ตอนที่ 22 จ้างฆ่า
นัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารของคนผู้นั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่ง….
เพียงเหลือบไปเห็นแค่ชั่วขณะเขาก็หวาดหวั่นจนชีพจรเต้นผิดจังหวะ ทำให้ขาทั้งสองสิ้นเรี่ยวแรง นัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความกระหายจะเข่นฆ่า กระทั่งพี่ชายของเขาที่เป็นผู้นำตระกูลก็ไม่มีสายตาที่น่าสะพรึงกลัวเยี่ยงนี้!
ผู้ใดจะเชื่อว่าปรมาจารย์การต่อสู้ผู้สูงส่งสง่างาม จะหวาดกลัวและวิ่งราวกับคนบ้าเพื่อหนีจากเด็กหนุ่มที่ไม่มีแม้แต่เสี้ยวของพลังปราณ!?
ทว่ามันก็เกิดขึ้นจริง และเขามั่นใจว่าหากไม่หนีออกมาพวกเขาทั้งหมดคงสิ้นชีพไปแล้ว!
เมื่อนางเห็นชายวัยกลางคนลากเด็กสาววิ่งเตลิดไป เฟิ่งจิ่วรู้สึกงุนงงเล็กน้อย [ ไม่ใช่ว่าเขาพูดว่านางไม่ใช่คู่มือของเขาหรอกรึ? เหตุใดจึงวิ่งหนีกันเล่า? นางนึกว่าหลังจากจัดการกับพวกคนคุ้มกันแล้วนางจะได้สู้กับเขาอีกรอบเสียอีก! ]
มีดในมือนางตวัดเป็นเส้นโค้ง ตัดผ่านคอของชายฉกรรจ์คนสุดท้ายที่ยังเหลือ โลหิตทะลักออกมาและแล้วชายคนนั้นก็ล้มลงไป
เมื่อมองดูศพมนุษย์เป็นสิบบนพื้น นัยน์ตาของนางไร้ความรู้สึกใดๆ ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความเวทนา
นางยึดถือกฏข้อหนึ่งในการใช้ชีวิต นั่นคือ ‘เจ้าไม่ระรานข้า ข้าไม่ระรานเจ้า’ ด้วยเหตุนี้กับผู้ใดก็ตามที่หมายจะเอาชีวิตนาง นางย่อมไม่มีความปราณีใดๆ
นางฉวยเอาถุงมิติจากเอวของชายหนุ่ม แต่กลับพบว่าไม่สามารถเปิดมันได้ เมื่อครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งนางก็นึกขึ้นได้ว่าของจำพวกนี้จำเป็นต้องใช้พลังปราณในการเปิด นางที่ไม่มีพลังปราณแม้แต่น้อยก็ย่อมไม่สามารถเปิดมันได้
แต่นางก็พบไม้ขีดจำนวนหนึ่งจากร่างของเหล่าคนคุ้มกัน นางเก็บมันไว้ในเสื้อคลุมเช่นเดียวกับถุงมิติ ก่อนที่จะตระหนักว่านางลืมใครบางคนไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ลุงคนนั้นไปไหนกัน? อย่าบอกนะว่าเขาหายไปอีกแล้ว?” นางกวาดตามองรอบๆและตะโกนอยู่หลายครั้งขณะที่เดินไปข้างหน้า “ลุง? ลุงงงงงงง?” ทว่านางพบเพียงซากของสัตว์ร้ายหลายตัวนอนกระจัดกระจายอยู่
“เนื้อ…..” ดวงตาของนางเป็นประกายขณะที่สำรวจซากสัตว์บนพื้นอย่างน้ำลายสอเนื่องจากสิ่งเดียวในหัวของนางเวลานี้คือภาพของเนื้อที่ย่างอย่างดีจนหอมนุ่มและชุ่มฉ่ำ
นางลูบท้องและกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แล้วล้วงมีดออกมาทันที นางหั่นขาหลังออกมาทั้งขาและแบกมันไปด้วยขณะเดินไปพลางมองหาที่ที่เหมาะจะก่อไฟและเสพสุขกับเนื้อย่างของนาง
เกือบหนึ่งชั่วยามต่อมา ชายวัยกลางคนและเด็กสาวที่จากไปก่อนหน้านี้ก็กลับมาที่จุดเดิม
“พี่ชาย!”
เด็กสาววิ่งเข้าไปกอดร่างของพี่ชายขณะที่ร่ำไห้อย่างโศกเศร้า “เมื่อกลับไปข้าจะบอกท่านพ่ออย่างไรว่าพี่จากไปแล้ว? พี่ชาย ท่านมาตายแบบนี้ได้เยี่ยงไร….. โฮ….. โฮ…….”
เมื่อเขาเห็นเหล่าชายฉกรรจ์ที่ตระกูลเลือกเฟ้นมาอย่างดีทั้งสิบแปดคนตกตายไปสิ้น แม้แต่หลานชายของเขาก็สิ้นชีวิตลงที่นี่
นัยน์ตาของชายวัยกลางคนก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเกินจะพรรณนา มือข้างหนึ่งของเขากำหมัดแน่น ในขณะที่อีกข้างที่บาดเจ็บตกห้อยอย่างไร้เรี่ยวแรงไม่อาจขยับเขยื้อน ใดๆ
“อิ้งโหลว พาร่างของพี่ชายเจ้ากลับไปและฝังเขาให้เหมาะสมตามธรรมเนียม เราจะแก้แค้นกับเรื่องที่เกิดในวันนี้อย่างแน่นอน!”
เด็กสาวปาดน้ำตาบนใบหน้าและกล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “ท่านลุงรอง เจ้าขอทานนั่นอยู่ในป่าเก้าวงกต หากเราออกจากป่านี้เราจะไปตามหาเขาเพื่อแก้แค้นได้อย่างไร”
“ไม่ต้องห่วงหรอกอิ้งโหลว พวกเราไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เมื่อพวกเรากลับไป ข้าจะว่าจ้างสมาคมทหารรับจ้างให้พวกมันล่าไอ้เจ้าขอทานนั่น จะต้องมีคนเด็ดหัวมันมาได้อย่างแน่นอน!”
ชายวัยกลางคนพูดเสียงต่ำอย่างชั่วร้าย ขณะพูดสายตาเขาก็หลุบต่ำมองไปที่มือข้างที่ไร้ความรู้สึก แม้ว่าจะอยากฆ่ามันด้วยมือตัวเองสักเท่าใด เขาก็รู้ดีว่าตนเองไม่อาจต่อกรกับเจ้าขอทานนั่นได้!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เด็กสาวปาดน้ำตาอีกครั้งและแบกร่างของพี่ชายขึ้นหลัง เมื่อขยับร่างของพี่ชายนางจึงสังเกตว่าถุงมิติที่แขวนอยู่บริเวณเอวของพี่ชายได้หายไปและร้องขึ้น
“ท่านลุงรอง เจ้านั่นมันเอาถุงมิติของพี่ชายไปด้วย!”
“นั่นยิ่งดี! เราจะหามันได้ง่ายยิ่งขึ้น!”
ดวงตาของชายวัยกลางคนวาวโรจน์ด้วยประกายอันชั่วร้ายขณะที่จ้องไปยังส่วนลึกของป่า แม้ว่าเป้าหมายในการมาที่นี่จะเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แต่แน่นอนว่าด้วยสภาพในตอนนี้พวกเขาไม่สามารถที่จะเดินทางต่อได้อีก
สำหรับเจ้าเด็กนั่น เขาสาบานว่าจะต้องทำให้ชีวิตของมันเหมือนตกอยู่ในนรก!