ตอนที่แล้วตอนที่ 4 : ช่วงพักภารกิจ(2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 : โรงพยาบาลร้าง (2)

ตอนที่ 5 : โรงพยาบาลร้าง (1)


แปลไทย : แพนด้าคุง | แก้ไข : แพนด้าคุง

เฟิ่ง บู่เจวี๋ยเดินเข้าไปที่ห้องคอนโซลเกม และกลับเข้าสู่ตัวเกมอีกครั้ง โดยใช้โหมดไม่หลับ (โหมดนอนหลับกับโหมดไม่นอนหลับมีเซิร์ฟเอวร์ที่ต่างกัน ซึ่งเซิร์ฟเวอร์แต่ละอย่างไม่สามารถทำงานร่วมกันได้)

 

เขาเลือกเกมเสร็จสิ้นก็กลับเข้ามาสู่พื้นที่ที่ว่างเปล่าอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่มีการแจ้งเตือนป๊อปอัพแต่อย่างใด มีเพียงหน้าจอและเมนูต่างๆให้เลือก เช่น เมนูเพื่อ เมนูแบล็คลิส นอกจากนี่ยังมีพวกข้อมูลแนะนำอื่นๆเกี่ยวกับเกมนี้ เพื่อกรณีผู้เล่นไม่มีเวลามาอ่านหน้าโฮมเพจของเกม เขาก็มาดูในนี่แทนเพื่อประหยัดเวลาอ่านและเวลาในการเล่น

 

เฟิ่ง บู่เจวี๋ยตามหาชื่อ หวัง ทันจื่อในเกม,และเพิ่มเพื่อนก่อนที่จะชวนเขาเข้าปาร์ตี้

 

เมื่อหวังทันจื่อเข้าร่วมปาร์ตี้แล้ว,หน้าจอของ เฟิ่ง บู่เจวี๋ยก็ปรากฏชื่อของพวกเขาและเลเวล

 

[เฟิ่ง บู่เจวี๋ย, เลเวล 2]

 

[หวัง ทันจื่อ เลเวล 1]

 

[กรุณาเลือกโหมดเกมเพื่อปาร์ตี้ของคุณ]

 

มีตัวเลือกมากมายในหน้าจอ มีทั้ง ‘โหมดผู้เล่นเดี่ยว’, ‘โหมดผู้เล่นหลายคน’ และ ‘โหมดเอาชีวิตรอด’ (ปกติ) ตั้งแต่ที่พวกเขาอยู่ในปาร์ตี้ ก็มีสองตัวเลือก โหมดผู้เล่นเดี่ยวตอนนี้กลายเป็นสีเทา ทำให้พวกเขาไม่สามารถเลือกได้

 

“ไอหย๋า,พวกเราสามารถเลือกได้แค่โหมด ผู้เล่นหลายคนยังงั้นเหรอ”, หวังทันจื่อพูดกับเฟิ่ง บู่เจวี๋ยผ่านหน้าจอ ในพื้นที่เข้าสู่ระบบ พวกเขาสามารถเห็นได้แค่ข้อมูลเท่านั้น ดังนั่นจึงพูดคุยผ่านทางหน้าจอ เฟิ่ง บู่เจวี๋ยเป็นหัวหน้าปาร์ตี้ เขาต้องเป็นฝ่ายเลือกพวกนี้ทั้งหมดแล้ว

 

“ใช่...เราจะเข้าไปก่อน” เฟิ่ง บู่เจวี๋ยตอบและเลือกโหมดทันที

 

[คุณได้เลือกโหมด ‘ผู้เล่นหลายคน’ กรุณากดยืนยัน]

 

[ยืนยันเรียบร้อย… กำลังเชื่อมต่อข้อมูลเ้ขาหากัน … กำลังสร้างสถานการณ์…]

 

[กำลังโหลด… โปรดรอ]

 

ลิฟต์ของเฟิ่ง บู่เจวี๋ยกำลังเคลื่อนลง

 

จากนั้น, ก็มีคำอธิบายปรากฏขึ้นมาอยู่ต่อหน้าเขาด้วยระบบความจำ

 

“คุณกำลังจะเข้าไปสู่สถานการณ์พร้อมผู้เล่นอื่น นี่เป็นครั้งแรกที่คุณได้เลือกโหมดผู้เล่นหลายคน กรุณาทำความแน่ใจว่าคุณอ่านเนื้อหาให้ถี่ถ้วนก่อนที่เล่น”

 

