ตอนที่ 32 : ข้าไม่ได้ชื่อเจ้าไข่ยักษ์
ท่านผู้เฒ่าเพ่งมองแววตาที่เฉยชาไร้ความรู้สึก แม้ภายหลังจากที่เด็กสาวได้ยินเรื่องราวความทรงอานุภาพของต้นกำเนิดเวทศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลแล้ว ความละโมบไม่ปรากฏขึ้นแม้ในแววตาของสาวน้อยนางนี้ กลับกัน มันยังฉายแววแห่งความสุขุมนิ่งลึกไม่ประมาทและเฝ้าระวัง นั่นทำให้ท่านผู้เฒ่ายิ่งพึงพอใจ
“อีกไม่ช้าร่างของข้าจะสลาย เกอซีสหายน้อย เจ้าจงจำไว้ตราบเท่าที่เจ้ายังไม่แข็งแกร่งเพียงพอจงอย่าให้ผู้ใดล่วงรู้เรื่องราวความมีอยู่ของต้นกำเนิดเวทศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล หาไม่แล้วมันจะเป็นการนำพาหายนะมาสู่เจ้าได้ ทุกสิ่งจะพลิกผันสูญสิ้นและกลายเป็นจุดจบอันโหดร้ายแห่งมวลมนุษยชาติ จงจำไว้ให้ดี !”
วาจาแฝงความนัยของเขาสิ้นสุดลง ทันใดนั้นร่างที่เป็นหมอกควันเบื้องหน้าก็ค่อย ๆ เลือนลางแปรเปลี่ยนสภาพเป็นเพียงจุดประกายเล็ก ๆ สีเงินยวงก่อนจะค่อย ๆ สลายหายไปในอากาศ
“ช้าก่อน ! สิ่งใดคือความลับที่ซ่อนอยู่ภายใต้ต้นกำเนิดเวทศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนี้ ?”
เหตุใดเขาจึงไม่ให้ข้าบอกกล่าวผู้ใด ไม่อาจให้ผู้ใดอื่นล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของต้นกำเนิดเวทศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ? ในตอนที่ท่านผู้เฒ่าซูมี่เอ่ยถึงพลังอานุภาพของต้นกำเนิดเวทศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเขาย้ำให้นางเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ย่อมชัดแจ้งได้ว่าต้นกำเนิดเวทศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นทรงอานุภาพอย่างล้นเหลือสุดเปรียบปาน
“ที่สุดแล้ว ท่านมอบสิ่งนี้ให้ข้าเพื่อจุดประสงค์ใด ?”
ทว่า ! สิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงเสียงสะท้อนก้องในอากาศและเสียงร่ำไห้ของเจ้าไข่ใบใหญ่
“ท่านปู่ซูมี่หายไปแล้ว ฮือ ฮือ....ท่านแม่ ข้ารับรู้ได้ ท่านปู่จะไม่กลับมาอีกแล้ว......”
เกอซีกำลังจะเอ่ยปากไต่ถามทว่านางกลับรู้สึกเจ็บแปลบอย่างหนักภายในใจ
หญิงสาวรับรู้ได้ทันทีว่าความเชื่อมต่อในมิติธาตุของนางพลันเพิ่มพูนชัดเจนขึ้น ถึงระดับที่แม้นางจะยังคงยืนอยู่ในสถานที่นี้หากแต่นางกลับสามารถรับรู้ได้ในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแทบทุกปลายนิ้วในมิติเวทแห่งนี้
เกอซีตะลึงงันอยู่ชั่วครู่ก่อนจะค่อย ๆ คลายตามตื่นตกใจกลับคืนมาสู่สภาวะปกติ หญิงสาวถอนใจเล็กน้อยก่อนจะเหยียดยื่นฝ่ามือออกทาบทับลงไปบนผิวเปลือกไข่ใบยักษ์ที่กำลังร่ำไห้สะอึกสะอื้นอย่างเศร้าอาลัย “โอ๋...โอ๋ อย่าร้องไห้ไปเลย คนเราย่อมต้องแยกจากกันไม่ว่าด้วยการจากเป็นหรือจากตาย เจ้าเป็นฟองไข่เท่านั้นเหตุใดจึงอ่อนไหวเยี่ยงนี้ ?”
เมื่อหญิงสาวเข้ามาช่วยปลอบโยนเอาใจ เจ้าไข่ใบยักษ์จึงหยุดร้องไห้สะอื้น หากแต่ก็ยังไม่วายที่จะร้องเอะอะเสียงลั่น “ข้าไม่ได้ชื่อเจ้าไข่ยักษ์ เจ้าไข่ยักษ์ไม่น่าฟังเลยสักนิดนะ”
เส้นเลือดดำบนใบหน้าของเกอซีปูดโปนขึ้น เจ้าเป็นไข่แท้ ๆ จะชื่อน่าฟังหรือไม่ก็ไม่เห็นต้องใส่ใจ
“เช่นนั้น เจ้าอยากได้ชื่ออะไร ?”
