลิงทั้งข่วน กระแทก และกัดฟางหยวน แต่เสียงแตกหักกลับไม่ได้ดังขึ้นจากผู้ถูกโจมตี ตรงข้ามมันเกิดจากอีกฝ่าย
แสงสีขาวห่มคลุมร่างกายของฟางหยวนเอาไว้ทั้งหมด แม้มันจะดูเบาบางกว่าแสงสีเขียวของวิญญาณกายาหยกเขียว แต่มันทรงพลังกว่าถึงสองเท่า
วิญญาณกายาหยกขาวสามารถป้องกันการโจมตีของวานรหินตาหยกสิบหกตัว อย่างไรก็ตามตอนนี้ฟางหยวนกำลังเผชิญหน้าอยู่กับวานรหินตาหยกสามสิบตัว
‘ในสนามประลอง ข้าสามารถทำลายการป้องกันของวิญญาณกายาหยกเขียวของฟางเจิ้งได้ด้วยมือเปล่า หากมันเป็นวิญญาณกายาหยกขาว แม้กระดูกของข้าจะแตกหักทั้งหมด ข้าก็ยังไม่สามารถทะลวงผ่านการป้องกันของมัน’
ฟางหยวนครุ่นคิด ขณะเดียวกันก็เพ่งจิตเข้าไปยังทะเลวิญญาณของตน
ในทะเลวิญญาณสีทองแดง วิญญาณกายาหยกขาวนอนอยู่ก้นทะเลและดูดกลืนพลังวิญญาณของฟางหยวนอย่างต่อเนื่อง
‘การทำงานของวิญญาณกายาหยกขาวไม่ต่างจากวิญญาณกายาหยกเขียว ยิ่งการโจมตีรุนแรงเท่าใด มันก็ยิ่งกลืนกินพลังวิญญาณเท่านั้น’
ฟางหยวนสรุปและเริ่มโจมตี
หมัดและเท้าถูกส่งออกไป การโจมตีของเขาเรียบง่ายแต่มันเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ
แม้วิญญาณหมูขาวจะหายไปแล้ว แต่ความแข็งแกร่งที่มันมอบให้ยังอยู่ในร่างของเขา
ฝูงวานรหินตาหยกเริ่มตกตาย บางส่วนพุ่งกระแทกกำแพงหิน บางส่วนถูกระเบิดทำลายกลางอากาศและกลายเป็นเศษหินร่วงหล่นลงบนพื้น
ดาบแสงจันทร์ราวกับเคียวมัจจุราชที่พรากชีวิตวานรหินตาหยกหลายตัว
ด้วยทะเลวิญญาณสีทองแดง วิญญาณแสงจันทร์ระดับหนึ่งสามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับวานรหินตาหยกทุกครั้งที่พวกมันถูกโจมตี
"เจี๊ยก เจี๊ยก"
วานรหินตาหยกกรีดร้องเสียงดังก่อนจะล่าถอยกลับไปในส่วนลึกของป่าหิน
ฟางหยวนไม่ได้ไล่ล่าพวกมันแต่ค่อยๆเดินลึกเข้าไป
วันนี้เขาใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับการรับสืบทอดมรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้
เขาเดินลึกเข้าไปและพบวานรหินตาหยกมากขึ้นเรื่อยๆ
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว”
ฝูงวานรหินตาหยกนับร้อยพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนด้วยความโกรธ
ฟางหยวนต้องวิ่งหนี
วานรหินตาหยกมีมากเกินไป กระทั่งวิญญาณกายาหยกขาวก็ไม่สามารถปกป้องชีวิตเขา
พวกมันไล่ล่าฟางหยวนอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนจะล่าถอยกลับรัง เมื่อวานรหินตาหยกลดลงเหลือประมาณสามสิบตัว ฟางหยวนหันหลังกลับและโจมตีพวกมันอย่างกะทันหัน
หลังการต่อสู้ วานรหินตาหยกหลายตัวเริ่มวิ่งหนี บางตัวไม่กล้าแม้แต่จะกลับเข้าไปในรังของพวกมัน
เมื่อเวลาผ่านไป ฟางหยวนสังหารวานรหินตาหยกมากกว่าร้อยตัวและทิ้งเศษหินจำนวนมากเอาไว้เบื้องหลัง
‘พลังวิญญาณของข้ากำลังจะหมด’ ฟางหยวนถอนหายใจ
หากเป็นก่อนหน้าเขาจะใช้หินวิญญาณเต็มเติมทะเลวิญญาณของเขา แต่หลังจากหลอมรวมวิญญาณกายาหยกขาว เขาตกอยู่ในสภาวะขาดแคลนหินวิญญาณอย่างรุนแรง
ฟางหยวนหยิบตาหยกของวานรหินขึ้นมาและยัดมันเข้าไปในถุง
‘มันควรจะอยู่ที่ใจกลางป่าหิน เพื่อไปที่นั่น ข้าต้องฝ่าฟันอุปสรรคบนเส้นทางสายนี้’ ฟางหยวนมองไปยังจุดศูนย์กลางของป่าหินก่อนจะตัดสินใจเดินย้อนกลับออกไปยังห้องลับที่สอง
ที่มุมห้องมีบางสิ่งวางอยู่
มันเป็นถุงใบเล็กๆที่บรรจุตาหยกของวานรหินหลายร้อยเม็ด ฟางหยวนเปิดมันออกและทำให้เม็ดหยกร่วงหล่นลงมา
เม็ดหยกปะทะกันส่งเสียงดังกังวานไปทั่ว
มันยังมีถุงใบใหญ่ที่บรรจุเขี้ยวหมูป่าเอาไว้ ตอนนี้ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องออกล่าหมูป่าอีกต่อไป
เขาใช้วิญญาณหมูขาวและวิญญาณกายาหยกเขียวเพื่อให้กำเนิดวิญญาณกายาหยกขาวไปแล้ว
อาหารของวิญญาณกายาหยกขาวเหมือนกับวิญญาณกายาหยกเขียว มันคือหยก
วิญญาณกายาหยกเขียวต้องกินหยกสองชิ้นทุกสิบวันแต่วิญญาณกายาหยกขาวต้องกินแปดชิ้นทุกยี่สิบวัน
โดยปกติยิ่งวิญญาณระดับสูงเท่าใด รอบการกินอาหารของพวกมันก็ยิ่งยึดยาวออกไปเท่านั้น วิญญาณระดับสองอาจต้องการอาหารทุกครึ่งเดือน ขณะที่วิญญาณระดับสามอาจต้องการอาหารทุกเดือนหรืออาจยาวนานกว่านั้น
แน่นอนว่ายิ่งระดับสูงขึ้นก็จะกินอาหารมากขึ้น กล่าวได้ว่าค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูวิญญาณกายาหยกขาวสูงกว่าวิญญาณกายาหยกเขียวและวิญญาณหมูขาวรวมกัน
แต่ฟางหยวนมีป่าหิน เขาไม่ขาดแคลนหยก ในเวลาเดียวกันเขาก็ไม่จำเป็นต้องออกล่าหมูป่าอีกต่อไป สิ่งนี้ช่วยลดปัญหาของฟางหยวนไปได้มาก
ฟางหยวนหยิบถุงเก็บน้ำที่ทำมาจากหนังวัวขึ้นมา
ภายในถุงหนังเต็มไปด้วยพิษผึ้ง หลายวันที่ผ่านมาฟางหยวนพึ่งพาวิญญาณกายาหยกขาวเพื่อเก็บรวบรวมพิษผึ้งจำนวนมาก
"ข้าเหลือหินวิญญาณเพียงสองก้อนกับอีกครึ่งหนึ่ง ถึงเวลาแล้วที่ข้าจะไปยังห้องโถงภารกิจฝ่ายในเพื่อจบภารกิจนี้"
ฟางหยวนนำถุงหนังออกจากถ้ำ
ตอนนี้เป็นเวลาอาทิตย์ตก
แสงสีแดงรอดผ่านต้นสนตกกระทบลงบนภูเขาชิงเหมา แม้มันจะยังอยู่ในฤดูหนาว แต่อากาศกลับไม่หนาวเย็นมากนัก
ฟางหยวนเดินกลับหมู่บ้านเพียงลำพัง
เขาไม่ได้ใช้เส้นทางตรงแต่เดินวนอยู่ในป่าชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้รอยแยกของหุบเขาแห่งนี้ถูกค้นพบ
ลมหนาวพัดผ่านใบหน้าของเขาพร้อมกับกลิ่นอายแห่งเสรีภาพ
ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ยังอยู่ในสถานศึกษา เขาต้องลอบออกมาในยามดึก แต่เมื่อเขากลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสอง เขาสามารถเคลื่อนไหวได้ตามใจปรารถนา
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการตายของกลุ่มเจียวซานอนุญาตให้ฟางหยวนสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
เรื่องเดียวที่อาจทำให้เขาพบกับความยากลำบากเล็กน้อยก็คือการทำภารกิจของกลุ่มให้กับตระกูลเดือนละครั้งด้วยตัวเขาเพียงลำพัง