[A :นอกจากโหมดต่อสู้แล้ว, การโจมตีทั้งหมดที่มีต่อผู้เล่นคนอื่นก็จะถูกจำกัด ความตั้งใจของผู้เล่นที่คิดโจมตีใส่กันนั้น จะหายไป โหมดนี้ ถ้าหากไม่ได้เลือกโหมดต่อสู้ ก็จะไม่สามารถต่อสู้ใครได้ แม้แต่สมาชิกในปาร์ตี้เหมือนกัน]

 

[B : คำใดๆที่ระบบคิดว่ามีส่วนที่จะปั่นป่วน ระบบจะตัดสินใจลบทันที เช่น การใช้คำหยาบ อ้างอิงรัฐบาล หรือใช้ชื่อสัตว์อักษรพิเศษมาตั้ง]

 

[C : พฤติกรรมการข่มขู่ หรือการพูดจาให้ร้ายใดๆ การะรำของผู้เล่นนั้นจะถูกจำกัด และไม่สามารถนำมาแปลอักษรหรือท่าท่างใดๆได้ ]

 

[D : ทุกเพศทุกวัย, ถ้าหากระบบตรวจพบมีการคิดล่วงละเมิดทางเพศไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ในส่วนของ B และ C จะถูกจำกัดทันที ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เมื่อผู้เล่นกระทำซ้ำๆ ผู้เล่นจะถูกบังคับให้ออกจากการเล่น และหมายเลข ID ของผู้เล่นจะถูกระงับและถูกติดตามอย่างเฝ้าระวัง]

 

[E : พฤติกรรมใดๆ ที่ระบบพิจารณาว่ามีการแบ่งแยก จะถูกเฝ้าติดตามคล้าย D ถ้าหากละเมิดหรือใช้โปรแกรมช่วยจะถูกระงับไอดี และจะถูกส่งข้อมูลต่างๆไปยังที่กรมตำรวจ เพื่อรักษาความปลอดภัยในอนาคต]

 

ในจุดๆนี้, คุณอาจจะต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม ด้วยการที่เฟิ่ง บู่เจวี๋ยอาศัยอยู่ในปี 2055 ในบางจักรวาลที่คู๋ขนาน โลกของเขาการล่วงละเมิดทางเพศมีกฏร้ายแรง(เพื่อป้องกันเยาว์ชนและผู้ที่เป็นพิการต่างๆ) พวกเขาจะต้องปฏิบัติตามกฏอย่างเคร่งครัด ไม่ร้ายมากก็ต้องโดนทำโทษ ผู้ใดล่วงละเมิด ต้องถูกประหารชีวิต และเลขบัตรประชาชนจะถูกลิสเป็นบัญชีดำทันที

 

เฟิ่ง บู่เจวี๋ยมีโอกาสได้เล่นเกมามากมาย มีหลายคนที่เคยเชื่อมต่อกันด้วยหมวกเนิร์ฟเกียร์ ปกติแล้วพวกเขามักมีกฏไม่ให้ผู้เล่นพยายามแฮ็คข้อมูลหรือฝ่าฝืนกฏ เพราะอาจจะมีปัญหาในภายหลังเช่นการทะเลาะและฆ่ากันได้

 

[การโหลดเสร็จสิ้น ตอนนี้คุณอยู่ในโหมดผู้เล่นหลายคน]

 

[ในโหมดนี้,ระบบจะไม่มีการบอกเกี่ยวกับแผนใดๆ หรือภารกิจ]

 

[รางวัลสำหรับโหมดนี้ มีเพียง EXP(ค่าประสบการณ์) เท่านั้น จะไม่มีแต้มทักษะหรือเหรียญใดๆให้]

 

[รางวัลสำหรับโหมดนี้ จะไม่มีการรวมรางวัลหรือโบนัสค่าความกลัว]

 

[เกมเริ่มขึ้นแล้ว]

 

หลังจากเตือนอะไรเสร็จสิ้น ประตูก็ได้เปิด เกือบในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของผู้ชาย มันน่ากลัวเล็กน้อย ถ้าหากเป็นคนปกติทั่วไป “ยินดีต้อนรับสู่ ทริลเลอร์ พาราไดซ์”

 

จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะของปีศาจดึงกึงก้อง มันสามารถทำให้ผู้เล่นกลัวได้เลย ถ้าหากเป็นพวกขวัญอ่อน

 

