ตอนที่ 49 อุบัติเหตุรถยนต์
ตอนที่ 49 อุบัติเหตุรถยนต์
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
ในอาคารใกล้กับทางเข้ารีสอร์ท ดวงตาคู่หนึ่งกำลังจะพ่นไฟออกมาเนื่องความโกรธที่บังเอิญเห็นท่าทางสนิทสนมของถังเฟยเฟยกับฉินฟาง
“นายน้อยเฟิง ท่านต้องการให้กระผมส่งไป๋เหล่าซานไปจัดการกับเจ้าสารเลวแซ่ฉินมั้ยขอรับ?”
คนอ้วนหลี่ยังคงยืนอยู่ข้างหลี่เฟิง วันนี้มีแต่เรื่องวุ่นวายและมันต้องการที่จะแก้ตัว จึงไม่มีทางเลือกที่ต้องติดตามหลี่เฟิงมา เพราะกลัวว่าถ้าเกิดโชคร้ายขึ้นอีกครั้ง หลี่เฟิงอาจจะฟ้องมันกับพ่อของเขา และนั่นคือจุดจบของอาชีพการงานมัน
ไป๋เหล่าซานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของรีสอร์ท นอกจากนี้มันยังมีชื่อเสียงที่ไม่ดี ไร้ความปรานี และมีข่าวลือว่ามันเคยฆ่ามาสองสามคนแล้ว แต่ประวัติของมันตอนนี้ก็ขาวสะอาด และได้รับตำแหน่งในรีสอร์ทผ่านเส้นสายบางอย่าง จึงอาจนับได้ว่าการมาอารักขารีสอร์ทเป็นการหลบซ่อนตัว
ถ้าให้คนที่มาหลบซ่อนตัวอย่างมันจะจัดการกับฉินฟางแล้ว ก็จะไม่มีฉินฟางอีกต่อไป นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเอฟเฟนดี้ถึงได้กลัวหลี่เฟิงมาก เพราะเขาทำงานในรีสอร์ทแห่งนี้มาสองสามปี และเคยได้เห็นงานสกปรกที่ไป๋เหล่าซานกับพวกทำ เอฟเฟนดี้จึงไม่สงสัยเลยว่าเขาจะกลายเป็นศพถ้าทำให้หลี่เฟิงขุ่นเคือง
“แกมันไร้สมองไปแล้วเรอะ?”
หลี่เฟิงฉุนเฉียวในทันที
“ข้าเพิ่งจะมีเรื่องกับฉินฟาง ถ้าส่งคนไปจัดการฉินฟางทันที ถังเฟยเฟยจะไม่รู้หรือไงว่าคนสั่งการคือข้า? พวกสมองหมู!”
“ขอรับ ขอรับ ขอรับ... กระผมมันสมองหมู กระผมมันสมองหมู...”
คนอ้วนหลี่พร่ำดุด่าตัวเอง แต่มันก็จับได้ถึงความแตกต่างเล็กน้อยในคำพูดของหลี่เฟิง ดังนั้นมันจึงก้มหน้าต่ำและรอคอยคำสั่งที่หลี่เฟิงจะให้กับมันต่อไป
“ส่งไป๋เหล่าซานไปทดสอบฉินฟางหน่อยสิ... เมื่อเร็วๆ นี้ดูเหมือนว่ามันจะอหังการซะเหลือเกิน ให้ชาวบ้านอย่างมันรู้บ้างว่าบางคนก็ไม่อาจทำให้โกรธได้!”
ตามที่คาดไว้ หลี่เฟิงเงียบอยู่สักพักก่อนจะให้คำสั่งใหม่กับคนอ้วนหลี่
“รับทราบขอรับ! นายน้อยเฟิง กระผมจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวังแน่!”