หลังจากตระกูลสูญเสียผู้ใช้วิญญาณจำนวนมากจากเหตุการณ์ก่อนหน้า ตอนนี้พวกเขาจัดกลุ่มใหม่เรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าฟางหยวนไม่เข้าร่วมกับกลุ่มใด
ชื่อเสียงที่ไม่ดีนักของฟางหยวนทำให้เขาถูกปฏิเสธจากผู้คน
แต่นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ
‘เมื่อข้าถูกละทิ้ง ผู้คนก็จะให้ความสนใจข้าน้อยลง นี่เป็นเรื่องดีสำหรับข้า สำหรับภารกิจของตระกูล ข้ายังต้องทำมัน แต่...’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของฟางหยวนก็ส่องประกายเย็นเยียบ เขามีแผนการอยู่ในใจแล้ว
ตระกูลกำหนดให้ผู้ใช้วิญญาณทุกคนรับภารกิจเดือนละหนึ่งชิ้น แต่ตระกูลไม่ได้บังคับให้ทำ
หากไม่สามารถจบภารกิจ พวกเขาเพียงถูกตัดคะแนนผลงาน นี่คือจุดที่ผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆมองไม่เห็นและพยายามทำภารกิจให้สำเร็จ
แต่สำหรับฟางหยวน? คะแนนผลงานมีค่าน้อยกว่าอึสุนัข!
ภายในหมู่บ้าน ผู้คนนับไม่ถ้วนเดินไปตามเส้นทางหิน
นี่เป็นช่วงเวลาที่ผู้ใช้วิญญาณกลับมาจากการปฏิบัติภารกิจพร้อมกับบาดแผล ชาวนาเดินลากเท้ากลับจากทุ่งกว้างด้วยความเหนื่อยล้า
ในโลกใบนี้การใช้ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ดวงอาทิตย์ค่อยๆลับตาไป แสงที่อบอุ่นเริ่มเลือนหาย
"ของเล่นของข้า!" เด็กหญิงผู้หนึ่งกรีดร้องและวิ่งไล่ตามว่าวสายป่านขาดของนางผ่านฝูงชน
มันม้วนตัวปลิวลงมาหยุดอยู่ที่เท้าของฟางหยวน เด็กหญิงพุ่งชนขาของเขาอย่างกะทันหันเป็นเหตุให้นางล้มลงบนพื้น
"ขออภัยนายท่านผู้ใช้วิญญาณ โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย" บิดาของเด็กหญิงเร่งกล่าวขอโทษด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
เด็กหญิงร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ
มนุษย์ธรรมดาที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างถอยห่างออกไปราวกับหลีกเลี่ยงโรคระบาด
ผู้ใช้วิญญาณบางคนจ้องมองด้วยใบหน้าเย็นชาก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่แยแส
"หยุดร้องไห้! อย่าสร้างปัญหา!" พ่อเด็กยกมือขึ้นเตรียมตบหน้าเด็กหญิงด้วยความโกรธ แต่ฟางหยวนกลับคว้าข้อมือของพ่อเด็กเอาไว้
"เรื่องเล็กน้อย อย่ากังวล" ฟางหยวนหัวเราะเบาๆก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะเด็กหญิงอย่างแผ่วเบาพร้อมกับกล่าวปลอบโยน "อย่ากลัว ไม่เป็นไร"
เด็กหญิงหยุดร้องไห้ก่อนจะใช้ดวงตาคู่กลมโตของนางมองฟางหยวนและคิดว่าพี่ชายผู้นี้ใจดีจริงๆ
"ขอบพระคุณนายท่าน ขอบพระคุณนายท่านที่เมตตา" พ่อเด็กเต็มไปด้วยความสุขและเร่งขอบคุณฟางหยวนอย่างไม่จบไม่สิ้น
ฟางหยวนเดินต่อไป
บ้านเช่าของเขาอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
เรื่องน่าแปลกก็คือผู้ใช้วิญญาณตงถูยืนอยู่หน้าบ้านเช่าดังกล่าวและกำลังมองฟางหยวนจากระยะไกล ชัดเจนว่าเขากำลังรอฟางหยวนอยู่