มีทางเดินอีกครั้ง, อย่างไรก็ตามทางเดินคราวนี้ มันค่อนข้างกว้างขึ้น พื้นที่ถูกปกคลุมด้วยกระเบื้องและผนังมีแต่สีขาวปรากฏ ระบบไฟบนเพดานก็ทำงานได้ดี คราวนี้มันส่องไฟเจิดจ้ามากๆ แต่กลิ่นอากาศภายในห้อง มันมีกลิ่นของพวกน้ำยาฆ่าเชื้อ กลิ่นคล้ายๆกับตัวยา มันเหมือนอยู่ในโรงพยาบาลเลย

 

เฟิ่ง บู่เจวี๋ยเดินออกมาจากลิฟต์ ประตูก็ปิดทันที จากนั้นภาพของลิฟต์ก็หายไป เหลือแต่เพียงกำแพงงสีขาว ตอนที่เขาจะหันกลับมาดูลิฟต์ ก็เห็นบางสิ่งที่คล้ายกับลิฟต์ปรากฏขึ้น

 

เฟิ่ง บู่เจวี๋ยเดินไปตรงนั้น ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้น

 

“อ้ากกกกกกกกกกก”

 

“นี่นาย ป่วยงั้นเหรอ?” เฟิ่ง บู่เจวี๋ยถาม

 

หวัง ทันจื่อรีบพูด “ก็ตอนนั้นฉันตัดสินใจเดินมา อยู่ดีๆแกก็ปรากฏตัวขึ้นจะไม่ให้กลัวได้ยังไงกันเล่า!”

 

“นี่ ขอถามอะไรหน่อยดิ? นายกลัว? นายกลัวยังไงเหรอ?” เฟิ่ง บู่เจวี๋ยอยากรู้จริงจัง

 

หวัง ทันจื่อมองไปที่เมนูของเขา ในดวงตาของเฟิ่ง บู่เจวี๋ย,เหมือนกำลังจ้องมองไปที่เมนูของหวังทันจื่อ แต่ก็ไม่เห็นอะไร

 

“ฉันไม่กลัวแล้ว ค่าความกลัวขึ้นมาตั้ง 3% เชียวแหน่ะ,” หวังทันจื่อตอบ, “แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นกลัวเป็นไง”

 

“โอ้? หรือเพราะว่าความค่ากลัวมันเพิ่มขึ้น และก็ลดลงในทันที?” เฟิ่งบู่เจวี๋ยทำตาหยี่ “นี่สีของค่าความกลัวเมนูบาร์เป็นสีอะไร?”

 

“หืม… ก็สีแดงสด”

 

“ยังงั้นเหรอ”

 

“นี่พี่เจวี๋ย, อาการป่วยของพี่...ไม่สิค่าความกลัวพี่เป็น 0% ตลอดเลยเหรอ”

 

แน่นอน, หวังทันจื่อรู้อาการป่วยของเฟิ่ง บู่เจวี๋ย,เหตุเพราะว่าตอนที่เขาจบการศึกษา เขากำลังศึกษาเคสนี้อยู่ แต่เป็นเพราะว่าด้วยการเป็นหมอ เขาจึงเข้าใจว่าเฟิ่งบู่เจวี๋ยนั้นโชคดี ด้วยการที่เขาโชคดีเขาจึงอยู่ได้มาหลายปี แต่ถ้าโชคร้ายเขาควรตายไปตั้งแต่สามนาทีแล้ว

 

“อา” เฟิ่ง บู่เจวี๋ยตอบตรงๆ

 

“ยังไงฉันก็ต้องพึ่งพี่แล้ว ถ้าเกิดปัญหาอะไร ปกป้องผมด้วยล่ะ” หวังทันจื่อบอก

 

เฟิ่ง บู่เจวี๋ยไม่ได้ตอบเขา แต่ดำเนินการต่อจากเมนู “ก่อนที่เหตุการณ์จะเริ่ม เรายังมีเวลาสามนาทีในการเตรียมตัว ถ้านายไม่ออกจากลิฟต์ ระบบมันก็จะบังคับนาย”

 

หวัง ทันจื่อได้ยินเขาพูด จึงรีบออกจากลิฟต์ทันที

 

ก่อนที่ลิฟต์จะหายไป เฟิ่ง บู่เจวี๋ยก็หยิบหินในกระเป๋าออกมาให้ หวังทันจื่อ “เอาไปและเอามันนำทางดู”

 

หวังทันจื่อมองไปที่หิน หลังจากตรวจสอบไอเท็มแล้ว ปากของเขาก็ขยับไปที่มุมปาก “พี่เจวี๋ย, แม้ว่าพี่จะผ่านบทสอนมือใหม่มาแล้ว แต่ไอนี่มันจะช่วยเราได้จริงๆเหรอ อีกทั้งมันไม่น่ามีเหตุผลที่ต้องเอามาใช้เลยนี่?”

