Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 24 – นกกระจอกกลืนกินสวรรค์
Chapter 24 – นกกระจอกกลืนกินสวรรค์
ดวงตาของเซี่ยวหยุนหดแคบลงเมื่อเขาได้ยินเสียงร้องของเถาวัลย์ม่วง ลักษณะของความสนใจปรากฏขึ้นใบหน้าของเขา
“เซียนประเภทใดกันที่สามารถปลดปล่อยพลังอำนาจนี้ได้?” เซี่ยวหยุนส่งจิตสำนึกออกไป และพบสิ่งมีชีวิตที่เป็นนกที่อยู่ถัดได้รับความหวาดกำลังและออกจากบริเวณนี้ เห็นได้ชัดว่าบรรดาสิ่งมีชีวิตนกเหล่านี้กลัวผู้เชี่ยวชาญระดับสูง
สัตว์อสูรทั้งหมดที่ทรงพลังเหล่านั้นได้หลบหนีไป มันเป็นเพราะเรื่องนี้เองที่ทำให้เซี่ยวหยุนสามารถเข้าสู่ส่วนลึกของภูเขาเมฆาม่วงได้อย่างปลอดภัย
คลื่นพลังอันทรงพลังที่เหลือเชื่อเหล่านั้นได้มาจากส่วนลึกของภูเขา ทำให้ต้นไม้และหญ้าสั่นกระเพื่อม สัตว์จำนวนนับไม่ถ้วนกลัวจนวิ่งหนีและนกนับไม่ถ้วนได้บินขึ้นไปไกล ราวกับพวกมันไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว
คลื่นพลังเหล่านั้นถูกส่งออกไปชั่วระยะหนึ่งก่อนจะหยุดลง
เซี่ยวหยุนกำลังยืนได้อยู่ด้านบนยอดเขาขณะที่เขามองไปยังระยะไกล พยายามที่หาว่าคลื่นพลังเหล่านั้นมาจากไหน
ไม่ใช่แค่เซี่ยวหยุนที่สนใจการดำรงอยู่ในส่วนลึกของภูเขา ผู้ฝึกตนที่ยังอยู่ที่ภูเขาเมฆาม่วงรู้สึกว่าเกิดความวุ่นวายขึ้น
“มีเซียนระดับสูงปรากฏขึ้นในโลกอีกครั้ง”
“มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังอย่างนี้อยู๋ในภูเขาเมฆาม่วง?”
“มันอาจจะเป็นปีศาจระดับสูงไหม”
การสนทนานับไม่ถ้วนได้เกิดขึ้นภายในภูเขาเมฆาม่วง
ต่อไปนี้ ลมได้พัดขณะที่ท้องฟ้าได้เปลี่ยนสีมืดและจิตสำนึกจากอำนาจแห่งสวรรค์ได้มารวมตัวกัน แรงกดดันอันสุดจะพรรณนาได้กดทับลงมา ทำให้ผู้ฝึกทั้งหมดบนภูเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาไม่สามารถหายใจได้ การแสดงของพวกเขาทั้งหมดกลายเป็นจริงจัง
ภายใต้แรงกดดันประเภทนี้ พวกเขารู้สึกราวกับว่าเส้นลมปราณของพวกเขากำลังจะระเบิดออกมา
แรงกดดันประเภทนี้ได้แผ่นซ่านเข้าลึกลงไปสู่จิตใจของพวกเขาและรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง ราวกับมีภูเขาแขวนอยู่เหนือใครบางคน
บางคนร้องออกมา “อำนาจแห่งสวรรค์ที่หาที่เปรียบไม่ได้!”
“อำนาจแห่งสวรรค์!”
บางคนสับสนเล็กน้อย “เหตุใดจึงเป็นอำนางแห่งสวรรค์?”
