ตอนที่แล้วตอนที่ 51   ตำรวจสาวผู้ชอบใช้ความรุนแรงที่เลเวลไม่อาจทราบได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 53   หนุ่มบริสุทธิ์ผู้เป็นอมตะ

ตอนที่ 52   รถจักรยานความเร็วสูง


ตอนที่ 52   รถจักรยานความเร็วสูง

 

ผู้แปล  :  ThreeSwords

ปรับสำนวน  :  ThreeSwords

 

 

ฉินฟางรู้สึกประหลาดใจกับเลเวลของหนิงอวี่ม่อที่สูงมากจริงๆ  มันสูงยิ่งกว่าใครคนไหนที่เขาเคยพบไปไกลโข

 

จากนั้นเขาก็มองไปยังเรือนร่างที่ไร้ตำหนิของหนิงอวี่ม่อ  ฉินฟางมองไม่เห็นเลยว่าเธอจะแข็งแกร่งกว่าคนอื่นได้ยังไง  หรือเป็นเพราะเธอชอบใช้ความรุนแรงงั้นเหรอ?

 

คำตอบของคำถามนี้  ไม่มีใครที่สามารถบอกฉินฟางได้

 

ตอนนี้ฉินฟางก็ไม่มีเวลามาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน  เขายังคงปั่นต่อไปและใช้แรงปั่นมากยิ่งขึ้น  ซึ่งส่งผลให้รถจักรยานเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ

 

< ความเร็ว +3 >

 

< ความเร็ว +4 >

 

< ความเร็ว +8 >

 

นอกจากทำการปั่นแล้ว  ฉินฟางก็ทำการประเมินรถจักรยานของเขาเป็นครั้งคราว  เขาเห็นความเร็วของมันเพิ่มขึ้นจากตั้งต้นที่ 0 ไป +8 ในไม่กี่นาที  และยังคงเพิ่มขึ้น

 

ภาพทิวทัศน์สองฝั่งถนนผ่านไปอย่างรวดเร็ว  และสายลมอันอ่อนโยนก็พัดผ่านใบหน้า  ซึ่งนี่ช่วยบรรเทาความอ่อนล้าที่เขารู้สึกได้จากการปั่นจักรยานอย่างหนักได้เล็กน้อย  แต่ลมนี่ก็พัดเหงื่อเขาปลิวไปด้วยเช่นกัน!

 

“พวกมันไปอยู่ที่ไหนกันนะ?...”

 

ตอนแรกหนิงอวี่ม่อก็ไม่ได้สังเกตความเร็วของรถจักรยานที่กำลังนั่งอยู่  สายตาของเธอสับเปลี่ยนไปมาระหว่างสองฝั่งถนน  เห็นได้ชัดว่ากำลังมองหาผู้หลบหนีสองคนนั่น  เธอจึงไม่พบว่ารถจักรยานกำลังเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ!

 

“ว้าย!  เร็วจัง?!”

 

ความสนใจของหนิงอวี่ม่อเปลี่ยนจากการมองหาพวกคนหลบหนีมายังฉินฟางหลังจากผ่านไปสักพัก  เพราะเธอตระหนักได้ว่ารถจักรยานกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงมากประมาณ 120 km/h และเร็วมากยิ่งขึ้น

 

“นี่... นี่ยังเป็นรถจักรยานอยู่อีกเหรอ?”

 

ตอนนี้หนิงอวี่ม่อรู้สึกเป็นกังวลจริงๆ  ทั้งๆ ที่รถสปอร์ตซึ่งเธอขับก่อนหน้านี้มีความเร็วที่สูงเกินกว่า 300 km/h  ประกอบกับความเชื่อมั่นในทักษะการขับขี่ของตัวเอง  จึงทำให้เธอไม่รู้สึกเกรงกลัวเลย

 

อย่างไรก็ตามในเวลานี้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังนั่งอยู่บนเรือลำเล็กในมหาสมุทรที่คลื่นลมแรง  ราวกับว่าเรือกำลังจะล่มได้ตลอดเวลา

 

แต่เธอก็ไม่ได้นั่งอยู่บนเรือจริงๆ ทว่าเป็นรถจักรยานคันหนึ่ง  ที่มีความเร็วเกินกว่า 160 km/h ไปแล้ว  ถ้าฉินฟางทำอะไรผิดพลาดแม้เพียงนิดเดียวแล้ว  คนทั้งสองก็จะลอยออกไปด้วยความเร็วสูง  และผลที่ได้ไม่ต่างไปจากโดนรถชนล้มลงเลย

 

ลมเย็นพัดผ่านไปอย่างรวดเร็ว  และหนิงอวี่ม่อที่สวมใส่เสื้อผ้าบางเบาก็รู้สึกสดชื่นขึ้นจากความเย็นนี้  แต่ในเวลานี้แผ่นหลังของเธอผู้ไม่เคยเกรงกลัวอะไรกลับเย็นปานน้ำแข็ง  และรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับเทพเจ้าแห่งความตาย

 

เธอรู้สึกกลัว  รู้สึกกลัวจริงๆ!

