ตอนที่ 52 กลับบ้าน
เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงเฉินเอามือกุมหัวของเขาขณะที่เขาตึ้นขึ้นมาด้วยอาการปวดเล็กน้อย
[เมื่อคืนเราเมาใช่ไหมเนี้ย?]
เขาลุกขึ้นมานั่งแล้วถูดวงตาของเขาแล้วพลันชะงัก
หญิงสาวที่อยู่ข้างๆเขาหลับอย่างเงียบๆ ผมของเธอกระจัดพระจายไปทั่วใบหน้าและการหายใจของเธอก็นุ่มนวลแต่ดูเหนื่อยล้า
และบนเตียงมีจุดสีแดงที่เห็นได้ชัด
[เหี้ยไรวะเนี่ย? เราทำอะไรลงไป?]
เขาแทบจะสูญเสียกำลังและล้มลงใส่เตียง
“คุณตื่นแล้ว?” อเยชาถูกปลุกให้ตื่นจากความฝันของเธอจากการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันของเขา
เธอมองไปที่รูปลักษณ์ที่ตกใจของเจียงเฉินและกัดริมฝีปากของเธอเบาๆแล้วมุดศีรษะของเธอไว้ในผ้าปูที่นอน
ถึงแม้ว่าเธอจะได้รับการเตรียมจิตใจแล้วแต่ช่วงเวลาที่มาถึงจริงๆอเยชาก็ยังรู้สึกกลัว
ความเจ็บปวดฉีกเธอเป็นชิ้นๆเกือบจะทำให้เธอร้องไห้ ถึงแม้ว่าความรู้สึกที่ตามมาเร็วๆนี้จะช่วยให้เธอเข้าสู่สถานะมีความเพลิดเพลินเกือบเพียงพอที่จะทำให้เธอลืมความเจ็บปวดได้ ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บ เธอก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจที่เสียครั้งแรกเช่นนี้
“อืมม” เจียงเฉินเกาหัวขณะที่เขายังคับรอยยิ้ม “อืมมม ขอโทษ”
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษ ฉันเป็นภารยาของคุณ มันโอเคแม้ว่าฉันจะไมได้รับชื่อจริงของตัวเอง ฉันเข้าใจประเพณีของบ้านเกิดของคุณ” อเยชาพูดเหมือนกระซิบด้วยหัวของเธอที่ยังคงก้มต่ำและไหล่ของเธอถูกปลุกคลุมไปด้วยผ้าห่ม
ที่อเยชาจากมา อายุของเธอเป็นที่ยอมรับสำหรับการแต่งงานแต่สำหรับเจียงเฉิน...
เขาจะอธิบายได้อย่างไรว่ามันมากกว่าประเพณี มันน่าจะอธิบายแล้วเป็นปัญหามากขึ้น
เขาสลัดตัวเองออกจากสภาพแข็งทื่อก่อนที่เขาจะถอนหายใจและกล่าวขอโทษ “เมื่อคืนฉันคงดื่มมากเกินไป อืมม มันคงจะเจ็บมากใช่มั้ย?”
ความทรงจำของเขาจากคืนที่ผ่านมาไม่ค่อยชัดเจน มันทำให้เขาคิดว่าเขาบังคับเธอแต่ความเป็นจริงแตกต่างกัน
“อืมม มันใหญ่เกินไป” คำพูดไม่ได้ใช้เวลาในการประมวลผลก่อนที่เธอจะเขินอายทันทีในลักษณะที่ไม่เป็นธรรมชาติ
"อะแฮ่ม!" เจียงเฉินเกือบสำลักน้ำลายของตัวเอง อเยชาทันทีเคลื่อนไหวไปลูบหลังเขา นอกจากนี้เธอไม่ได้มีอะไรจับผ้าเช็ดตัวของเธอแล้วมันหล่นลงมาอย่างรวดเร็ว
หน้าอกและเอวที่มีรูปทรงสวยงามได้เปิดเผยให้เขาเห็นอย่างเต็มที่
“อ๊าาา!” อเยชากรีดร้องและเอื้อมมือกลับมาด้วยมือที่สั่นของเธอเพื่อปกปิดตัวเธออีกครั้ง
พวกเขาข้ามเส้นกันแล้วแต่เธอก็ยังรู้สึกอาย เจียงเฉินเกาศีรษะของเขาแต่ในที่สุดก็ทำได้เพียงถอนหายใจ
“เรียนภาษาฮันสักเล็กน้อย”
“อืมม” อเยชามุดศีรษะของเธออีกครั้ง เธอกลัวที่จะมองเขาในสายตา
เจียงเฉินบังคับรอยยิ้มเมื่อเขาเห็นจุดสีแดงบนผ้าปูที่นอนอีกครั้งและเก้ๆกังๆตบหัวตัวเองที่ยังมีอาการง่วงนอน
เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนชั้นสูงแต่เขามีขอบเขตของตัวเอง การได้รับครั้งแรกของสาววัยรุ่นยังคงทำให้เขารู้สึกผิดอย่างมาก แม้ว่าจะเกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์แต่มันก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะหลบหนีความรับผิดชอบ
แต่มุมมองเอียงอายของอเยชาทำให้เจียงเฉินรู้สึกดีเล็กน้อย
เขารู้สึกประทับใจกับความเข้าใจของเธอและตัดสินใจที่จะปฏิบัติต่อหญิงสาวคนนี้อย่างดี
อย่างน้อยที่สุดเขาจะปล่อยให้เธอมีชีวิตที่แสนสะดวกสบายมากกว่าที่เธอเคยอยู่ที่นี่
เขาปฏิเสธข้อเสนอของอเยชาอย่างอึดอัดใจที่จะแต่งกายให้กับเขาขณะที่มันจะทำให้เขาเลวลงไปถึงกระดูกแล้วเขารีบใส่เสื้อผ้าของเขาก่อนที่จะรีบหนีออกจากห้อง
การเฝ้าดูเจียงเฉินออกไปมันทำให้รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอเยชา
ในนั้นมันมีความเสน่หาเล็กน้อย
เธอรวบรวมมือไว้ที่หน้าอกด้วยศีรษะที่ก้มต่ำและอธิฐานอย่างจริงใจต่อพระเจ้าของเธอ
[การพบเจอคุณมันจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของฉัน]
-
ตอนเที่ยงเจียงเฉินนำอเยชาไปพร้อมกับเขาบนเที่ยวบินดูไบ เนื่องจากกรุงแบกแดดไม่มีเที่ยวบินตรงไปยังฮันดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดของพวกเข่คือจ้องหยุดพักชั่วคราวที่ดูไบก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังฮัน
ก่อนหน้านั้นมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอัตลักษณ์ของอเยชา
เนื่องจากความสับสนอลหม่านอย่างต่อเนื่องในซีเรีย อเยชาจึงไม่ได้นำบัตรประจำตัวใดๆติดตัวมากับเธอเมื่อเธอหนีออกจากประเทศ แล้วไม่สามารถติดต่อกับประเทศบ้านเกิดของเธอได้โดยที่เธอไม่มีบัตรประจำตัวดังนั้นเจียงเฉินจึงคิดที่จะใช้เงินเพื่อทำบัตรประจำตัวให้เธอ
แต่เมื่อเขามาถึงที่ได้คำแนะนำมันก็ว่างเปล่า เฉพาะเมื่อเขาถามทหารอิรักที่ลาดตระเวนด้านนอกในที่สุดเขาก็ได้รู้ว่าเจ้าหน้าที่สถานกงสุลทั้งหมดได้เดินทางไปฮันเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง ทหารคนนี้มีประสบการณ์ในการจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้ขณะที่เขาชี้นำเจียงเฉินไปที่สำนักงานของสหประชาชาติแต่เจียงเฉินทันทีโทรหาโรเบิร์ตที่มีแผนจะอยู่ต่ออีกสองสามวัน
เมื่อได้ยินเรื่องปัญหาของเจียงเฉิน โรเบิร์ตมีความสุขได้ได้ช่วยเหลือเขาและติดต่อกับใครบางคนในสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาเพื่อขอรับบัตรสีเขียวและหนังสือเดินทางสำหรับอเยชาด้วยค่าใช้จ่าย 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตามโรเบิร์ตปฏิเสธรับเงินจากเจียงเฉิน
