ตอนที่แล้วตอนที่ 44   มาทีหลังดังกว่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 46   พลิกกลับ

ตอนที่ 45   เล่นใต้โต๊ะ


ตอนที่ 45   เล่นใต้โต๊ะ

 

ผู้แปล  :  ThreeSwords

ปรับสำนวน  :  ThreeSwords

 

 

การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป  และคนจากฝั่งของเอฟเฟนดี้ก็มาบ่อยขึ้น  กลุ่มคนที่อยู่คอยฉกอาหารก็ค่อยๆ ขยายขนาดด้วยเช่นกัน  แต่หลังจากที่ฉินฟางกับถังเฟยเฟยทำการขอร้อง  ประกอบกับความจริงที่กลุ่มแฟนพันธุ์แท้รู้ว่าต้องให้ฉินฟางได้รับการโหวตมากขึ้น  พวกเขาจึงยกตำแหน่งของตัวเองให้อย่างไม่เต็มใจ

 

อย่างไรก็ตามถึงแม้สมาชิกจะเปลี่ยนไป  พวกรอฉกอาหารก็ยังคงอยู่  แถวหน้ารอบๆ ฉินฟางเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุด  และพวกนั้นไม่สนใจแม้กระทั่งควันไฟและน้ำมันกระเซ็นจากการทำบาร์บีคิวในบางครั้ง

 

ถ้ามันไม่เป็นเพราะฉินฟางมีถังเฟยเฟยอยู่ข้างๆ แล้ว  สาวสวยบางคนคงพยายามใช้เสน่ห์ของตัวเองเพื่อให้ได้อาหารมาบ้าง

 

“เฟยเฟย  ทำไมไม่ไปพักอยู่ด้านข้างล่ะ?  ตรงนี้มันร้อนเกินไป...”

 

ในวันหนึ่งของฤดูร้อน  ยิ่งมีคนอยู่มาเท่าไหร่ก็ยิ่งร้อนมากเท่านั้น  ฉินฟางเห็นเสื้อผ้าของถังเฟยเฟยเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้ว  จึงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วง

 

“ไม่มีปัญหา!  ฉันยังยืนไหว”

 

ถังเฟยเฟยส่ายหน้าอย่างดื้อดึง

 

“ฉันเชื่อว่าพวกเราจะชนะในอีกไม่นานหลังจากนั้น... ฮิฮิ  ดูสิว่าพวกนั้จะสู้กับพวกเรายังไง!”

 

ตอนที่ถังเฟยเฟยกำลังพูดอยู่นั้น  ก็มีคนมาอยู่ที่ฝั่งของฉินฟางมากขึ้นเรื่อยๆ  ในขณะที่ฝั่งของเอฟเฟนดี้กลับมีคนลดน้อยถอยลง  แม้แต่กรรมการตัดสินที่กำลังรออยู่ด้านนอกอย่างสูญเปล่าก็ใช้ความสัมพันธ์ของพวกเขาขอให้เพื่อนช่วยแย่งมาให้สองสามไม้

 

“นายน้อยเฟิง  สถานการณ์ดูท่าจะไม่ดีแล้ว!”

 

การเปลี่ยนแปลงนี้ค่อนข้างเห็นได้ชัด  และเหงื่อกำลังหยดลงมากจากหัวของคนอ้วนหลี่  ไม่ใช่เป็นเพราะอากาศร้อน  แต่เป็นเหงื่อเหยียบเย็นจากสถานการณ์ซึ่งไม่เป็นไปตามที่คาด

 

“ส่งคนไปตรวจสอบสถานการณ์สิ...”

 

หน้าของหลี่เฟิงก็ดูไม่ดีเช่นกัน  การแข่งขันที่ดูเหมือนอยู่ในกำมือ  ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปในทิศทางที่ไม่เป็นตามคาดสำหรับเขา  เอฟเฟนดี้ที่มีข้อได้เปรียบในเรื่องความนิยมก็ไม่ได้เหนือกว่ามาก  และดูกระทั่งจะเริ่มเสียเปรียบแล้วด้วยซ้ำ

 

“ขอรับ!”

 

คนอ้วนหลี่พยักหน้าในทันที  และจัดแจงให้คนของเขาเข้าไปปะปนในกลุ่มคน

 

เอฟเฟนดี้เองก็รู้สึกได้ว่าสถานการณ์ไม่ดี  พอเห็นว่าความนิยมของเขาลดลงในขณะที่ฉินฟางกำลังร้อนแรง  ถึงแม้ว่าเขาสามารถรักษาสถานะเดิมต่อไปได้พักใหญ่  แต่เขาก็เห็นความพ่ายแพ้ของตัวเองถ้าเวลาผ่านไปมากกว่านี้  ดังนั้นเขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย  ฉินฟางให้ได้ชัดว่าเป็นมือใหม่ในการทำบารืบีคิว  แล้วทักษะของเจ้าเด็กนั่นจะเปรียบกับเอฟเฟนดี้ที่ผ่านการทำบาร์บีคิวมาแล้วหลายปีได้ยังไง?

 

“ไปเอามาให้ข้าไม้หนึ่งสิ!”

 

หลังจากสั่งการผู้ช่วยที่อยู่ข้างเขาแล้ว  เอฟเฟนดี้ก็ทำบาร์บีคิวต่อไปด้วยใจที่เป็นกังวล  ความไม่สบายใจของเขาส่งผลกระทบต่อการทำอาหาร  จนรสชาติไม่ได้ดีเหมือนเดิมอีกต่อไป  ซึ่งคนที่ได้ชิมก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับมัน  และหลังจากที่ลองทานอย่างรวดเร็ว  พวกนั้นล้วนวิ่งไปยังฝั่งของฉินฟางที่เต็มไปด้วยผู้คน

 

“นายน้อยเฟิง!”

 

ไม่นานหลังจากนั้น  ราวกับว่าฝูงชนกลายเป็นดงขวากหนาม  ลูกน้องของคนอ้วนหลี่ที่พยายามตัดผ่านกลุ่มคนเข้าไป  ก็นำบาร์บีคิวสองสามไม้ที่ได้หลังจากที่ต้องทนเจ็บปวดอย่างมากติดตัวมาด้วย

 

หลี่เฟิงหยิบมาไม้หนึ่ง  และมองดูอาหารที่หน้าตาไม่สวย  ในใจไม่เชื่อว่ามันจะดีกว่าของเอฟเฟนดี้  อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะได้รับรู้ในเรื่องที่สำคัญ  ท้ายที่สุดเขาจึงกินมันลงไป

 

การระเบิดของรสชาติที่สามารถทะลวงผ่านหัวใจและอิ่มเอมใจแสดงออกมาในทันที  รสชาติที่ทำให้หลี่เฟิงรู้สึกมึนเมาไปในทันใด  เขาที่เคยได้กินอาหารเลิศรสทุกประเภทที่คนอื่นได้แต่จินตนาการถึง  แต่บาร์บีคิวนี้ให้ความรู้สึกที่พิเศษกับเขา  ความอร่อยเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของมัน  คล้ายกับว่าการที่ได้ทานอาหารนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่นและสบายใจ

 

“โหวต  เริ่มการโหวตในทันที!”

 

หลังจากที่งุนงงไปชั่วขณะ  หลี่เฟิงก็ตะโกนบอกคนอ้วนหลี่ด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดในทันที

 

สถานการณ์ในตอนนี้เนื่องจากมีคนจำนวนมากคอยแก่งแย่งอาหารของฉินฟาง  เลยมีคนจำนวนเล็กน้อยมากที่ได้ชิมอาหารของฉินฟางจริงๆ  ถ้าทำการโหวตในเวลานี้แล้ว  เอฟเฟนดี้ก็จะได้เปรียบ  และพวกเขาก็จะมีโอกาสได้ชัยชนะ

 

คนอ้วนหลี่เข้าใจในแผนการของหลี่เฟิง  จึงเรียกพิธีกรมาในทันทีและสั่งการเขาอย่างเคร่งเครียด  เรื่องนี้เกี่ยวพันกับหน้าตาของทั้งคนอ้วนหลี่และลานบาร์บีคิวแห่งนี้  ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะลังเลแม้เพียงนิด

 

“จบการแข่งขัน!  กรรมการทุกท่าน  ได้โปรดกลับมายังพื้นที่ของพวกท่าน  ผมจะประกาศให้เริ่มทำการโหวต ณ บัดนี้!”

 

พิธีกรยกไมโครโฟนขึ้นในทันทีและประกาศออกไมค์เสียงดัง

 

“เหี้ยไรวะเนี่ย  ข้ายังไม่ได้กินเลย!”

 

“พวกนั้นกำลังกลั่นแกล้งฉินฟางใช่ไหม?”

 

“พวกนั้นกำลังพยายามทำอะไร?  เล่นใต้โต๊ะงั้นเหรอ?”

 

เมื่อพิธีกรประกาศออกไมค์  กรรมการทั้งหลายก็อลหม่านในทันที  พวกนั้นพูดไว้ชัดเจนว่ากรรมการทุกคนต้องลองทานอาหารทั้งของฉินฟางกับเอฟเฟนดี้ก่อนที่จะทำการโหวต  ตอนนี้มีหลายคนที่ได้ลองทานแค่ของเอฟเฟนดี้  บางส่วนยังไม่ได้ลองทานของใครเลย  แต่พวกเขากลับประกาศว่าการแข่งขันจบแล้วงั้นเหรอ?

 

“ทุกท่านได้โปรดเงียบก่อนครับ  เวลานั้นมีจำกัด  และการแข่งขันไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างไม่มีกำหนด  อีกทั้งกรรมการเกือบทั้งหมดได้ทานอาหารของผู้เข้าแข่งขันทั้งคู่ไปแล้ว  ดังนั้นตอนนี้เราสามารถโหวตได้  ทุกท่านครับ  กรุณาใส่บัตรลงคะแนนเสียงในกล่องของผู้เข้าแข่งขันที่ท่านต้องการจะโหวตให้  ชื่อของผู้ที่ได้รับการโหวตในบัตรลงคะแนนจะถูกขานเรียกโดยผู้ชำนาญการของทางเรา  เพราะฉะนั้นมันจึงมีความเป็นธรรมและเสมอภาค”

 

เมื่อเผชิญกับเสียงโห่ร้องของฝูงชน  พิธีกรยังคงไม่สะทกสะท้าน  เพราะเขาพึ่งพาเงินเดือนที่ได้จากหลี่เฟิง  ดังนั้นต่อให้พวกลูกค้าจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน  พวกนั้นก็ไม่ได้จ่ายเงินเดือนให้กับเขา  การถูกโห่ใส่จึงไม่ได้มีความหมายอะไร  ตราบที่เขาทำหน้าที่อย่างเหมาะสมแล้ว  ก็สามารถคาดหวังได้ถึงเงินตอบแทนที่จะเพิ่มขึ้น

 

“หน้าไม่อาย  ช่างหน้าไม่อายจริงๆ!”

 

“เป็นธรรมและเสมอภาคห่าอะไรกัน!”

 

“เล่นใต้โต๊ะกระทั่งการแข่งขันเล็กๆ แบบนี้  เลวจนออกนอกหน้าจริงๆ!”

 

เสียงโห่ร้องดังขึ้นต่อเนื่องอย่างไม่หยุดหย่อน  แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร  ที่คนเหล่านี้กำลังโห่ร้องไม่เพียงเพราะว่าพวกเขายังไม่ได้ลองกิน  แต่เพราะพวกเขารู้สึกไม่พอใจแทนฉินฟางด้วยเช่นกัน

 

“ดูเหมือนว่ามันยากซะแล้วที่พวกเราจะชนะ...”

 

ฉินฟางหัวเราะอย่างขมขื่น  เห็นได้ชัดว่าใครก็ตามที่มีอิทธิย่อมมีอำนาจ  พวกเขาแข่งขันบนพื้นที่ของหลี่เฟิง  ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนเอาเปรียบถ้าหลี่เฟิงต้องการจะทำ  ฉินฟางไม่คิดว่าหลี่เฟิงจะหน้าไม่อายโดยใช้อำนาจในทางที่ผิดมากกว่าที่คาดไว้

 

“ฮึ่ม! ไม่รู้สึกละอายเลย!  ฉินฟาง  พวกเรายังมีคนหนุนอีกเยอะ  ดังนั้นพวกเราจะไม่แพ้แน่!”

 

ถังเฟยเฟยร่วมโห่ใส่ในขณะที่มองไปยังหลี่เฟิง  ในเวลาเดียวกันเธอก็ไม่ลืมที่จะเชียร์ฉินฟาง

 

ในเมื่อพิธีกรของการแข่งขันพูดอย่างนี้แล้ว  กรรมการทั้งหลายจึงไม่มีทางเลือกนอกจากทำการจับกลุ่มคุยและรอให้ถึงคิวโหวตของพวกเขา  ไม่มีการแข่งขันเพื่อดึงคะแนนโหวตอีกต่อไป  ในขณะที่หลี่เฟิงเองก็ไม่เปิดโอกาสให้ฉินฟางได้ทำอย่างนั้น

 

การโหวตเริ่มต้นขึ้นแล้ว  คนที่ไม่เคยลองทานอาหารของฉินฟางยังคงลังเล  จนท้ายที่สุดพวกเขาก็โหวตให้กับเอฟเฟนดี้  ในเมื่อพวกเขาไม่รู้ว่ารสชาติอาหารของฉินฟางเป็นแบบไหน  และอาหารของเอฟเฟนดี้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกเจริญอาหารอย่างแท้จริง

 

ภายในสองสามนาที  คนที่โหวตให้กับเอฟเฟนดี้นั้นเกิน 20 คนไปแล้ว  ในขณะคนที่โหวตให้กับฉินฟางนั้นสามารถนับได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว  คนส่วนใหญ่ยังคงลังเล

 

“เฉียบแหลม  นายน้อยเฟิง  เป็นการลงมือที่เฉียบแหลมจริงๆ!”

 

เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้  คนอ้วนหลี่ก็เริ่มประจบสอพลอในทันที  และหลี่เฟิงเองก็เห็นได้ชัดว่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก  พอมองไปยังฉินฟางที่ยืนอย่างหมดท่าแล้ว  รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ยิ่งเฉิดฉายมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตามจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นถังเฟยเฟยกำลังปลอบโยนฉินฟางอย่างนุ่มนวล  ความพึงพอใจที่หลี่เฟิงรู้สึกก็สลายหายไปในทันทีโดยไร้ร่องรอย  และสิ่งที่เหลืออยู่ในดวงตาของเขาคือเปลวเพลิงของความหึงหวง...

 

 

……………………………..

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด