ตอนที่ 45 เล่นใต้โต๊ะ
ตอนที่ 45 เล่นใต้โต๊ะ
ผู้แปล : ThreeSwords
ปรับสำนวน : ThreeSwords
การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป และคนจากฝั่งของเอฟเฟนดี้ก็มาบ่อยขึ้น กลุ่มคนที่อยู่คอยฉกอาหารก็ค่อยๆ ขยายขนาดด้วยเช่นกัน แต่หลังจากที่ฉินฟางกับถังเฟยเฟยทำการขอร้อง ประกอบกับความจริงที่กลุ่มแฟนพันธุ์แท้รู้ว่าต้องให้ฉินฟางได้รับการโหวตมากขึ้น พวกเขาจึงยกตำแหน่งของตัวเองให้อย่างไม่เต็มใจ
อย่างไรก็ตามถึงแม้สมาชิกจะเปลี่ยนไป พวกรอฉกอาหารก็ยังคงอยู่ แถวหน้ารอบๆ ฉินฟางเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุด และพวกนั้นไม่สนใจแม้กระทั่งควันไฟและน้ำมันกระเซ็นจากการทำบาร์บีคิวในบางครั้ง
ถ้ามันไม่เป็นเพราะฉินฟางมีถังเฟยเฟยอยู่ข้างๆ แล้ว สาวสวยบางคนคงพยายามใช้เสน่ห์ของตัวเองเพื่อให้ได้อาหารมาบ้าง
“เฟยเฟย ทำไมไม่ไปพักอยู่ด้านข้างล่ะ? ตรงนี้มันร้อนเกินไป...”
ในวันหนึ่งของฤดูร้อน ยิ่งมีคนอยู่มาเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนมากเท่านั้น ฉินฟางเห็นเสื้อผ้าของถังเฟยเฟยเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีปัญหา! ฉันยังยืนไหว”
ถังเฟยเฟยส่ายหน้าอย่างดื้อดึง
“ฉันเชื่อว่าพวกเราจะชนะในอีกไม่นานหลังจากนั้น... ฮิฮิ ดูสิว่าพวกนั้จะสู้กับพวกเรายังไง!”
ตอนที่ถังเฟยเฟยกำลังพูดอยู่นั้น ก็มีคนมาอยู่ที่ฝั่งของฉินฟางมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ฝั่งของเอฟเฟนดี้กลับมีคนลดน้อยถอยลง แม้แต่กรรมการตัดสินที่กำลังรออยู่ด้านนอกอย่างสูญเปล่าก็ใช้ความสัมพันธ์ของพวกเขาขอให้เพื่อนช่วยแย่งมาให้สองสามไม้
“นายน้อยเฟิง สถานการณ์ดูท่าจะไม่ดีแล้ว!”
การเปลี่ยนแปลงนี้ค่อนข้างเห็นได้ชัด และเหงื่อกำลังหยดลงมากจากหัวของคนอ้วนหลี่ ไม่ใช่เป็นเพราะอากาศร้อน แต่เป็นเหงื่อเหยียบเย็นจากสถานการณ์ซึ่งไม่เป็นไปตามที่คาด
“ส่งคนไปตรวจสอบสถานการณ์สิ...”
หน้าของหลี่เฟิงก็ดูไม่ดีเช่นกัน การแข่งขันที่ดูเหมือนอยู่ในกำมือ ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปในทิศทางที่ไม่เป็นตามคาดสำหรับเขา เอฟเฟนดี้ที่มีข้อได้เปรียบในเรื่องความนิยมก็ไม่ได้เหนือกว่ามาก และดูกระทั่งจะเริ่มเสียเปรียบแล้วด้วยซ้ำ
“ขอรับ!”
คนอ้วนหลี่พยักหน้าในทันที และจัดแจงให้คนของเขาเข้าไปปะปนในกลุ่มคน
เอฟเฟนดี้เองก็รู้สึกได้ว่าสถานการณ์ไม่ดี พอเห็นว่าความนิยมของเขาลดลงในขณะที่ฉินฟางกำลังร้อนแรง ถึงแม้ว่าเขาสามารถรักษาสถานะเดิมต่อไปได้พักใหญ่ แต่เขาก็เห็นความพ่ายแพ้ของตัวเองถ้าเวลาผ่านไปมากกว่านี้ ดังนั้นเขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย ฉินฟางให้ได้ชัดว่าเป็นมือใหม่ในการทำบารืบีคิว แล้วทักษะของเจ้าเด็กนั่นจะเปรียบกับเอฟเฟนดี้ที่ผ่านการทำบาร์บีคิวมาแล้วหลายปีได้ยังไง?
“ไปเอามาให้ข้าไม้หนึ่งสิ!”