 

เธอเคลื่อนตัวเข้าไปหาฉินฟางเล็กน้อย  และใช้มือดึงชายเสื้อของเขาให้แน่นมากขึ้น  แต่ดูเหมือนเธอจะคิดว่าเสื้อของฉินฟางไม่แข็งแรงพอ  ก็เลยเปลี่ยนไปจับข้างลำตัวของเขาแทน

 

การเปลี่ยนแปลงวิธีการจับนี้ทำให้ฉินฟางสะดุ้งตกใจเล็กน้อย  และเผลอใช้แรงมากขึ้นเนื่องจากอารามตกใจ  ความเร็วก็เลยยิ่งสูงขึ้น

 

ตอนนี้ใบหน้าของหนิงอวี่ม่อก็ค่อนข้างแดงเช่นกัน  นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตยี่สิบกว่าปีของเธอที่ได้สัมผัสกับผู้ชายอย่างใกล้ชิดเช่นนี้

 

“เอ่อ... ฉินฟาง  นายปั่นให้ช้าลงหน่อยได้มั้ย?”

 

หลังจากลังเลอยู่สักพัก  หนิงอวี่ม่อก็อดไม่ได้ที่จะขอให้ฉินฟางปั่นช้าลง

 

“เสี่ยวหนิงเจีย  เกรงว่าผมจะทำให้ไม่ได้  ความเร็วในตอนนี้มันสูงเกินไป  ผมไม่สามารถชะลอรถจักรยานได้ในทันที  ไม่งั้นมันอาจจะคว่ำได้!”

 

ที่ความเร็วเกิน 160 km/h  ถ้าฉินฟางเบรครถขึ้นมาจริงๆ แล้ว  พวกเขาทั้งสองน่าจะลอยถลาออกไปแน่นอน!

 

*******

 

“ลุงหลิว  พวกเราไปล่วงเกินใครหรือเปล่าครับ?  ถึงได้ถูกมอบหมายให้มาตั้งด่านในที่เปลี่ยวและร้อนเช่นนี้  ดูสิครับ  ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงยังมีรถผ่านที่นี่ไม่ถึงสิบคันด้วยซ้ำ  แล้วจะให้พวกเราไปจับใคร?!  กระทั่งแอร์รถยังเสีย!  โธ่เอ้ย... ผมกำลังจะร้อนตายอยู่แล้ว”

 

ตำรวจสองนายที่กำลังเหงื่อหยดนั้นนั่งอยู่ในรถตำรวจซึ่งจอดอยู่ข้างถนน  หน้าต่างรถทั้งหมดล้วนถูกเปิดออก  และถืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับวัดความเร็วไว้ในมือ  เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังจะดักจับพวกที่ขับรถเร็วเกินกำหนด  ส่วนคนที่ตอนนี้กำลังบ่นอยู่นั้นเป็นนายตำรวจที่อายุน้อยกว่า

 

“พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะ  เพราะเมื่อถนนสายนี้เปลี่ยว  มันก็ง่ายในการดักจับคนที่ขับรถเร็วเกินกำหนดไง!”

 

ตำรวจที่แก่กว่าพูดจากประสบการณ์

 

“ถนนสายนี้จำกัดความเร็วไว้ที่ 100 km/h  แต่ถ้าให้มาขับรถที่ถนนนี่  จะทำความเร็วได้ขนาดไหนกันนะ?”

 

“ครับ!  ผมเข้าใจแล้ว  ขิงแก่ย่อมเผ็ดกว่าจริงๆ!”  (เปรียบเปรยผู้ใหญ่สูงอายุสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้รวดเร็วและดีกว่า  เนื่องจากสั่งสมประสบการณ์มามากแล้ว)

 

ตำรวจที่หนุ่มกว่าตระหนักได้ในทันที  บนถนนไม่ค่อยมีผู้คนเช่นนี้  แถมสภาพพื้นผิวยังคงดีอยู่  ถ้าไม่ขับด้วยความเร็วสูงแล้วย่อมเป็นเรื่องที่น่าเสียดายกับเส้นทางซิ่งรถที่ดีเช่นนี้  ถึงถนนสายนี้จะถูกจำกัดความเร็วเอาไว้  แต่ก็รับประกันความเร็วของคนส่วนใหญ่ที่ขับรถผ่านได้!

