ตอนที่ 69 การเผชิญหน้า
ตอนที่ 69 การเผชิญหน้า
ผู้แปล BusTsu
ฟางต้าเฉิงเป็นคนที่ไม่เถียงใคร ไม่พูดอะไร เขาต้องการเอ่ยปาก แต่เมื่อเห็นท่าทีอันดุร้ายของหญิงสาวแล้ว ไม่ว่าเขาจะพยายามรีดเค้นคำพูดออกมาสักเท่าใด ก็ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ หน้าผากเขาถึงกับมีเหงื่อออกมาจากความวิตกกังวล
“พูดอะไรอีก? เรื่องราวมันง่ายดายนัก ผู้ชายคนนี้เป็นตัวเลวทรามที่จับหน้าอกของฉัน!!!”
ฟางต้าเฉิงไม่อาจกล่าววาจาใด และนั่นจึงเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายโจมตี หญิงบริการกล่าววาจาว่าร้ายฟางต้าเฉิงด้วยเสียงแหลมปรี๊ด กระทั่งชี้ไปยังรอยเปียกบนเสื้อบริเวณหน้าอกของเธอ
“ดูสิ!!! รอยมือยังอยู่ตรงนี้!!!”
ทุกผู้คนมองไปยังตรงที่เธอชี้ มันมีรอยเปียกอยู่จริง แต่มองอย่างไรก็ไม่ใช่รอยมือ
“โอ้โห!!!”
เฉินหยาง เซี่ยวหนาน และคนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา ก่อนจะมองไปยังฟางต้าเฉิงด้วยรอยยิ้ม สามารถมองเห็นสิ่งที่พวกเขาต้องการได้โดยดูจากสายตา
แต่นี่กลับทำให้ใบหน้าของฟางต้าเฉิงแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม กระทั่งเอ่ยวาจาอย่างโง่เขลาออกมา
“ไม่..ไม่ใช่ ไม่ใช่ฉัน...”
“อะไร?!!”
ก่อนที่ฟางต้าเฉิงจะกล่าวจบ เจ้าหัวล้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ตบโต๊ะดังฉาดแล้วคำรามออกมา
“เจ้าสารเลวกล้าแตะต้องหน้าอกผู้หญิงของข้าเรอะ?!!! แกอยากตายใช่ไหม? พี่น้อง รุมมันเลย!!!”
คนกว่าสิบคนออกเคลื่อนไหวในทันที ทั้งหมดล้วนฉวยหยิบจับสิ่งของเช่นขวดเบียร์ แล้วทำตามคำสั่งของเจ้าอ้วน พวกมันเริ่มใช้ของเหล่านั้นกับฟางต้าเฉิง
ฉินฟางและพวกที่เหลือเริ่มเป็นกังวล พวกเขายังคงเป็นนักศึกษา แม้ว่าจะเคยพบเห็นการต่อสู้ของเหล่าคนอันธพาลมาก่อนแล้ว แต่ครั้งนี้เป้าหมายกลับเป็นพวกเขา หากจะบอกว่าไม่กลัวเลยก็บ้าไปแล้ว
โชคดีที่พวกเขายังคงอดทน ไม่ทอดทิ้งฟางต้าเฉิงเพียงเพราะการคุกคามข่มขู่ของเหล่าคนอันธพาล กลับกันพวกเขาดึงฟางต้าเฉิงมาอยู่ข้างๆแล้วล้อมไว้ ขณะที่ทุกผู้คนได้รับสัญญาณเตือน
“ทำไมไม่ให้พวกเราจ่ายเงินแทนล่ะ?”
เซี่ยวหนานเป็นลูกคนรวย และเคยใช้อำนาจในมือข่มขู่ผู้คนมาก่อน ถึงอย่างไร นี่ไม่ใช่ถิ่นเขา และคนที่อยู่ข้างๆก็ไม่ใช่บอดี้การ์ด แต่เป็นเพื่อนร่วมห้องของเขา มีเพียงเฉินหยางผู้สูง190เซนติเมตร ที่ดูเหมือนจะต่อสู้ได้บ้าง ที่เหลือล้วนตัวเล็กเตี้ยไปหมด
เซี่ยวหนานมองไปยังศัตรู ชายหัวล้านนั้นมีกล้ามเป็นมัดๆ แขนนั้นโป่งพองเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ แม้ว่าลูกน้องจะไม่มีกล้ามเท่ามัน แต่ก็มีรูปร่างกำยำ และต่อยตีบ่อย สายตาของพวกมันล้วนแหลมคมกว่ากลุ่มของฉินฟาง
เห็นความแตกต่างในด้านการต่อสู้ได้อย่างชัดเจน เซี่ยวหนานจึงเลือกแก้ไขปัญหาด้วยเงินแทนที่ เขาไม่มีปัญหาเรื่องเงิน ทั้งยังไม่อยากให้ตัวเขาและผองเพื่อนได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
ใบหน้าของฉินฟางกลับกลายเป็นดำคล้ำ และรู้สึกว่าเรื่องราวนี้ไม่จบง่ายๆอย่างแน่นอน แต่เมื่อมองไปยังฝ่ายตรงข้ามที่กำลังร้อนเป็นไฟ การเสนอเงินให้ดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และเขาต้องการเจรจาต่อรองด้วย
“เดี๋ยวก่อน!!!”
ก่อนที่ฉินฟางจะเริ่ม ก็มีใครบางคนพูดขัดเสียก่อน
“พี่หู อย่าเพิ่งวู่วาม! นี่เป็นที่สาธารณะ พี่จะต่อยตีเพียงเพราะอยากต่อยตีได้อย่างไรกัน ฉันคิดว่าพวกนี้ก็แค่คนบ้านนอกคอกนา ไม่เคยเห็นสาวสวยอย่างฉันมาก่อน นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมมันถึงได้หาญกล้ามาลวนลามฉัน!!!”
ถ้อยคำเหล่านั้นทำให้ใบหน้าของฟางต้าเฉิงจากแดงกลายเป็นเขียวคล้ำแทนที่ กำหมัดแน่น เส้นเลือดบนใบหน้าปูดโปน เขากำลังข่มตัวเองอย่างหนัก
“แล้วนี่มันอะไรกัน? ฉันควรจะได้รับค่าเสียหาย แต่ฉันกลับไม่ได้อะไรเลย ถูกต้องไหม? พวกนายต้องจ่ายฉันมาสำหรับ...เอ่อ...มันคืออะไรนะ?”
หญิงบริการเริ่มร้องของเงินด้วยความจองหอง แต่เธอกลับลืมคำที่จะพูด คิดอยู่นานก็ยังคิดไม่ออก จึงหันไปถามลูกน้องที่อยู่ข้างๆ
“ของบำรุงความอ่อนเยาว์!!!”
ลูกน้องผู้นี้ยิ้มให้อย่างขมขื่น มันเคยพบเจอคนบ้ามาก่อน แต่ไม่ใช่คนที่บ้าขนาดนี้ ถึงอย่างไร มันก็ต้องให้คำตอบกับเธอ และเมื่อมองไปยังเจ้านายของมัน ใบหน้ากลับกลายเป็นหม่นหมองเพราะการแสดงออกอันน่าอับอายของหญิงขายบริการ
“โอ้ ใช่! ของบำรุงความอ่อนเยาว์ของฉัน!”
หญิงขายบริการกลับไม่รู้สึกอับอายใดๆ ยังคงเรียกร้องอย่างเย่อหยิ่งต่อไป
เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ฉินฟางก็มองเห็นแผนของพวกมันแล้ว คนเหล่านี้ตั้งใจวางแผนมาเพื่อรีดไถเงินจากพวกเขามานานแล้ว และฟางต้าเฉิง “คนลวนลาม” ที่หญิงสาวผู้นั้นวางกับดักไว้ เขาเป็นคนซื่อเกินไป อีกทั้งใช้ภาษาได้ไม่ดีนัก เขาต้องการจะพูดความจริงทั้งหมด แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
แต่ในเมื่อพวกมันต้องการรีดไถเงิน มันก็ไม่สนใจว่าคุณจะพูดอะไรออกมา
“พวกเราจะจ่าย! ผมจะจ่ายให้คุณหนึ่งหมื่นดอลลาร์ ถือว่าไม่มีเรื่องราวระหว่างพวกเราอีกแล้ว!!!”