สุ้มเสียงของเจ้าไข่ใบยักษ์แฝงไว้ด้วยอาการสับสนทั้งเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังเล็ก ๆ “คือ.....คือ.... ข้าก็ไม่รู้ว่าอยากได้ชื่ออะไร หากแต่ท่านแม่จะไม่ช่วยตั้งชื่อให้ข้าหน่อยหรือ ?”
น้ำเสียงนิ่มนวลให้ความรู้สึกทั้งน่ารักทั้งกำลังเหนียมอายเช่นนี้ทำให้เกอซีนึกถึงภาพเจ้าหนูจ้ำม่ำจอมขี้อายกำลังจับจ้องนางอย่างตื่นตาตื่นใจ
เกอซีหัวเราะร่าไปกับภาพในหัวของตนเองก่อนจะเอ่ยคำเย้าหยอกออกไป “อืม หากเจ้าไม่ชอบชื่อเจ้าไข่ใบยักษ์ เช่นนั้นเอาอย่างนี้ ข้าจะเรียกเจ้าว่า เจ้าไข่นุ้ย เจ้าเหรียญกลมกลิ้ง หรือ เจ้าลูกกระสุนจ้ำม่ำดี ?”
“ท่านแม่ใจร้าย ข้าไม่ได้จ้ำม่ำกลมกลิ้งเสียหน่อยนะ ข้าไม่ชอบชื่อน่าเกลียดพวกนั้นเลย ฮือ ฮือ ฮือ......”
คราวนี้เจ้าไข่ยักษ์ร้องห่มร้องไห้หนักหนายิ่งกว่าก่อนจนเกอซีไม่รู้ว่านางควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี หญิงสาวทำได้เพียงยอมประนีประนอมกับเจ้าใข่ยักษ์ “โอ๋... โอ๋... งั้นข้าขอคิดก่อน เช่นนั้นระหว่างที่ยังคิดชื่อให้เจ้าไม่ได้ ข้าจะเรียกเจ้าว่า ต้านต้าน*ไปก่อนนะ เป็นอย่างไรน่ารักดีไหม ?”
*ต้าน เป็นภาษาจีนแปลว่าไข่ เช่น ไข่เป็ด =หย้าต้าน ไข่ไก่= จีต้าน (ขอบคุณพี่เบบี้สำหรับความรู้นะคะ)
ต้านต้านไม่มีทางเลือก แม้จะคอตกหากแต่กลับต้องยอมเห็นพ้องไปด้วยกับนาง ท้ายสุดแล้วเขายังคงไม่ลืมที่จะช่วยเอ่ยเตือนความทรงจำให้แก่นาง
“ท่านแม่ต้องรีบตั้งชื่อให้หนูนะ !”
เกอซียกมือขึ้นกุมขมับ “เจ้าอย่าเรียกข้าว่าท่านแม่ได้ไหม ?” สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าในชาติภพนี้นางเพิ่งจะก้าวเข้าสู่วัยที่สิบหก ยังเป็นสาวน้อยวัยแรกรุ่นที่งดงามสะพรั่ง นางจะกลายเป็นแม่คนไปได้อย่างไร ? อีกทั้ง ยังเป็นแม่ไข่....อีกด้วย
“แต่ท่านเป็นท่านแม่ของข้าจริง ๆ นะ” น้ำเสียงของต้านต้านทั้งตื่นตกใจระคนเศร้าเสียใจ เขาร้องไห้หนักกว่าเดิมอีกเป็นร้อยเท่า “ท่านแม่ไม่ต้องการข้าอีกต่อไปแล้ว ฮือ ฮือ ฮือ......ข้าโตขึ้นจะต้องกลายเป็นเด็กมีปัญหาแน่ ๆ เลย !”
เส้นเลือดบนหน้าฝากของเกอซีโผล่ขึ้นอย่างเด่นชัด หญิงสาวเริ่มปวดศีรษะแปล๊บ เพราะเสียงร้องไห้คร่ำครวญ นางจึงรับรู้ได้ว่าตนได้ขว้างหม้อบิ่นทิ้งไปเสียแล้ว* “โอ๋... โอ๋... อย่าร้องไห้นะ ข้าไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องการเจ้า เช่นนั้นหากเจ้าชอบ ก็เรียกข้าว่าแม่เช่นเดิมเถิด !”
*ขว้างหม้อบิ่นทิ้งไปเสียหมายถึง ตระหนักได้ว่าทำลายความหวังของผู้อื่น หรือสะเพร่าหละหลวมเกินไป
***จบตอน ข้าไม่ได้ชื่อเจ้าไข่ยักษ์***