ในขณะที่อีกด้านหนึ่งของฉินฟางกับถังเฟยเฟย
สุดท้ายแล้วคนหนึ่งขี่จักรยานกลับบ้าน และอีกคนหนึ่งเรียกรถให้ไปส่ง ใครบอกให้ฉินฟางประหยัดเกินไปล่ะ จนไม่ยอมทิ้งจักรยานไว้ที่นี่
การกล่อมให้ถังเฟยเฟยทำตามที่เขาขอนั้นง่ายมาก เธอเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาที่นี่อยู่แล้ว และสิ้นเรี่ยวแรงกับเรื่องที่เกิดขึ้นในงานวันนี้ด้วย เธอรู้สึกไม่สบายใจและไม่เต็มใจที่จะให้ฉินฟางปั่นจักรยานกลับ แต่เธอก็พ่ายแพ้ต่อความเหนื่อยล้าและความดื้อดึงของฉินฟาง ก็เลยต้องเรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งบ้าน ส่วนฉินฟางตอนนี้ก็กำลังเดินทางกลับด้วยรถจักรยาน ซึ่งสาเหตุแท้จริงที่เขาต้องการขี่กลับทั้งๆ ที่ถังเฟยเฟยชวนให้นั่งรถไปด้วยกันนั้น เพราะเขายังต้องการเพิ่มค่าประสบการณ์ของทักษะ [คร่อมขี่]
หลังจากการแข่งขันทำบาร์บีคิว สุดท้ายฉินฟางก็สามารถเข้าใจพลังของทักษะที่ความชำนาญแตกต่างกัน ที่ความชำนาญระดับเริ่มต้น ทักษะจะแสดงพลังที่เหนือกว่ามืออาชีพทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าทักษะขึ้นสู่ความชำนาญระดับกลางแล้ว พลังที่แสดงออกมาก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
มือใหม่ในการทำบาร์บีคิวอย่างฉินฟางสามารถเอาชนะแชมป์บาร์บีคิวสามสมัยได้ ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไปกระทั่งผีสางอาจยังไม่เชื่อเลย
แต่เรื่องเหลวไหลเช่นนี้ก็เกิดขึ้น และสาเหตุก็คือทักษะระดับกลางของฉินฟาง [ศิลปะการปรุงอาหาร]
“24.4%... ดูเหมือนว่าผมต้องไปขี่จักรยานทุกวันก่อนเปิดร้านซะแล้ว...”
คุณสมบัติพิเศษแบบไหนกันที่ทักษะ [คร่อมขี่] ระดับกลางมีนะ? ตอนนี้ฉินฟางยังไม่รู้แน่ชัด แต่ในขณะที่ค่าประสบการณ์ของทักษะสูงขึ้น เขาก็ตระหนักได้ว่าความเร็วในการปั่นนั้นมากขึ้น และแม้กระทั่งขาของเขาก็แข็งแรงขึ้น
“ได้ผลขนาดนี้เชียว?”
ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งๆ ที่ค่าประสบการณ์แตกต่างกันแค่เล็กน้อย แต่ฉินฟางก็พบว่าความรู้สึกตอนที่กำลังขี่กลับนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับตอนแรกที่เขาปั่นไปลานบาร์บีคิว
ขาของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ด้วยการออกแรงปั่นเบาๆ เขาก็สามารถแสดงพลังได้มากกว่าการออกแรงปั่นเต็มที่ในช่วงที่เดินทางมายังลานบาร์บีคิว และรถจักรยานก็พุ่งไปข้างหน้าเร็วราวกับลูกธนู
“หรือเป็นเพราะว่าการที่ตัวละครเพิ่มระดับ?”
รถจักรยานพุ่งไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง และความเร็วค่อนข้างสูง แต่ฉินฟางยังไม่ได้ใช้เรี่ยวแรงอะไรมากเลย ในขณะที่เขากำลังคิดหาเหตุผล ก็สรุปได้ว่ามีเพียงเหตุผลเดียวที่น่าเชื่อถือคือตัวเขาที่เลเวลเพิ่มขึ้น
“ความแข็งแรง +5 ความคล่องแคล่ว +5… มันต้องเป็นเพราะค่าสถานะสองอย่างนี้”
ฉินฟางใคร่ครวญเกี่ยวกับค่าสถานะของเขาที่เลเวล 1 และมีเพียงความแข็งแรงกับความคล่องแคล่วที่จะทำให้เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วเหมือนในตอนนี้ หลังจากลังเลอยู่สักพัก ฉินฟางก็หยุดปั่นจักรยานและทำการลองยกจักรยานที่น้ำหนักนั้นไม่เบาเลยขึ้นด้วยสองมือ
*อึ๊บ~*
ฉินฟางไม่ได้รู้สึกว่ามันมีน้ำหนักมากเลย จักรยานที่หนักอย่างน้อยสิบกิโลกรัมถูกเขายกขึ้นได้อย่างง่ายดาย ฉินฟางกระทั่งลองเอานิ้วเกี่ยวจักรยานขึ้น และพบว่าไม่ได้รู้สึกถึงการออกแรงใดๆ เลย
“เบามาก?”