ในขณะที่ฉินฟางกำลังหาทางออก เซี่ยวหนานก็ไม่อาจอดทนรอได้อีกต่อไป เขาหยิบเงินสดออกมาจากกระเป๋าใบเล็กแล้วกระแทกเงินฟ่อนนั้นลงบนโต๊ะ อีกทั้งเผลอเปิดเผยให้เห็นเงินก้อนอื่นๆที่มีอยู่ด้วย
ชายหัวล้านผู้เห็นฉากนี้ก็รู้สึกประหลาดใจ แววตาเต็มไปด้วยความโลภ ฉินฟางมองเห็นสายตาของมัน แล้วจึงสบถคำ “บัดซบ!” ในใจ
“เดี๋ยวก่อน!!!”
“รอก่อน!!!”
ทั้งฉินฟางและชายหัวล้านแทบจะพูดออกมาในเวลาเดียวกัน ทำให้ทั้งสองสะดุ้งตกใจเล็กน้อย
“เจ้าสารเลวคิดว่าผู้หญิงของข้ามีไว้ขายหรือไร? คิดจะจบเรื่องราวด้วยเงินแค่นี้หรือ? ไม่มีทาง!!! ถ้าหากวันนี้แกจ่ายด้วยราคาอันน้อยนิด ข้าก็จะส่งเจ้าวายร้ายผู้นั้นไปสถานีตำรวจ!!! ข้าจะฟ้องร้องข้อหาพยายามข่มขืน!!!”
ชายหัวล้านไม่ใช่คนที่จะคุยด้วยได้ ก่อนที่ฉินฟางจะได้พูดอะไร มันก็พลันตะโกนข่มขู่เสียก่อน
“ถูกต้องแล้ว! มันพยายามจะข่มขืนฉัน!!!”
หญิงขายบริการก็ไม่ได้โง่เช่นเดียวกัน อะไรที่มันเกี่ยวข้องกับเงิน เธอพร้อมจะสนับสนุน แม้ว่าเธอไม่เห็นเงินก้อนในกระเป๋าของเซี่ยวหนาน แต่อย่างน้อยเธอก็สรุปได้จากการที่เซี่ยวหนานโยนเงินออกมาโดยไม่สนใจอะไร แปลว่าเซี่ยวหนานต้องเป็นคนที่รวยมากอย่างแน่นอน
เมื่อหัวหน้าออกมาทำให้เรื่องราวบานปลายขึ้น เธอผู้เป็นผู้หญิงของชายหัวล้าน จึงต้องช่วยเหลือด้วยเช่นกัน ดังนั้น “อาชญากรรม” ของฟางต้าเฉิงจึงขยายจากลวนลามกลายเป็นข่มขืน
“หุบปาก!!!”
ฟางต้าเฉิงไม่อาจอดทนได้อีกแล้ว เขาคำรามและทิ้งหมัดลงบนโต๊ะข้างๆอย่างหนักหน่วง แกร๊ก แกร๊ก! โต๊ะไม้แท้ข้างๆเขาแตกกระจายเป็นชิ้นๆ
ด้วยการแสดงออกเช่นนี้ทำให้ทุกผู้คนต่างตะลึง พวกเขาอ้าปากเหวอมองไปที่โต๊ะ แล้วสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง โดยเฉพาะผู้คนที่อยู่ฝ่ายชายหัวล้าน พวกมันก้มลงมองดูอาวุธในมือ ก่อนที่จะค่อยๆวางมันลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง
ชายหัวล้านก็กลัวเช่นกัน โต๊ะนี้นับว่ามีคุณภาพไม่น้อย ทนทานมาก แค่ตอนนี้มันก็ตบโต๊ะมาหลายครั้งแล้ว และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มันเจ็บมือ แต่โต๊ะก็ยังปกติดี มันคาดว่าต่อให้มันใช้กำปั้น ก็ยังไม่รู้ว่าจะสามารถสร้างรอยร้าวได้หรือไม่ ฟางต้าเฉิงนั้นดูไม่แข็งแรงเลยสักนิดแต่กลับทำลายโต๊ะได้ด้วยหมัดเดียวเท่านั้น
มันอดไม่ได้ที่จะจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกมันต่อยตีกัน ถ้าหมัดนั้นกระทบโดนตัว กระดูกเขาจะต้องหักในทันทีเป็นแน่
ฉินฟางก็ตกใจเช่นกัน สถานการณ์ตรงหน้านับว่าอยู่เหนือความคาดหมายของเขาไปมากโข พลันนึกขึ้นได้ว่าฟางต้าเฉิงมีเลเวลสาม ระดับเดียวกันกับโจรหลบหนีทั้งสองคนนั้น แม้ฉินฟางไม่เคยสู้กับโจรหลบหนีอย่างจริงจังมาก่อน แต่พวกมันกลับสามารถสู้เสมอกันกับหนิงอวี่โม่ผู้อยู่เลเวลสี่ กล่าวได้ว่าพวกมันแข็งแกร่งจริงๆ
“พวกเจ้า... พวกเจ้า...!!!”
