ตอนที่ 34 : ไร้สิ้นเม็ดเงิน ไร้สิ้นคำข้าวยาไส้
เกอซีตื่นตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน หญิงสาวรีบเปิดกล่องหยกอีกใบหนึ่งขึ้นทันทีเพื่อจะได้พบกับพฤกษาเวทอีกต้นที่ยังคงนิ่งสนิทอยู่ด้านใน เพียงทว่ารูปลักษณ์ของมันดูจะแปลกประหลาดกว่าต้นเมื่อครู่
“นั่นคือสมุนไพรสายรุ้งระย้า สมุนไพรชนิดนี้ประกอบด้วยใบที่ม้วนเข้าเป็นทรงกระบอกทั้งหมดสิบสามใบ ทุก ๆ ร้อยปีใบไม้ที่อยู่บนลำต้นนั้นจะคลี่คลายออกมาหนึ่งใบ ส่วนใบใหม่ที่ผลิแตกออกจะส่งกลิ่นหอมฟุ้งกำจายอย่างรุนแรง กลิ่นที่หอมฟุ้งนั้นมีแรงดึงดูดอย่างกล้าแข็งต่อหมู่สัตว์ปีศาจที่มีพลังเวทขั้นแปดหรือต่ำกว่านั้น อีกทั้งยังมีคุณบัติเพิ่มคุณลักษณะของสัตว์ปีศาจและเป็นตัวดึงดูดเหล่าสัตว์อสูร ต้านต้านชอบกินมากเลย แต่ตอนนี้มันยังเล็กมาก มันยังไม่อาจส่งกลิ่นใดออกมาได้เลย”
เจ้าหนูนี้จะต้องพูดถึงเรื่องการกินอยู่ตลอดเวลา !
เกอซีรู้สึกขบขันไปกับธรรมชาติที่แสนตะกละตะกลามของต้านต้าน นางอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเคาะที่เปลือกไข่นั้นพร้อมด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า “ไม่คิดเลยว่าต้านต้านของข้าจะเป็นผู้มีทักษะยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ เจ้าสามารถจดจำคุณสมบัติของบรรดาพฤกษาเวทไม่ธรรมดาพวกนี้ได้ อีกทั้งยังสามารถบรรยายได้อย่างกระจ่างชัดมีที่มาที่ไปอีกด้วย”
“แน่นอน !” น้ำเสียงของต้านต้านเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและให้ความรู้สึกที่เป็นกันเองอย่างใกล้ชิด “ท่านแม่ ต้านต้านมีประโยชน์มากใช่ไหม ต้านต้านสามารถจดจำพฤกษาเวททุกชนิดในใต้หล้านี้ได้ ต่อไปเบื้องหน้าต้านต้านจะต้องสามารถช่วยท่านแม่ได้อย่างแน่นอน”
เกอซีเลือกที่จะไม่เอ่ยวาจาตอบโต้ใดด้วยยังไม่เชื่อถือว่าเพียงฟองไข่ใบหนึ่งที่ยังไม่เคยหลุดลอดออกไปจากมิติเวทแห่งนี้จะไปรู้จักจดจำพฤกษาเวททุกชนิดในใต้หล้าได้อย่างไร บางทีการที่เขาสามารถรู้เรื่องราวบางอย่าง คงเป็นเพราะได้อยู่ใกล้ชิดกับท่านผู้เฒ่าซูมี่มาเป็นเวลานานจึงเคยได้ยินท่านผู้เฒ่าบอกเล่าเรื่องราวและความรู้ต่าง ๆ มากมายในยุทธภพ ด้วยเหตุนั้นย่อมทำให้ต้านต้านพอจะเป็นผู้มีความรู้กว้างขวางขึ้นบ้าง
หญิงสาวยังคงตบฝ่ามือลงไปที่ต้านต้านเบา ๆ พร้อมคำป้อยอที่ทำให้แสงเรืองรองสีทองที่เปล่งออกมาจากเปลือกไข่บิดม้วนไปมาไม่เป็นรูปทรงยามเมื่อเสียงหัวเราะคิกคักเซ่อ ๆ ซ่า ๆ น่าขันดังขึ้น
“ต้านต้านเจ้าสามารถมองทะลุผ่านออกไปนอกมิติเวทกระนั้นหรือ ?”
“ย่อมไม่ได้ !” ต้านต้านตอบด้วยน้ำเสียงผิดหวัง “หากแต่เมื่อใดที่ต้านต้านออกไปได้ก็ย่อมสามารถกระทำได้ ! เช่นนั้นท่านแม่ต้องช่วยต้านต้านออกไปนะ ต้านต้านอยากอยู่กับท่านแม่ตลอดเวลา”
เกอซีหวนนึกถึงกองสมบัติเวทและเงินทองที่ต้านต้านกลืนลงไปจนหมดสิ้นต่อหน้า และยังจดจำวาจาที่เอ่ยกล่าวของต้านต้านได้อย่างชัดเจน “ยังไม่อิ่มเลย” เพียงเท่านั้นในหัวก็ปวดแปลบขึ้นมาทันที
เห็นทีคงต้องใช้พลังงานอย่างล้นหลามจึงสามารถนำตัวเจ้าหนูออกมาได้ ! เพียงทว่ายามนี้นางสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว จะมีข้าวของมนตราใดช่วยเสกมันขึ้นมาได้บ้างไหม ?
หนทางที่จะช่วยให้เจ้าหนูน้อยตนนี้ออกมาได้นั้นช่างยาวไกลเสียจริง !
เกอซีเข้าไปในลานกว้างซึ่งอยู่อีกด้านในมิติเวทโคจรกระแสพลังในช่วงระยะเวลาสองวันเพื่อปรับสภาพร่างกายให้คุ้นเคยกับร่างใหม่นี้ยิ่งขึ้น
และด้วยการดื่มกินน้ำศักดิ์สิทธิ์ทิพย์ธาราจึงช่วยให้อาการบาดเจ็บต่าง ๆ บนร่างกายทุเลาลงอย่างรวดเร็วคงเหลือทิ้งไว้แค่เพียงรอยแผลเป็นซึ่งสะสมไว้เนิ่นนานหลายปีจึงไม่อาจกำจัดได้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เมื่อเกอซียกแขนเสื้อขึ้นหญิงสาวสามารถเห็นรอยแผลเป็นที่น่ากลัวได้อย่างเด่นตา
เช้าตรู่ของวันที่สาม แม่นมเฉินเข้ามาจัดสำรับพร้อมด้วยใบหน้าที่หวั่นกังวลอย่างลึกซึ้ง หลังจากเกอซีไล่ต้อนถามหลายต่อหลายครานางจึงกระอึกกระอักออกมาทีละคำ “เสบียงอาหารที่สะสมไว้แทบจะหมดไปอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้เงินทองของเราถูกพ่อบ้านหลี่กับพวกที่ต้องการประจบสอพลอพ่อบ้านประจำสกุลน่าหลานยักยอกไปอยู่เสมอ ยิ่งยามนี้แม้เพียงไม่กี่หยวนก็แทบจะไม่เหลือแล้วเจ้าค่ะ หากเราไม่ทำประการใด เห็นทีผู้คนที่อยู่ในเรือนนี้คงต้องอดตายแน่เจ้าค่ะ”
ผู้มีวรยุทธหลายคนในเรือนนี้ล้วนถูกสังหารและถูกควบคุมด้วยน้ำมือเกอซี หากแต่นอกจากคนเหล่านั้นแล้ว ณ เรือนแห่งนี้ยังมีคนงานรวมถึงบ่าวรับใช้ที่เข้ามาช่วยงานเป็นระยะอีกสองสามคน
สถานภาพยามนี้นับว่าตกต่ำยิ่งนัก ย่อมแตกต่างจากสมัยที่พ่อบ้านหลี่และบ่าวรับใช้พวกนั้นยังอยู่ เมื่อต้องอยู่ในสภาพที่อดอยากปากแห้งเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ที่สุดแล้วอาจเกิดการประท้วงจากหมู่คนงานขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
แม่นมเฉินเห็นใบหน้าที่ยุ่งย่นของเกอซีจึงรีบเอ่ยปลอบใจ “คุณหนูเจ้าคะ ท่านอย่าได้กังวลเลยเจ้าค่ะ วันนี้ข้าจะไปแจ้งเรื่องนี้กับนายท่านและฮูหยิน จะอย่างไรเสียคุณหนูก็เป็นบุตรสาวสกุลน่าหลาน เป็นบุตรแท้ ๆ ของนายท่าน นายท่านย่อมไม่อาจยอมให้คุณหนูต้องอดตายหรอกเจ้าค่ะ”
“หาได้จำเป็นไม่” เกอซีหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา “หากเขายังเห็นว่าน่าหลานเกอซีเป็นบุตรีของตนอยู่ มีหรือจะปล่อยทิ้งไว้ในสถานที่แห่งนี้ตั้งหลายปี อีกทั้งเขายังไม่ใส่ใจแม้เรื่องที่บุตรสาวของตนถูกส่งออกขายยังหอรื่นรมย์โดยบ่าวรับใช้พวกนี้ เขาจะนับเป็นบิดาประเภทใดกัน”
***จบตอน ไร้สิ้นเม็ดเงินไร้สิ้นคำข้าวยาไส้***