“เมื่อเทียบกับข้อตกลงที่เราทำด้วยกัน มันไม่มีค่าอะไรเลยถูกมั้ย?” โรเบิร์ตหัวเราะก่อนที่จะวางสาย
เจียงเฉินไม่สามารถโต้แย่งกับสิ้งนั้นได้
ด้วยบัตรประจำตัวของอเยชาสามารถจองตั๋วได้ในที่สุดและวีซ่าเพื่อเข้าสู่ฮันจะได้รับการแก้ไขในสถานทูตดูไบ
ตลอดทั้งวันเจียงเฉินอยู่กับอเยชาในดูไบ แม้ว่าเขาจะอิจฉาเมืองที่มีชขื่อเสียงของความมั่งคั่งแต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยว เขามีข้อผูกมัดมากมายเช่นการแปลงทองที่เขาครอบครองเป็นงานหลายล้านแล้วซื้อคฤหาสน์และหารถใหม่ให้กับตัวเองเนื่องจากสามารถเดินทางได้ตลอดเวลา
ในที่สุดหลังจากเที่ยวบินเก้าชั่วโมงเครื่องก็ไปลงที่ปักกิ่ง
มันเป็นเวลาสองทุ่มตอนกลางคืนแล้วเมื่อพวกเขาได้แตะพื้นแต่สถานบังเทิงยามค่ำคืนของเมืองเพิ่งเริ่มต้น ไฟจากถนนและรถสว่างขึ้นเวลากลางคืน มันทำให้อเยชาตกใจเพราะไม่เคยเห็นเช่นกระแสของรถที่ไม่จบสิ้นและผู้คนตามเส้นทาง
เจียงเฉินยิ้มอย่างรู้ทัน รู้สึกถึงความตกใจของอเยชาและระลึกถึงการแสดงออกที่คล้ายคลึงกันของตัวเองเมื่อครั้งแรกที่เขาออกจากบ้านเกิดของเขา ในเวลานั้นความงดงามของท้องฟ้ายามค่ำคืนของเมืองหวังไห่ทำให้เขาตกตะลึงตกไปสู่ความเงียบ
ผู้คนจะเข้าเมื่ออยู่ที่นี่เท่านั้น แม้ถนนจะมีความวุ่นวายแต่มันก็ไม่มีใครสัมผัสเส้นทางในชีวิตใดๆของคุณ บางทีนี่อาจจะเป็นความไม่แยแสของโลกปัจจุบัน
แน่นอนว่าตั้งแต่เขามีเงินความกังวลดังกล่าวไม่ได้มีอีกต่อไปที่เขาจะคิดเกี่ยวกับมัน
ขณะที่เขาเรียกแท็กซี่ไปยังโรงแรมใกล้ๆเขาแตะไปที่ไหล่ของเธอ เที่ยวบินสู่เมืองหวังไห่จะออกเช้าวันรุ่งขึ้นและตอนนี้พวกเขาก็ต้องไปหาที่ไหนสักแห่งเพื่อพักค้างคืน
หลังจากที่อาบน้ำเจียงเฉินได้นอนบนเตียงทันทีพร้อมที่จะนอนหลับ แต่ในไม่ช้าเขาก็รู้สึกอึดอัดใจจากสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
มันเป็นเตียงขนาดใหญ่
อเยชาที่เพิ่งเสร็จจากการอาบน้ำหลังจากเขา เดินเข้าหาเตียงที่ตัวของเธอมีแต่ผ้าเช็ดตัว สายตาของเธอเอียงอายขณะที่เธอกัดริมฝีปากเบาๆก่อนที่จะเข้าใกล้เตียง จ้องอย่างตกตะลึงเจียงเฉินกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างไม่รู้ตัว
ความสวยงามจากต่างชาติด้วยวัยกำลังผลิดอก ส่วนโค้งเว้าที่นุ่มนิ่ม...
พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ
อเยชานอนลงบนผ้าปูที่นอนและทุกอย่างดูเหมือนจะทำให้เกิดความรู้สึก
ครั้งที่สองจะง่ายกว้าครั้งแรกเสมอ ใบหน้าของเธอไม่ได้แสดงความรู้สึกอึดอัดเลย
แม้จะยังคงรู้สึกผิดอยู่แต่การแสดงออกของเธอทำให้เจียงเฉินรู้สึกโล่งใจบ้าง
[เราเองไม่ได้บังคับเธอ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ตั้งแต่เราได้กล่าวว่าเราจะดูแลเธอแล้วมีอะไรผิดกับครั้งที่สอง?]