 

“อย่ามาอิจฉาฉันน่า” เฟิ่ง บู่เจวี๋ยตอบโดยไม่สะทกสะท้อนเพราะเขารู้ดีว่าคำพูดที่แฝงของเขานั้นหมายความว่าไง

 

หวัง ทันจื่อไม่ได้ตอบ เขาโยนหินไปบนพื้น และหยิบมีดปอกผลไม้ของเขาออกมาจากในกระเป๋า “ดูเหมือนว่า นี่ยังดีกว่า”

 

“นายได้ของนั้นมายังไง?” เฟิ่ง บู่เจวี๋ยพูดเสียงดัง ระหว่างที่ช่วงที่เขาไม่ว่าง ตอนที่หวัง ทันจื่อได้เล่นบทสอนมือใหม่ เขาได้ผ่านบททดสอบ แม้ว่าระบบจะบอกมาว่า ‘สติกระเจิง’เท่าไหร่ และถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับรางวัลเขาก็ยังได้ของ

 

“ฉันเก็บมันมาจากสถานการณ์ที่แล้วน่ะ” หวัง ทันจื่อกล่าว

 

เฟิ่ง บู่เจวี๋ยพูด “เอามาให้ฉันดูหน่อย”

 

หวัง ทันจื่อยื่นให้โดยดีและหยักไหล่เล็กน้อย

 

[ชื่อ : มีดปอกผลไม้]

 

[ประเภท : อาวุธ]

 

[คุณภาพ : ขยะ]

 

[ค่าพลังโจมตี : ระดับต่ำ]

 

[คุณสมบัติ : ไม่มี]

 

[ผลกระทบ : ไม่มี]

 

[สามารถนำมันออกจากสถานการณ์ได้หรือไม่ : ได้]

 

[หมายเหตุ : อย่างน้อยมันก็ดูเหมือนมีด]

 

เฟิ่ง บู่เจวี๋ยส่งมีดคืนหวังทันจื่อก่อนที่จะถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย “ช่างเป็นเวรกรรมแท้ๆ ที่ในสถานการณ์ของฉันตอนนั้น หยิบอะไรออกมาไม่ได้เลย”

 

“โอ้ะ และหินนั้น?”

“โบนัสหลังจากบททดสอบอะนะ” เฟิ่งบู่เจวี๋ยมองไปที่หวังทันจื่อและพูดว่า “กลัวเหรอ?”

 

“ก็ใช่น่ะสิ...”

 

“นำทางไปได้แล้ว!”

 

หวังทันจื่อไม่มีทางเลือกอื่น : เนื่องจากเขามีมีดอยู่ในมือ เขาก็ต้องเป็นฝ่ายนำหน้าไป

 

เมื่อเกมได้เริ่มขึ้น, เขาก็หวาดกลัวเล็กน้อย ด้วยการที่เขาเป็นคนธรรมดา คนธรรมดาเมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีความน่ากลัว สมองของเขาก็สั่งให้กลัวแล้ว ในเกมทริลเลอร์ พาราไดซ์ มันเป็นเกมที่เชื่อมต่อกับประสาท เลยทำให้รู้สึกถึงความเป้นจริงมากกว่าเก่า

 

มีทางให้เลือกด้านนอกเขา ยี่สิบกว่าเมตร, มันเป็นทางประตูสามบาน, กำแพงด้านหนึ่งวางเปล่าและเรียบ ไม่มีสิ่งของใดๆที่คุ้นเคยเช่นข้อมูลทางการแพทย์ ไม่ก็ข้อมูลยา ข้อมูลคนป่วย ซึ่งมันควรจะเป็นขั้นพื้นฐานของโรงพยาบาลที่ต้องถูกแขวนไว้บนกำแพงบ้าง

 

เมื่อพวกเขาเดินไปห้าเมตร แม้ว่าจะยังไม่ถึงประตูแรก ก็มีเสียงหัวเราะของเด็กหญิงปรากฏขึ้น พร้อมมีรอยเลือดมากมายปรากฏขึ้นบนกำแพงทางสองด้าน มันเหมือนว่ากำลังเดิน ทันใดนั้นเขาก็เห็นเงาที่โผล่บินออกมาและเคลื่อนที่อยู่ห่างไกลพวกเขา

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด