ตอนที่ 46 พลิกกลับ
ตอนที่ 46 พลิกกลับ
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
หลี่เฟิงไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนอารมณ์ดี โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับผู้หญิง ซึ่งเขาจะไม่ยอมให้มีแม้แต่ข้อบกพร่องเดียว เขากับถังเฟยเฟยรู้จักกันมาอย่างยาวนาน จริงๆ แล้วคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก ครอบครัวของพวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างพูดบ่อยๆ ว่าถังเฟยเฟยคือภรรยาในอนาคตของเขา
นับแต่นั้นมาเป็นเวลากว่าสิบปี หลี่เฟิงก็ถือว่าถังเฟยเฟยเป็นคนของเขา
แต่สถานการณ์เหล่านั้นจู่ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก และการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนั้นเริ่มขึ้นเพราะฉินฟาง ในช่วงที่เรียนอยู่ชั้นมอปลายปีที่หก ฉินฟางกับถังเฟยเฟยมีปฏิสัมพันธ์กันหลายครั้งมาก แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องของการเรียน ดังนั้นในที่สุดหลี่เฟิงจึงไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์พวกนี้
แต่หลังจากการสอบเข้าระดับอุดมศึกษาเสร็จสิ้น จู่ๆ ถังเฟยเฟยก็วานให้เพื่อนนักเรียนชายในห้องที่ค่อนข้างสนิทกับฉินฟางให้ส่งจดหมายไปยังฉินฟาง โชคไม่ดีที่จดหมายนั้นถูกหลี่เฟิงสกัดไว้ และนั่นทำให้หลี่เฟิงรู้ว่าถังเฟยเฟยดูเหมือนจะมีความรู้สึกให้กับฉินฟาง เธออยากขอให้ฉินฟางพาไปออกเดท
เพราะจดหมายฉบับนั้นเอง ทำให้หลี่เฟิงโกรธสุดๆ เขารีบสั่งให้คนออกไปสืบเรื่องฉินฟาง และนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมฉินฟางถึงตกงานในท้ายที่สุด ตอนที่ฉินฟางโดนซ้อม จึงเป็นการปลดปล่อยความโกรธที่ถูกกักเก็บไว้ ซึ่งฉินฟางเกือบตายจากอุบัติเหตุในคราวนั้น
การโหวตยังคงดำเนินต่อไป และคะแนนโหวตของเอฟเฟนดี้ยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ส่วนอีกด้านหนึ่ง ฉินฟางก็ยังคงมีคะแนนโหวตเพียงน้อยนิด ความแตกต่างระหว่างคนทั้งสองจึงกว้างออกไปเรื่อยๆ ซึ่งมันทำให้สถานการณ์ของฉินฟางนั้นยิ่งล่อแหลมลงไปทุกที
“ทำไมคนพวกนั้นทำแบบนี้ล่ะ? ลงคะแนนให้ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ลองทานอาหาร...”
พอมองไปยังคนที่โหวตให้กับเอฟเฟนดี้ ถังเฟยเฟยก็หน้านิ่วคิ้วขมวด และพูดออกมาด้วยความโมโห รู้สึกอยากที่จะทุบตีคนพวกนั้นทั้งหมด
“เฟยเฟย ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก ถึงจะแพ้ก็แค่เรื่องเล็กน้อย”
ฉินฟางค่อนข้างมองโลกในแง่ดี และตอนนี้ก็กำลังทำบาร์บีคิวให้ตัวเองทาน ตั้งแต่มาถึงลานบาร์บีคิวแห่งนี้ นอกจากปีกไก่ที่ฉกมาจากเจ้าสารเลวที่สอนเขาทำบาร์บีคิวนั่นแล้ว เขายังไม่ได้ทานอะไรอีกเลย หลังจากจบการแข่งขัน เห็นได้ชัดว่าเขาหิว จึงฉวยโอกาสนี้เริ่มทำอาหารจำนวนมากและกินมันโดยไม่ได้สนใจอะไร เพราะทั้งหมดนี้เขาไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินสักเฟินเดียว
“ฮื่อ อร่อย!”
เมื่อฉินฟางได้ลองทานบาร์บีคิวของตัวเองครั้งแรก เขาก็ตกตะลึงกับความอร่อยของมัน หลังจากตั้งสติอยู่สักพัก เขาก็ถามคำถามถังเฟยเฟยเสียงเบา
“เฟยเฟย นอกจากทำราเม็งขายแล้ว ถ้าพวกเราทำบาร์บีคิวควบไปด้วย เธอคิดว่าธุรกิจของเราจะดีขึ้นไหม?”
ความคิดของเขาตอนนี้กำลังนึกถึงวิธีสร้างรายได้ให้มากขึ้น หลังจากที่ได้ทานบาร์บีคิวของตัวเอง เขารู้สึกว่ารสชาติของมันนั้นดีมากจริงๆ ซึ่งถ้าเขาทำบาร์บีคิวขายที่ร้าน ยอดขายจะต้องดีขึ้นแน่ๆ
“นายอยากตายหรือไง?!”
อย่างไรก็ตาม ถังเฟยเฟยคิ้วขมวดหลังจากได้ยินข้อเสนอของฉินฟาง เธอเริ่มตำหนิฉินฟางด้วยน้ำเสียงดุเล็กๆ
“นายไม่เห็นเหรอว่าพวกเรายุ่งขนาดไหนตอนที่ขายราเม็ง? ถ้านายอยากทำบาร์บีคิวขายเพิ่ม ไม่ใช่ว่ากำลังพยายามผลาญชีวิตตัวเองหรือไงยะ?”
“อุ๊ก! นั่นก็จริง... งั้นลืมที่พูดไปล่ะกัน...”
ฉินฟางสะดุ้งหลังจากได้ยินที่ถังเฟยเฟยพูด เป็นเรื่องจริงว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นเป็นการพยายามทำให้ตัวเองโหมงานหนักเกินไป จึงพยักหน้าเห็นด้วยตามความสัตย์ และล้มเลิกความคิดพวกนั้น
“หืมม? ฉินฟาง ดูสิ! นั่นคุณลุงกับเจ็ดพวกฉกอาหาร!”
ในขณะที่ฉินฟางกำลังคิดเกี่ยวกับวิธีการหาเงินเพิ่มโดยการใช้ทักษะ [ปิ้งย่าง] และในเวลาเดียวกันก็ไม่ทำให้ตัวเองเหน็ดเหนื่อยนั้น บางอย่างที่น่าตื่นตระหนกก็เกิดขึ้นในเหตุการณ์ลงคะแนนเสียง
เมื่อทุกคนรู้สึกว่าฉินฟางกำลังจะแพ้โดยไม่ต้องสงสัยแล้ว แฟนพันธุ์แท้กลุ่มแรกของฉินฟางสุดท้ายก็มาถึง อย่างไรก็ตามการมาถึงของพวกเขาให้ความรู้สึกกับผู้คนว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
“พี่น้องเอ้ย ถึงเวลาที่พวกเราจะลงมือแล้ว!”
หลังจากที่คุณลุงตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ แถวยาวสายหนึ่งก็เริ่มก่อตัวขึ้นข้างหลังเขา ทุกคนในมือถือบัตรลงคะแนนเสียงที่เตรียมเอาไว้นานแล้ว กระทั่งบางคนซึ่งก่อนหน้านี้ยืนอยู่ที่แถวโหวตของเอฟเฟนดี้ก็ยังมาร่วมด้วย
“ฉินฟาง”
“ฉินฟาง”
“ฉินฟาง”
…
หลังจากที่รวมกลุ่มกัน ก็ตามมาด้วยคุณลุงที่ลงคะแนนโหวตให้กับฉินฟางเป็นคนแรก ต่อจากนั้นก็เป็นคนที่เคยกินอาหารของฉินฟางเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาทุกคนใส่บัตรลงคะแนนเสียงลงในกล่องด้วยท่าทางที่ตื่นเต้น
พิธีกรที่รับผิดชอบในการขานชื่อผู้ได้รับคะแนนเสียงตอนนี้กำลังตื่นตกใจ เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์กำลังอยู่นอกการควบคุม และพอมองไปยังแถวลงคะแนนของฉินฟาง ก็ไม่น้อยไปกว่าแถวลงคะแนนของเอฟเฟนดี้เลย และคนเหล่านั้นล้วนโหวตให้กับฉินฟาง ทุกครั้งที่เขาขานชื่อฉินฟาง จำนวนเม็ดเหงื่อบนศีรษะของเขาก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ระยะห่างเดิมไม่กี่สิบเสียงถูกไล่เข้ามาในเวลาเพียงสามนาที และของฉินฟางก็ดูจะมากกว่าเล็กน้อยแล้วด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น เหล่ากรรมการที่ยังลังเลว่าจะโหวตให้ใคร ทันใดนั้นก็ตื่นตระหนกกับแถวที่เหยียดยาวนี้เช่นกัน
คนเหล่านั้นที่มาจากทุกชนชั้นอาชีพ และไม่ได้รู้จักซึ่งกันและกันมาก่อน แต่บัดนี้พวกเขาดูเหมือนกำลังจัดตั้งลัทธิขึ้น และรวมกลุ่มกันด้วยความสมัครใจของตัวเอง ซึ่งทำให้การชักจูงโดยชื่อเสียงของเอฟเฟนดี้นั้นแพ้ราบคาบไปในทันที
เรื่องนี้หมายความว่าอะไร?