อย่างเป็นธรรมชาติเขาวางมือลงบนไหล่ของเธอทำให้อเยชาก้มหัวต่ำลงด้วยความอายและทำตามคำแนะนำของเขา
-
หลังจากกลับมาที่เมืองหวังไห่แล้วเจียนเฉินทันทีเริ่มทำงาน เนื่องจากปัจจุบันเขาไม่มีที่อยู่อย่างถาวร เขาได้ทำการจองห้องพักที่โรงแรมที่เขาเคยพักครั้งก่อนและให้อเยชาอยู่ที่นั่น เมื่อเขาจบเรื่องคฤหาสน์แล้วเธอก็สามารถย้ายไปที่นั่นได้ และแม้ว่าเขาจะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของเขาขึ้นมาพูดคุยกับเธอทุกวันแต่เขายังมีการจัดการให้เธอศึกษาภาษาฮัน
เมื่อเขาจัดเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างเจียงเฉินได้ติดต่อชางซินเฟยซึ่งเป็นตัวแทนของโรเบิร์ตในเมืองหวังไห่ ตามที่โรเบิร์ตกล่าวเขาเป็นผู้ช่วยของมิสเตอร์เฉินผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งสินค้าในฮ่องกง ด้วยอิทธิพลอันยาวกว้างขวางของมิสเตอร์เฉินในฮ่องกง เขาและโรเบิร์ตเคยทำธุรด้วยกันในลอสแอนเจลิส
เจียงเฉินไม่ต้องกังวลเรื่องรายละเอียด
ชางซินเฟยมีความสุภาพในการพบปะกับเจียงเฉิน ถัดจากเขาเป็นบอดี้การ์ดที่เจียงรู้จัก หมีขั้วโลกจากภูมิภาคเซอร์เบีย นิค
“ดีใจที่ได้พบคุณอีกครั้งเพื่อนรัก” เจียงเฉินกล่าวด้วยความจริงใจพร้อมกับต่อยเบาๆไปที่หน้าอกของนิค แม้จะมีข้อเท็จจริงที่ว่านิคไม่ใช่คนพูดมากแต่พวกเขายังคงต่อสู้อย่างยากลำบากมาร่วมกันทำให้พัฒนาความผูกพันกันระหว่างคนทั้งสอง
นิคยังชกกลับไปขณะที่ถอดวันตากันแดดออก
"ตอนนี้ฉันเป็นผู้รับผิดชอบความปลอดภัยของผู้ชายคนนี้"
แม้ว่าเขาจะเป็นบอดี้การ์ดแต่เจียงเฉินรู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาคือการป้องกันไม่ให้ชายคตนนี้วิ่งหนีไปหลังจากตระหนักถึงคุณค่าของสินค้า ทองคำจะถูกส่งออกโดยสินค้าภายใต้ชื่อของมิสเตอร์เฉินและเมื่อมันถึงน่านน้ำสากลแล้วโรเบิร์ตก็จะทำการขนส่งสินค้าลงเรือของตัวเองก่อนที่จะส่งไปยังแอฟริกาใต้
"ทุกอย่างอยู่ที่นี่ ตามฉันมา" เจียงเฉินโบกมือและเดินไปที่ห้องเก็บของที่เก็บอาหารไว้ก่อนหน้านี้
นิคลังเลสั้นๆ เขารู้ว่าพวกเขาจะจัดส่งทำคำแม้กระทั่งนำบุคลากรเข้ามาทำการตรวจสอบแต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าเจียงเฉินจะเก็บทองหลายพันล้านไว้ในคลังสินค้าโดยไม่มีการเฝ้าระวังใดๆ
อย่างไรก็ตามเจียงเฉินไม่ได้เก็บทองไว้ที่นี่แต่เพียงพึ่งย้ายมันมาก่อนที่พวกเขาจะมาถึง
“เรามีคำพูดเก่าๆที่ฮัน ที่มืดที่สุดอยู่ภายใต้โคมไฟ ถ้าฉันจ้างยามมาเฝ้าแล้วสถานที่นี้มันก็จะดูน่าสงสัย” เจียงเฉินทำอะไรบางอย่างในขณะที่เขาเอาที่ปกคลุมทองออกไป “มันอยู่ที่นี่และคุณสามารถตรวจสอบ ฉันหวังว่าคุณจะเตรียมกล่อง”
นิกกลืนน้ำลายขณะที่เขาพยักหน้าตะลึงงัน
ผู้ตรวจสอบระบุว่าทองคำทั้งหมดมีคุณภาพ 24 กะรัตและสามารถขายได้โดยไม่ต้องดำเนินการต่อๆ น้ำหนักทั้งหมดอยู่ที่ 11 ตันและ 240 กิโลกรัม เมื่อราคาขึ้นอยู่กับค่าเฉลี่ยรายสัปดาห์ของทองคำสหรัฐฯและด้วยค่าธรรมเนียมการประมวลผลเก้าเปอร์เซ็นต์ เจียงเฉินได้รับเงินโอนทั้งหมด 510 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หลังจากได้รับการยืนยันของธนาคารสวิสแล้ว เจียงเฉินก็พยักหน้า นิคจึงสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาบรรจุใส่กล่องและเก็บไว้ในรถบรรทุก
ชายที่ชื่อชางซินเฟยเลือกที่จะอยู่ข้างนอกในขณะที่เขารู้ถึงบทบาทที่เขามีในการทำธุรกรรมครั้งนี้
รู้น้อยมันจะดีสำหรับเขา เขาได้รับเงินจำนวนมากจากการทำธุรกิจครั้งนี้แต่สิ่งที่อยู่ข้างในมันไม่ใช่ส่วนที่เขาจะรู้