 

*ฟ้าว*

 

ในช่วงเวลานี้เอง  ก็มีเงาดำสายหนึ่งวิ่งผ่านรถตำรวจของพวกเขาไป  และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับวัดความเร็วก็เริ่มส่งเสียงบี๊ปๆ

 

“ฮิฮิ  ลูกค้ามาแล้ว...”

 

ตำรวจที่เด็กกว่ายิ้มในทันที  ขณะที่กำลังจะขับรถไล่ตามเขาก็ตะลึงงัน  เพราะเผลอไปมองที่หน้าจอแสดงผลของเครื่องวัดความเร็วในมือ  ซึ่งตรวจวัดความเร็วได้ 177 km/h  เห็นได้ชัดว่าความเร็วนั้นเกินกว่าที่กำหนดไว้    แต่เขายังคงลองเอามือเคาะเครื่องนั่นดู  เนื่องจากคิดว่ามันอาจจะเสีย

 

“เอ่อ... ลุงหลิว!  จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดของลุง  เคยเห็นรถจักรยานวิ่งเร็วกว่า 160 km/h มั้ย?”

 

ตำรวจที่เด็กกว่าลังเล  และก็ถามคำถามนั้นออกมา

 

“ดูที่หน้าจอแสดงผลให้ดีๆ  พล่ามเรื่องเหลวไหลอะไรออกมา?”

 

ตำรวจแซ่หลิวกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่  ก็เลยไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้  ดังนั้นเขาจึงว่ากล่าวนายตำรวจที่เด็กกว่าในลักษณะติดตลก

 

“ไม่นะครับ  ผมพูดเรื่องจริง!  ลุงลองดูด้วยตัวเองเลย...”

 

นายตำรวจคนที่เด็กกว่ายิ้มหน้าเหยเก  พร้อมกับชี้ไปที่ร่างของฉินฟางและหนิงอวี่ม่อซึ่งกำลังซิ่งไปกับจักรยาน  จากนั้นก็ชี้มายังหน้าจอแสดงผลของเครื่องวัดความเร็ว

 

“เฮ้ย!  หมอนั่นเป็นสัตว์ประหลาดแบบไหนกัน!”

 

นายตำรวจที่แก่กว่าก็ตกใจมากเช่นกัน  รถจักรยานตรงหน้ากำลังปั่นด้วยความเร็วสูงจริงๆ  และไม่ได้ช้าไปกว่ารถสปอร์ตเลย

 

“แสดงว่าต้องเป็นนักปั่นมืออาชีพ...”

 

หลังจากที่ใคร่ครวญเล็กน้อย  เขาจึงคิดว่าต้องเป็นนักปั่นมืออาชีพกำลังฝึกซ้อมอยู่ที่นี่  เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก  จากนั้นก็กลับไปอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ

 

“ฉินฟาง  ฉันคิดว่าพวกเราควรจะหยุดรถได้แล้วนะ  หัวของฉันมึนไปหมดแล้ว...”

 

จริงๆ แล้วความเร็วของรถจักรยานกำลังจะลดลง  แต่การหยุดที่ความเร็ว 177 km/h จำเป็นต้องใช้ระยะทางที่ค่อนข้างไกล  นอกจากนี้ฉินฟางเองก็ตั้งใจลดความเร็วลงให้ช้าที่สุดเท่าที่เป็นไปได้เพราะสัมผัสที่ได้รับจากหนิงอวี่ม่อ  แต่เธอก็พูดบ่นออกมาเนื่องจากกัดฟันทนไม่ไหวแล้ว

 

“อืม...  โอเค...”

 

ฉินฟางไม่มีทางเลือกได้แต่พยักหน้าตอบตกลง  เขาเองก็ได้เอาเปรียบหนิงอวี่ม่อมาพอสมควรแล้ว  จึงไม่ควรที่จะทำแบบนี้อีกต่อไป

 

“เสี่ยวหนิงเจีย  ดูข้างหน้า!  ใช่พวกที่หลบหนีคดีสองคนนั้นหรือเปล่า?”

 

ในช่วงเวลานี้เอง  ฉินฟางสังเกตเห็นชายสองคนกำลังเตรียมตัวที่จะวิ่งเข้าไปภูเขา  ก็เลยชี้บอกหนิงอวี่ม่อทันที

 

“ใช่แล้ว!  พวกนั้นแหละ!  รีบตามไปเร็ว!”

 

หลังจากหนิงอวี่ม่อทำการมองตรวจสอบ  ก็พบว่าเป็นสองคนที่กำลังตามหาอยู่จริงๆ  ทำให้เธอไม่สนใจเรื่องความเร็วอีกต่อไปแล้ว  และสั่งให้ไล่ตามพวกนั้นไปอย่างเร็วปานสายฟ้า

 

 

……………………………..

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด