ตอนที่ 47 เมื่อฝุ่นหายตลบ
ตอนที่ 47 เมื่อฝุ่นหายตลบ
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
*เปรี้ยง*
เมื่อผลการแข่งขันถูกประกาศ หลี่เฟิงก็เขวี้ยงโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ผลิตจำนวนจำกัดซึ่งราคาไม่ถูกเลยลงบนโต๊ะหิน
แม้ว่าโทรศัพท์รุ่นนี้จะมีความคงทนพอสมควร แต่เมื่อปะทะกับโต๊ะหินด้วยการเขวี้ยงอย่างแรงเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่โทรศัพท์เครื่องนี้จะลงไปอยู่สุสานอิเล็กทรอนิกส์ การกระทำนี้ทำให้แผ่นหลังของคนอ้วนหลี่อยู่ด้านข้างกลายเป็นเย็นเฉียบ
ทั้งๆ ที่เมื่อครู่นี้นายน้อยยังรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากจากการประจบสอพลอของเขา แต่จะให้ทำยังได้ล่ะ เพราะพวกเขาสามารถทำได้เพียงวางแผนตอนที่แข่งขันเท่านั้น แต่ไม่สามารถวางแผนฉากจบได้
ชัยชนะนั้นอยู่ในกำมือของพวกเขาแล้วแท้ๆ แต่จู่ๆ ก็เกิดเหตุขัดข้องขึ้นจนกลายเป็นว่าชัยชนะที่สมควรตกอยู่ในมือของพวกเขาก็ถูกคว้าเอาไปในเวลาไม่ช้าไม่นาน พวกนั้นชนะอย่างท่วมท้น ซึ่งคล้ายกับเป็นการเหยียบย่ำและถ่มน้ำลายใส่หลี่เฟิง
คนอ้วนหลี่รู้สึกกลัวก็จริงแต่เขาก็ไม่ได้โง่ เพราะถ้าจะให้พูดถึงเรื่องสาเหตุของความพ่ายแพ้แล้ว มันไม่ได้เกิดจากคุณลุงที่มีน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์ซึ่งดูเป็นคนใจดีและซื่อตรงคนนั้น ที่เอฟเฟนดี้แพ้เนื่องจากความสามารถสู้ฉินฟางไม่ได้ ทั้งคนอ้วนหลี่และหลี่เฟิงได้ลองกินอาหารของฉินฟางแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันอยู่คนละระดับเมื่อเทียบกับของเอฟเฟนดี้
ถ้าอาหารของเอฟเฟนดี้ดีกว่าแล้ว พวกเขาก็ไม่ต้องมาทนรับการโห่ร้องของผู้คนและเล่นใต้โต๊ะเยี่ยงนี้ แต่น่าเสียดายที่อุบายของคนหรือจะสู้สวรรค์ลิขิต พวกเขาได้รับกรรมไปในทันทีสำหรับการกระทำชั่ว
“นายน้อยเฟิง...”
ไม่ว่าตอนนี้คนอ้วนหลี่จะรู้สึกเกรงกลัวขนาดไหน ก็ยังมีสิ่งที่เขาต้องทำและเรื่องที่เขาต้องพูด ดังนั้นจึงแข็งใจไว้และร้องเรียกหลี่เฟิงในท้ายที่สุด
“บอกให้เจ้านั่นไสหัวไป!”