ผู้คนเกือบทั้งหมดมีการบ่มเพาะที่ค่อนข้างต่ำ และได้รู้น้อยมากเกี่ยวกับเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ
บางคนกล่าว “ตำนานบอกไว้ว่า เมื่อเซียนที่ทรงพลังทะลวงผ่านระดับ พวกเขาจะเผชิญหน้ากับภับพิบัติศักดิ์สิทธิ์ สำหรับท้องฟ้าที่ชัดเจนจะมืดลงอในทันที เป็นไปได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังกำลังดึงดูดภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์มา ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเซียนเช่นนั้นในภูเขาเมฆาม่วง”
ขณะที่ทุกคนในภูเขาม่วงตกใจ บนยอดเขา เซี่ยวหยุนล็อคสายไปบนหุบเขา
มีหมอกสีแดงไหลอยู่รอบๆหุบเขา ทำให้ปลดปล่อยอำนาจแห่งสวรรค์อันน่าหวาดกลัว “เซียนระดับสูงควรอยู่ที่นั่น” เซี่ยวหยุนจ้องไปที่นั่นด้วยความรู้สึกค่อนข้างตื่นเต้น
กลิ่นอายที่มาจากที่นั่นกระทั่งแข็งแกร่งกว่าที่ท่านปู่ของเขาปลดปล่อยออกมา มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะจินตนาการถึงสิ่งที่เกิดขึ้นถ้าพวกเขาเข้าไปใกล้ นี่เป็นเหตุให้เซี่ยวหยุนรู้สึกค่อนข้างสนใจ เพราะไม่มีเซียนคนใดอยู่เหนือกว่าขอบบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงภายในเขตเมฆาม่วง!
สกรี๊~~~
ในขณะนี้ เสียงสูงศักดิ์ของนกได้ดังออกมา ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในอากาศ เสียงร้องราวกับว่ามันสามารถฉีกสวรรค์ทั้ง 9 เป็นส่วนๆได้ และเต็มไปด้วยที่ครอบงำอยู่บนอากาศ แสงสีแดงยักษ์วูบวาบ นกสีแดงเข้มที่สูงเกือบ 3,000 เมตรทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นในอากาศ
นกขนาดมหึมาได้บินเข้าไปในเมฆและเมื่อมันสยายปีก มันดูเหมือนว่ามันจะปกคลุมไปบนท้องฟ้าและซ่อนเร้นพระอาทิตย์ไว้ แสงสีแดงเข้มพราวอร่ามทุกสิ่งนั้นเป็นสีแดง และที่สะดุดตาอย่างมากคือ นกขนาดมหึมานั้นเหมือนกับพระอาทิตย์สุกใสที่แขวนไว้บนท้องฟ้า
“นกตัวใหญ่อะไรกัน” ผู้ฝึกตนทุกคนในภูเขาเมฆาม่วงเงยหน้าของพวกเขาขึ้นมองด้วยแสดงออกที่แปลกใจบนใบหน้าของพวกเขา
ร่างกายของนกยักษ์ตัวนี้ดูใหญ่โตราวกับภูเขา และปีกที่สยายออกของมันก็ปกคลุมไปนับพันเมตร ทำให้เกิดภาพที่น่าตกใจ กลิ่นอายกดขี่ที่มันปล่อยออกมาดูเหมือนจะต่อสู้กับอำนาจแห่งสวรรค์
“นกยักษ์ตัวนี้กำลังผ่านภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์!”
“เป็นอสูรจิตวิญญาณที่ทรงพลัง! ทำไมเราถึงไม่ได้เคยยินเรื่องมันมาก่อน?”
ขณะที่นกขนาดมหึมาปรากฏตัวขึ้น ผู้ฝึกตนก็ถูกส่งลงเข้าสู่ความบ้าคลั่ง “ไม่ใช่อสูรบินที่ทรงพลังมากที่สุดในภูเขาเมฆาม่วงที่อยู่ขอบเขตแกนกลางแก่นแท้รึ?”
จากกลิ่นอายที่นกตัวนี้ปล่อยออกมา มันจะต้องไม่ใช่ขอบเขตแกนกลางแก่นแท้อย่างแน่นอน
“นกตัวนี้คือชนิดใดกัน?” เซี่ยวหยุนมองไปยังนกขนาดมหึมาที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความแปลกใจ
ร่างกายทั้งหมดของนกได้เป็นสีแดงเพลิง และปล่อยคลื่นความร้อนที่ร้อนระอุออกมา ทำให้อุณหภูมิรอบๆพุ่งขึ้นสูง
หากมองมันอย่างใกล้ชิด มันเป็นนกกระจอกขนาดมหึมา จะงอยปากที่ส่องแสงของมันราวกับว่ามันสามารถทะลวงผ่านห้วงอวกาศได้
บูม!!