ฉินฟางขมวดคิ้วเล็กน้อย เขานึกย้อนกลับไปตอนที่จับจักรยานนั่นครั้งแรก ดูเหมือนว่าเขาต้องใช้แรงมากกว่าในตอนนั้น
“ดูเหมือนว่ายังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมไม่เข้าใจจนถึงเดี๋ยวนี้...”
ชัดเจนว่าค่าความแข็งแรง +5 ทำให้ฉินฟางแข็งแกร่งมากขึ้น แต่จะไปถึงระดับไหนนั้นยังคงไม่สามารถวัดได้ในตอนนี้ ซึ่งจากที่เห็น ฉินฟางนั้นแข็งแรงกว่าแต่ก่อนแน่ๆ ส่วนข้อดีแบบไหนที่จะได้จากความแข็งแรงนี้ ฉินฟางก็ยังคงไม่ทราบเช่นกัน
*ครืด~!*
ในขณะที่ฉินฟางกำลังขึ้นคร่อมจักรยานและทำการปั่นกลับต่อไป ทันใดนั้นรถสปอร์ตที่วิ่งมาอย่างเร็วคันหนึ่งก็ปรากฏขึ้นด้านหลังเขา ความเร็วของรถที่วิ่งมาสูงมาก และเมื่อมันทำการดริฟท์ก็จะให้เสียงครูดที่แหลมบาดหูออกมา
“เหี้ยไรวะเนี่ย เจ้าหมอนั่นรู้จักวิธีการขับรถจริงๆ ไหมฟะ?! ไม่ช้าไม่นานก็คงจะเกิดอุบัติเหตุ!”
ฉินฟางรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก รถที่เร่งมาเร็วคันนี้วิ่งเฉียดเขาไป และถ้ามันขยับเข้ามาใกล้ฉินฟางอีกเล็กน้อย เขาคงต้องโบกลาชีวิตนี้ไปแล้ว ซึ่งสังคมในยุคปัจจุบันมันเป็นเช่นนั้น คนรวยแต่ไร้ความรับผิดชอบมีจำนวนมากเกินไป
*ครืด~!*
อย่างไรก็ตามก่อนที่ฉินฟางจะยืนได้อย่างมั่นคง ในครั้งนี้รถอีกคันหนึ่งก็เร่งตรงมาที่เขาจากด้านหลัง ฉินฟางที่ค่อนข้างตื่นตัวอยู่แล้ว ทันทีที่เขาได้ยินเสียงรถก็รีบยกจักรยานและกระโดดหลบไปข้างถนนทันที ซึ่งนั่นเป็นเพียงวิธีเดียวที่เขาสามารถทำได้เพื่อไม่ให้โดนชนโดยรถที่วิ่งมาเร็วและใกล้ตัวเขามากกว่ารถคันแรก
“เฮ้อ พวกลูกคนรวย... ผมหวังว่าพวกนั้นจะไม่ไปชนคนอื่นนะ...
เมื่อมองไปยังรถที่วิ่งมาเร็วทั้งสองคัน ฉินฟางก็รู้สึกเศร้าใจ เหตุการณ์เช่นนี้มีมากมายในปัจจุบัน คุณแทบไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าถูกรถชนล้มขณะที่กำลังเดินอยู่บนถนน
*โครม!*
แต่ในขณะที่ฉินฟางกำลังยืนยันว่าจะไม่มีคนขับรถโดยประมาทโผล่ขึ้นมาอีก และเตรียมที่จะออกเดินทางต่อไป เสียงชนก็ดังขึ้นจากด้านหน้าของเขา
เขายกหัวขึ้นและมองไปข้างหน้า ก็พบว่ารถที่ซิ่งมาคันที่สองนั้นวิ่งไล่ทันรถคันแรกและกระแทกกันอย่างหนักหน่วง ดังนั้นรถทั้งสองคันจึงแกว่งไปมาอย่างแรงในทันที
“อุ๊ก! สมพรปากแล้วตรู...”
หน้าของฉินฟางแสดงอาการอึ้งไปในทันที ในขณะที่เขากำลังพูดว่าพวกนั้นน่าจะเกิดอุบัติเหตุ ก็เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ทั้งที่ยังผ่านไปไม่ถึงสองนาที หลังจากลังเลอยู่สักพัก เขาก็ตัดสินใจเข้าไปที่เกิดเหตุ การมองดูคนอื่นตายไม่ใช่นิสัยของเขา และต้องมีใครสักคนที่ควรโทรแจ้งตำรวจ
……………………………..