หลังจากสั่งการผู้ช่วยที่อยู่ข้างเขาแล้ว เอฟเฟนดี้ก็ทำบาร์บีคิวต่อไปด้วยใจที่เป็นกังวล ความไม่สบายใจของเขาส่งผลกระทบต่อการทำอาหาร จนรสชาติไม่ได้ดีเหมือนเดิมอีกต่อไป ซึ่งคนที่ได้ชิมก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับมัน และหลังจากที่ลองทานอย่างรวดเร็ว พวกนั้นล้วนวิ่งไปยังฝั่งของฉินฟางที่เต็มไปด้วยผู้คน
“นายน้อยเฟิง!”
ไม่นานหลังจากนั้น ราวกับว่าฝูงชนกลายเป็นดงขวากหนาม ลูกน้องของคนอ้วนหลี่ที่พยายามตัดผ่านกลุ่มคนเข้าไป ก็นำบาร์บีคิวสองสามไม้ที่ได้หลังจากที่ต้องทนเจ็บปวดอย่างมากติดตัวมาด้วย
หลี่เฟิงหยิบมาไม้หนึ่ง และมองดูอาหารที่หน้าตาไม่สวย ในใจไม่เชื่อว่ามันจะดีกว่าของเอฟเฟนดี้ อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะได้รับรู้ในเรื่องที่สำคัญ ท้ายที่สุดเขาจึงกินมันลงไป
การระเบิดของรสชาติที่สามารถทะลวงผ่านหัวใจและอิ่มเอมใจแสดงออกมาในทันที รสชาติที่ทำให้หลี่เฟิงรู้สึกมึนเมาไปในทันใด เขาที่เคยได้กินอาหารเลิศรสทุกประเภทที่คนอื่นได้แต่จินตนาการถึง แต่บาร์บีคิวนี้ให้ความรู้สึกที่พิเศษกับเขา ความอร่อยเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของมัน คล้ายกับว่าการที่ได้ทานอาหารนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่นและสบายใจ
“โหวต เริ่มการโหวตในทันที!”
หลังจากที่งุนงงไปชั่วขณะ หลี่เฟิงก็ตะโกนบอกคนอ้วนหลี่ด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดในทันที
สถานการณ์ในตอนนี้เนื่องจากมีคนจำนวนมากคอยแก่งแย่งอาหารของฉินฟาง เลยมีคนจำนวนเล็กน้อยมากที่ได้ชิมอาหารของฉินฟางจริงๆ ถ้าทำการโหวตในเวลานี้แล้ว เอฟเฟนดี้ก็จะได้เปรียบ และพวกเขาก็จะมีโอกาสได้ชัยชนะ
คนอ้วนหลี่เข้าใจในแผนการของหลี่เฟิง จึงเรียกพิธีกรมาในทันทีและสั่งการเขาอย่างเคร่งเครียด เรื่องนี้เกี่ยวพันกับหน้าตาของทั้งคนอ้วนหลี่และลานบาร์บีคิวแห่งนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะลังเลแม้เพียงนิด
“จบการแข่งขัน! กรรมการทุกท่าน ได้โปรดกลับมายังพื้นที่ของพวกท่าน ผมจะประกาศให้เริ่มทำการโหวต ณ บัดนี้!”
พิธีกรยกไมโครโฟนขึ้นในทันทีและประกาศออกไมค์เสียงดัง
“เหี้ยไรวะเนี่ย ข้ายังไม่ได้กินเลย!”
“พวกนั้นกำลังกลั่นแกล้งฉินฟางใช่ไหม?”
“พวกนั้นกำลังพยายามทำอะไร? เล่นใต้โต๊ะงั้นเหรอ?”
เมื่อพิธีกรประกาศออกไมค์ กรรมการทั้งหลายก็อลหม่านในทันที พวกนั้นพูดไว้ชัดเจนว่ากรรมการทุกคนต้องลองทานอาหารทั้งของฉินฟางกับเอฟเฟนดี้ก่อนที่จะทำการโหวต ตอนนี้มีหลายคนที่ได้ลองทานแค่ของเอฟเฟนดี้ บางส่วนยังไม่ได้ลองทานของใครเลย แต่พวกเขากลับประกาศว่าการแข่งขันจบแล้วงั้นเหรอ?
“ทุกท่านได้โปรดเงียบก่อนครับ เวลานั้นมีจำกัด และการแข่งขันไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างไม่มีกำหนด อีกทั้งกรรมการเกือบทั้งหมดได้ทานอาหารของผู้เข้าแข่งขันทั้งคู่ไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้เราสามารถโหวตได้ ทุกท่านครับ กรุณาใส่บัตรลงคะแนนเสียงในกล่องของผู้เข้าแข่งขันที่ท่านต้องการจะโหวตให้ ชื่อของผู้ที่ได้รับการโหวตในบัตรลงคะแนนจะถูกขานเรียกโดยผู้ชำนาญการของทางเรา เพราะฉะนั้นมันจึงมีความเป็นธรรมและเสมอภาค”
เมื่อเผชิญกับเสียงโห่ร้องของฝูงชน พิธีกรยังคงไม่สะทกสะท้าน เพราะเขาพึ่งพาเงินเดือนที่ได้จากหลี่เฟิง ดังนั้นต่อให้พวกลูกค้าจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน พวกนั้นก็ไม่ได้จ่ายเงินเดือนให้กับเขา การถูกโห่ใส่จึงไม่ได้มีความหมายอะไร ตราบที่เขาทำหน้าที่อย่างเหมาะสมแล้ว ก็สามารถคาดหวังได้ถึงเงินตอบแทนที่จะเพิ่มขึ้น
“หน้าไม่อาย ช่างหน้าไม่อายจริงๆ!”
“เป็นธรรมและเสมอภาคห่าอะไรกัน!”
“เล่นใต้โต๊ะกระทั่งการแข่งขันเล็กๆ แบบนี้ เลวจนออกนอกหน้าจริงๆ!”
เสียงโห่ร้องดังขึ้นต่อเนื่องอย่างไม่หยุดหย่อน แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ที่คนเหล่านี้กำลังโห่ร้องไม่เพียงเพราะว่าพวกเขายังไม่ได้ลองกิน แต่เพราะพวกเขารู้สึกไม่พอใจแทนฉินฟางด้วยเช่นกัน
“ดูเหมือนว่ามันยากซะแล้วที่พวกเราจะชนะ...”
ฉินฟางหัวเราะอย่างขมขื่น เห็นได้ชัดว่าใครก็ตามที่มีอิทธิย่อมมีอำนาจ พวกเขาแข่งขันบนพื้นที่ของหลี่เฟิง ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนเอาเปรียบถ้าหลี่เฟิงต้องการจะทำ ฉินฟางไม่คิดว่าหลี่เฟิงจะหน้าไม่อายโดยใช้อำนาจในทางที่ผิดมากกว่าที่คาดไว้
“ฮึ่ม! ไม่รู้สึกละอายเลย! ฉินฟาง พวกเรายังมีคนหนุนอีกเยอะ ดังนั้นพวกเราจะไม่แพ้แน่!”
ถังเฟยเฟยร่วมโห่ใส่ในขณะที่มองไปยังหลี่เฟิง ในเวลาเดียวกันเธอก็ไม่ลืมที่จะเชียร์ฉินฟาง
ในเมื่อพิธีกรของการแข่งขันพูดอย่างนี้แล้ว กรรมการทั้งหลายจึงไม่มีทางเลือกนอกจากทำการจับกลุ่มคุยและรอให้ถึงคิวโหวตของพวกเขา ไม่มีการแข่งขันเพื่อดึงคะแนนโหวตอีกต่อไป ในขณะที่หลี่เฟิงเองก็ไม่เปิดโอกาสให้ฉินฟางได้ทำอย่างนั้น
การโหวตเริ่มต้นขึ้นแล้ว คนที่ไม่เคยลองทานอาหารของฉินฟางยังคงลังเล จนท้ายที่สุดพวกเขาก็โหวตให้กับเอฟเฟนดี้ ในเมื่อพวกเขาไม่รู้ว่ารสชาติอาหารของฉินฟางเป็นแบบไหน และอาหารของเอฟเฟนดี้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกเจริญอาหารอย่างแท้จริง
ภายในสองสามนาที คนที่โหวตให้กับเอฟเฟนดี้นั้นเกิน 20 คนไปแล้ว ในขณะคนที่โหวตให้กับฉินฟางนั้นสามารถนับได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว คนส่วนใหญ่ยังคงลังเล
“เฉียบแหลม นายน้อยเฟิง เป็นการลงมือที่เฉียบแหลมจริงๆ!”
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ คนอ้วนหลี่ก็เริ่มประจบสอพลอในทันที และหลี่เฟิงเองก็เห็นได้ชัดว่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก พอมองไปยังฉินฟางที่ยืนอย่างหมดท่าแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ยิ่งเฉิดฉายมากขึ้น
อย่างไรก็ตามจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นถังเฟยเฟยกำลังปลอบโยนฉินฟางอย่างนุ่มนวล ความพึงพอใจที่หลี่เฟิงรู้สึกก็สลายหายไปในทันทีโดยไร้ร่องรอย และสิ่งที่เหลืออยู่ในดวงตาของเขาคือเปลวเพลิงของความหึงหวง...
……………………………..