เสียงกระหึ่มอันของฟ้าร้องดังออกมาขณะที่อำนาจแห่งสวรรค์แผ่กระจายออกมาและเมฆแห่งภัยพิบัติก็ตกลงมาต่ำ
สายฟ้าฟาดเส้นใหญ่อันน่าเหลือเชื่อของสายฟ้าฟาดได้แลบไปมา มันได้บรรจุเต็มไปด้วยอำนาจแห่งสวรรค์และโลก มันราวกับว่าแสงที่แพรวพราวนี้กำลังมาเพื่อพบบทลงโทษแห่งสวรรค์
นกยักษ์เงยหน้าของมันขึ้นสู่ท้องฟ้าและร้องเสียงแหลม ทำให้เกิดระลอกคลื่นในอากาศ ระลอกคลื่นได้กลายเป็นน้ำวนสีแดงที่ดูดกลืนสายฟ้าฟาดทำให้อำนาจแห่งสวรรค์อันไร้ขอบเขตได้ลดลงครึ่งหนึ่ง ฉากนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงโดยสมบูรณ์ ส่งให้พวกเขาตกลงสู่ความบ้าคลั่ง
“สัตว์ มันเป็นอสูรจิตวิญญาณประเภทใดกัน? มันกลืนกินสายฟ้าฟาดภัยพิบัติไปจริงๆ”
“มันอาจจะเป็นลูกหลานของเทพเจ้าอสูรโบราณ?”
“มันทรงพลังเกินไป แน่นอนว่ามันจะต้องไม่ใช่อสูรจิตวิญญาณธรรมดา!”
“อำนาจแห่งสวรรค์ไม่สามารถสั่นคลอนได้” นี่คือบางที่ไม่มีใครกล้าลบล้างได้
อย่างไรก็ตาม นกขนาดมหึมาที่อยู่ด้านหน้าของพวกเขาตัวนี้ดูไม่แยแสกับอำนาจแห่งสวรรค์โดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงเกินไป บางทีมันคงเป็นเทพอสูรจริงๆ และสามารถบรรลุความสำเร็จในการท้าทายสวรรค์เช่นนี้ได้
“เทพอสูร?” เซี่ยวหยุนตกตะลึงงันอย่างสิ้นเชิง นี่เป็นอสูรบินที่ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อและมองดูราวกับมันสามารถกลืนกินสวรรค์ได้
สายฟ้าฟาดศักดิ์สิทธิ์ยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่องและสายฟ้าของอสนีบาตเส้นแล้วเส้นเล่าจะทรงพลังยิ่งขึ้นกว่าครั้งสุดท้าย เผชิญหน้ากับสายฟ้าฟาดเหล่านี้ นกกระจอกสีแดงไม่กล้ากลืนกินพวกมันอีกต่อไป
วูซ!
มันเงยหน้าขึ้นฟ้าและเปิดปากของมัน ยิงทะเลเปลวไฟสีแดงออกมา ทำให้อากาศบิดเบี้ยวและหมุนไป ขณะที่อากาศถูกเผาไหม้ ต้นไม้และต้นหญ้าทั้งหมดภายใน 15 กิโลเมตรแห้งและเหี่ยวลงไป เปลวไฟที่รุนแรงได้พุ่งไปบนไปบนท้องฟ้า ทำให้เกิดฉากพิเศษขึ้นมา
"อำนาจแห่งสวรรค์?" เซี่ยนหยุนจ้องไปยังข้างหน้าของเขา รู้สึกถึงความเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับอำนาจแห่งสวรรค์
นี้อาจมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และโลก
ทันใดนั้นเซี่ยวหยุนก็รู้สึกว่าเขาได้เข้าใจอะไรบางอย่าง
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เซี่ยวหยุนก็ไม่ได้แค่สังเกตภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ของนกยักษ์อีกต่อไป แต่เริ่มที่จะพัฒนาความของเข้าใจของเขาเกี่ยวกับอำนาจแห่งสวรรค์และกลิ่นอายของนกยักษ์
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง อำนาจแห่งสวรรค์ได้ได้หายไปและนกยักษ์ก็เกือบจะทำภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์
บูม!!!