ตอนนี้หลี่เฟิงกำลังถูกแผดเผาจากเปลวเพลิงของโทสะ แต่เมื่อมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่รอบตัวฉินฟางแล้ว ต่อให้เขาอยากจัดการฉินฟางเดี๋ยวนี้ ก็ไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน จากนั้นก็มองไปยังเอฟเฟนดี้ที่นิ่งอึ้งไปจนเหมือนกับไอ้โง่ ภาพของเอฟเฟนดี้ทำให้ความโกรธของหลี่เฟิงปะทุขึ้นมาอีกรอบ และตัดสินใจที่จะระบายความโกรธใส่มันแทน
“ขอรับ ครับ ครับท่าน... กระผมจะดำเนินการให้เดี๋ยวนี้”
คนอ้วนหลี่จะไม่ยอมทำตามได้ยังไง? การไล่เอฟเฟนดี้ออกนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะความเสียหายของลานบาร์บีคิวแห่งนี้อย่างมากที่สุดก็แค่เสียเชฟมือดีไป นอกจากนี้ทันทีที่เอฟเฟนดี้แพ้การแขงขัน ตำแหน่งแชมป์บาร์บีคิวสามสมัยของเอฟเฟนดี้ก็ไม่อาจนำมาใช้เรียกลูกค้าได้อีกแล้ว ดังนั้นคนอ้วนหลี่จึงยินยอมที่จะไล่เอฟเฟนดี้ออกแต่โดยดี และหามือดีคนอื่นมาเป็นเชฟหลักแทน
ตราบเท่าที่ปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองได้ คนอ้วนหลี่ยินดีที่จะทำทุกอย่างให้นายน้อยคนนี้
“เอฟเฟนดี้ แกแพ้การแข่งขัน และเงื่อนไขของการแข่งขันครั้งนี้ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ตอนนี้ให้แกไปที่ฝ่ายการเงินและรับเงินเดือนงวดสุดท้ายซะ”
คนอ้วนหลี่ไม่กล้าที่จะอยู่ใกล้กับหลี่เฟิงซึ่งกำลังโกรธเกรี้ยว เลยไปทำการไล่เอฟเฟนดี้ออกในทันที
“ผู้จัดการหลี่...”
เอฟเฟนดี้ร้องเรียกคนอ้วนหลี่และทำสายตาให้ดูน่าสงสาร คล้ายกับว่าอยากจะขอร้องให้คนอ้วนหลี่ช่วย และต้องการอยู่ที่นี่ต่อไป
โชคร้ายที่คนอ้วนหลี่ไม่กล้าให้โอกาสใดๆ กับเอฟเฟนดี้ เขานึกในใจว่า “ถ้าแกอยู่แล้ว ฉันคงถูกกวาดออกจากที่นี่ไปแทน”
“ไม่ต้องพูดต่อแล้วเอฟเฟนดี้ พวกเราทำงานด้วยกันมานานหลายปี และฉันเองก็ดูแลแกมาอย่างดี...”
คนอ้วนหลี่ตบไหล่เอฟเฟนดี้เบาๆ และพูดอย่างจริงใจว่า
“… แต่อย่างที่แกเห็น นายน้อยเฟิงตอนนี้กำลังควันออกหู ถ้าแกอยากที่จะเป็นศพลอยอยู่ในแม่น้ำพรุ่งนี้จริงๆ แล้ว แกก็เข้าไปร้องขอความเมตตาได้ แค่อย่าลากฉันเข้าไปเกี่ยวกับแกด้วย...”
ด้วยคำพูดเหล่านี้ เอฟเฟนดี้ถึงกับงงงัน ตอนแรกคนอ้วนหลี่ทำท่าเหมือนจะเจรจาต่อรองให้กับเอฟเฟนดี้ แต่สุดท้ายเขาก็ยังไล่เอฟเฟนดี้ออกอยู่ดี ถึงแม้จะมีคำพูดช่วงท้ายที่คล้ายกับให้ทางเลือกกับเอฟเฟนดี้แล้วก็ตาม
เอฟเฟนดี้ไม่ใช่คนโง่ และเขาก็รู้ชะตากรรมของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
ฝั่งที่เอฟเฟนดี้ยืนอยู่นั้นบรรยากาศช่างเงียบเหงาและน่าหดหู่ ส่วนทางฝั่งของฉินฟางนั้นมีความสุขและปีติยินดีมากมาย ความเหลื่อมล้ำนี้ทำให้เอฟเฟนดี้เกิดความโกรธในทันที และเผลอเอามือไปหยิบแท่งเหล็กเสียบ ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความเป็นศัตรูและมุ่งร้าย
“เอฟเฟนดี้ นี่ที่ทำงานของฉัน ไว้หน้าฉันบ้าง และอีกอย่างหนึ่งนะ... ไม่ใช่ที่นี่”
อย่างไรก็ตามในขณะที่กำลังจะทำการเคลื่อนไหว ไหล่ของเอฟเฟนดี้ก็ถูกกดไว้ด้วยมืออ้วนใหญ่ข้างหนึ่ง คนอ้วนหลี่ส่ายหน้าและคำพูดของเขาสื่อความหมายชัดเจนว่า แกสามารถทำอะไรที่ต้องการได้หลังไปจากที่นี่ แต่... ไม่ใช่ที่นี่
“ก็ได้ ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับการดูแลทั้งหมดตลอดหลายปี ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ถ้ามีโอกาสได้เจอกันครั้งหน้า ข้าขอเลี้ยงเหล้าคุณสักแก้ว”
เอฟเฟนดี้ผงกหัว และในขณะที่กำลังคุยกันนั้นเขาก็เริ่มเก็บข้าวของตัวเองอย่างไร้คนคอยช่วยเหลือ ลานบาร์บีคิวนี้ถือได้ว่าเป็นสถานที่แห่งความเศร้าของเอฟเฟนดี้ไปแล้ว เพราะเขาถูกขอให้ไสหัวไปจากที่นี่ สำหรับนักรบแล้ว มันคือความอับอายขายหน้าไม่ใช่หรือ?
พอคิดถึงตรงนี้ เอฟเฟนดี้ก็มองไปยังฉินฟางจากระยะไกลด้วยดวงตาที่ดำมืด แสดงให้เห็นถึงความเกลียดชังอันล้ำลึกในขณะที่ทำการเก็บข้าวของ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังความคุมความรู้สึกของตัวเองไว้ และออกไปจากลานบาร์บีคิว
“ฉินฟาง เอฟเฟนดี้จากไปแล้ว แต่สายตาของเขามัน...”
โดยบังเอิญ สายตาของเอฟเฟนดี้ถูกสังเกตเห็นโดยถังเฟยเฟย และนั่นทำให้เธอสั่น จากนั้นก็พูดเตือนฉินฟางเรื่องเอฟเฟนดี้
“โอ้ โอเค”
ฉินฟางตอบรับอย่างเรียบง่าย และแอบมองไปยังร่างของเอฟเฟนดี้ที่กำลังลับสายตาไป
ถังเฟยเฟยยังคงนึกกังวล แต่สำหรับฉินฟางแล้วเขาไม่คิดมากอะไร ประชากรของเมืองหนิงไห่มีมากกว่าสิบล้านคน โอกาสที่พวกเขาจะได้เจอกันอีกครั้งท่ามกลางผู้มากมายนั้นมันช่างเล็กน้อยมากจริงๆ
การแข่งขันจบลงและทุกอย่างก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง ฉินฟางเพิ่งสังเกตเห็นว่าหลี่เฟิงไปจากลานบาร์บีคิวแห่งนี้แล้วหลังจากที่เขากินอาหารของตัวเองเสร็จ ส่วนถังเฟยเฟยกับเพื่อนในกลุ่มก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นที่จะอยู่ทำบาร์บีคิวอีกต่อไป เนื่องจากได้รับประทานบาร์บีคิวแสนอร่อยของฉินฟางแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงค่อยๆ ทยอยจากไป
อย่างไรก็ตามก็มีบางเรื่องที่น่าจดจำ อย่างเช่น ซุนซู แฟนของลี่เหยาค่อนข้างสนิทสนมกับฉินฟางมาก กระทั่งให้เบอร์ติดต่อของเขากับฉินฟางไว้ด้วย แถมยังพูดว่าฉินฟางสามารถโทรหาเขาได้ตลอดเวลาเมื่อไปที่หยางเฉิง
โชคร้ายที่ตัวของฉินฟางไม่มีโทรศัพท์ จึงไม่สามารถเก็บข้อมูลเบอร์ติดต่อของซุนซูไว้ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ถังเฟยเฟยเป็นคนบันทึกข่อมูลแทนเขา
“เสี่ยวฉิน ลุงก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน หลังจากที่ได้ทานอาหารร่วมกับพวกคนหนุ่มสาว ลุงรู้สึกเหมือนตัวเองหนุ่มขึ้นยี่สิบปี... นี่นามบัตรของลุง ถ้าเธอไปเมืองกวนเฉิงก็สามารถโทรขอให้ลุงช่วยได้โดยไม่ต้องเกรงใจนะ ลุงไม่กินอาหารของเธอฟรีๆ อยู่แล้ว!”