นี่หมายความว่าบาร์บีคิวที่ฉินฟางทำนั้นอร่อยอย่างแน่นอน และเห็นได้ชัดว่าอร่อยกว่าของเอฟเฟนดี้ พอคิดถึงเรื่องน่าเคลือบแคลงที่จู่ๆ ก็ประกาศจบการแข่งขันและเริ่มโหวต ตอนนี้ทุกๆ อย่างดูกระจ่างชัดแล้ว
ในครั้งนี้ อาจเนื่องมาจากคนของหน่วยงานรัฐบาลเองก็โกงกินกันให้เห็นเยอะอยู่แล้ว ทุกคนจึงรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเพราะกระทั่งผู้จัดการแข่งขันยังคดโกง เมื่อมีโอกาสที่จะสั่งสอนและฉีกหน้าคนโกง คนพวกนี้ย่อมไม่ปล่อยไปแน่
ดังนั้นเหล่ากรรมการที่เดิมยังลังเลก็รู้ตัวเลือกของตัวเองในทันที พวกเขาหยิบบัตรลงคะแนนมาอย่างมั่นใจ และเข้าร่วมแถวยาวที่โหวตให้กับฉินฟาง
“76, 77… 85… 93!”
พิธีกรขานผลโหวตของฉินฟางอย่างไร้เรี่ยวแรง จำนวนกรรมการทั้งหมดในที่นี้คือ 143 คน ตอนแรกเริ่มเอฟเฟนดี้มีผลโหวตนำหน้าฉินฟางกว่าสี่สิบเสียง
แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากคุณลุงทิ้งระเบิด
ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที คะแนนโหวตของฉินฟางก็ทะยานขึ้นจากเลขหลักเดียวไปยัง 93 เสียงในท้ายที่สุด ส่วนเอฟเฟนดี้นั้นได้รับการโหวตเพียง 50 เสียง
93 ต่อ 50 เสียง
ผลออกมาแล้ว และฉินฟางก็พลิกกลับมานำในคราเดียว ทำให้ชนะไปอย่างท่วมท้น 43 เสียงเหนือเอฟเฟนดี้แชมป์บาร์บีคิวสามสมัยผู้มีชื่อเสียง
“เย้! พวกเราชนะ พวกเราชนะแล้ว!”
นับจากช่วงเวลาที่คุณลุงปรากฏตัวขึ้น ถังเฟยเฟยก็ตกตะลึงจนกลายเป็นงุงงน ยิ่งไปกว่านั้นการพลิกกลับในครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันจริงๆ กว่าที่ถังเฟยเฟยจะได้สติก็หลังจากประกาศผลไปแล้ว เธอร้องตะโกนอย่างเริงร่า กระทั่งกอดฉินฟางโดยไม่รู้ตัว
สัมผัสจากอ้อมกอดของถังเฟยเฟย ทำให้ฉินฟางรู้สึกว่าเลือดสูบฉีดไปทั่วร่างในทันที ในฐานะที่เป็นหนุ่มบริสุทธิ์ผู้ยังไม่ประสีประสากับผู้หญิง น้องชายตัวน้อยของฉินฟางจึงมีปฏิกิริยาขึ้นอย่างออกนอกหน้า...
……………………………..