สายฟ้าฟาดอีกสายตกลงมา แต่นกยักษ์ไม่ได้ป้องกันจากมัน กลับกันมันอนุญาตให้สายฟ้าตกลงมาบนร่างของมัน ราวกับว่ามันถูกอาบไปด้วยภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์
ในขณะนี้ เซี่ยวหยุนสามารถรู้สึกได้อย่างละเอียดว่ามีบางสิ่งแตกต่างเกี่ยวกับนกตัวนี้
“มันกำลังจะกลายร่างเป็นมนุษย์?” ดวงตาของเซี่ยวหยุนเปิดกว้างขึ้นขณะที่เขาตระหนักถึงบางสิ่ง
“สัตว์อสูรที่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้นั้น จะทรงพลังจนเพียงพอที่จะวิ่งพล่านไปทั่วราชอาณาจักรจันทราวายุของพวกเราได้!” ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ก็ค้นพบบางสิ่งที่แปลกประหลาดเช่นกัน และบางก็ร้องออกมา รู้สึกตื่นเต้นอย่างน่าเหลื่อเชื่อ เซียนที่ทรงพลังประเภทนี้แทบจะไม่ได้เห็นแล้วและพวกเขายังได้เป็นเป็นพยานการเอาชนะภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ของมันอีกด้วย
วูซ
ขณะที่นกแดงยักษ์กำลังจะกลายร่างเป็นมนุษย์ เสียงของอากาศที่ถูกแทงออกก็ดังขึ้น
“มันคือใครกัน?” ดวงตาสีแดงกระพริบขณะที่มันมองผ่าน พูดคำพูดของมนุษย์ ในระยะไกล มนุษย์ผู้หญิงผิวขาวได้เกินผ่านอากาศ นางถูกล้อมรอบไปด้วยแสงของเทพ ทำให้ยากที่จะมองเห็นลักษณะหน้าตาของนางได้ นางดูเหมือนเทพธิดาแห่งสวรรค์และผู้คนสามารถทำได้เพียงแค่นึกว่านางสวยงามน่าทึ่งอย่างไร
มนุษย์ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนกับว่านางเป็นคนที่บริสุทธิ์และไม่ได้แปดเปื้อนจากโลก นางยกมือของนางขึ้น ซึ่งถูกบรรจุไปด้วยกระบี่สีฟ้าคล้ำ และได้พุ่งไปยังนกยักษ์ กระบี่ได้เปล่งแสงเหมือนสายรุ้งออกมา และฉีกกระชากผ่านอากาศไป
“การโจมตีของกระบี่ที่รวดเร็วอะไรกัน!” รูม่านตาของเซี่ยวหยุนแคบลงขณะที่เขาจ้องไปยังแสงกระบี่ “กระบี่นี้มีอำนาจที่มิอาจวัดได้ และยังปล่อยกลิ่นอายอันน่าตกใจราวกับว่ามันสามารถแทงผ่านถูเขาได้ บางเมื่อกระบี่ไปถึงความเร็วสูงสุด มันจะสามารถทะลวงผ่านกระบวนท่านับหมื่นได้ มันน่าจะเกี่ยวกับบ่มเพาะของแต่ละคนที่เป็นไปได้มากที่สุด”
ก่อนหน้านี้ เซี่ยวหยุนไม่ได้เชื่อจริงๆว่าการโจมตีของกระบี่จะสามารถทะลวงผ่านกระบวนท่านับหมื่นได้ แต่วันนี้ ดวงตาของเขาได้เปิดออกแล้ว
หลังจากเห็นการโจมตีของกระบี่อันน่าตกใจนี้ เขาตระหนักว่าเขานั้นเป็นเพียงกบในบ่อน้ำ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะห่างกันหลายพนเมตร แต่การโจมตีจากกระบี่ของมนุษย์ผู้หญิงคนนี้ก็มาถึงนกแดงยักษ์เกือบในชั่วพริบตา
“เจ้ากำลังโจมตีข้าในขณะที่ข้ากำลังจะผ่านภัยพิบัติศักดิ์ของข้า? เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” นกแดงยักษ์กลายเป็นโกรธเมื่อมันเห็นมนุษย์ผู้หญิงคนนั้นได้โจมตีมันโดยไม่บอกกล่าว มันกระพือปีกของมัน ปลดปล่อยแสงสีแดงสุกสกาวออกมาขณะที่คลื่นแห่งไฟได้กวาดออกไปยังมนุษย์ผู้หญิง
ในขณะเดียวกัน มันได้เปิดปากของมันและกลืนกินการโจมตีจากกระบี่ของมนุษย์ผู้หญิง
“ตามที่คาดไว้ นกกระจอกกลืนกินสวรรค์นั้นไม่ธรรมดาเลย” หญิงสาวกล่าวอย่างร่าเริงขณะที่นางยกมือขึ้นและกระจกก็ปรากฏที่ด้านหน้าของนาง อักษรรูนได้เริ่มปรากฏบนกระจกและมันก็ปิดกั้นเปลวไฟที่ดูเหมือนว่าจะสามารถเผาผลาญทุกสรรพสิ่งให้เป็นเถ้าถ่านได้