วันนี้คุณลุงที่ฉินฟางยังไม่รู้จักชื่อช่วยเหลือฉินฟางเป็นอย่างมากจริงๆ ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนนำกลุ่มแล้ว ฉินฟางก็คงไม่มีทางชนะได้ในท้ายที่สุด
แน่นอนว่าเหตุผลที่ฉินฟางชนะก็ยังเป็นเพราะความสามารถของตัวเอง ถ้าอาหารของเขาไม่ดีกว่าของเอฟเฟนดี้จริงๆ แล้ว ไม่ว่าคุณลุงจะอาจหาญขนาดไหนก็ตาม มันคงเป็นไปไม่ได้ที่สถานการณ์จะพลิกกลับ
“ขอบคุณครับ คุณลุง!”
ฉินฟางรับนามบัตรของคุณลุงมาอย่างมีมารยาท แต่เพียงแค่ชำเลืองอ่านดู ตัวของฉินฟางก็กลายเป็นแข็งทื่อ จากนั้นเขาก็มองไปยังคุณลุงที่มีสำเนียงเป็นเอกลักษณ์ซึ่งหันหลังเดินจากไปแล้วด้วยท่าทีตกใจ เนื่องจาก...
บนนามบัตรใบนั้นระบุชื่อกับตำแหน่งไว้ว่า : ลู่ฉางไห่, ประธานบริษัทกลุ่ม หลันเทียน ตงหลู่
ที่ด้านหลังนามบัตรมีเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อกับเขา แต่มันถูกเขียนด้วยลายมือและดูยุ่งเหยิงมาก ราวกับว่ามันถูกเขียนอย่างรีบเร่ง นี่แสดงให้ว่าคุณลุงปฏิบัติต่อฉินฟางดีขนาดไหน ถึงกับเดินมาไกลเพื่อให้เบอร์โทรศัพท์ของเขา
“หลันเทียนกรุ๊ป... ไม่บอกไม่รู้จริงๆนะเนี่ย...”
ถึงแม้ว่าฉินฟางจะอยู่คนละจังหวัดไกลจากเขตตงหลู่ แต่เขาก็ยังรู้จักชื่อเสียงของหลันเทียนกรุ๊ป หนึ่งในบริษัทเอกชนชั้นนำร้อยแห่งของประเทศ เป็นอันดับต้นๆ ของเขตตงหลู่ บริษัทแห่งนี้ทำธุรกิจหลายประเภท อุตสาหกรรมการผลิต บ้านจัดสรร โรงแรม ยาเวชภัณฑ์ การค้าและการพาณิชย์ เป็นต้น ทรัพย์สินรวมกันมีมูลค่าหลายพันล้าน
คุณลุงที่สวมเสื้อผ้าเรียบง่ายและเป็นคนที่เปิดเฟยตรงไปตรงมานั้น ไม่ได้มีบุคลิกที่โดดเด่นและกลิ่นอายของประธานบริษัทที่ประสบความสำเร็จควรจะมีเลย
……………………………..