ทุกผู้คนคิดว่าฟางต้าเฉิงจะเริ่มแสดงอำนาจ ขณะนี้เขาเดือดดาลจนไม่มีใครเทียบได้ เผชิญหน้ากับฝูงชนที่กำลังหวาดกลัว พูดตะกุกตะกักอีกครั้ง เขากล่าว “พวกเจ้า” ซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ไม่สามารถพูดอะไรต่อได้...
ชายหัวล้านนั้นเตรียมตัวที่จะรับเงินก้อนเล็กๆแล้วจากไป พวกเขากล่าวกันว่า คนก้าวร้าวไม่กลัวคนไม่โต้ตอบ แต่กลับก้าวร้าวมากยิ่งขึ้นทั้งยังได้เปรียบด้านกำลังคนอีกด้วย แต่การพบเจอกับคนเช่นฟางต้าเฉิงนั้น หากต้องต่อยตี แม้ว่าพวกมันจะชนะ ก็ต้องแลกมาด้วยความสูญเสียอันมากมาย ทุกผู้คนจะต้องได้รับบาดเจ็บหนักเป็นแน่
ฟางต้าเฉิงก็ยังคงไม่สามารถพูดออกไปได้ตามต้องการอีกครั้ง ทำให้ใจที่สั่นรัวของชายหัวล้านค่อยๆสงบลง
ในเวลานี้ ผู้จัดการของร้านจึงมาถึงในที่สุด แม้ว่าจะสายไปเล็กน้อยก็ตามที
“ทุกท่านได้โปรดค่อยๆพูดจากัน...พี่หู ไว้หน้าฉันแล้วค่อยพูดค่อยจากัน!”
“ค่อยพูดค่อยจาอันใดกัน!! เจ้าสารเลวนั้นมันหยอกล้อผู้หญิงของข้า ถ้าพวกมันไม่ให้ตามที่ข้าต้องการ ข้าก็จะไม่ปล่อยพวกมันไป!!!”
อาจเป็นเพราะการแสดงอันน่ากลัวของฟางต้าเฉิง น้ำเสียงของชายหัวล้านอ่อนลงไปมาก กระทั่งไม่กล้ากล่าวว่าฟางต้าเฉิงพยายามข่มขืนอีกต่อไป
“แล้วแกต้องการอะไร?”
แม้ว่าฟางต้าเฉิงจะไม่สามารถสำแดงอำนาจออกมาได้ แต่เขาก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้ด้วยหมัดเดียวเท่านั้น ฉินฟางรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นแล้ว และเอ่ยถามชายหัวล้านด้วยรอยยิ้ม
“ง่ายดายนัก ให้เงินข้า สองหมื่นดอลลาร์”
ชายหัวล้านรู้ดีว่ามันไม่ควรกระตุ้นให้กลุ่มฉินฟางโกรธ อีกทั้งยังมีเซี่ยวหนานถังเงินถังทอง มันจึงร้องขอจำนวนเงินมากขึ้นเท่านั้น
“ไม่....มีปัญหา!!!”
ฉินฟางต้องการจะกล่าวคำ ไม่ แต่เซี่ยวหนานกลับกระทุ้งใส่เขาเบาๆ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากกล่าวคำ ไม่มีปัญหา ในท้ายที่สุด
“แล้วก็ ข้าไม่ชอบเอ็งมาก! ข้าอยากจะท้าดวลกับเอ็ง!”
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าชายหัวล้านผู้นี้ไม่ยอมให้เรื่องราวจบลงอย่างง่ายดาย ทั้งยังหาเรื่องเพิ่มอีกจนได้