เสียงของหญิงสาวนั้นอ่อนนุ่มและอ่อนโยน ราวกับเสียงจากสวรรค์อย่างน่าเหลือเชื่อ ผู้คนที่อยู่ด้านล่างได้แต่รู้สึกมึนเมาอย่างช่วยไม่ได้
"ผู้หญิงคนนี้มาจากที่ไหนกัน?" เซี่ยวหยุนรู้สึกตกใจมาก เมื่อเขาได้ยินเสียงของผู้หญิง นางดูอ่อนเยาว์มากและนางยังได้มีการบ่มเพาะที่น่ากลัวอีกด้วย สำหรับการที่นางสามารถปกป้องตนได้จากการโจมตีของนกได้นั้น ทำให้รู้ได้โดยบังเอิญว่านางจะไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
“กระจกเมฆจันทรา! เจ้ามาจากอาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์!” ดวงตาของนกยักษ์กระพริบขณะที่การจ้องมองของมันกลายเป็นจริงจัง
TL:(เปลี่ยนชื่อนะครับจากเมืองหลวงอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นจากอาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์)
“นั่นถูกแล้ว” หญิงสาวกล่าวขณะที่นางเดินอย่างสง่างาม ทุกๆก้าวนางได้หลงเหลือร่องรอยแห่งแสงไว้ ทำให้นางดูเหมือนกับเทพธิดาตัวจริง
นกกระจอกกลืนสวรรค์ได้ปล่อยเสียงร้องดังก่อนที่จะทำเสียงต่ำเย็นชา "ข้าไม่เคยคิดว่าข้าจะยังถูกค้นพบโดนคนจากอาณาจักรเมืองหลวงแห่งสวรรค์ เด็กสาวเช่นเจ้าต้องการจะสังหารนายท่านผู้นี้หรือ? เจ้าคิดว่าสายเลือดนกกระจอกกลืนสวรรค์ของข้านั้นง่ายที่จะเอาชนะได้?"
แสงสีแดงกระพริบขณะที่นกยักษ์จู่โจมผู้หญิงผิวขาว
ผู้หญิงผิวขาวได้หยิบเอายุทธภัณฑ์วิญญาณออกมาและถือไว้ข้างหน้า ขณะที่นางกวัดแกว่งใบมีดสีฟ้าและได้ปะทะกันกับนกกระจอกกลืนกินสวรรค์
บูม!
ระเบิดขนาดมหึมาโผล่ออกมา เสียงนั้นราวกับสามารถเขย่าโลกได้ คลื่นพลังขนาดมหึมากระเพื่อมออกมาจากการต่อสู้ ทำให้เนินเขาใกล้เคียงได้แตกละเอียดและโลกได้สั่นสะเทือน คลื่นพลังทำให้ผู้ฝึกตนที่อยู่ไกลออกไปสะท้านและรู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดขีด
ความกลัวที่ถูกพามาโดยการต่อสู้ระหว่างเซียนระดับสูงทั้งสองเป็นบางสิ่งที่พวกเขาไม่เคยลืม
เปลวไฟลูกยักษ์รอบๆ ตรงที่ 2 เซียนกำลังต่อสู้กันอยู่ ได้ย้อมสวรรค์และโลกเป็นสีแดง ฉากนี้นั้นคมเข้มอย่างมาก ดวงตาของคนจะปวดเมื่อมองดูมัน
เซี่ยวหยุนมองไปข้างหน้า แต่ก็ได้พบว่าจากแสงทั้งหมดทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นได้แม้แต่สิ่งเดียว
ครึ่งชั่วโมงต้องมาเสียงการต่อสู้ได้เงียบลงและคลื่นพลังที่กระเพิ่อมออกมาไม่ได้ทรงพลังอีกต่อไป
“พวกเขาใกล้จะสู้จบแล้ว?” เซี่ยวหยุนหรี่ตาเพื่อพยายามที่จะมองเห็นบางสิ่งบางอย่าง
ปัง!
เสียงขนาดใหญ่ดังขึ้นขณะที่อากาศดูเหมือนจะระเบิดออก ริ้วสีแดงส่งแสงแลบออกมาเหมือนกับอุกกาบาต และเซี่ยวหยุนก็พบว่ามันคือนก คิดว่ามันไม่ได้ตัวใหญ่อีกต่อไป
“สาวใช้ผู้กระหายเลือด เจ้าระเบิดยุทธภัณฑ์ต้องห้ามเพื่อทำลายร่างเนื้อเจ้านายผู้นี้จริงๆ เจ้านายคนนี้จะทวงคืนความแค้นของเขาอย่างแน่นอน” นกคำรามอย่างป่าเถื่อน แสงสีแดงเข้มได้หายไปและความเกลียดชังในเสียงทำให้พวกเขาที่ได้ยินต้องสั่นสะท้าน